แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 966 คุณไม่จําเป็นต้องเจอเธอ



บทที่ 966 คุณไม่จําเป็นต้องเจอเธอ

คนที่มาคือพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน พวกเขามาทำไม นรมนไม่ต้องเดาก็รู้ “นรมน สบายดีมั้ย

สายตาแม่นรมนมีแววสงสาร

เธอเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด มองนรมนเป็นห่วง ทำให้ใจนรมน รู้สึกอบอุ่น

“ก็ดีค่ะ”

เธอเดินเข้าไป รับของในมือแม่นรมน

“ของบำรุงพวกนี้แม่กับพ่อตั้งใจซื้อมาให้ลูก อย่าลืมกินนะ” สายตาแม่นรมน ใจดี นรมนคัดจมูกอยากจะร้องไห้ “ค่ะ”

“ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน ทะเลาะกับบุริศร์หรือ ทำไมไม่เห็นเขามา ด้วยล่ะ”

พ่อนรมนขมวดคิ้ว ถามคำถามที่นรมนไม่รู้จะตอบอย่างไร “หนูยังมีธุระที่นี่ ช่วงนี้ยังไม่กลับเมืองชลธีค่ะ”

“เรื่องอะไรสำคัญกว่าสุขภาพ แท้งแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ อยู่ที่นี่คนเดียวได้ยังไง บุริศร์ก็เหมือนกัน ปล่อยให้ลูกอยู่ที่นี่คนเดียว ได้ยังไง ลูกบอกว่าไม่มีปัญหา พ่อไม่เชื่อหรอก”

พ่อนรมนถามตรงๆ

นรมนฟังออกว่าพ่อแม่เป็นห่วงเธอ พูดจาอ่อนลงมากทีเดียว “เรื่องหนูกับเขาหนูจัดการเองได้ค่ะ พ่อแม่มาถึงนี้เพราะเรื่อง เนตรา ใช่มั้ยคะ”

เมื่อนรมนพูดถึงเนตราพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนก็หน้าเปลี่ยน สีไปบ้าง

เมื่อเห็นท่าทางพวกเขา ความรู้สึกอบอุ่นที่นรมนรู้สึกเมื่อครู่ เย็นลงไปทีเดียว

“พ่อแม่คะ ถ้าเพราะเนตราล่ะก็ กลับไปเถอะค่ะ หนูช่วยอะไร

ไม่ได้”

“ทําไมถึงช่วยไม่ได้ล่ะ นรมน ถ้าประชาชนไม่ฟ้องร้องเจ้า

หน้าที่ก็ไม่เอาเรื่อง ขอแค่ลูกไม่คิดเล็กคิดน้อย พวกเขาก็ไม่ขัง

เนตราแม่กับพ่อของลูกชาตินี้มีลูกสาวคนเดียว ลูกเห็นแก่ที่พวก เราเลี้ยงดูมาหลายปีนี้ปล่อยเธอไปได้มั้ย”

แม่นรมนดึงชายเสื้อนรมน ท่าทางน่าสงสารในสายตานรมน ช่างบาดตาเหลือเกิน

“เธอเป็นลูกสาวของพ่อแม่ หนูไม่ใช่หรือคะ หลายปีมานี้ หนู ปฏิบัติกับพ่อแม่เหมือนพ่อแม่แท้ๆ ไม่ใช่หรือคะ แม่คะ แม่พูด ด้วยใจเป็นธรรม หนูแย่ขนาดนั้นหรือ แต่ตอนนี้เธอขโมยงานออกแบบไปให้คนอื่น ขโมยแรงงานไม่ว่า ถึงกับจ้างคนมาขับรถ ชน ถ้าหนูถูกชนตาย พ่อแม่ก็รู้สึกว่าเนตราไม่ได้ทำผิดหรือคะ”

นรมนเจ็บปวดรวดร้าว

พ่อนรมนขมวดคิ้ว พูดเย็นชา “ตอนนี้ลูกก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ใช่หรือ

“หนูเสียลูกไป! เรียกว่าไม่เป็นไรหรือคะ”

นรมนมองพ่อนรมนเหมือนมองคนแปลกหน้า

พวกเขาเย็นชากับเธอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

พ่อนรมนถูกนรมนมองจนไม่กล้ามองหน้าตรงๆ รีบหันหน้าไป กระซิบ “ลูกมีใหม่ได้ อีกอย่าง ใช่ว่าหนูไม่เคยมีลูก ก็ยังมีกานต์ กับกมลไม่ใช่หรือ เสียเด็กไปคนหนึ่งก็ไม่เป็นไร แต่เนตรายังไม่ ได้แต่งงานนะ”

ความอบอุ่นในใจนรมนเย็นชืดหมดแล้ว

เธอไม่ควรรอคอยอะไรแล้ว

ทีแรกคิดว่าพวกเขาเอาของบำรุงมาให้ อย่างน้อย ในใจก็ยังมี เธอ นึกไม่ถึงว่าจะเย็นชาขนาดนี้จริงๆ

นรมนยิ้มเย็น ยัดของในมือแม่นรมนแล้วจะเดินหนีไป

“นรมน ลูกจะไม่สนใจเนตราไม่ได้นะ หลายปีมานี้ถ้าไม่ใช่แม่ แท้ๆ ของเธอวางแผนหลอกพวกเรา ตอนนี้เนตราของเราก็คงไม่ เป็นแบบนี้ ถือว่าเธอชดใช้แทนแม่ของเธอได้มั้ย ขอแค่ลูกปล่อยเนตราไป พวกเราจะพาเนตราไปไกลๆ บ้านนั้นพวกเราก็ไม่เอา รับรองต่อจากนี้เนตราจะไม่มารบกวนลูกอีกดีมั้ย ถือว่าแม่ ขอร้องล่ะ!”

แม่นรมนพูดถึงตรงนี้ก็คุกเข่าต่อหน้านรมน

คนบนท้องถนนมากมาย วินาทีที่แม่นรมนคุกเข่าลง นรมนก็รู้ แล้ว พวกเขาจะใช้คุณธรรมผูกมัดเธอ ในที่สุดก็พูดความในใจ ออกมาแล้วใช่มั้ย

ที่แท้พวกเขายังตำหนิแผนของคิมตอนนั้น

นรมนหันมามองคนแก่สองคนที่เลี้ยงดูเธอมา เธออยากจะเก็บ ความทรงจําที่สวยงามในอดีตไว้ น่าเสียดายพวกเขาไม่ให้

โอกาสเธอ

“ฉันจำได้ความรักความผูกพันระหว่างเรา ถูกเงินสิบล้านซื้อ

ขาดแล้วไม่ใช่หรือคะ”

คำพูดของนรมนทำให้สีหน้าแม่นรมนซีดเผือด

“ถ้าชอบคุกเข่า ก็คุกเข่าเถอะ ฉันไม่มีทางปล่อยเนตราเธอ ไม่ใช่แค่อยากชนฉันตาย เธอยังอาจจะมีเรื่องอื่นอีก” นรมนพูดจบ ก็เดินไปขึ้นรถทันที

พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนนึกไม่ถึงนรมนจะทำอย่างนี้ อดไม่ ได้ที่จะด่าลับหลังทำนองว่าเธอเห็นแก่ตัว

ถูกคนที่ตัวเองเคารพรักมากที่สุดด่า นรมนไม่สบายใจ แต่นึกถึงเรื่องที่เกี่ยวจะต้องไปทำ เธอก็กระตือรือร้นขึ้นมา

นรมนนำเอกสารไปสำนักงานอนุมัติ หาคนรับผิดชอบเจอตาม เบอร์ที่รมิตา ให้มา

เขาเป็นชายวัยกลางคนอายุห้าสิบกว่า ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่นั่ง ทำงานมาทั้งชีวิต กุลีกุจอต้อนรับนรมน

“คุณนรมน”

หัวหน้าส่วนวิธาน รบกวนด้วยค่ะ”

นรมนรีบยิ้มให้

หัวหน้าส่วนวิธาน ให้นรมนเข้าไปในห้องทำงาน ไม่ได้พูด อย่างอื่นก็เข้าเรื่องเลย ให้เธอหยิบเอกสารที่เตรียมมา หลังจาก อ่านแล้ว “เรื่องนี้ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร โดยพื้นฐานก็อนุมัติได้ ทันที แต่ทุนจดทะเบียนของคุณทางที่ดีควรจะเพิ่มมากกว่านี้อีก หน่อย ในเมื่อเป็นวงการบันเทิง ต้องใช้เงินเยอะ เพิ่มทุนจด ทะเบียนอีกหน่อยถึงจะจดทะเบียนได้ครับ

นรมนอึ้งไปนิดหนึ่ง แต่ยังคงยิ้มขณะพูด “หัวหน้าส่วนวิธาน คุณคิดว่าทุนจดทะเบียนของเราตอนนี้ควรจะเท่าไรดีคะ

“ยี่สิบล้านละกัน ตัวเลขประมาณนี้ก็น่าจะได้ ขอแค่เงินทุนถึง

ทางเราก็จะอนุมัติให้ทันทีครับ คำพูดของ หัวหน้าส่วนวิธานทำให้นรมนอึ้งไป แต่ยังยิ้มตอบ
ตกลง
ตอนที่เธอออกจากสำนักงานรู้สึกลำบากใจมากทีเดียว ทุนจดทะเบียนยี่สิบล้าน เธอไม่มีเงินมากถึงขนาดนั้น

จะทําอย่างไรดี

นรมนดูรายการสินทรัพย์ของตัวเอง แล้วโทรไปหานภดล

“ฉันจำได้มีรถจดทะเบียนชื่อฉันอยู่คนหนึ่งใช่มั้ย”

“ครับ คุณนายจะให้ขับมาจากเมืองชลธีหรือเปล่าครับ

นภดลคิดว่านรมนต้องการใช้รถ จึงถามขึ้น

นโมนพูดเสียงเบา “ไม่ต้อง ติดต่อหาคนขายรถคันนั้นออกไป น่าจะได้หลายแสน แล้วก็ฉันมีสร้อยคอหลายเส้น ลองถามโรงรับ จำนำ จะจำนำได้มั้ย”

นภดลอึ้งไป

“คุณนายต้องการใช้เงินหรือครับ”

“อืมบริษัทผลิตภาพยนตร์ต้องใช้ทุนจดทะเบียนยี่สิบล้าน ฉัน ยังขาดอยู่”

นรมนไม่ปิดบังนภดล

นภดลรีบพูด “ผมมีไม่ถึงล้าน ถ้าคุณต้องการ…

“ไม่ได้ เงินของคุณเอาไว้เลี้ยงดูพ่อแม่ นี่เป็นคำสัญญาของคุณ กับฉัตรยา ฉันไม่มีทางรบกวนคุณ จะว่าไป เงินล้านหนึ่งที่ทำ อะไรไม่ได้ ฟังฉัน ไปทำตามที่บอกเถอะ ช่วงนี้ฉันก็ไม่คิดจะไปออกงานสำคัญอะไร สร้อยคอพวกนั้นไม่ได้ใช้อยู่ดี เอาไปจำนำ ก่อนเถอะ พอหาเงินได้แล้วค่อยไปไถ่คืน ก็เหมือนกัน”

คำพูดของนรมนทำให้นภดลคัดค้านไม่ได้

วางสายแล้ว นรมนนั่งที่ม้านั่งในสวนสาธารณะคนเดียว มอง พวกคุณค่าออกกำลังกาย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร น่าแปลกที่รู้สึกสงบ

สุข

“เอ๊ะ ได้ยินข่าวมั้ย ท่าเรือน้ำล้อมพบศพผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่รู้ว่า เป็นลูกสาวบ้านไหน น่าสงสารจัง

“จริงสิ ได้ยินว่าถูกถ่วงหิน คงจะถูกฆาตกรรม คุณยายสองคนขณะที่เดินผ่านนรมน กระซิบกระซาบคุยกัน นรมนขมวดคิ้วนิดหนึ่ง

เกิดคดีฆาตกรรมหรือ

เดี๋ยวนี้สังคมไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย

คิดถึงตรงนี้ เธอรู้สึกว่ากลับบ้านดีกว่า

นรมนลุกขึ้นกลับบ้าน เรียกรถแท็กซี่ เพราะรถติดไม่เขยื้อน คนขับรถจึงต้องขับรถอ้อม

เรื่องนี้นรมนไม่ว่าอะไร

แต่ไม่รู้ทำไมแท็กซี่คันนี้ถึงอ้อมไปถึงท่าเรือน้ำล้อม นรมนนึกถึงที่คุณยายสองคนนั้นสนทนากัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคลื่นไส้ แต่ตอนนี้จะหันกลับก็ไม่ทันแล้ว เพราะที่นี่ก็รถติดเช่นกัน คนมุงที่ท่าเรือเยอะมาก เสียงดังจอแจ ขวางทางการจราจร อย่างหนัก

นรมนไม่ใช่คนชอบอยากรู้อยากเห็น แต่รถติดจนขยับไม่ได้ ทำให้อารมณ์ไม่ค่อยดี

เธอลงจากรถ เดินไปเรื่อยๆ

เดินผ่านฝูงชน นรมนเห็นตำรวจกำลังตรวจสอบศพ และลาก เชือกกั้นห้ามเข้า

นรมนเหลือบตามอง อึ้งไปทันที

ทำไมผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆ

หัวของเธอทํางานอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหยุดที่หน้าประตูผับ ผู้ หญิงที่อยู่กับบุริศร์คือคนนี้ไม่ใช่หรือ

“ว้าย!”

เธอรีบอุดปากตัวเอง

“ผู้หญิงคนนี้ คุณรู้จักเธอหรือครับ

ตารวจคนหนึ่งสังเกตเห็นนรมน นรมนรีบส่ายหน้า “ไม่รู้จักค่ะ แค่ตกใจเท่านั้น” ดวงตาของเธอมีแววประหลาดใจ ตำรวจเข้าใจได้

“ถ้ากลัวก็อย่าเข้ามามุงดู เดี๋ยวคืนนี้จะฝันร้าย มันไม่ใช่อะไรที่น่าดู รีบไปเถอะ”

นรมนไม่รู้ว่าตัวเองออกจากท่าเรือได้ยังไง ในหัวมีแต่คำถาม ประดังเข้ามาในหัว แต่เธอไม่กล้าถามที่นี่ และถามที่นี่ไม่ได้

เธอรีบเดินออกมา ใจเต้นรัวเร็ว

การตายของผู้หญิงคนนี้เกี่ยวข้องกับบริศร์หรือเปล่า แม้จะโกรธผู้ชายคนนี้แทบตาย แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับคดี ฆาตกรรมจริง นรมนยังคงเป็นห่วงเขา

ในที่สุดเธอก็เดินมาถึงตรงที่ปลอดคน หยิบมือถือมาโทรออก ไปหาบุริศร์

“นรมน”

นรมนเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาก่อน บุริศร์คาดไม่ถึง แต่ก็รู้สึก ดีใจด้วย

“เป็นอะไรไป มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”

เขาเพิ่งรู้ว่าทุนจดทะเบียนบริษัทของนรมนไม่พอ และนรมน โทรมาตอนนี้ เขาจึงคิดถึงเรื่องนี้โดยอัตโนมัติ

ตอนนี้นรมนยังจะมีใจสนใจเรื่องทุนจดทะเบียนบริษัทได้อีก หรือ

เธอกระซิบถามเสียงเบา ช้าๆ ทีละคำ “ผู้หญิงที่เคยทิ้งรอย ลิปสติกบนคอเสื้อคูณตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ”
“ทำไมจู่ๆ ถึงถามเรื่องนี้ล่ะ”

บุริศร์หรี่ตา

นรมนสูดลมหายใจลึก “ฉันอยากเจอเธอค่ะ ถ้าคุณอยาก แต่งงานกับเธอ ลูกชายลูกสาวฉันต้องมีแม่เลี้ยง ถึงยังไงฉันก็ ต้องรู้ว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยเป็นยังไง จะรังแกลูกฉันหรือเปล่า”

“ผมไม่มีทางหย่ากับคุณ และไม่มีทางแต่งงานกับใครทั้งนั้น คุณไม่จําเป็นต้องเจอเธอ”

น้ำเสียงของบุริศร์เย็นชา

“ถ้าฉันต้องการเจอให้ได้ล่ะ หรือว่าเธอมาเจอฉันไม่ได้แล้ว

คำถามของนรมนชาญฉลาด แต่บุริศร์ฟังออกว่ามีอะไรบาง อย่างเจือปนในน้ำเสียงของเธอ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ