แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 150 เขมิกาบ้าไปแล้ว



บทที่ 150 เขมิกาบ้าไปแล้ว

บทที่ 150 เขมิกาบ้าไปแล้ว

สำหรับการกรีดร้องของป้าโอ นรมนไม่ได้มีปฏิกิริยา อะไรมาก แต่ได้พูดอย่างเยือกเย็น “ป้าอยากเจอบุริศร์? ป้าคิดว่าไม่ได้รับอนุญาติจากฉัน ตอนนี้ป้าจะสามารถเจอ เขาได้งั้นเหรอ?”

ป้าโอถูกคำพูดนี้ของนรมนกระตุ้น “แกอย่าคิดว่าตอนนี้ แกทำให้คุณผู้หญิงหลงเสน่ห์ได้ ก็จะสามารถควบคุมคุณ ผู้ชายได้ตลอดนะ

คุณผู้ชายบอกว่าแกเป็นคุณผู้หญิง คือคุณผู้หญิงที่รอด ตายจากเพลิงไหม้เมื่อปีก่อน

แกหลอกคุณผู้ชายได้ แต่หลอกฉันไม่ได้หรอก! ยังไม่ บอกว่าหน้าตาแกไม่เหมือน แค่พูดถึงนิสัยของแก การ ทำตัวของแกไม่มีทางมาเปรียบเทียบกับคุณผู้หญิงได้เลย! คุณผู้หญิงดีกับคุณผู้ชายมาก ยอมที่จะทำร้ายตัวเองก็ไม่ ทำร้ายคุณผู้ชาย

แต่ดูแกซิ หลังจากแกกลับมา แกก็พาคุณผู้ชายซวยเป็น แบบไหนแล้ว? คุณผู้ชายบอกว่าลูกชายนอกสมรสของแก เป็นลูกหลานของตระกูลโตเล็ก ถุย! อยากให้ฉันยอมรับ ฐานะของกานต์ รอชาติหน้าเถอะ! แม่ลูกอย่างแกสองคนก็ คู่ควรเหรอ!”

ตอนนี้ป้าโอโมโหจนไม่แคร์ฐานะและมารยาทใดๆทั้งสิ้นแล้ว แม้กระทั้งตั้งแต่ตอนที่บุรีศร์ โล่เธอออกจากเมืองชลธ เพราะกานต์กับนรมน เธอก็แทบอยากจะให้นรมนตายเลย

นรมนฟังป่าโอร้องเอะอะโวยวายขนาดนี้ ห้ามใจไม่ได้ที่ จะหัวเราะเยาะแล้วพูด “ฉันกับกานต์คู่ควรหรือไม่ ดู เหมือนยังไม่ต้องถึงขั้นให้ป้าที่เป็นคนรับใช้ของตระกูลโต เล็กมายอมรับมั้งคะ

ป้าโอ ป้ายังดูฐานะของตัวเองไม่ชัดเจนจริงๆเหรอ ป้านึก ว่าป้าเป็นอะไรของบุริศร์?”

“ฉันเป็น…..คำพูดของป่าโอได้หยุดชะงักไว้

“อะไรของเขา? แม่นมเหรอ? ป้าโอขอฉันบอกป้าสักคำ เถอะ พูดแบบฟังดูดีหน่อยบุริศร์เรียกป้าว่าแม่นม ถ้าพูด แบบไม่เพราะ ป้าก็เป็นแค่คนรับใช้ที่กินเงินเดือนของ ตระกูลโตเล็กเท่านั้น

ไม่ว่าฐานะของกานต์ลูกชายฉันจะเป็นยังไง ขอแค่บุริศร์ ยอมรับฐานะของเขา เขาก็คือเจ้านายของตระกูลโตเล็ก! ทางที่ดีที่สุดอย่าให้ฉันรู้ว่าป้าทำอะไรกับกานต์อีก ไม่งั้น อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”

นรมนพูดจบก็ได้วางสายทิ้งโดยตรง

ป้าโอโมโหจนตัวสั่น และเขวี้ยงมือถือทิ้งโดยตรง

ดวงตาของเธอแดงก่ำเหมือนเลือด และพูดอย่างโหด “แคทเธอรี่ ขอแค่มีฉันอยู่ แกก็อย่าคิดจะได้เหยียบเข้า บ้านตระกูลโตเล็กเลย!”

แคทเธอรีกลับไม่รู้ว่าป้าโอมีความคิดแบบนี้
เธอกลับมาถึงห้องผู้ป่วย บุริศร์ยังหลับลึกอยู่ นรมนนี่ถึงพบว่าใต้ตาของบุริศร์มีรอยเขียวช้ำ

พอมาคิดๆแล้ว ที่ป๋าโอพูดก็ถูก หลังจากกลับมาครั้งนี้ บุริ ศรีได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง เหมือนทุกครั้งก็เพื่อเธอจริงๆ

ใจที่ตอนนั้นสาบานอย่างดิบดีว่าจะกลับมาแก้แค้น ภาย ใต้การปกป้องของบุริศร์ได้จางหายไปทีละนิดๆ

เธอถึงขึ้นค่อนข้างสงสารบุริศร์แล้ว

นรมนนั่งที่ข้างกายเขา จับใบหน้าของเขาเบาๆ เวลาห้าปี เพียงพอที่จะทำให้บุริศร์เปลี่ยนเป็นผู้ชายที่ยิ่งมีเสน่ห์แล้ว แม้กระทั่งยิ่งดึงดูดคนแล้ว

เธอกำลังเพ้อฝันครอบครัวที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อม ตากันสี่คน กลับได้ยินนอกห้องมีเสียงเท้าเดินก้องมา นรมนดึงมือกลับอย่างไว และลุกขึ้นเดินออกไป คนที่มาคือพฤกษ์ ตอนที่เห็นนรมนได้อึ้งเล็กน้อย

“คุณผู้หญิงครับ ประธานบุริศร์ล่ะครับ?”

“เขากำลังพักผ่อนอยู่ มีอะไรเหรอ?” นรมนยืนอยู่ที่หน้า ห้อง ดูท่าเหมือนไม่คิดให้พฤกษ์เข้าไป

พฤกษ์อิ้งไปครู่นึง แต่ว่าพอนึกถึงฐานะและความหมายที่ นรมนมีต่อบุริศร์ เขาได้พูดเสียงต่ำอย่างห้ามใจไม่ได้ “ทางตำรวจแจ้งข่าวมาว่า คุณเขมิกาบ้าไปแล้วครับ”

“บ้าไปแล้ว?” นรมนค่อนข้างประหลาดใจ
ตอนที่จับเขมิกาได้ที่ร้านเสริมสวย ผู้หญิงคนนั้นจองหอง มากเลยเชียวนะ เธอประสบอะไรที่สถานีตำรวจกันแน่? ถึง ได้บ้าไปแล้ว?

“เธอรับสารภาพอะไรหรือเปล่า?”

พฤกษ์พยักหน้า

นรมนหัวเราะเย็นชาและพูด “เธอบ้าไปแล้วจริงๆเหรอ?”

“ว่ากันว่าใช่ ดังนั้นผมก็เลยมาถามความคิดเห็นของ ประธานบุริศร์ครับ”

พฤกษ์ไม่กล้าจัดการเขมิกาตามอำเภอใจ เพราะยังไงซะ เธอก็เป็นแม่แท้ๆของกิจจา

นรมนมองบุริศร์ที่ยังหลับสนิทอยู่เช่นเคย รู้ว่าหมอคงจะ ใส่ยานอนหลับไปในยานั้น จึงได้พูดเสียงเบากับพฤกษ์ว่า “ฉันออกไปกับนายดีกว่า ที่นี่ก็อย่าทรมานบุริศร์เลย เขา เพิ่งหลับไปไม่นาน ร่างกายยังอ่อนเพลียอยู่เลย”

พฤกษ์เห็นแววตาของนรมนมีความกังวลและเป็นห่วง ระยิบระยับอยู่ ในใจค่อนข้างโล่งอก จึงได้พยักหน้า สั่ง การบอดี้การ์ดครู่นึง ถึงได้เดินออกจากโรงพยาบาลพร้อม นรมน

แสงอาทิตย์กำลังดี สาดส่องอยู่บนตัวคนแล้วอบอุ่นมาก

นรมนได้มาถึงทัณฑสถานพร้อมกับพฤกษ์ ยังไม่ได้ เข้าไปก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่คุ้นเคยของด้านในแล้ว

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย พฤกษ์รีบมาปกป้องอยู่ด้านหน้าเธอ กลับถูกนรมนห้ามเอาไว้ เธออยากดูซีว่าเขมีกาบ้าจริง หรือแค่แกล้งบ้า

นรมนเดินเข้าไปข้างใน

หลังผู้กองรู้ฐานะของนรมน รีบออกมาต้อนรับโดยเร็ว

นรมนมาถึงหน้าห้องของเขมิกา มองดูผู้หญิงที่ผมเผ้า ยุ่งเหยิง ไม่นึกเลยว่าเธอจะไม่กล้าเชื่อในชั่วขณะ

นี่ยังเป็นเขมิกาที่แต่ไหนแต่ไรสูงส่งอยู่เหรอ?

“หุบปาก! หยุดเอะอะเสียงดังได้แล้ว!” ตำรวจตะคอก เสียงนึง แถมยังได้เอาไม้ง่ามเคาะประตูด้วย

เขมิกาตัวสั่นครู่นึง จากนั้นก็ได้มองเห็นนรมน

นรมนยืนหันหลังให้กับแสง แต่ว่ากลับบดบังกลิ่นไอที่ สูงส่งบนตัวเธอไม่ได้ โดยเฉพาะตอนนี้พฤกษ์ได้เพิ่มการ ปกป้องเธอ ผู้กองที่อยู่ข้างๆก็ยิ่งเคารพนบนอบมากขึ้น ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกจิตใจไม่สงบแล้ว

ถือสิทธิ์อะไรทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเธอ ตอนนี้ได้ถูก นรมนมาแทนที่หมด? เขมิกาคว้าเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆมาอย่าง กะทันหัน แล้วโยนมาที่นรมน

“ฉันจะตีแกตายนังแพศยา!”พฤกษ์รีบมาด้านหน้า นรมน กลับไม่ได้ถอยหลังไป ข้างหน้าของเขมิกามีประตูบานนึง กั้นอยู่ ถึงเธอทุบจนประตูพัง ยังมีพนักงานรักษาความ ปลอดภัยคนอื่นอยู่

นรมนแค่มองเธออย่างเย็นชา หัวเราะเยาะและพูด “คุณเขมิกา ตอนนี้คุณคือบ้าไปแล้ว? หรือว่ายังมีสต็อยู่คะ? ” ถูก นรมนพูดแบบนี้ ทันใดนั้นเขมิกาอึ้งไปครู่นึง จากนั้นก็เริ่ม แกล้งบ้าขึ้นมา

“ปล่อยฉันออกไป! ฉันจะเจอหน้าลูกชายฉัน! ปล่อยฉัน ออกไป!” เธอเริ่มกระชากผมของตัวเอง แม้กระทั่งถุย น้ำลาย ดูแล้วเหมือนคนบ้าไปแล้วจริงๆ แต่ว่าแววตาที่มี ความเกลียดชังแว๊บผ่านของเขมิกาในเมื่อกี้ นรมนได้มอง เห็นอย่างชัดเจน

ผู้หญิงที่บ้าไปแล้วคนนึงทำไมยังจำได้ว่าเกลียดคน? นร มนถอยออกมา หามุมที่ไม่มีคนขวางพฤกษ์ไว้ และถาม “บุ ริศร์ทำอะไรกับเธอ?”

พฤกษ์นิ่งไปครู่นึง กำลังลังเลอยู่ว่าควรจะพูดหรือไม่ นรมนมองถึงตรงนี้ก็รู้ว่าตัวเองเดาถูกแล้ว

นึกมาโดยตลอดว่าบุริศร์เพราะเห็นเก่าความสัมพันธ์ เก่าๆที่มีให้เขมิกา ต่อมารู้จากบุริศร์ว่าที่ดูแลเขมิกาก็เพื่อ ตรินท์ตอนนี้เห็นท่าทีที่บุริศร์มีต่อเขมิกา นรมนรู้สึกซึ้งใจ มาก

“พูดมาเถอะ ถ้าบุริศร์กล่าวโทษขึ้นมา ฉันรับผิดชอบเอง ยังไงฉันก็ควรจะต้องรู้มั้งว่าเขาได้ทำอะไรเพื่อฉันและ ลูกชายฉันลับหลังบ้าง?”

นรมนพูดอย่างนี้ พฤกษ์ถือว่าซึ้งจนได้เผยออกมาให้เห็น

ทางสีหน้าสักที

“คุณผู้หญิงครับ ประธานบุริศร์ทำเพื่อคุณมามากจริงๆครับ ห้าปีมานี้ ประธานบุริศร์ไม่เคยมีใจให้ผู้หญิงคนไหน เลย กับคุณเขมิกายิ่งขีดเส้นไว้อย่างชัดเจน จริงๆนะครับ”

“ฉันรู้ ฉันอยากรู้ตอนนี้เลยว่าบุริศร์ทำอะไรกับเธอ?”

เสียงของนรมนนุ่มลงเยอะเลย

พฤกษ์พูดเสียงต่ำ “ประธานบุริศร์ก็ไม่ได้ทำอะไรเธอ ครับ แค่ให้คนขังเธอไว้ในห้องที่ปิดตายแล้ววางเพลิงเฉยๆ จนกว่าเธอจะรับสารภาพ คิดไม่ถึงเธอไม่เพียงแต่ไม่รับ สารภาพ กลับกันยังตกใจจนบ้าไปแล้วครับ”

นรมนพูดอย่างหัวเราะเยาะ “เธอไม่ได้บ้า แค่แกล้ง

เฉยๆ”

“หะ?” พฤกษ์ค่อนข้างประหลาดใจ แต่ว่าไม่นานก็สงบลง แล้ว ครุ่นคิดไปพักนึงถึงพูด “คุณผู้หญิงครับ ยังมีอีกเรื่อง นึงที่ผมจะต้องบอกกับคุณผู้หญิงครับ”

“เรื่องอะไร?” นรมนมองไปที่พฤกษ์

พฤกษ์ พูดเสียงต่ำ “เหตุเพลิงไหม้เมื่อห้าปีก่อนเป็นการ กระทำของคนครับ”

ถึงแม้นรมนมีการคาดเดาแบบนี้ตั้งนานแล้ว แต่ก็นึกว่าบุริ ศร์เป็นคนบงการมาโดยตลอด แต่ว่ากลับไม่มีหลักฐานสัก ที อีกอย่างตอนนี้เธอก็รู้สึกบุริศร์ไม่ใช่คนแบบนั้น ดังนั้นจุด ที่น่าสงสัยมากมายของตอนนั้นจึงไม่สามารถไขข้อข้องใจ ได้

ตอนนี้พอได้ยินพฤกษ์บอกว่าเรื่องนี้เป็นการกระทำของ คน นรมนหรี่ตาครู่นึง เหมือนเดาอะไรได้
“เกี่ยวข้องกับเขมิกา?”

“ใช่ครับ!” พฤกษ์กระแอมทีนึงแล้วพูด “ทางคุณชาย ธรณีมีคำรับสารภาพของนาวิน ตอนนั้นนาวินมีจุดอ่อนอยู่ ในมือของเขมิกา เขมิการู้ว่าประธานบุริศร์จะส่งคุณผู้หญิง ไปต่างประเทศ เพื่อกำจัดภัยที่จะตามมาทีหลัง เขมิกาให้ นาวินลงมือกับคุณผู้หญิง อีกทั้งให้เขาบอกกับคุณผู้หญิง ว่าประธานบุริศร์เป็นคนบงการเรื่องนี้ ก็เพื่อตำหนิความคิด ของเธอ”

มือของนรมนกุมไว้แน่น

เธอคิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะมีผลลัพธ์แบบนี้

“แล้วนาวินล่ะ?”

“อยู่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาครับ”

คำพูดพฤกษ์ทำให้นรมนหยุดนิ่งไปเล็กน้อย

“ทำไมถึงอยู่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาได้? นาวินเป็นบอดี้ การ์ดของตระกูลโตเล็กไม่ใช่เหรอ?”

“เรื่องนี้พูดแล้วยาวครับ”

พฤกษ์ได้เล่าเรื่องที่นาวินอาจจะเป็นลูกหลานของตระกูล ทวีทรัพย์ธาดาให้กับนรมนฟัง แม้แต่ทำไมคุณย่าบ้าน ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาถึงใส่ร้ายเธอ ก็มีความเกี่ยวข้องกับ นาวิน

หลังจากได้ฟังทั้งหมดนี้ ในใจของนรมนซับซ้อนมาก เธอ คิดไม่ถึงเลยว่าแค่บอดี้การ์ดเล็กๆคนนึงจะสามารถเกี่ยวโยงกับเรื่องมากมายขนาดนี้

“ฉันไปพบนาวินได้มั้ย?”

“ผมต้องถามคุณชายธรณีก่อนครับ เพราะยังไงซะ ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่ใช่ตระกูลโตเล็กครับ” พฤกษ์พูด ตามตรง

นรมนพยักหน้า รอพฤกษ์ติดต่อกับธรณี

ธรณีได้ยินว่านรมนจะมา รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ แต่ว่า กลับเซอร์ไพรส์มาก

เขาคุยกับคุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาแล้ว คุณย่า บ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็คิดว่าตัวเองก็ควรจะขอโทษ นรมนแล้ว ก็เลยสั่งรถเฉพาะให้มารับนรมน

พฤกษ์ที่ฐานะเป็นบอดี้การ์ดตามติดของนรมน ไม่ว่ายัง

ไงก็จะตามไปด้วย

ธรณีไม่ได้ขัดขวาง

มาถึงตระกูลทวีทรัพย์ธาดา นรมนรู้สึกอย่างเห็นได้ชัดว่า คนละสไตล์กับตระกูลโตเล็กเลย

ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเป็นคนรุ่นหลังของทหาร เป็น ทหารมาหลายรุ่น ถึงแม้ตอนนี้ลูกหลานหายไปหมด แต่ ว่าการจัดวางของที่บ้านก็จัดตามแบบค่ายทหาร เรียบง่าย เน้นใช้งาน กลับให้ความรู้สึกเคร่งขรึม น่าเกรงขามกับคน

คุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาออกมาต้อนรับด้วย

ต้นเอง
“คุณนรมน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ยัยแก่อย่างฉันไม่รู้ เรื่องเกินไปแล้ว ที่ทำร้ายคุณนรมน หวังว่าคุณนรมนไม่ ถือสากับความแค้นในอดีต และให้อภัยยัยแก่อย่างฉันนะ

แน่นอนฉันก็ไม่กล้าขอร้องอะไรมากเกินไปหรอก ถ้าคุณ นรมนไม่ยอมให้อภัยฉันจริงๆ ฉันก็คงต้องอ้อนวอนอย่างไม่ ขาดสายแล้ว”

คุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาขอโทษด้วยความ จริงใจขนาดนี้ ทำให้นรมนก็ไม่รู้จะรับมือยังไง เธอมอง ธรณีอย่างทำอะไรไม่ถูก

ธรณีพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่ครับ แม่ทำเอาคุณนรมนตกใจ แล้วนะครับ”

“อ๋อ? ใช่เหรอ? เป็นเพราะยัยแก่ของฉันไม่รู้เรื่องเอง รีบ เข้ามาเร็ว ข้างนอกอากาศหนาว ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็ ไม่มีของดีอะไร ดื่มน้ำชาอบอุ่นร่างกายหน่อยค่ะ”

คุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาดึงมือของนรมนเข้ามา

นรมนค่อนข้างอึดอัดและทำตัวไม่ถูก แต่ว่าเห็นคุณย่า บ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่ได้ขัดขืนจน เกินไป ปล่อยให้คุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาพาเธอ เข้าตระกูลทวีทรัพย์ธาดา

ในขณะนี้เอง ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาหอบหนังสือเก่ามา ไม่น้อย พบนรมนโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ มือที่อยู่ในมือเธอได้ กระแทกกับพื้น รูปถ่ายที่หนีบไว้ในหนังสือได้ลอยออกมา พริบตาเดียวทำให้แววตาของนรมนระยิบระยับไปครู่นึ่ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ