แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 840 ถึงเป็นเพื่อนก็อย่ามาห้าม



บทที่ 840 ถึงเป็นเพื่อนก็อย่ามาห้าม

“แกยังจะขำอีกนะ? นี่เต็กแกใช่ไหม? ช่างกล้าพูดอะไรแบบนี้ ออกมา ฉันคงตาบอดไปแล้ว ที่อยากให้มาอยู่ด้วย

คุณท่านตระกูลพรโสภณโกรธจนหน้า หน้าแดง

นรมนยังไม่ทันได้เอ่ยพูดอะไร ปาณีก็พูดออกมาว่า “แล้วใคร อยากอยู่กับคุณ? ตาเฒ่าหัวงู”

“เอาล่ะๆ ปาณี เขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ความ หมายของเขาก็คือ ให้เธอมาเป็นพยาบาลดูแลเขาที่นี่ ไม่ได้ หมายความอย่างที่เธอคิด

นรมนรีบอธิบายออกมา

ช่วยไม่ได้ ถ้าเธอยังไม่พูดอีกล่ะก็ คาดว่าคุณท่านตระกูลพร โสภณคงได้โมโหตายแน่

เมื่อปาณีเห็นว่าตัวเองเข้าใจสารผิด ก็รู้สึกเสียหน้าไม่กล้าพูด ขอโทษออกมา จึงพูดว่า “คุณนาย คุณนายเป็นคนดีเกินไปแล้ว ใครจะไปล่วงรู้ว่าเขาหมายความอย่างนั้นหรือเปล่า? คุณนายไม่ ต้องพูดแทนเขาหรอกค่ะ ตาแก่นี้มองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็น คนไม่ดี”

คุณท่านตระกูลพรโสภณโกรธจนอยากเรียกคนเข้ามาโยนยัย เด็กนออกไป
เมื่อเห็นว่าคุณท่านตระกูลพรโสภณโกรธจริงๆ นรมนก็รีบพูด ว่า “ปาณี หยุดพูดไร้สาระ นี่คือคุณตาของฉัน! คุณตาแท้ๆของ

“ต๊ะ?”

ปาณีนิ่งอึ้ง

“คุณตาแท้ๆเชิญหลานสาวตัวเองมาพบด้วยวิธีนี้เหรอ?”

“ฉันพอใจจะทำ ยุ่งอะไรด้วย?”

คุณท่านตระกูลพรโสภณสะบัดหน้าหนีราวกับเด็กๆ จากนั้นก็ พูดกับคนข้างๆว่า “คืนนี้ให้ยัยเด็กนั่นนอนบนพื้น ห้ามให้นอน บนเตียงเด็ดขาด บังอาจมาทำให้ฉันโมโห”

เมื่อนรมนเห็นท่าทางแบบนี้ของคุณท่านตระกูลพรโสภณ ก็ หัวเราะออกมาอีกครั้ง ทางด้านปากลับกำลังหงอย

“คุณนาย ขอร้องเขาให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคือคุณ ตาของคุณ ฉันก็นึกว่าเขาเป็นคนอื่น

“ไม่เป็นไรน่า ฉันจะให้เธอนอนเตียงเอง” นรมนเดินจูงมือปาณีเดินตามหลังคุณท่านตระกูลพรโสภณ

ทันใดนั้นปาณีก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามว่า “คุณนาย ใน เมื่อเขาเป็นคุณตาของคุณ ทำไมถึงพูดอย่างนั้นกับนภดลล่ะ? ถ้านภดลกลับไปส่งต่อคำพูดผิดๆแบบนั้นจะทำยังไง?

นรมนกำลังจะบอกว่าไม่ต้องกังวล แต่ก็พลันนึกถึงที่เธอกับคุณท่านตระกูลพรโสภณตกลงกันไว้เมื่อกี้ จึงพูดเสียงเบาว่า “ถึงเขาจะเป็นคุณตาของฉัน แต่ว่านิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก เขายังแม่ของฉันไว้ เพื่อที่จะบังคับให้ฉันโน้มน้าวบุริศร์ไปทำ เรื่องบางอย่าง เรื่องนี้เธอทำแค่ดูก็พอ อย่าพูดอะไรมาก รอให้ บริศ มาถึงค่อยว่ากันอีกที ถึงยังไงฉันก็ไม่ใช่เป้าหมายของเขา หรอก”

“คะ?”

ตอนนี้ปา งงไปหมดแล้ว

นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?

แต่เมื่อเห็นท่าทีสงบเรียบนิ่งของนรมน เธอก็ไม่กล้าถามอะไร

มาก เปลี่ยนมาเริ่มสังเกตทุกอย่างรอบๆขณะเดินตามหลังนรมน นรมนเดินนำปาณีมาที่ห้องของคิม แต่หัวเด็ดตีนขาดยังไง คุณท่านตระกูลพรโสภณก็ไม่ยอมให้เธอเข้าไป จะให้ปาณีนอน

บนพื้นตรงโถงทางเดินให้ได้

นรมนรู้สึกว่าคุณท่านตระกูลพรโสภณเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก ยื้อยุดกันอยู่นาน กว่าไฟโกรธของคุณท่านตระกูลพรโสภณจะ มอดลง จากนั้นจึงได้ให้คนไปเตรียมห้องถัดไปให้ปาณี

ปาณีเองก็ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว เดินเข้าไปในห้องตาม เจตนารมณ์ของนรมน แต่ก็ยังคงกังวลอยู่ดี จึงเอาแต่ลอบฟัง เสียงการเคลื่อนไหวข้างนอก เพราะกลัวว่านรมนจะเป็นอะไรไป

ทางด้านรมนกลับไม่ได้รู้สึกคิดหนักหรือคิดมากแต่อย่างใดหลังจากที่เข้ามาในห้อง เมื่อเห็นการตกแต่งและโทนสีของห้อง คิม ทันใดนั้นนรมนก็รู้สึกคิดถึงเธอขึ้นมา

มีรูปเดี่ยวของคิมตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียง ในรูปเธอแย้มรอยยิ้ม แสนหวานออกมา ตอนนั้นน่าจะยังสาวๆอยู่ น่าจะถ่ายตอนยัง เรียนหนังสือ

นรมนหยิบรูปขึ้นมาดูอยู่นาน ในหัวก็หวนนึกถึงคำพูดของ

คุณท่านตระกูลพรโสภณ

เขาบอกว่าคิมถูกขังไว้ที่หมู่บ้านเล็กๆ ในยูนนาน มีมิลินคอย ดูแลอยู่ที่นั่น แต่ทำไมต้องเป็นมิลินล่ะ?

ตอนแรกมิลินรักษาฉัตรยาอยู่ที่ตระกูลจันทรวงศ์ จากนั้นก็ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนที่จะหายตัวไปเธอมาหานรมน อยากให้นรมนตอบตกลงข้อเสนอของตระกูลจันทรวงศ์ ซึ่งใน ตอนนั้นตระกูลจันทรวงศ์หรือคุณท่านตระกูลพรโสภณกันแน่ที่ เป็นคนให้เธอมายื่นข้อเสนอนี้

คุณท่านตระกูลพรโสภณบอกว่าทุกอย่างเป็นแค่การจัดฉาก เพื่อล่อคนที่อยู่เบื้องหลังตระกูลจันทรวงศ์ออกมา แต่ว่าเรณุกา จัดฉากอย่างนี้มาตั้งหลายปี แล้วคุณท่านตระกูลพรโสภณก็รอ อยู่อย่างนั้นตั้งหลายปีน่ะเหรอ? แสดงว่าที่ผ่านมาเขารู้ทุกอย่าง เกี่ยวกับนรมน แต่เขาแค่เป็นผู้สังเกตมาตลอดงั้นเหรอ?

นรมนคิดไม่ออก ในหัวรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด เธอควรเชื่อใจคุณท่านตระกูลพรโสภณไหม?
ควรเชื่อคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็บอกว่าตัวเองคือคุณตาคนนี้ ดีไหม?

นรมนไม่รู้

เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกสับสน แต่ก็กลับมาสงบอีกครั้ง เพราะ เธอเชื่อว่ายังไงบุริศร์ก็ต้องมาหาเธอแน่

ไม่ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของคุณท่านตระกูลพรโสภณคือ อะไร ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาจะเป็นใคร ตราบใดที่นภดล กลับไปแจ้ง บุริศร์ต้องมาแน่ๆ

ทางด้านบริศร์ยังคงรออยู่ที่โรงพยาบาลอย่างกังวลใจ

คุณหมอนถุงเลือดเข้าไปถึงแล้วถุงเล่า แต่จนแล้วจนรอดก็ ยังไม่เห็นไฟในห้องดับลงสักที

คมทิพย์ที่อยู่สนามบินโทรมาหา ถามว่านรมนอยู่บ้านหรือ

เปล่า บุริศร์จึงนิ่งไปทันที

จากความคิดถึงที่นรมนมีต่อคมทิพย์แล้ว เธอไม่มีทางนั่งนิ่งๆ รออยู่ที่บ้านแน่ อะไรกัน? นี่นรมนไม่ได้ไปรับอีกฝ่ายที่สนามบิน เหรอ? หรือว่าเพราะกำลังท้อง เธอเลยอยากระวังตัวให้มาก ขึ้น?

บุริศร์จึงโทรไปถามที่บ้าน ทว่ากลับไม่มีคนรับสาย เขา เปลี่ยนเป็นโทรหานภดล ก็พบว่าไม่มีสัญญาณ

ใจของเขาหล่นวูบ
เมื่อเขาโทรหาปาณี ก็ได้รู้ว่าโทรศัพท์ของปาณีก็ไม่มี สัญญาณเหมือนกัน บุริศร์จึงรู้ในทันที ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับนามน

เขายังคงโทรหานรมนอย่างไม่ยอมถอดใจ ซึ่งข้อความเดิมๆ ที่ตอบกลับมาทำให้สีหน้าของบริศ เริ่มอึมครึม

ในเมืองชลธี ยังมีคนกล้ากระตุกหนวดเสืออย่างเขาอีกเหรอ ดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะใจดีเกินไป

บริศ ต่อสายหาลูกน้อง จากนั้นภายในเวลาไม่นานบนถนน ทุกสายของเมืองชลธีก็แออัดไปด้วยรถราและผู้คนมารวมตัวกัน จํานวนมาก

ในตอนที่พยาบาลกำลังจะนำถุงเลือดเข้าไปอีกหน บุริศร์ก็ เข้าไปขวางเธอเอาไว้

“ตกลงอาการของพฤกษ์เป็นยังไงกันแน่? เอาถุงเลือดเข้าไป ตั้งมากมายขนาดนี้ พฤกษ์เลือดหมดตัวแล้วหรือไง? คุณเอา เข้าไปแล้วตั้งหลายครั้ง แต่ละครั้งก็ไม่ใช่เลือดหมู่เดียวกันด้วย พวกคุณกำลังทําอะไรกับพฤกษ์กันแน่?”

พยาบาลนึกไม่ถึงว่าในสถานการณ์เร่งด่วนแบบนี้บุริศร์จะยัง สังเกตเห็น เธอจึงนิ่งไปอย่างช่วยไม่ได้

“ทางที่ดีบอกความจริงมา ไม่อย่างนั้นผมจะทำให้เลือดพวก นั้นที่คุณเอาเข้าไปในห้องเข้าไปอยู่ในร่างกายของคุณทั้งหมด

คำขู่ของบริศ ทำให้พยาบาลหน้าซีด
“ประธานบริศร์ ฉันแค่ทำตามที่คุณหมอบอก ฉันไม่รู้เรื่อง อะไรนะคะ”

“งั้นผมขอไปพบคุณหมอหน่อย”

การที่ติดต่อนรมนไม่ได้ทำให้บริศ อารมณ์ไม่ดี เขาบีบข้อมือของพยาบาลเอาไว้ แล้วกระชากเข้าไปในห้อง ผ่าตัดด้วยกัน

ในห้องผ่าตัด คุณหมอกำลังเลื่อนดูข่าวสารในโทรศัพท์ ส่วน พยาบาลคนอื่นๆกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ส่วนพฤกษ์ที่ควร ถูกช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนกำลังนอนอยู่บนเตียงโดยใส่เครื่อง ช่วยหายใจ แผลบริเวณศีรษะเย็บเสร็จแล้วเรียบร้อย

เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า ไฟโกรธของบุริศร์ก็พุ่งขึ้นสูงจนแทบ ระเบิดออกมา

“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่านี่มันเรื่องอะไร ไม่อย่างนั้นผมทำให้โรง พยาบาลของพวกคุณปิดตัวแน่! ”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับไฟโกรธของบุริศร์ คุณหมอก็ตกใจจน ทํามือถือร่วง

“ประธานบริศร์ พวกเราเองก็ทำตามคำสั่งมาอีกที”

“คำสั่งของใคร?”

สีหน้าของบริศร์อึมครึม ขนาดอุณหภูมิอื่นๆ ในห้องผ่าตัดยัง เย็นลงทันตาเห็น
“หมอบอกไม่ได้ ถ้าบอกหมออาจจะตกงาน

“ถ้าคุณไม่บอก คุณก็จะตกงานเหมือนกัน ผมให้เวลาสาม นาที ถ้าไม่บอก อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน ! ”

นัยน์ตาของบริศ ทอแววคมกล้า น่ากลัวจนทำให้คุณหมอ ปากสั่นระริก

“ประธานบริศ หมอเป็นแค่คนคนหนึ่ง เป็นแค่หมอตัวเล็กๆ

“ตกลงพฤกษ์เป็นอะไร?”

แม้ว่าจะพอเดาได้ว่าพฤกษ์ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ในวินาทีนี้ บริศร์ก็ยังเอ่ยถามออกมาเพื่อความแน่ใจ

คุณหมอจึงรีบพูดว่า “คุณพฤกษ์ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ได้

แผลที่ศีรษะนิดหน่อย และเสียเลือดเล็กน้อย ส่วนบริเวณอื่นๆ

ปกติดี พักผ่อนสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”

“ดูแลเขาให้ดีๆ”

พูดจบบริศร์ก็เดินออกไปจากห้องผ่าตัด

คุณหมอและพยาบาลกลัวจนแทบแตก เมื่อเห็นว่าบุริศร์ เดินออกไปแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย แต่ละคน อยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก

“คุณหมอ เราจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

“ใครจะไปรู้ล่ะ เรื่องนี้ผู้อำนวยการสั่งให้เราทำนี่นา เราจะไปขัดอะไรได้? เป็นหมอแค่อย่างเดียวยังไม่มีเวลาหยุดพักเลย หลังจากนี้เราต้องอยู่ให้ห่างจากคนใหญ่คนโตแล้วล่ะ น่ากลัว เกินไปแล้ว”

คุณหมอบ่นพึมพำ แต่ก็คอยเฝ้าดูแผลให้พฤกษ์อย่างสม หน้าที่ เบื้องบนไม่ได้บอกอะไรมา พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรพา พฤกษ์ออกจากห้องผ่าตัดไหม

หลังจากที่ออกมาจากห้องผ่าตัด บุริศร์ก็ต่อสายหาป้อง

“ช่วยฉันตรวจสอบหน่อย ว่าคนที่สามารถออกคำสั่งในโรง พยาบาลหัวเฉียวได้มีใครบ้าง?”

“ทําไมเหรอ?”

ป้องได้ยินเสียงขมุกขมัวของบุริศร์ ก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“นรมนหายไป พฤกษ์ก็ประสบอุบัติเหตุ ธัญญากับชนะพลถูก ประกันตัวออกมา เรื่องพวกนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญแน่ ตรวจสอบ ให้ฉันหน่อยว่าคนเบื้องบนคือใคร

บุริศร์ไม่ใช่คนธรรมดา แน่นอนว่าต้องคิดอะไรเหนือชั้นกว่า คนอื่นอยู่แล้ว

หลังจากที่ป้องวางสายก็รีบตรวจสอบให้บริศร์ทันที ไม่นาน หลังจากนั้นก็ได้เรื่อง แต่เมื่อเห็นรายชื่อในมือ ป้องก็รู้สึกลังเลนิดหน่อย

เขาจึงโทรหาบุริศร์
“นายคิดจะทํายังไงต่อ?

“จำกัดทิ้ง”

หลังจากที่ได้รู้ว่านรมนหายตัวไป เขาก็พะวงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเป็นใคร เขาก็จะไม่ยอมปล่อยไปเด็ดขาด

แต่ป้องกลับพูดออกมาอย่างลำบากใจว่า “เกรงว่าจะไม่ได้ นายทําอะไรคนนี้ไม่ได้หรอก”

“แค่บอกมาว่าเป็นใครก็พอแล้ว จะอีกๆอักๆทำไม? ฉันจะ จัดการยังไงก็เรื่องของฉัน ถึงเป็นเพื่อนก็อย่ามาห้าม ถ้าแค่ผู้ หญิงของตัวเองฉันยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้ แบบนั้นจะเรียกว่าลูก ผู้ชายได้ยังไง?”

อารมณ์ของบุริศร์เดือดขั้นสุด

ป้องรู้จักนิสัยเขาดี จึงถอนหายใจแล้วพูดออกมาเสียงเบาว่า “คุณท่านตระกูลพรโสภณ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล บาลทหาร นาย น่าจะรู้จัก เขาเกษียณแล้ว แต่นักเรียนของเขายังอยู่ ขอแค่เขา ออกคำสั่ง อย่าว่าแต่นายเลย ฉันเองก็อาจจะซวยไปด้วย”

“กลัวเหรอ? ฉันไม่บอกเขาหรอกว่านายเป็นคนหาข้อมูลให้

“เหอะ นายคิดว่าคุณท่านตระกูลพรโสภณโง่เหรอ? ถ้าไม่ใช่ ฉัน แล้วจะเป็นใครที่ไหนหาข้อมูลมาให้นายได้? ใครๆก็รู้ว่าฉัน กับนายเป็นอะไรกัน บริศร์ ลองเจรจาดีๆก่อนถ้าไม่ได้จริงๆค่อย ใช้กำลังก็ไม่สาย ถึงยังไงเขาก็เป็นถึงคุณตาของนรมน ฉันว่า เขาไม่ทําอะไรเกินขอบเขตหรอก คงแค่อยากเจอหลานสาวล่ะมั่ง เลยให้คนพาตัวไปหา

บริศแสยะยิ้ม “แค่อยากเจอหลานสาวจําเป็นต้องตัด

สัญญาณเลยเหรอ? ยังไงฉันก็จะไปถามให้รู้เรื่อง” พูดจบ บุริศร์ก็วางสาย พร้อมกับพูดกับคนข้างๆว่า “ ฟังฉัน ให้ดี พาทุกคนขึ้นรถ จุดมุ่งหมายคือโรงพยาบาลทหาร! ถ้าเจอ

ใครยืนขวางอย่าหยุดรถ ขับบุกเข้าไปเลย! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ