บทที่ 1894
เดิมที วันนี้เฉียนหงเล่นมาหางานทำ และเธอก็ได้งานลูกจ้าง ชั่วคราวรายได้วันละหนึ่งร้อยหยวน
แต่ว่า หลังจากที่ได้คุยกันไม่กี่คำ เขาได้ยินมาว่าเฉียนหงเป็น
เคยเรียนมหาวิทยาลัยมาก่อน จึงให้เธอได้ทดลองงานแคชเชียร์
แคชเชียร์เป็นงานที่ไม่ถือว่าเหนื่อยมาก อีกทั้งรายได้วันละ หนึ่งร้อยห้าสิบหยวน มากกว่าจับกังห้าตั้งสิบหยวน ดังนั้น แน่นอนอยู่แล้วว่าเฉียนหงเป็นต้องตอบรับอย่างยินดี
ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ผู้จัดการต้องยอมให้เฉียนหงเช่นทำงาน ต่อไปอย่างแน่นอน แต่ถ้าเธอกล้ากันด่าลูกค้าที่เคาน์เตอร์ แคชเชียร์ ถ้าอย่างนั้นคนแบบนี้จะเก็บไว้ไม่ได้
ดีที่เธอแค่ล้อเล่นกับญาติของตนเอง เพราะฉะนั้นจึงไม่มีให้ ต้องนําหนิ
ดังนั้น ผู้จัดการจึงเอ่ยปากเตือนว่า “คุณต้องใส่ใจกับภาพ ลักษณ์ในที่ทํางาน ญาติของตัวเองก็อย่าล้อเล่นกันในที่ทำงาน แบบนี้ เข้าใจไหม?”
เฉียนหงเล่นรีบพยักหน้าหงิกหงัก แล้วพูดอย่างประจบ คุณ วางใจเถอะ จะไม่มีครั้งหน้าค่ะ!”
ผู้จัดการตอบรับอืม จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
เวลานี้เอง เชียวฉางควนเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “นี่ คุณเป็นผู้ จัดการของที่นี่ใช่ไหม?”
ผู้จัดการหันหลังกลับมา“ใช่ครับ ผมเอง”
เขียวฉางควนพูดอย่างเย้ยหยัน “ผมจะร้องเรียนคุณ! ผู้จัดการถามอย่างแปลกใจ”คุณจะร้องเรียนผม? ทำไมครับ?”
เขียวฉางควนชี้ไปที่เฉียนหงเย็น แล้วพูดอย่างโกรธเคือง “ลูก น้องที่อยู่ในการดูแลของคุณ ใช้คำพูดจู่โจมผม ก่นด่าด้วยวาจา เสียๆหายๆ แต่คุณกลับไม่สนใจและไม่ถามนี่เห็นได้ชัดว่า เป็นการบกพร่องต่อหน้าที่หรือปกติคุณรู้เห็นเป็นใจกับลูกน้อง ของคุณแบบนี้หรอ?”
ผู้จัดการพูดด้วยใบหน้าสงสัย “พวกคุณสองคนไม่ใช่ญาติกัน หรอครับ?”
เซียวฉางควนสบถ” ย! ใครเป็นญาติกับหล่อนไม่ทราบ?” ผู้จัดการไม่เข้าใจ แล้วชี้ไปที่เฉียนหงเล่น “หล่อนเป็นคนพูด เองหนิครับ!”
เชียวฉางควนพูดอย่างดูถูกหล่อนพูดอะไรคุณก็เชื่อฉันหรอ! ท่าคุณจะบกพร่องต่อหน้าที่จริงๆ พวกคุณสองคนน่ะสิเป็นญาติ กัน ไม่อย่างนั้นทำไมสมยอมกับหล่อนขนาดนี้ แล้วยังปกป้อง หล่อนอีก?!”
ผู้จัดการหัวใจหล่นวูบ จึงรีบเอ่ยถามอย่างร้อนใจ คุณครับ คุณกับเฉียนหงเย่นไม่ได้เป็นญาติกันหรอครับ?”
เขียวฉางควนเซิตปลายคางขึ้นสูงมาก แล้วพูดอย่างเย้ย หยัน แน่นอนว่าไม่ใช่ผมไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ!ผมมาซื้อของกับ ลูกเขย ต่อแถวมาครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงคิวพวกเรา สุดท้ายเธอ บอกว่าจะไปพักผ่อน ให้เราไปต่อแถวที่อื่น นี่มันจงใจหาเรื่อง ไม่ใช่หรอ? อีกทั้งเมื่อครู่ยังพูดหยาบคายกับเราอีก คุณน่าจะ ได้ยินใช่ไหม?!”
ผู้จัดการถึงกับกระวนกระวาย แล้วรีบมองไปทางเฉียนหงเป็น พลางถามว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นห้ะ? ถ้าเธอไม่พูดกับฉันให้รู้เรื่อง เธอก็ไม่ต้องทํางานแล้ว!
เฉียนหงเช่นถึงกับตกใจ!
เธอเห็นเซียวฉางควนกับเย่เฉิน ในใจของเธอจึงรู้สึกโกรธ โมโหเป็นฟืนเป็นไฟอย่างไม่รู้ตัว ดังนั้นจึงไม่สนใจอะไร ด่าเชียว ฉางควนไปหนึ่งฉาด
แต่คิดไม่ถึงว่า เซียวฉางควนจะร้องเรียนตนเองกับผู้จัดการ
นี่มันคือการทุบหม้อข้าวของตนเองไม่ใช่หรอ?!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอจึงรีบขอร้องอ้อนวอนว่า “ฉางควน นาย รีบพูดกับผู้จัดการหน่อยสิ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันเป็นพี่ สะใภ้ของนาย ถ้ามีตรงไหนฉันทำไม่ถูก ฉันขอโทษนะ แต่นาย อย่าเอางานของฉันมาล้อเล่นเลยนะ ถือว่าพี่สะใภ้ขอร้องนายล่ะ ได้ไหม?”
เซียวฉางควนถลึงตาใส่เธอ แล้วพูดกับผู้จัดการว่า “คุณดูสิ ยัง จะพูดไม่คิดตรงนี้อยู่อีก ผมแม่งไม่รู้จักหล่อนด้วยซ้ำ หล่อนอ้าปากก็บอกว่าเป็นพี่สะใภ้ของผม หุบปากก็บอกว่าเป็นพี่สะใภ้ ของผม ถ้าเป็นคุณ คุณรับได้ไหม?”
เฉียนหงเย่นรีบแก้ตัว”ผู้จัดการระคุณอย่าฟังเขาพล่ามนะคะ ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเขาจริงๆนะคะ!”
เขียวฉางควนมองไปที่ผู้จัดการคนนั้น แล้วตบไหล่เขาเบาๆ พลางถามเขาอย่างไร้ความรู้สึก “ถ้าผมบอกตอนนี้ว่า ผมเป็นพ่อ ของหล่อนจริงๆ คุณจะเชื่อไหม?”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ