แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1321 ฉันจะฟังพวกคุณ



บทที่ 1321 ฉันจะฟังพวกคุณ

สิ่งที่เรียกว่าความมืดใต้โคมไฟอาจจะเป็นแบบนี้ ไม่มีใครคิด ว่าพรวลัยจะขังฉัตรพลไว้ที่หมู่บ้านน้ำใส

บุริศร์ก็ค่อนข้างประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็รีบกลับมา

เป็นปกติ

บุณพจน์อุ้มพรวลัยออกมา นรมนก็ลงรถไปกับบริศร์

“ที่นี่แหละ”

พรวลัยชี้ไปที่ตำแหน่งหนึ่ง คุณพจน์ก็อุ้มเธอเดินไป

บุริศร์และนรมนก็ติดตามอย่างใกล้ชิด

ร่างกายพรวลัยยังคงอ่อนแอนิดหน่อย แต่สีหน้าค่อนข้างหนัก

อึ้ง

เธอจะไม่ให้ฉัตรพลตายอย่างเรียบง่ายและง่ายดายขนาดนั้น ในตอนนี้ก็บอกไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร ความรู้สึกซับซ้อนทุกชนิด เต็มไปทั่วทั้งอก ทำให้เธอเดินไปข้างหน้าด้วยความคิดสับสน แต่สีหน้าก็จมลงทันที

“แย่แล้ว”

“เกิดอะไรขึ้น?”

บุณพจน์ได้ยินเสียงพรวลัยก็ชะงักทันที
นรมนและบริศ เดินไปอย่างรวดเร็ว

สถานที่ตรงหน้ามีคราบเลือดทุกหนทุกแห่ง เหมือนเป็นที่เกิด เหตุการณ์ทรมานจนเสียชีวิต เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เลือด บางส่วนยังไม่แห้งด้วยซ้ำ บนพื้นยังมีเศษเสื้อผ้า ราวกับถูกอะไร บางอย่างข่วน แต่ไม่เห็นร่างฉัตรพล

“เป็นแบบนี้ได้ยังไง? เขาล่ะ ฉัตรพลล่ะ?”

พรวลัยกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที

เธอผลักดันบุณพจน์อย่างบ้าคลั่งให้ตามหาไปทุกที่ น่า เสียดายมันไม่มีร่องรอยใดๆ ของฉัตรพลเลย

“พรวลัย”

บุณพจน์กลัวว่าพรวลัยจะมีปัญหาอะไร จึงรีบตามไป

บริศ หยิบขวดขนาดเล็กขวดหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ใช้สำลี เก็บเลือดที่ยังไม่แห้ง

นรมนเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว เห็นท่าทางบ้าคลั่งของพรวลัย เธอก็ถามขึ้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “ฉัตรพลหนีไปแล้วเหรอ?”

“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น

สถานการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้น แล้วจริงๆ ก็โทษใครไม่ได้ อย่างไรแล้วความเป็นปัญหาและ ความเจ้าเล่ห์ของฉัตรพลนั้นมีชื่อเสียง

นรมนถามอย่างสงสัย “พรวลัยทําค่ายกลเป็นไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อทำเป็น ฉัตรพลจะหนีไปได้ยังไง?”

ดวงตาบุริศ เป็นคลื่นเล็กน้อย พูดขึ้นเสียงทุ้ม “ฉันคิดว่าข้าง กายฉัตรพลไม่ได้มีแค่พรวลัยคนเดียวที่ทำค่ายกลเป็น เขาน่าจะ ถูกใครช่วยออกไป และตอนที่พรวลัยจัดทัพก็ท้องแล้ว สภาพ ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ซึ่งมีผลกระทบต่อการจัดทัพ

ได้ยินคำอธิบายเช่นนี้ นรมนก็เข้าใจแล้ว

พรวลัยมีความแค้นอย่างรุนแรงกับฉัตรพล แต่ในเมื่อฉัตรพล ไว้ชีวิตเธอได้ก็ต้องมีวิธีการอื่นมาควบคุมพรวลัยอย่างแน่นอน และจะต้องทำให้ตัวเองสักวันหนึ่งไม่เสียเปรียบพรวลัย นี่คือ ความเจ้าเล่ห์ของฉัตรพล และถือว่าเป็นวิธีการป้องกันตัวเองด้วย น่าเสียดายที่ในจุดนี้พวกเขาไม่มีใครคิดมาก่อนเลย

แต่ในขณะนี้พรวลัยถูกความเกลียดชังทำให้ดวงตาพร่ามัว อยากนั่นฉัตรพลเป็นชิ้นๆ เดิมทีแล้วนึกว่าตัวเองพึ่งพาค่ายกลที่ สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นก็สามารถทรมานฉัตรพลจนตายได้ แต่ เพราะตั้งครรภ์ สุขภาพไม่ดีเลยให้โอกาสฉัตรพลหนีไปได้ ใน เวลานี้เกรงว่าพรวลัยจะได้รับการกระตุ้นไม่น้อย

นรมนถอนหายใจ รู้สึกสงสารพรวลัยอยู่บ้าง

บุริศร์เก็บเลือดไปเสร็จแล้ว ก็เติมแก๊สลงไปในขวด ก่อนจะ โอบไหล่นรมน พูดขึ้นเสียงทุ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วง มีบุณพจน์อยู่ พร วลัยจะไม่เป็นอะไร”

“ฉัตรพลจะหนีไปที่ไหน?”
คิ้วบรมนขมวดเข้าหากันแน่น

ตอนแรกพวกเขาจู่โจมอย่างฉับพลันเพื่อจับตัวฉัตรพล ตอนนี้

เขาหนีไปได้แล้ว นั่นเป็นการแหวกหญ้าให้ตื่น อยากจับเขาอีก ครั้งก็ยากแล้ว และตอนนี้บุณพจน์ยังไม่มีกำลังควบคุมตัวฉัตรพลอย่าง

สมบูรณ์ การที่ฉัตรพลหนีไปได้จะมีแต่อันตรายและภัยคุกคาม

มาสู่บุณพจน์

เห็นได้ชัดว่าจุดนี้บริศร์ก็นึกถึง

“ฉันคิดว่าบุณพจน์คงมีแผนสำรอง ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นอะไร ฉันจะ ส่งคนไปปกป้องพวกเขา

“อืม”

ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน บุณพจน์ก็ไล่ตามพรวลัยไปแล้ว

อารมณ์ของพรวลัยค่อนข้างพังทลาย

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ มันทำลายค่ายกลของฉันได้ยังไง? เป็น

ไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้”

“พรวลัย เธอใจเย็นๆ ฟังฉันนะ”

บุณพจน์กอดไหลเธอแน่นแล้วเขย่ามัน สีหน้ามีความสงสาร เคลื่อนผ่านไป

“ไม่โทษเธอนะ ตอนนั้นร่างกายเธออาจจะมีผลกระทบต่อการ จัดทัพ”
สิ่งที่บุริศ เดาได้แน่นอนว่าคุณพจน์ก็เดาได้เช่นกัน

พรวลัยตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็ร้องไห้ขณะพูดขึ้น “ฉันเอง

ฉันผิดเอง ฉันก็คิดไปเองมากเกินไป ฉันนึกว่าฉันจะทรมานมันจน ตายได้ ฉันเป็นคนปล่อยฉัตรพลไปเอง ฉันเอง!” “ไม่ใช่เธอ ถึงจะไม่มีเธอ ก็จะมีคนอื่นมาช่วยมัน มันมีลูกน้อง

มากความสามารถเยอะ ไม่ใช่ว่าคนตัวเล็กอย่างเธอคนเดียวจะ

ต่อต้านได้ พรวลัย อย่าโทษตัวเอง เราก็ไม่ได้โทษเธอ”

“แต่ฉันเกลียดตัวฉันเอง! ฉันอวดดีเกินไป ฉันรู้สภาพร่างกาย ตัวเองทําไม่ได้ แต่ฉันคิดว่ามันเป็นแค่คนธรรมดา ค่ายกลของ ตระกูลแสงนาคเราถึงแม้สภาพร่างกายฉันจะไม่ดีก็สามารถจับ มันไว้ได้ แต่ฉันก็ไม่คิดจะให้มันตายเร็วเกินไป ฉันประเมินตัวเอง สูงเกินไป และประเมินมันต่ำเกินไป ฉันให้โอกาสมันหลบหนี ฉันเอง!”

พรวลัยโทษตัวเองอย่างยิ่ง

บุณพจน์กอดเธอเอาไว้ พูดขึ้นเสียงทุ้ม “ถึงจะเป็นความผิดเธอ แล้วมันยังไง? ฉันจะรับผิดชอบให้เธอเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉัน จะจับมันกลับมาให้เธอลงโทษประหารชีวิต เชื่อฉันนะ”

เสียงของเขามีความมั่นคง ทำให้พรวลัยสงบลงอย่างบอกไม่

ถูก

เธอรู้ว่าบุณพจน์พูดอะไรแล้วจะทำมันได้อย่างแน่นอน ในขณะ เดียวกันเธอก็นึกถึงปัญหาหนึ่ง
ในเมื่อฉัตรพลหนีไปด้วย ถ้าอย่างนั้นบุณพจน์ก็ตกอยู่ใน อันตรายแล้ว

เขาฉวยโอกาสยึดอำนาจมากมายของฉัตรพลตอนที่เขาไม่อยู่ ถ้าฉัตรพลตอบสนองกลับ ด้วยระดับความโหดเหี้ยมของวิธีการ ของเขา จะฆ่าบุณพจน์ได้อย่างแน่นอน

“เลือด! รีบเก็บตัวอย่างเลือดไปทดสอบดีเอ็นเอ

พรวลัยยังจําเรื่องนี้ได้

บุณพจน์พูดเสียงทุ้ม “บุริศร์ทำเสร็จแล้ว ฟังนะ เรากลับไปกัน ก่อน”

“กลับไปไม่ได้”

พรวลัยรีบส่ายหน้าพูดขึ้น “วันนี้พวกนรมนเห็นเงาเดาข้างๆ อ่างเก็บน้ำไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนที่ฉัตรพลส่งมาฆ่าพวกเรา ถึง เราจะควบคุมกำลังบางส่วนของมันได้แล้ว แต่กำลังที่แท้จริงยัง อยู่ในมือมัน คนพวกนั้นยอมเชื่อฟังคุณก็เพราะฉัตรพลไม่อยู่ ถ้า ฉัตรพลกลับไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าพวกมันจะทรยศไหม? ตอนนี้ มันอันตรายเกินไปที่คุณจะกลับไป คุณชายบุณพจน์ เราไปที่บุรี ศร์ได้ไหม? เราไปหาคริชณะกันเถอะ ฉันรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เราไป หาเขากันไหม?”

บุณพจน์ค่อนข้างลังเล

บุริศร์และนรมนเดินมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ บุริศร์ตบบ่าบุณพจน์ แล้วพูดเสียงทุ้ม “พรวลัยพูดถูก ถึงนายอยากกลับไป ฉันก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ถ้าฉัตรยังอยู่ในกล นายจะทำยังไง ไม่เข้าทำอะไร และตอนร่างกายของพรวลัยไม่เลย ถ้ากลับไปก็ ไม่ใช่การกระทำฉลาดๆ

บุณพจน์คิดไตร่ตรอง

เขาทุ่มเทไปมากกว่าได้ถึงนี้ ต้องจริงเหรอ?

บุริศร์ในใจบุณพจน์คิดอะไรอยู่ จึงเสียงทุ้ม นายเข้า ถึงกลุ่มติดต่อทางด้านประเทศแล้ว อาจติดต่อคนของตัวเองทันที นายยังดึงดันจะตามใจตัวเองต่อไป ไม่แน่มันอาจจะขุดกับดักรอนายเจาะเข้าไป ข้างใน ใหญ่กว่าเราได้อยู่ด้วยกัน ฉันไม่ญาติแล้ว อย่า ใจร้อน แม้นายจะไม่ความสัมพันธ์กับประเทศ เราก็จะเอา ความลับที่ฉัตรพลและประเทศต้องการซ่อนในช่วงเวลาหลายที่มาเหมือนกัน”

บุณพจน์มองบุริศร์ ฟันจนเกิดเสียง

อย่างคาดคิด บุณตัวเอง แต่ตอนเผชิญกับความจริงว่าตัวเองอาจไม่ใช่ ลูกชายแท้ของฉัตรพล เขาก็ค่อนข้างลังเล
ถ้าตัวคนเดียว ถึงแม้ว่าจะต้องเอาชีวิตแลกชีวิตแล้วมันยังไง?

แต่เห็นแววตาตั้งตารอคอยของพรวลัย ลักษณะท่าทางกังวล นั้น บุณพจน์รู้ว่าตัวเองใจอ่อนแล้ว

“ก็ได้ ฉันจะฟังพวกคุณ พวกคุณว่าเราจะไปไหนต่อนะ?”

“กลับหมู่บ้านดารายนก่อน ฉันจะเอาตัวอย่างเลือดไปให้คน ทดสอบ จากนั้นนายกับพรวลัยก็พักผ่อนหนึ่งวัน พรุ่งนี้เราจะไป หาพี่ใหญ่คริชณะกัน”

ทางด้านคริชณะได้ข่าวว่าที่หมู่บ้านดารายนมีสายลับ ดังนั้น จึงให้ปีวราพาพวกกมลเข้าภูเขาไป จากนั้นก็เผยภาพลวงตาการ ขาดการติดต่อของพวกเขา เพื่อจับสายลับในหมู่บ้านดารายนอ อกมา

ตอนนี้สายลับมิลินถูกจับออกมาได้แล้ว บุริศร์ก็รู้สึกว่าไม่ จําเป็นต้องปิดบังคนอื่นอีกต่อไป

บุริศร์พูดทุกอย่างหมดแล้ว นรมนก็โล่งใจ บุณพจน์และพร วลัยไม่ได้พูดอะไร แต่มองออกว่าค่อนข้างหวาดกลัว

คนกลุ่มหนึ่งก็รีบกลับไปที่หมู่บ้านดารายน

บุริศร์ส่งคนมาเอาตัวอย่างเลือดบุณพจน์และฉัตรพลกลับไปที่ เมืองชลธีเพื่อให้ป้องทำการทดสอบทันที

หนึ่งวันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

วันรุ่งขึ้น บุริศร์และนรมนเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็พากิจจา บุณพจน์และพรวลัยออกเดินทาง

ข้างกายพวกเขาไม่ได้พาใครมาสักคนเดียว ทั้งหมดเฝ้า ป้องกันที่หมู่บ้านดารายนเพื่อรอคำสั่ง

บุริศร์พาพวกนรมนมาถึงในภูเขาลึกหมู่บ้านน้ำใส ยังไม่ทัน บอกทาง ก็ได้ยินพรวลัยยื่นนิ้วชี้ไปแล้วพูดขึ้น “ทางนั้น

“คุณรู้ได้ยังไง?”

นรมนรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย

พรวลัยพูดเสียงทุ้ม “ทางนั้นมีจุดศูนย์กลางของค่ายกล

“เป็นคนในตระกูลแสงนาคจริงด้วย ตาดีมาก”

บุริศร์ชื่นชม จากนั้นก็พาพวกพรวลัยเดินไป

พรวลัยแก้ค่ายกลแล้ว ทิวทัศน์ตรงหน้าเปลี่ยนไปทันที สิ่งที่ ปรากฏในสายตาพวกเขาก็คือเต็นท์สิบกว่าอันและกองทัพทหาร ที่ป้องกันอย่างหนาแน่น

นรมนรู้สึกอัศจรรย์สุดขีด

ทั้งๆ ที่ดูแล้วเป็นต้นไม้ใบหญ้า แต่คนเหล่านี้กลับตั้งกองทัพ ชั่วคราวอยู่ที่นี่โดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น มันน่าอัศจรรย์เกินไป ไหม?

พรวลัยไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งนี้ แค่พิงในอ้อมแขนบุณพจน์ อย่างอ่อนแรงนิดหน่อย

บุริศร์จับมือนรมน อุ้มกิจจาเดินเข้าไปทันที พวกคุณพจน์ก็ตามเข้าไป

กมลออกมาจากเต็นท์ ทันทีที่เห็นบุริศร์และนรมน ตะโกนเรียก หนึ่งที่ก่อนจะวิ่งมาหาพวกเขา

คริชณะก็ได้สติกลับมาทันใด รีบเดินออกมา

“กลับมาแล้วเหรอ?”

“อืม กลับมาแล้ว”

การสื่อสารทางแววตาระหว่างบุริศร์และคริชณะทำให้บุณพจน์ ค่อนข้างอิจฉา ทั้งๆ ที่พวกเขาสองคนเป็นพี่น้องแท้ๆ แต่การ เข้าใจกัน โดยปริยายระหว่างบุริศร์และคริชณะมันทำให้เข้าไป ยุ่งไม่ได้

“พี่ใหญ่ นี่คริชณะ พี่ใหญ่คริชณะ บุณพจน์พี่ใหญ่ของฉัน”

บุริศร์แนะนำตัวให้พวกเขา และนรมนก็อุ้มกมลขึ้นมา ตรวจ สอบอย่างระมัดระวังหนึ่งรอบ พบว่าเธอไม่บาดเจ็บอะไรจริงๆ ก็ โล่งใจ

“เจ้าเด็กแสบ ตอนนี้รู้จักหลอกลวงหม่ามีของลูกแล้วใช่ไหม?” นรมนยืนนิ้วไปจิ้มหน้าผากเธอ ด้วยความโกรธนิดหน่อยและ

เสียใจนิดหน่อย

“โอ๊ย เจ็บค่ะ”

กมลพัวพันนรมนอย่างออดอ้อน ท่าทางยิ้มกริ่มทำให้นรมนไม่สามารถโกรธออกมาได้อีกในทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ