แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 543 ไม่ต้องให้แกบอกมันควรค่าหรือไม่



บทที่ 543 ไม่ต้องให้แกบอกมันควรค่าหรือไม่

นรมน ในที่สุดก็ได้ยินเขา เธอได้ยินที่เจตต์พูด ความไม่สบายใจ ที่พูดออกมาไม่ได้ทำให้เธออยากจะตื่นจากความฝัน แต่ร่างกาย เหมือนมีภูเขาลูกใหญ่กดทับ ทำอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด เปลือกตา หนักเหลือแสน

เธอรับรู้ได้ถึงความทุกข์ของเจตต์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร

โลกของความรู้สึกคือการมาก่อนมาหลังเธอมอบใจให้บุรีศร ไปแล้ว ต่อให้เจตต์ดีกับเธอมากแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางมีใจให้ เจตต์

เจตต์พูดเมื่อครู่จะช่วยเธอครั้งสุดท้าย ในใจนรมนก็คิดเช่น นั้น

การปรากฏตัวของเธอมีแต่ทำให้เจตต์ทุกข์ใจ เมื่อเป็นอย่างนี้ ไม่เจอหน้าเสียดีกว่า บางทีสำหรับเจตต์แล้วเป็นการหลุดพ้น อย่างหนึ่ง

นรมนปลอบใจตนเองอย่างนี้ แต่ก็รู้สึกเสียใจ เสียใจเหมือน สูญเสียญาติไปคนหนึ่ง

หลังเจตต์ออกไปจากห้อง ก็มองเห็น โพนี่เดินเข้ามา พูด เรียบๆ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหน คุณต้องดูแลเธอให้ดี”

“ฉันรับปากค่ะ!”
เมื่อเห็น โพนี่ตอบรับแล้ว เจตค่อยก้าวเท้าออกไป

หลังออกจากโรงพยาบาลทหาร เขาก็ตรงกลับบ้านเก่าของ ตระกูลรัตติกรวรกุล

พรรษาเห็นเขากลับมาแล้ว ตะคอกอย่างโมโห “แกยังรู้ทาง กลับบ้านหรือ ถ้าตอนแรกฉันรู้ว่าแกจะไม่เชื่อฟังอย่างนี้ เอาขี้เถ้า ยัดปากแกตั้งแต่เกิดแล้ว!”

“น่าเสียดายคุณไม่ได้ทำ ตอนนี้ทำได้แค่อดทนแล้วล่ะ

เจตต์กลับมาเป็นคุณชายไม่สนโลกอีกครั้ง ทำเอา พรรษา เดือดจัด “ฉันมีลูกอกตัญญูอย่างแกได้ยังไง!

“ผมจะรู้ได้ไง ผมไม่ใช่คนนอนห้องเดียวกับแม่ซะหน่อย

“แก…”

พรรษามองดูเหมือนจะลงมือกับเจตต์แล้ว แต่ถูกเขาจับมือไว้ ก่อน

“คุณอายุปูนนี้แล้ว รู้อยู่ว่าชนะผมไม่ได้ ยังจะทรมานตัวเอง ทำไม ผมยอมให้คุณตบที่หนึ่งระบายอารมณ์ ตอนที่ผมไม่อยาก ยอม คุณยังคิดว่าจะฟาดผมได้หรือ

เจตต์ยังคงพูดจาบาดหู แต่น้ำเสียงไม่มีความหมายของศัตรู

“คุณ ผมรู้ในใจคุณคิดอะไร คุณอยากยอมรับพฤกษ์กลับมา หรือ ขอแค่ผมเจต ยังมีลมหายใจ ผมไม่มีวันยอมให้เขาเข้า ประตูบ้านตระกูลรัตติกรวรกุล ในฐานะลูกหลานตระกูลรัตติกรวรกุล! ไม่ว่าตอนไหน แม่กับผมคือหัวหน้าตระกูลรัตติกรวรกุลตัว จริง เมียน้อยคุณได้อยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี ควรจะขอบคุณผมที่ เมตตา ไม่อย่างนั้นผมต้องไล่เธอกับลูกไปให้พ้นหูพ้นตาแน่

เจต ผลัก พรรษาพูดอย่างเลือดเย็น “ผมจะไม่อยู่บ้านหลาย วัน ให้เวลาคุณสงบจิตสงบใจ ช่วยดูแลแม่ผมให้ดีที่สุดด้วย ไม่ อย่างนั้นผมจะขายทุกอย่างของตระกูลรัตติกรวรกุล คุณก็รู้ผม เป็นคนยังไง ผมไม่เคยสนใจตระกูลรัตติกรวรกุล ถ้าไม่ใช่เพราะ แม่อาลัยอาวรณ์ คุณคิดว่าเมืองชลธีตอนนี้จะยังมีตระกูลรัตติกร วรกุลอยู่อีกหรือ

“แก…”

พรรษาโกรธจนจุกอก แต่เขารู้ดีเจตต์กล้าทำอย่างนั้นจริง เจต ไม่สนใจเขาอีก เดินตรงเข้าไปในห้อง หยิบข้าวของได้ ก็ ออกไปคุกใต้ดิน

ตังเมเห็นเจตมาแล้ว สีหน้าหวาดกลัว แต่แกล้งทำเป็นนิ่ง เวย

“คุณคิดจะทําอะไร เจตต์ฉันจะบอกคุณ ถ้าคุณมีความสามารถ ก็ฆ่าฉันซะ ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งฉันออกไปได้ ฉันไม่มีทางปล่อย คุณไว้แน่”

“อย่างนั้นหรือ งั้นก็ไปตายซะ แกตายเท่านั้น นรมนถึงจะ ปลอดภัย”

คําพูดของเจต ทําให้ตั้งเมหน้าซีดเผือด
“คุณกล้าฆ่าฉันหรือ อย่าลืมสิ ฉันรู้เรื่องเยอะแยะที่พวกคุณ ไม่รู้ คุณไม่มีทางฆ่าฉัน! ไม่มีทาง!”

“ผิดแล้ว เรื่องที่แกรู้แล้วไม่อยากบอก พวกเราไปสืบเองได้ ถึง จะลำบากหน่อยก็เถอะ ต่อให้สืบไม่ได้ เทียบกับที่แกเป็นภัยกับ นรมน เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญกับผมสักนิด” เจตต์เดินเข้าไปหา ตังเมฆา

ยังไม่รู้สึกว่าเขาเหมือนผีร้ายปืนออกมาจากขุมนรก ตกใจจน กรีดร้องออกมา

“เจต อย่าฆ่าฉัน! ถ้าคุณไว้ชีวิตฉัน ฉันยอมบอกทุกอย่าง ฉันจะบอกทุกอย่างที่รู้ให้คุณดีมั้ย

“ว่ามาสิ”

เจตต์หยุดที่หน้าตังเม

ตังเมมองเขา พูดเสียงหอบ “ฆ่าคนผิดกฎหมาย ต่อให้คุณคือ คุณชายเจตต์ คุณไม่มีทางหนีเงื้อมมือกฎหมายพ้น คุณคิดให้ดี นะ ฉันจะบอกคุณทุกอย่าง และยังหลบไปไกลๆ ได้ไม่มาให้คุณ เจอหน้าอีก เจตต์ ถึงยังไง นรมนก็เป็นผู้หญิงของบุริศร์ ต่อให้มือ คุณเปื้อนเลือดก็ไม่มีทางทำให้เธอซาบซึ้ง

“สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่ความซาบซึ้งของเธอ ขอแค่ขจัดภัย คุกคามเธอหายไป ต่อให้ผมต้องเป็นฆาตกรแล้วยังไง ตอนนี้เธอ มีบริศ เคียงข้าง คอยเป็นห่วง คอยเอาใจ อย่างนั้นผมก็จะช่วย เธอขจัดอุปสรรคและภัยอันตราย ให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ก็พอแล้ว”
เจตต์พูดจบก็เดินเข้ามาใกล้ดังเมอีกครั้ง

ตังเมลนลาน เพราะเธอเห็นแววตาสังหาร ในดวงตาของเจด เขาอยากจะน่าเธอจริงๆ

เจต คุณยอมเป็นฆาตกรเพราะผู้หญิงคนเดียว ควรค่าหรือ

ไม่ต้องให้แกบอกมันควรค่าหรือไม่”

เจตต์พูดจบ ซูมีดคมกริบขึ้น เสียงตัดฉับดังขึ้น ตัดคอของ

ตังเม

ตั้งเมตาเหลือก ไม่อยากเชื่อ แต่ก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก เธอนึก ไม่ถึง เจตต์จะกล้าสังหารเธอจริงๆ

เจตต์มองเธอหมดลมหายใจ พูดเสียงเลือดเย็น “ก่อนหน้าที่ ไม่ฆ่าแก ก็เพราะจะช่วยนรมมหาเบาะแส ในเมื่อแกไม่อยากพูด ก็ไม่ต้องพูดแล้ว ครั้งนี้ไปตามหาบุริศร์ ไม่รู้จะอันตรายแค่ไหน ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาได้ปลอดภัยไหม ถึงได้ต้องกําจัดภัย อันตรายอย่างแก่ก่อน

พูดจบ เขาก็เดินออกไป อยากจะปล่อยให้ศพของทั้งเมค่อยๆ เน่าเปื่อยในคุกใต้ดิน จนกลายเป็นกองกระดูก

ตอนที่เดินออกมา เขาเจอเข้ากับ พรรษาพอดี “แกขังใครในคุกใต้ดินกันแน่”

“ถ้าคุณอยากให้ผมตาย หรืออยากให้ตระกูลรัตติกรวรกุลดับสูญจากเมืองชลธีก็รีบไปเปิดให้คนอื่นมาดูเลย

เจต พูดจบก็ออกไป

พรรษาแปลกใจ เปิดประตูคุกใต้ดิน ตกใจจนตัวแข็งทื่อ

“เจตต์ ลูกอกตัญญู! อยากจะทำให้ฉันตกใจตายหรือไง” พรรษาสั่นเทาไปทั้งร่าง แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้จะให้

ใครรู้ไม่ได้

เขารีบปิดประตูคุกใต้ดิน ถึงกับลงกลอนสองชั้น

ถึงอย่างไรเจตต์ก็เป็นลูกชายของเขา

เจต ไม่สนใจ พรรษาจะทําอะไร เขาเดินตรงไปขึ้นรถ ออกไป ตามหาบุริศร์ตามเส้นทางที่นรมนเคยบอกไว้

ตามเส้นทางเห็นร่องรอยที่บุริศร์ทิ้งไว้มากมาย ร่องรอยพวกนี้ ถ้านรมนรู้เข้า เจตต์กล้ายืนยันได้เธอจะต้องอยู่เฉยๆ ที่ ตระกูล โตเล็กไม่ได้แน่ ยิ่งไม่มีทางยอมพักฟื้นบนเตียงคนไขง่ายๆ

ต้องพูดว่า ศัตรูของบุริศร์เหี้ยมจริงๆ ตลอดเส้นทางเห็นร่อง รอยน่าเหลือเชื่อและลอบสังหารตลอดทาง ถ้าหากเป็นคนทั่วไป คงตายไปนานแล้ว ยังดีที่อีกฝ่ายคือบริศร์

ขณะที่เจตต์ขับรถไปถึงหมู่บ้านเล็กๆ ที่บุริศร์หายตัวไป รู้สึก ว่าที่นี่ไม่มีอะไรผิดปกติ เขามาถึงโรงแรมเล็กๆ เปิดห้องพัก แล้ว เลียบเคียงถามเจ้าของโรงแรม

“คุณผู้หญิงครับ ไม่กี่วันก่อนที่นี่มีเรื่องอะไรผิดปกติไหมครับ
“เรื่องผิดปกติหรือ คุณหมายถึงแง่ไหนล่ะคะ”

เจ้าของเป็นหญิงวัยกลางคน เห็นเจตต์หน้าตาดี น้ำเสียงอ่อน หวานทีเดียว

เจต เป็นเพลย์บอย ทำไมจะไม่เข้าใจความหมายของเธอ แต่ เขาไม่มีใจจะคิดเรื่องนี้ก็พอแล้ว

“คุณผู้หญิงครับ ถ้าคุณเล่าให้ผมฟัง ไม่แน่ผมอาจจะให้เงินกับ

เขาหยิบเงินในกระเป๋าออกมาอีกหนึ่ง

เจ้าของโรงแรมเห็นเงินก้อนโต ถึงกับตาค้าง รีบยิ้มหวาน “พวกเราที่นี่เป็นดินแดนที่ไม่มีทางการควบคุม คุณอย่าดูแต่ เปลือกนอกเห็นที่นี่เงียบสงบ ที่จริงที่นี่มีเรื่องเยอะแยะที่แปลกๆ จนเคยชินแล้ว”

“เรื่องเยอะแยะคือเรื่องอะไรครับ”

“อย่างเช่นค้ามนุษย์ อย่างเช่นยาเสพติด

คำพูดของเธอทำให้เจตต์ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง

บริศ ตามร่องรอยเด็กที่ถูกพาไปขายมาที่นี่ เขาคาดว่าเด็กนั่น คือกานต์ เมื่อเธอพูดถึงค้ามนุษย์ สายตาของเขาเป็นประกาย แวบหนึ่ง

“ค้ามนุษย์นั้นหรือ คนที่ขายจะขายเด็กไปที่ไหนกันหรือครับ เมื่อได้ยินเจตต์ซักถามอย่างมีเป้าหมาย เจ้าของโรงแรมก็รีบเล่าให้ฟัง “ที่นี่มีเมืองใต้ดิน เปิดเฉพาะตอนกลางคืน เด็กที่ถูก ขายมาจะแบ่งตามหน้าตา ถ้าหน้าตาดีหน่อยล่ะก็ จะกลายเป็น ของเล่นให้แย่งกันประมูล ถูกพวกเศรษฐีซื้อไปเป็นของเล่น ถ้า หน้าตาไม่ค่อยดี ก็จะส่งให้คนที่หาเมียแต่งไม่ได้ตามชนบทห่าง ไกล

“พวกคุณที่นี่เย้ยฟ้าท้ากฎหมายมากนะ!”

เจตต์เหมือนเห็นโลกกว้างแล้ว จึงไม่แสดงท่าทางกระโดก กระดาก แต่รู้สึกสะอิดสะเอียน

ค้ามนุษย์เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจที่สุดในโลก ยิงสักร้อยครั้งยัง ไม่พอชำระแค้น แค่กฎหมายไม่อาจลงโทษประหารชีวิตพวกนี้ได้

เพราะเจตต์พูดแบบเรื่อยๆ เจ้าของโรงแรมไม่เห็นเขายินดี จึง ถามอย่างไม่สบายใจ “หนุ่มหล่อ คุณคงไม่ใช่ตำรวจนะ

“ผมไม่ว่างขนาดนั้น แค่อยากเข้าไปดูหน่อย เมืองใต้ดิน เข้าไปได้ไหม”

“ไม่ได้หรอก ถ้าใครๆ ก็เข้าไปได้ พวกเราไม่อยู่รอดมาถึงตอน นี้หรอก”

เจ้าของโรงแรมรีบพูด

เจตต์ยื่นเงินในมือให้เธอ พูดเรียบๆ ช่วยบอกทางผมไปยังไง หรือแนะนำให้ผมเข้าไปก็ได้ ผมจะให้อีกสองหมื่น

“สอง สองหมื่น จริงหรือคะ”
เจ้าของโรงแรมเมื่อได้ยินอย่างนี้ ความโลภปรากฏในสายตา อีกครั้ง

เจตต์ขี้เกียจพูดไร้สาระกับเธอ ควักเงินสองหมื่นออกมาโยน ลงบนเคาเตอร์

“ช่วยจัดการให้เรียบร้อยด้วย เงินนี้เป็นของคุณ

“ไม่มีปัญหาๆ พี่ชาย พักผ่อนก่อน คืนนี้ฉันจะพาคุณไปหาคน รับผิดชอบ มีแต่เขาคนเดียวถึงจะให้บัตรผ่านคุณเข้าเมืองใต้ดิน

เจตต์เห็นเธอพูดอย่างนั้น ก็ไม่พูดจาอะไรอีก จะเดินขึ้นชั้นบน

ไป

“ก่อนคืนนี้อย่าให้ใครไปรบกวน ใครก็ไม่ได้เข้าใจไหม

“รู้แล้วค่ะๆ คุณอยากได้น้ำร้อนไหมคะ”

“ไม่ต้อง!”

เจต เห็นท่าทางของเจ้าของโรงแรมแล้ว เขาไม่แน่ใจนักเธอ จะฉวยโอกาสตอนมาส่งน้ำร้อนคิดทำอะไรกับเขาหรือเปล่า ตอน นี้เขาไม่สนใจหญิงแก่อย่างนี้

เจ้าของโรงแรมรับเงินแล้ว ย่อมเชื่อฟังเจตต์ทุกอย่าง

เมื่อราตรีมาเยือน เจ้าของโรงแรมเคาะประตูห้องเจตต์ บอก

ว่าจะพาไปหาคนที่ให้บัตรผ่านเขาได้ เจตต์แต่งตัวเต็มที่ ตามเจ้าของโรงแรมไปที่หนึ่ง แต่ตอนที่เขาเห็นคนให้บัตรผ่าน เจตต์ตะลึงจังงัง เป็นเขาได้อย่างไรกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ