แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 520 ฉันจะไม่ทางปล่อยพวกเขาไปแน่



บทที่ 520 ฉันจะไม่ทางปล่อยพวกเขาไปแน่

พฤกษ์ไม่ได้รับการตอบกลับจากเจตต์ ยังไงก็รู้สึก ร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว

“คุณยังฟังอยู่หรือเปล่าครับ?”

“นายนี่พูดมากจริง ๆ”

แล้วเจตต์ก็กดวางสายไปเลย ยังไงในใจก็ยังรู้สึก อัดอั้นอยู่บ้าง

ถ้าเอาเรื่องนรมนแยกออกไปแล้ว ที่จริงเจ้าเด็ก กานต์นี่ก็ช่างทำให้คนรักและเอ็นดูอยู่นะใช่ไหม? ถึง แม้ว่ามีบางครั้งเจ้าเด็กตัวเหม็นนี่จะชอบแกล้งตัวเองอยู่ บ้าง แต่ว่าพูดโดยรวมแล้วก็ถือได้ว่าไม่เลวนะ

เจตต์ถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่าง ยอมจำนน

ชาติที่แล้วเขาจะต้องติดค้างกานต์ไว้แน่ ชาตินี้ถึง ได้ให้เจ้าเด็กนี่มาทวงคืนที่นี่ได้

พอคิดไปแบบนี้ ในใจของเจตต์ก็สบายมากขึ้นแล้ว

ถ้าหากที่พฤกษ์และตัวเองทายไว้ไม่ผิดแล้วละก็ ตอนนี้ที่ตระกูลโตเล็กจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแล้วแน่ ๆ สําหรับเกิดเรื่องอะไรขึ้นนั้น เจตต์ก็ไม่สะดวกที่จะเข้าไป สืบเสาะนัก เพราะฉะนั้นการไปช่วยกานต์ในครั้งนี้ก็คือ การไปโดยไม่ได้คาดหมายไว้เลย ตอนนี้เขาเป็นคนสืบทอดของตระกูลรัตติกรวรกุลเป็นแค่เพียงนักธุรกิจคนหนึ่ง ถึงแม้จะพอมีอำนาจและ ชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ว่าถ้าจะให้คนของรัฐออกหน้าออกตา ให้จริง ๆ แล้วล่ะก็ คงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าตระกูลทวี ทรัพย์ธาดาแล้ว

หลังจากที่เจตต์ตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ไปที่บ้านตระกูลทวี ทรัพย์ธาดาเลย และไปหาธรณี แล้วเอาข้อความที่กานต์ ส่งมาให้ธรณีดู

เห็นได้ชัดว่า ธรณีเองก็นิ่งอึ้งไปอย่างมีความสงสัย อยู่บ้าง

“เกิดเรื่องขึ้นกับกานต์เหรอ?”

“นี่มันก็ดูออกได้ง่าย ๆ อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้า หากว่าเขาสามารถขอความช่วยเหลือกับตระกูลโตเล็ก ได้ละก็ ก็คงจะต้องส่งข้อความให้บริศร์แน่ แต่ว่าเขาไม่ ได้ทำ นี่สามารถพูดได้ว่าตระกูลโตเล็กจะต้องเกิด ปัญหาขึ้นแน่ ตอนนี้ผมสามารถพาตำรวจไปได้เลย แต่ ว่าแบบนั้นมันจะค่อนข้างประเจิดประเจ้อเกินไป ผมกลัว ว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น เพราะฉะนั้นก็จะมาดูสักหน่อยว่า คุณชายธรณีจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง”

คำพูดของเจตต์พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ธรณียังจะนิ่งอึ้ง อยู่อีกได้ยังไง?

ไม่ว่าจะพูดยังไง กานต์ก็ยังเป็นลูกหลานของ ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอยู่

“ผมจะรีบไปสถานีตำรวจเดี๋ยวนี้เลย”

ธรณีวางธุระทุกอย่างลง แล้วก็ไปสถานีตำรวจ พร้อมกับเจตต์ แล้วก็แอบวางแผนกันไปชุดหนึ่ง แล้วเจตต์ก็ใช้ข้ออ้างจะตรวจดูชมรมยิงปืนสักหน่อยแล้วก็ไปที่ ชมรมก่อนเลย

พอผู้จัดการของชมรมเห็นเจตต์มาแล้ว ยังไงก็ยัง แปลกใจอยู่บ้าง

“คุณชายเจตต์? คุณมาได้ยังไงกันครับ?”

“ฉันได้ยินมาว่าที่พวกคุณนี่มีชมรมยิงปืนอยู่แห่ง หนึ่ง แล้วฉันก็ถอนตัวจากวงการมานานขนาดนี้แล้ว ไม่ ได้ฝึกฝีมือมานานแล้ว เป็นยังไง? ที่พวกคุณนี่เก็บค่า บริการกันยังไง?

เจตต์ยังไงมีท่าทางเอ้อระเหยลอยชายอยู่ ผู้จัดการเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้ว พูดขึ้นว่า “คุณชายเจตต์มาเที่ยวเล่น ยังจะพูดเรื่องเก็บ ค่าบริการอะไร สามารถเลือกที่คุณต้องการเล่นได้เล่น ให้เต็มที่เลยก็พอแล้ว”

“มันจะไปได้ได้ยังไง! ไม่ว่ายังไงพวกคุณก็เปิดประตู ทำธุรกิจกันอยู่ ผมไม่ใช่พวกคนไฮโซชอบวางอำนาจสัก หน่อย ยังจะมาติดอยู่ที่เงินของพวกคุณแค่นี้เหรอ? ไป ไปทำบัตรสมาชิกVIPมาให้คุณชายอย่างฉันหน่อยซิ วัน นี้คุณชายอย่างฉันจะเล่นอยู่ที่นี่ให้สนุกไปเลย”

เจตต์เอาบัตรเครดิตโยนไปตรงหน้าผู้จัดการ

ผู้จัดการรู้จักนิสัยของกานต์ดี คุณชายเจ้าเสเพล คนนี้ดูไปแล้วถึงจะเสเพล แต่ว่ากลับไม่อนุญาตให้คนอื่น ปฏิเสธเด็ดขาด

แล้วเขาก็รีบให้คนไปทำบัตรสมาชิกให้กับเจตต์มา ใบหนึ่ง และแน่นอนว่ามีส่วนลดด้วยเจตต์เองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก หลังจากที่รับบัตร สมาชิกมาแล้วก็เริ่มเดินไปเรื่อย ๆ “แนะนำหน่อยซิ ที่นี่ นอกจากยิงปืนแล้ว ยังมีอะไรอีกล่ะ?”

“คุณชายเจตต์อยากจะเล่นอะไรล่ะครับ?”

ผู้จัดการเดาความชอบของเจตต์ไม่ออก จึงได้แน่ เปิดปากเอ่ยถาม

แล้วเจตต์ก็พูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “เล่นอะไรเห รอ? ฉันก็ไม่รู้จริง ๆ ช่วงนี้เล่นอะไรก็รู้สึกไม่ค่อยสนุกเลย ช่างเถอะ ฉันเดินดูคนเดียวก่อนดีกว่า”

“เอ่ออันนี้ ให้พนักงานพาคุณเดินดูก่อนดีกว่า คุณ ชายเจตต์ ที่เรานี้ค่อนข้างวุ่นวาย อย่าให้คนอื่นทำร้าย โดนคุณเข้าล่ะ”

คำพูดของผู้จัดการทำให้เจตต์รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เล็กน้อย

“คนของคุณสามารถทำฉันบาดเจ็บได้เหรอ? ล้อ เล่นอะไรกัน! ฉันเจตต์ รัตติกรวรกุลเป็นใคร? ทั่วทั้งเมือง ชลธีนอกจากบริศร์แล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำร้ายฉันได้ ไสหัวไปไกล ๆ เลย!”

เจตต์ผลักผู้จัดการออกทีหนึ่ง แล้วก็เดินไปข้างใน อย่างวางอำนาจมาก ๆ

ผู้จัดการรีบกะพริบตาให้คนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วให้คน คอยตามเจตต์ไว้ แล้วไม่รู้อะไรในช่วงที่เขากับเจตต์ กำลังเกี่ยวพันกันอยู่นั้น ตำรวจที่ธรณีจัดแจงไว้ก็ได้ใส่ ชุดนอกเครื่องแบบและแฝงตัวเข้ามาแล้ว

เจตต์มองไปทางซ้ายทีมองไปทางขวาที แล้วอยู่ ๆ ก็พบว่าเจ้าเด็กกานต์นี่มีพรสวรรค์ทางด้านการวาดรูปมาก เลย ที่แห่งนี้ไม่มีความแตกต่างกับในรูปเลยสักนิด

เขาเดินไปถึงหน้าประตูบานหนึ่งแล้วก็หยุดลง

“ห้องนี้เอาไว้ทำอะไร?”

เจตต์ถามขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างกับว่าเบื่อหน่าย พูดแล้วก็จะผลักประตูเข้าไป แต่กลับโดนพนักงานที่อยู่ ข้าง ๆ สกัดไว้ก่อน ๆ

“คุณชายเจตต์ ที่นี่เป็นที่ที่พนักงานของเราเอาไว้พัก ผ่อน ไม่มีอะไรน่าดูหรอก”

เจตต์เห็นแววตาของพนักงานมีแววหลบหลีกเล็ก น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นแล้วพูดขึ้นว่า “ที่ที่พนักงาน พักผ่อนเหรอ?”

“ใช่ ใช่ ใช่”

“งั้นฉันก็ยิ่งต้องดูหน่อยแล้ว จะดูว่าปกติแล้ว

พนักงานของพวกคุณเป็นยังไงกัน?” พูดแล้ว เจตต์ก็จะผลักประตูบานนั้นออก

พนักงานร้อนใจจนอยากจะเข้าไปขวาง แต่อยู่ ๆ ก็ พบว่าตัวเองโดนคนปิดปากเอาไว้แล้ว จากนั้นก็โดนคน ควบคุมไว้อย่างรวดเร็ว

เจตต์มองดูข้างนอก รวมทั้งผู้จัดการอยู่ในนั้นต่างก็ โดนคนของธรณีควบคุมไว้หมดแล้ว

นอกจากที่ข้างในไม่รู้ว่ามีคนเท่าไหร่แล้ว ข้างนอก ถือได้ว่าโดนจัดการเรียบร้อยแล้ว

เจตต์ส่งสัญญาณมือให้ธรณีอันหนึ่ง แล้วก็มีคนอีกไม่กี่คนตามเจตต์ผลักประตูบานนั้นเข้าไปเลย แล้วก็เดิน ลงไปในห้องใต้ดิน

ทุกอย่างที่นี่แค่มองทีเดียวก็มองชัดเจนหมดแล้ว แม้แต่ข้างในกรงเหล็กในห้องใต้ดินก็ยังมีรอยเลือด อยู่

เจตต์ดมกลิ่นที่ไม่น่าดมนี้อยู่ แล้วมีความไม่อยากจะ เชื่อว่าแผนที่ที่กานต์ให้เขาจะเป็นที่แห่งนี้ไปได้ เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่โดนจับตัวมาไว้ที่แห่งนี้เหรอ? แต่ว่าก็ไม่มีเงาของกานต์เลย!

แล้วก็ในช่วงที่เจตต์หากานต์ไม่เจออยู่นั้น ตำรวจที่ อยู่ข้าง ๆ ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณชายเจตต์ ทางโน้นมี ประตูอยู่ เหมือนกับว่าจะสามารถเปิดทะลุไปได้ครับ”

“ไปดูกันซิ!”

แล้วคนทั้งหมดก็รีบเปิดประตูบานนั้นออก แล้วก็เห็น สนามฝึกที่อยู่ข้างนอกนั้น

จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่า ที่นี่นั้นเลือกได้ไม่เลวเลย ทะลุ ออกมาจากใต้ดิน นี่มันเป็นที่หลบภัยในใต้ดินสมัยก่อน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสนามฝึกฝนของคนพวกนี้ไป แล้ว

“ใคร?”

คนเฝ้ายามมองเห็นคนหลายคนนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะ ตะโกนถามคำหนึ่ง

กานต์รีบเงยหน้าขึ้นมาดู แล้วก็เห็นเจตต์เตะคนเฝ้า ยามคนนั้นออกไปทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างอวดดีว่า “แกตาบอดเหรอ ไม่รู้ว่าคุณชายอย่างฉันเป็นใครเหรอ? ยัง กล้ามาขวางคุณชายอีก ฉันว่าแกนี่มีชีวิตจนเบื่อแล้วใช่ ไหม!”

พอเจตต์ที่อวดดีขนาดนี้ปรากฏตัวออกมา คน

ทั้งหมดก็อึ้งไปทันทีเลย กานต์รีบจับมือของเรนนี่เอาไว้ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้น

ว่า “ไปกับฉัน!”

เรนนี่รู้สึกตื่นเต้นและกลัวเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังตาม กานต์ไปติด ๆ

คนเฝ้ายามพบว่ากานต์กับเรนนี่จะหนี ก็เลยอดไม่ ได้และเอาแส้ขึ้นมาเฆี่ยนออกไป

“เจ้ากระดูกชั้นต่ำ! ยังกล้าหนีอีกเหรอ! ”

กานต์เพราะว่าอยากจะปกป้องเรนนี่ จึงเอาตัวเรนนี่ มากอดไว้ในอ้อมอก

เสียง เพียะ”ดังขึ้นคำหนึ่ง แล้วแส้ก็สะบัดมาลงบน หลังของกานต์พอดี จนเกิดเป็นรอยเลือดยาวเส้นหนึ่ง

“คุณอาเจตต์ คุณยังมัวอึ้งอยู่ทำไมอีก?”

กานต์เจ็บจนเหงื่อเย็นซึมออกมาแล้ว

พอเจตต์ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็รีบเงยหน้าขึ้นมา ทันที แล้วถึงเพิ่งเห็นกานต์ที่โดนคนเฆี่ยนไปแส้หนึ่งที่อยู่ ตรงหน้า

นี่คือกานต์เหรอ?

เจตต์ไม่กล้าเชื่อสิ่งที่มองเห็นทั้งหมดตรงหน้านี่จริงผมเผ้ารุงรัง หน้าตาซีดโทรมเนื้อตัวผอมแห้ง บาดแผลเต็มไปหมด นี่มันเป็นไปได้ยังไงที่เป็นกานต์?

แต่ว่าแววตาของเขามันร้อนรนขนาดนั้น

พอกานต์เห็นเจตต์ยืนอึ้งอยู่ ในใจก็ด่าไปคำหนึ่งว่า จากนั้นก็ตะโกนบอกเด็ก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “วิ่งเร็ว! วิ่ง หมู ไปข้างนอกข้างนอกเป็นตำรวจหมดเลย! ขอแค่พวกเรา วิ่งออกไปได้ก็มีทางรอดแล้ว!”

พอคำพูดนี้พูดออกไป พวกเด็ก ๆ ก็อึ้งไปแค่สอง สามวินาที จากนั้นก็วิ่งออกไปข้างนอกราวกับบ้าคลั่ง

ในเวลาแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากมีทางรอด และอยากจะ ออกไปจากที่นี่ ถึงแม้จะมีความหวังแค่เศษหนึ่งส่วนพัน ก็ตาม

เรนนี่รู้สึกเป็นห่วงกานต์เล็กน้อย แล้วอยากจะทำท่า ทางอะไร แต่กลับโดนกานต์จับมือทั้งคู่ไว้แน่นแล้วพูดว่า “ตามฉันมา ฉันจะไม่ให้เธอต้องโดนทำร้ายอะไรอีก”

พูดแล้ว เขาก็จูงมือของเรนนี่ไว้แล้ววิ่งไปทางเจตต์

“ยังจะมัวแต่ดูอะไรอยู่อีก? สมองหมูอย่างคุณนี่! จะ ต้องให้ผมตายไปคุณถึงจะดีใจใช่ไหม?”

กานต์รู้สึกว่าสมองของตัวเองคงทึบไปแล้ว ทำไมถึง ได้ส่งข้อความไปให้เจตต์ได้นะ? คนคนนี้นี่ช่างพึ่งไม่ ค่อยได้จริง ๆ เลย

แล้วเจตต์ถึงจะตั้งสติกลับมาได้

เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ด่าเขาว่าอะไรนะ?

นี่กานต์กล้าด่าเขาว่าเป็นหมูเลยเหรอ?นี่ตัวเขามาช่วยเขาเลยนะ!

แต่ว่าพอเห็นกานต์ที่โดนตีจนกลายเป็นสภาพแบบนี้ แล้ว ไฟโกรธในใจของเจตต์ก็ลุกขึ้นมาแล้ว

ไม่ว่าจะพูดยังไง เขาสามารถรังแกเจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ ได้ แต่ถ้าคนจะรังแก ก็ยังต้องถามเขาเจตต์ รัตติกรว รกุล ว่าจะยอมตอบตกลงไหม

“แมร่งนี่ คนของคุณชายอย่างฉันพวกแกยังกล้า แตะต้องอีกเหรอ กินหัวใจหมีดีเสือมาหรือไง?”

เจตต์ยกเท้าแตะลอยไปทีหนึ่ง แล้วก็แตะคนที่ตาม มาข้างหลังกานต์ลอยออกไปเลย

ตำรวจที่อยู่ข้างหลังก็ไม่ได้ว่างกันอยู่ แล้วก็รุกหน้า เข้ามาควบคุมตัวคนเฝ้ายามที่อยู่ที่นี่เอาไว้

กานต์พาเรนนี่วิ่งออกไปแล้วก็ไม่ได้สนใจเจตต์อีก และก็วิ่งออกไปไม่ยอมหยุด

พอออกมาแล้วถึงพบว่าข้างนอกนั้นมีแต่ตำรวจ พวก เด็ก ๆ รอดแล้ว และที่สำคัญธรณีก็ได้ควบคุม สถานการณ์ทั้งหมดหมดเอาไว้แล้ว

เจตต์และธรณีร่วมมือกันได้อย่างเคร่งครัดและเป็น ความลับมาก จนทำให้พวกเขาไม่มีเวลาอะไรให้ไป ติดต่อกับโลกภายนอก แล้วก็ทลายฐานที่มั่นแห่งนี้ได้ อย่างรวดเร็วเลย

ในเมื่อกานต์ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว และ

วันนี้ก็พยายามฝืนทนรอจนพวกเขามาถึง หลังจากที่เห็น ว่าพวกเด็ก ๆ ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ร่างกายของกานต์ ก็เริ่มชวนเซเล็กน้อยแล้วนี่ตัวเขามาช่วยเขาเลยนะ!

แต่ว่าพอเห็นกานต์ที่โดนตีจนกลายเป็นสภาพแบบนี้ แล้ว ไฟโกรธในใจของเจตต์ก็ลุกขึ้นมาแล้ว

ไม่ว่าจะพูดยังไง เขาสามารถรังแกเจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ ได้ แต่ถ้าคนจะรังแก ก็ยังต้องถามเขาเจตต์ รัตติกรว รกุล ว่าจะยอมตอบตกลงไหม

“แมร่งนี่ คนของคุณชายอย่างฉันพวกแกยังกล้า แตะต้องอีกเหรอ กินหัวใจหมีดีเสือมาหรือไง?”

เจตต์ยกเท้าแตะลอยไปทีหนึ่ง แล้วก็แตะคนที่ตาม มาข้างหลังกานต์ลอยออกไปเลย

ตำรวจที่อยู่ข้างหลังก็ไม่ได้ว่างกันอยู่ แล้วก็รุกหน้า เข้ามาควบคุมตัวคนเฝ้ายามที่อยู่ที่นี่เอาไว้

กานต์พาเรนนี่วิ่งออกไปแล้วก็ไม่ได้สนใจเจตต์อีก และก็วิ่งออกไปไม่ยอมหยุด

พอออกมาแล้วถึงพบว่าข้างนอกนั้นมีแต่ตำรวจ พวก เด็ก ๆ รอดแล้ว และที่สำคัญธรณีก็ได้ควบคุม สถานการณ์ทั้งหมดหมดเอาไว้แล้ว

เจตต์และธรณีร่วมมือกันได้อย่างเคร่งครัดและเป็น ความลับมาก จนทำให้พวกเขาไม่มีเวลาอะไรให้ไป ติดต่อกับโลกภายนอก แล้วก็ทลายฐานที่มั่นแห่งนี้ได้ อย่างรวดเร็วเลย

ในเมื่อกานต์ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว และ

วันนี้ก็พยายามฝืนทนรอจนพวกเขามาถึง หลังจากที่เห็น ว่าพวกเด็ก ๆ ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ร่างกายของกานต์ ก็เริ่มซวนเซเล็กน้อยแล้วเรนนี่รีบประคองเขาไว้ทันที และร้องไห้อ่ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่ แต่กลับไม่สามารถเปล่งเสียงที่สมบูรณ์ออกมาได้ ธรณีมองเห็นกานต์อย่างรวดเร็ว หัวใจทั้งดวงก็บิด กันขึ้นมา

นี่เขาอยู่ที่นี่จริงด้วยเหรอ?

ถ้าหากว่าให้นรมนมาเห็นว่าลูกชายของตัวเองโดน ทารุณจนกลายเป็นสภาพนี้ เธอจะต้องทุกข์ใจมากขนาด ไหนกัน

“กานต์!”

ธรณีรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วก็คว้ากานต์ มากอดไว้

กานต์ร้องโอ๊ยค่าหนึ่ง แล้วของเหลวอุ่นร้อนก็เปื้อน

อยู่บนมือธรณี

เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ และมองดูเลือดแดงสด ๆ ที่ อยู่บนมือ แล้วดวงตาก็แดงขึ้นมาทันที

“ไอ้พวกตายโหงพวกนี้ ฉันจะไม่มีทางปล่อยพวกมัน ไปแน่!”

ในตอนที่กานต์เห็นธรณีก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

เขาคิดไม่ถึงว่าเจตต์จะไปหาธรณี และร่วมมือกับ ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาได้ ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่คุณนาย ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาทำเรื่องพวกนั้นต่อนรมนแล้ว กานต์ก็ไม่ได้มองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาว่าเป็นคนอีกเลย แต่ว่าตอนนี้เขาฝืนไม่ไหวแล้วจริง ๆ

เรนนี่ที่อยู่ข้างกายก็ร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่กานต์หันหน้าไปยิ้มให้เธอเล็กน้อย ยิ้มแล้วพูดกับ เธอว่า “ไม่เป็นไร พวกเราเป็นอิสระแล้ว และพวกเราก็ได้ ออกมากันแล้ว แล้วก็จะไม่โดนพวกเขาจับตัวไปอีกแล้ว เธอจะต้องดีใจซิ อย่าร้องไห้”

เรนนี่กลับยิ่งร้องหนักขึ้นไปอีก แล้วก็กุมมือของ กานต์ไว้แน่น และไม่รู้ว่าควรจะแสดงความรู้สึกของตัว เองยังไง

กานต์หันหน้าไปมองธรณีแล้วพูดขึ้นว่า “คุณตา ธรณี เด็ก ๆ พวกนี้โดนตัดลิ้นไปหมดแล้ว พวกเขาพูดไม่ ได้ ถ้าพวกคุณจะสอบปากคำแล้วละก็ ทางที่ดีที่สุดก็ให้ กระดาษกับพวกเขาใบหนึ่ง ให้พวกเขาเขียนออกมา คน ที่อยู่ข้าง ๆ ผมคนนี้ชื่อเรนนี่ เธอปกป้องผมมาตั้งแต่แรก ໆ ถึงได้ทำให้ผมมีเวลาส่งข้อความไปให้พวกคุณได้ คุณ ช่วยผมดูแลเธอให้ดีด้วยได้ไหมครับ?”

“ได้ ฉันจะดูให้!” พอคําพูดของธรณีพูดจบลง กานต์ก็หมดสติไปเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ