ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 1593



บทที่ 1593

ความโกรธของนางาฮิโกะ อิโตะไม่ได้เกิดจากการเสแสร้ง หรือ ใจแคบ

ระยะนี้ เขารู้สึกแย่มาตลอด

อย่างแรกลูกสาวสุดที่รักของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้น

โคบายา ชิจิโร่ลูกเขย ในอนาคตของเขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับ จากนั้นตามมาติดๆ เขาก็ใช้เงินไป 4.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อ

เข้าถือหุ้นในบริษัทผลิตยาโคบายา

สัญญาเซ็นแล้ว เงินชำระแล้ว แต่ผลคือ โคบายา ชิอิจิโรจู่ๆก็ กลับมาและประกาศเพียงฝ่ายเดียวว่าสัญญาการลงทุนที่เขาลง นามไปนั้นไม่มีผลบังคับใช้

จากนั้น เย่เฉินก็กล่าวอย่างหนักแน่นว่า เงินจํานวน 4.5 พัน ล้านดอลลาร์นี้จะไม่โอนคืน นางาฮิโกะ อิโตะใช้ชีวิตมาจนปูนนี้ เขายังไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเด็กนี่ดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง จริงๆ บวกกับตระกูลซูจากเมืองจีนกำลังจะมาที่ญี่ปุ่นเพื่อพูดคุย เกี่ยวกับความร่วมมือ นางาฮิโกะ อิโตะคงแทบจะต้องการฆ่าเ เฉินในทันที

แต่เขาก็ยอมอดทนเป็นอย่างมากต่อการมาถึงของตระกูล จุดแรกของตระกูลซูเมื่อมาถึงโตเกียวไม่ใช่การมาพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือกับตน แต่กลับไปหาศัตรูคู่อาฆาตของตนอย่าง ตระกูลทากาฮาชิ

ช่วงเวลานี้ทำให้จิตใจของนางาฮิโกะ อิโตะพังทลายลง

เกิดอะไรขึ้น?

ทำไมช่วงนี้ตนถึงได้ประสบปัญหามากมายขนาดนี้?

หรือว่าตนจะต้องไปจุดธูปไหว้พระในวัด และทานอาหาร มังสวิรัติสักหลายวันหน่อยไหม?

ทานากะ โคอิจิเห็นเขาโกรธจัดก็ยืนนิ่งอยู่นานไม่กล้าเข้าไป

เอ่ยกล่อม

จนกระทั่ง นางาฮิโกะ อิโตะได้ระบายออกบ้างแล้ว ทานากะโค อิจิถึงค่อยขึ้นมาแล้วพูดว่า “ท่านประธาน เรื่องนี้คุณไม่ต้อง โกรธขนาดนั้นหรอกครับ ต่อให้ตระกูลซูจะติดต่อกับตระกูลทา กาฮาชิก่อนก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ผมได้รับข้อความจากพวก เขาแล้ว พวกเขาบอกว่ามะรืนนี้ตอนบ่ายจะมาเยี่ยมเยือนถึงหน้า ประตู พวกเราถือว่ายังมีโอกาสอยู่

นางาฮิโกะ อิโตะเอ่ยด้วยใบหน้าคร่ำเครียดว่า “เรื่องแบบนี้ การเลือกว่าจะไปเจอใครก่อนของตระกูลซูนั้นสำคัญมาก นี่ก็ เหมือนกับว่านายกำลังคบกับแฟนสาวที่อยู่โอซาก้า ขณะ เดียวกันก็มีงานที่ต้องไปโอซาก้าพอดี เมื่อนายไปโอซาก้า นาย จะเลือกพบแฟนก่อนหรือไปทำงานก่อนการตัดสินใจของนาย คือสิ่งไหนสำคัญกว่ากันในใจของนาย”
ทานากะโคอิจิพูดอย่างอีกอีกว่า “ท่านประธาน ความรักและ อาชีพนั้นมันไม่เหมือนกัน…

นางาฮิโกะ อิโตะพูดอย่างโกรธเคือง “ถ้าอย่างนั้นหากนาย เป็นพวกเพลย์บอย มีคนรักสองคน ใน โอซาก้า ตอนนี้นายไปที่โอ ซาก้าเพื่อพบพวกเขาตามลำดับ ฉันถามนายหน่อย ว่านายจะ เลือกเจอคนที่นายชอบมากที่สุด หรือว่าเจอคนที่นายไม่ได้ชอบ มากขนาดนั้นก่อน?”

ทานากะโคอิจิรีบพูด “บางทีผมอาจจะชอบทั้งคู่ แต่เจอพร้อม กันก็ไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงก็ต้องมีก่อนมีหลังนี่ครับ ถ้าหาก ผมไม่รู้จะเลือกยังไง ผมก็อาจจะตัดสินใจโดยการจับสลาก หรือ โยนเหรียญเดาก็เป็นได้ ดังนั้นนี่อาจไม่ได้แปลว่าหากผมเจอใคร ก่อนก็ชอบคนนั้นมากกว่าก็เป็นได้ครับ”

นางาฮิโกะ อิโตะยกขาขึ้น เขาเตะใส่ขาของทานากะโคอิจิ อย่างหงุดหงิดและโพล่งออกมา “ไปๆๆ ฉันต้องให้นายมาปลอบ ใจฉันที่นี่หรือไง? มีอะไรไปทำก็ไปทำเถอะ!”

ทานากะโคอิจิได้แต่ต้องยอมถอยออกมาแล้วพูดว่า “ท่าน ประธาน ผมอยู่ด้านนอกประตู ถ้าท่านมีอะไรก็เรียกหาผมได้”

ในขณะเดียวกัน

เย่เฉินมาถึงวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยโตเกียวแล้ว แม้ว่าจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันมากมายระหว่างเมืองต่างๆแต่มหาวิทยาลัยโตเกียวและมหาวิทยาลัยเช่นจึงนั้นเหมือนกัน ทั้งสองล้วนเป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นนำใน เอเชีย แน่นอนว่าย่อมมีบรรยากาศทางวิชาการที่เข้มข้นและให้ ความรู้สึกที่ศักดิ์สิทธิ์

เย่เฉินเป็นคนที่สนับสนุนด้านความรู้เป็นอย่างมาก แต่น่า เสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาระดับอุดมศึกษาอย่าง สมบูรณ์ นี่เป็นสิ่งที่ในใจของเขารู้สึกเสียดายอย่างมากมาโดย ตลอด

ในตอนนั้น พ่อแม่ของเขาคนหนึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยา ลัยเช่นจิง อีกคนจบจากมหาวิทยาลัยชิงหวา เมื่อตอนที่ยังเป็น เด็ก เขามักจะติดตามพ่อแม่ไปที่มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งนี้ หรือ บางครั้งก็ตามพ่อแม่ไปร่วมกิจกรรมบางอย่างของมหาวิทยาลัย ด้วย

ก่อนหน้านี้ เขาคิดมาเสมอว่าในอนาคตเขาจะต้องเลือกเรียน ที่มหาวิทยาลัยเย่นจึงไม่ก็มหาวิทยาลัยชิงหวา หลังจากจบ หลักสูตรระดับปริญญาตรีแล้ว ก็ค่อยเลือกมหาวิทยาลัยธุรกิจชั้น นําจากทั่วโลกเพื่อศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ องค์กร

ทายาทส่วนใหญ่ของตระกูลใหญ่ โดยพื้นฐานแล้วล้วนปฏิบัติ ตามบรรทัดฐานแบบนี้

เป็นเพราะสมาชิก ในตระกูลใหญ่ในใจล้วนรู้ดีว่า ยิ่งเกิดใน ตระกูลใหญ่มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งต้องพัฒนาความสามารถให้ครอบคลุมมากขึ้นเท่านั้น มิฉะนั้นก็อาจจะถูกตระกูลละเลย หรือถูกคัดออก

ในบรรดาตระกูลใหญ่สิบอันดับแรกของเล่นจิง ขอแค่เป็นลูก หลานในรุ่นเยาว์ก็เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะไม่ได้เรียนใน มหาวิทยาลัย แน่นอนว่า เย่เฉินเป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว

หากไม่นับรวมเย่เฉิน อัตราส่วนของนักศึกษาระดับปริญญาตรี คือ 100% และอัตราส่วนของนักศึกษาระดับปริญญาโทก็เท่ากับ 100% เช่นกัน

ต่อให้เป็นมหาลัยพวกนั้นทันทีที่เรียนจบก็ต้องเข้าทำงานใน ธุรกิจของตระกูลทันที และใช้เวลาว่างที่มีในการเรียน หลักสูตร MBA

น่าเสียดายที่ตอนนี้เเฉินอายุ 26 ปีแล้ว เขารู้ดีว่าเขาไม่ สามารถกลับไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโทได้ อีก ดังนั้นจุดนี้ จึงกลายเป็นความเสียดายชั่วนิรันดร์ในใจของ เขา

ที่มหาวิทยาลัยโตเกียวสามารถพบเจอคนหนุ่มสาวที่มีสีผิว แตกต่างกันออกไปได้ทุกที่ สวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย แบกกระเป๋า หนังสือไม่ก็ถือหนังสือเรียน หลายคนดูเหมือนจะรีบร้อน

ตอนแรกเขายังคงสงสัยว่าอีกแค่ครึ่งเดือนก็ปีใหม่แล้ว ทำไม มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นจึงยังไม่หยุดเรียนอีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ