บทที่ 1051
ก็ไม่แปลกที่คนขับรถจะตกใจ
ต้องรู้ก่อนว่า ระหว่างทางขึ้นเขามา10กว่ากิโลนี้ พวกเขาไม่ เห็นแม้แต่เงาผีหรืออะไรเลย
อยู่ดีมีคนมายืนกลางทางตอนดึกๆ ก็ทำให้คนตกใจได้เหมือน
ฟานหลินยวนก็ตกใจจนอ้าปากค้างพูดไม่ออก ได้แต่มองชาย หนุ่มที่ยืนกลางทาง พร้อมกับเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ ปากก็พูดว่า “เป็น…..มันเป็นคนเว้ย!
คนที่ยืนกลางถนนนั้น ดูแล้วเป็นหนุ่มมาก ใบหน้าอมยิ้ม ใส่ เสื้อผ้าบางๆ สองมือไพล่หลัง ใบหน้าซิ่วๆ ไม่ค่อยเข้ากับสภาพ แวดล้อมรอบๆ ที่ทั้งหนาว และเต็มไปด้วยหิมะ คนนี้ ก็คือเย่เฉิน!
ในตอนนี้ พวกเฉินจือข่าย ก็หลบอยู่หลังเเฉิน ที่ห่างออก
ไป10เมตร
เย่เฉินสั่งพวกเขาว่า คอยดูละครแล้วกัน ไม่ต้องเผยโฉมหน้า ออกมา
คนขับรถก็มองเย่เฉิน แล้วพูดอย่างกังวลว่า ศิษย์พี่ครับ ดึก ขนาดนี้ มีคนมายืนกลางทาง น่าแปลกนะครับ ไม่แน่ว่าอาจจะมารับมือกับเรา ให้ขับรถชนไปเลยไหมครับ?
ฟานหลินยวนก็ครุ่นคิด แล้วรีบพูดว่า “คนนั้นมันกล้ามายืนรอ เรา3คนคนเดียว น่าจะไม่ใช่พวกกระจอกๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีกับ กอะไรรอพวกเราอยู่ก็ได้ พวกเราจอดรถ แล้วเข้าไปดูให้แน่ชัด เลยดีกว่า! ”
ส่วนเเฉิน ในตอนนี้ ในมือก็มียันต์ฟ้าร้อง ในใจก็นิ่งๆ เฉยๆ เขากล้ามาขวางกลางทาง แบบไม่กลัวราชาทั้งแปดจะขับรถ พุ่งชนเข้ามาเลย
ยันต์ฟ้าร้องนี้ สามารถเรียกสายฟ้ามาได้ตลอดเวลา ถ้าราชา ทั้งแปดไม่ลงรถมาประมือกันอย่างประจันหน้าล่ะก็ ตนเองก็จะ ใช้สายฟ้าสองสาย ฟาดให้รถพวกเขาตกหน้าผาไป แล้วจบเรื่อง นี้เสีย
ดีที่ฟานหลินยวนไม่ได้ดูถูกศัตรู รถทั้งสองคัน ห่างจากเย่เฉิน ไป10กว่าเมตร จากนั้นก็ค่อยหยุดรถ
จากนั้น ราชาบู๊ทั้งแปดก็ลงรถตามกันออกมา
ฟานหลินยวนเดินก้าวยาวๆ มาข้างหน้า อาศัยแสงไฟของรถ มองไปยังเย่เฉิน แล้วพูดเสียงเข้มว่า “ไอ้น้อง เอ็งเป็นใครวะ? ถึง ได้กล้ามาขวางทางพวกเราราชาบู๊ทั้งแปด? ”
เย่เหลงใหลก็ยิ้มๆ แล้วพูดว่า “กูแซ่เย่ ซื่อ เย่เฉิน คนที่มีชื่อ เสียงว่าเป็นลูกเขยที่แต่งงานเข้าตระกูลผู้หญิง แห่งเมืองจีนหลัง ก็คือกูเอง”
ฟานหลินยวนก็ตกใจกันใหญ่!
เมื่อครู่นี้ ยังพูดถึงเย่เฉินกันในรถอยู่เลย ทุกคนก็คิดอยู่ว่า ถ้า เย่เฉินอยู่ที่นี่ด้วยก็ดีเลย จะได้จัดการทีเดียวเลย แต่ไม่คิดเลยว่า เขาจะอยู่ที่นี่ด้วยจริงๆ !
แต่ว่ามันดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
ตอนที่ตนเองออกเดินทางมานั้น มันยังอยู่ที่จินหลิงอยู่เลย ทำไมตอนที่ตนเองมาถึงที่นี่ แต่มันถึงมาถึงก่อนตนเองได้
คิดอย่างไรก็ไม่น่าเป็นไปได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ว่า เขาก็เอาข้ามปัญหานี้ไปก่อน แล้วก็มองเย่เฉิน พร้อม พูดเสียงเข้มว่า “ไอ้คนแซ่เย่ ถึงรู้นานแล้วหรือว่าพวกกูจะมาที่นี่?
“ถูกต้อง” เย่เฉินยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “กูก็นึกว่าราชาทั้งแปด จะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลุงแก่ๆ ทั้ง8คน พวก ถึง8คนรวมกันน่าจะมีอายุ400กว่าปีล่ะมั้ง? ”
พี่น้องของฟานหลินยวนทั้ง8คน คนที่มีอายุน้อยสุด ก็ อายุ50กว่าแล้ว ดังนั้น8คนรวมกัน ที่มีอายุเกิน400ปีไปอีก
ในตอนนี้ เห็นว่าตนเองและศิษย์น้องตัวเอง ถูกเย่เฉินดูถูก ฟานหลินยวนก็พูดเสียงเข้มอย่างไม่พอใจว่า “วันนี้ พวกกูไม่ได้ อยากเอาชีวิตถึง จะไว้ชีวิตหมาๆ ของมึง แล้วเดี๋ยวพวกกูไปตาม เก็บที่จินหลิง ไปเด็ดหัวมึง! ไม่คิดเลยว่า ทางดีๆ มีให้เดินมึงไม่ เดิน แต่เสือกเดินเข้าทางนรกมาเอง! แบบนี้ก็ดี พวกกูจะได้ไม่ต้องถ่อไปจินหลิง”
เย่เฉินหัวเราะพูดว่า “จะเด็ดหัวกลั้นหรือ? กูว่าพวกมึงไม่มี ปัญญาหรอก!
“อย่าพูดมาก! ” ฟานหลินยวนส่งเสียงไม่พอใจ “ไอ้เย่เฉิน พวกกูราซาบู๊ทั้งแปดก็ไม่ใช่พวกกระจอก ใช้ชีวิตในยุทธภพ หลายปี ไม่ได้อยากเอาชนะด้วยจำนวนคนที่มากกว่า วันนี้จะให้ ศิษย์น้องที่อายุน้อยที่สุด ไปสู้กับมึง! มันมีฉายาว่า หมัดเหล็ก หลี่ มึงตายด้วยเงื้อมมือมัน ก็ว่าไม่เลวแล้ว!
เย่เฉินฟังจบ ก็ยิ้มเยาะเย้ย แล้วประชดว่า “หมัดเหล็กหล่งั้น หรือ? ดีมาก วันนี้มันได้ตายภายใต้เงื้อมมือมังกรอย่างกู ก็คง เป็นวาสนาที่มันบำเพ็ญมาหลายชาติแล้วล่ะ!
ในตอนนี้ ชายวัยกลางคน หนึ่งในราชาบู๊ทั้งแปด ก็ส่ง เสียงออกมา แล้วเดินมาข้างหน้า แล้วชี้หน้าด่าเย่เฉินว่า “ไอ้หนู เอ้ย มึงคู่ควรจะมาเอาชีวิตกลั้นรึ? เดี๋ยวคอยดู กูจะเอาหมัดทุบ หัวหมาๆ ของมึงเสีย! “
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ