แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 446 ฉันดีแค่ไหนก็สู้บุริศร์ไม่ได้หรอก



บทที่ 446 ฉันดีแค่ไหนก็สู้บุริศร์ไม่ได้หรอก

บอกกับนรมนว่าตัวเองถูกทำร้ายอย่างงั้นหรอ?

ถึงแม้แบบนี้สามารถทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดีขึ้น มาบ้างก็ตาม และยิ่งไปกว่านั้น มีความเป็นไปได้ว่านรมนอาจจะ ให้อภัยตัวเอง แต่ว่าบุริศร์ไม่อยากทำแบบนี้

เขาไม่อยากให้นรมนตกใจและกังวลเพราะเรื่องนี้ ยิ่งไม่อยาก ให้เธอฝืนทนเพราะเรื่องแบบนี้

นรมนพูดว่าตัวเองข้ามอุปสรรคในความรักไม่ได้ เขาก็รอให้ เธอค่อยๆ ผ่านมันไป อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่ค่อยสงบสุข

ผู้ลงมือลับหลังเป็นใครก็ไม่รู้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามุ่งร้ายไปที่นรมน เปล่า แทนที่จะเป็นแบบนี้ ปกปิดเธอเอาไว้ยังดีเสียกว่า

สมองของบุริศร์หมุนอย่างรวดเร็ว จากนั้นพูดขึ้นมาว่า “เรื่องนี้ อย่าพูดกับเธอเลย คาดว่าเธอไม่มีเวลาสนใจผมหรอก” พูดจบ เขายิ้มแย้ม โดยไม่รู้ตัว

ป้องพูดอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยว่า “คุณคิดดีแล้วหรือ เหตุการณ์ของคุณในตอนนี้อาจจะดีอาจจะร้ายนะ ผมไม่ให้ คุณทําการรักษาที่ อย่างแน่นอน ถ้าคุณต้องการให้ผมรักษา ก็ ต้องปกปิดทุกอย่าง ถึงตอนนั้น ถ้าภรรยาของคุณหาคุณไม่เจอ หล่ะ คุณจะพูดว่ายังไง?

บริศ มองดูนอกหน้าต่าง แสงแดดกำลังดี แต่ว่าไม่ว่าในใจ ส่วนลึกของเขาหรือนรมนก็ตาม คาดว่าต่างมีความเศร้าหมอง

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่พูดอะไรทั้งนั้นแล้ว ผมจะจัดการเอง คุณแค่ จัดสถานที่ให้ผมเรื่องอื่นผมแก้ไขเอง”

“ตกลง คุณคิดดูดีๆนะ ผมเคยพูดกับคุณแล้วนะ ภรรยาไม่ใช่ อุปกรณ์เสริมของคุณ ส่วนตัวผมคิดว่าคุณควรให้เธอรู้เรื่องนี้

“ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ”

บริศ เหนื่อยเล็กน้อย ป้องไม่อยากรบกวน ไม่ว่ายังไงก็เถอะ นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของพวกเขา เขาเป็นแค่คนนอก ให้ ความคิดเห็นเล็กๆหน่อยๆก็ดีอยู่ แต่ว่าต้องทำยังไง สุดท้ายก็ ต้องแล้วแต่บุริศ ตัดสินใจด้วยตัวเองเถอะ

ขณะที่ป้องออกมา พนักงานทรุดตัวลงไป เพราะว่าโพนี้ได้เอา ผลการตรวจให้กับเขาเรียบร้อยแล้ว
พอเขาเห็นได้รับพิษโซเดียมไซยาไนต์ เขาก็รู้เรื่องราวที่ว่าไป หาเรื่องใส่ตัวที่คลับCrownแล้ว เพราะว่าตุลยาคนนี้หาเรื่องใส่ ตัวเข้าแล้ว

“คุณชายคุณชายป้อง เราจะต้องหาคนๆนี้เจออย่างแน่นอน ฉันรับรอง”

“กลับไปพูดกับผู้จัดการของพวกคุณสักคำ ภายในหนึ่ง อาทิตย์ถ้าไม่สามารถให้คำตอบกับคุณชายบุริศร์และฉัน เราจะ ต้องทําให้คลับของพวกคุณชดเชยอย่างแน่นอน”

คำพูดของป้องไม่ใช้คำข่มขู่ พนักงานรู้ว่าพวกเขาต้องทำได้ อย่างแน่นอน รีบพยักหน้า และเดินออกไปแบบเซไปเซมา

โพนี่มองดูป้องและพูดว่า “คิดออกยังว่าจะให้คุณชายบุริศร์

ไปรักษาที่ไหน? ”

“เรื่องนี้ต้องปิดข่าวนะ ถึงแม้มีผลการตรวจก็ตาม แต่ว่าไม่ สามารถเผยแพร่ออกไปนะ ตอนนี้ ที่บ้านตระกูลโตเล็กไม่ค่อย สงบสุข ผมกับบริศรปรึกษาหารือกันว่าตอนนี้ยังไม่ทำให้คุณ รําบากใจชั่วคราว”

“ไม่เป็นไร ขอแค่เป็นเรื่องของคุณ ฉันก็ไม่ลำบากใจหรอกนะ เพียงแต่ว่าอย่าพูดเรื่องนี้กับภรรยาและลูกๆของบริศร์
โพนี่เป็นผู้หญิง ย่อมรู้ว่าตอนนี้ผู้หญิงคาดหวังที่สุดและอยากรู้ ที่สุดคืออะไร

ป้องมองไปที่ทิศทางห้องผู้ป่วยและพูดว่า”หัวสมองท่อแบบนั้น พูดว่าจะจัดการเอง ยังไงซะเป็นเรื่องภายในครอบครัวของคนอื่น เราอย่าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านเลยดีกว่า หวังว่าสุดท้ายแล้วเขาจะไม่ เสียใจ”

สามีภรรยาทั้งคู่จากกันตั้งแต่ตอนนี้ และต่างคนต่างยุ่ง

หลังจากนรมนจากบริศร์มา และกลับมาที่บ้านตระกูลธนาศักดิ์ ธน อธิบายกับพ่อแม่สาเหตุที่บริศร์มีธุระไม่สามารถมาทานข้าวที่ บ้านได้หลังจากนั้นก็เข้าไปในห้องนอน

เธอรีบเปิดกระดาษในมือออกมาอย่างรวดเร็ว ข้างบนเขียนไว้ ว่า”ตอนเย็นมาที่บ้านทวีทรัพย์ธาดา ถ้าคุณไม่มา คุณย่าของคุณ จะเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้แล้วนะ”

เป็นลายมือของตุลยา

คิดถึงคำพูดที่เจตต์พูดกับตัวเอง นรมหลังเลเล็กน้อย เรื่องนี้ตัวเองจะแก้ไขยังไงกันแน่?ไปหรือไม่ไป?

เรื่องของคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเธอจะพูดกับธรณีมั้ย? นรมนยังคงลังเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความคิดเลยด้วยซ้ำ เธอโทรศัพท์ให้กับบริศร์โดยไม่รู้ตัว

โทรศัพท์ของบริศ ไม่มีคนรับสาย

นรมนไม่ตายใจ โทรไปอีกครั้ง ยังคงไม่มีคนรับสาย เธอ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

คงไม่ใช่โกรธหรอนะ เพราะฉะนั้นจึงไม่รับสายของเธอ? แต่ว่าคนที่ควรโกรธควรจะเป็นเธอไม่ใช่หรือ? นรมนโทรไปหาพฤกษ์โดยตรง

“ตอนนี้บุริศร์อยู่ไหน? ” พฤกษ์ถูกนรมนถามจนเบลอๆ

“คุณนายครับ ท่านประธานบริศร์ไปไหนไม่ได้บอกผมเลย ครับ”

“รู้แล้ว”

นรมนรู้สึกว่าตัวเองทำตัวต้อยต่ำเอง
ทั้งๆที่ในใจมีอุปสรรค และยังมีอคติกับเขาอยู่ ตอนนี้ถึงกับ เป็นห่วงเขาเพราะว่าโทรไม่ติด

ไม่แน่ตอนนี้เขาอาจจะไปเจ้าชู้ที่ไหนก็ได้

บรมนโยนมือถือไปที่ข้างๆ ด้วยความโมโห และร้อนใจมากยิ่ง

เธอมาถึงที่ห้องรับประทานอาหารข้างนอก เห็นว่าพ่อนรมนกับ แม่นรมนและยังมีกมลได้เตรียมอาหารเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เดิน เข้าไปโดยไม่รู้ตัว

“ว้าว แม่คะ ท่านทำอาหารเยอะแยะมากมายขนาดนี้เลย หรอกคะ? ”

นรมนหิวเล็กน้อย

แม่นรมนยิ้มแย้มพูดว่า “ใช่แล้ว ดูลูกในตอนนี้ผอมแห้งอย่าง กับอะไรดี ไม่รู้จักทานข้าวทานปลาบ้างเลย เป็นถึงคุณนายบ้าน ตระกูลโตเล็ก บุริศร์ก็ไม่ได้ทำให้ลูกลำบากลำบนสักหน่อย ทําไมถึงรักษาร่างกายตัวเองไม่หายสักที? ไม่ไปหาหมอบ้าง หรอ? ช่วงนี้ร่างกายเป็นยังไงบ้าง? ทำไมไม่อ้วนสักที?

สําหรับร่างกายของนรมน แม่นรมนยังคงเป็นห่วงมาก นรมนกลับพูดแบบไม่ใส่ใจว่า”ตอนนี้มีผู้หญิงตั้งเยอะตั้งแยะกำลังลดความอ้วนอยู่ แม่หนูสิคะ น้ำหนัก มาตรฐานจะตาย? อย่าให้หนูอ้วนเลยค่ะ ถ้าหนูอ้วนและขี้เหร่ขึ้น มาควรทําไงดีค่ะ? ”

“ลูกคนนี้นี่ ลดความอ้วนอะไรกัน พูดมั่วๆ แม่จะบอกกับลูกนะ ลูกอย่าเลียนแบบผู้หญิงข้างนอกพวกนั้นเชียวนะ ลดความอ้วน อะไรกัน ลูกรีบทานเยอะๆหน่อย อยู่บ้านช่วงนี้ แม่รับรองว่าจะ เลี้ยงดูลูกให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ไปเลย!

แม่นรมนเพิ่งพูดจบ กมลก็บ่นๆขึ้นมาว่า “เลี้ยงดูหนูด้วยนะคะ คุณยายคะ หนูก็ผอมค่ะ ขายดูสิคะ”

พูดอยู่เธอยังหยิกแก้มตุ้ยนุ้ยของตัวเองและอธิบายขึ้นมาอีก ด้วย ทำให้คนทั้งครอบครัวมีความสุขในพริบตาเดียว

“จ้าๆๆ เลี้ยงดูหนูอยู่แล้วจ้า รีบทานเถอะจ้า

พ่อนแมนยิ้มแย้มอ่อนๆ เห็นนรมนนั่งลงไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าระหว่าง เธอกับบริศร์เป็นยังไงกันบ้าง เดิมที่อยากจะถามดูสักหน่อย แต่ ว่ามองเห็นหน้าตาอารมณ์ของลูก

ซึ่งไม่ค่อยดีนัก จึงหุบปากเงียบไปเลย

อาหารมื้อในรมนูทานอย่างสบายใจมากเลยทีเดียว เหมือน กับว่าช่วงเวลาที่อบอุ่นซึ่งคอยมานานนั้นกลับมาอีกครั้งแล้ว
ผ่านความเป็นความตายมาแล้วถึงได้รู้ว่า คนสนิทและคนใกล้ ซิตสามารถทานข้าวด้วยกันและคุยเล่นด้วยกันถึงจะเป็นเรื่องที่มี ความสุขที่สุดในโลก

หลังจากทานอาหารเรียบร้อย นรมนช่วยแม่นแมนเก็บถ้วย ชาม แม่นรมนพากมลไปนอนตอนเที่ยง

พ่อนรมนเห็นนมนมีความในใจ ถามอย่างยิ้มแย้มว่า “คุยกับ พ่อหน่อย ลูก?

“พ่อคะ”

นรมนมองหน้าพ่อด้วยการออดอ้อน เพียงแต่ว่าก็ยังตามเขา เข้าไปในห้องหนังสืออยู่ดี

“เป็นอะไรลูก? เจออุปสรรคหรือ?

“ค่ะ! ”

นโมนพยักหน้า

“คุณนายบ้านทวีทรัพย์ธาดามีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ว่าเรื่อง นี้ หนูยังไม่ได้พูดกับคนที่บ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเลยค่ะ หนู ลังเลมาโดยตลอดว่าจะยุ่งเรื่องนี้ดีรึเปล่า”

นรมนตามหาบุริศร์ไม่เจอ ตอนนี้อยู่ต่อหน้าพ่อนรมนซึ่งไร้ที่ พึ่งอย่างกับเด็ก

ขณะที่พ่อนรมนได้ยินคำพูดเหล่านี้ มองหน้าพรมนและพูดว่า”ทำไมลูกถึงลังเล เป็นเพราะว่าเรื่องราวที่คุณนาย ทวีทรัพย์ธาดา กับลูกก่อนหน้านี้ซึ่งทำให้ลูกท้อใจน่ะหรือ? ”

คำพูดนี้พูดได้ทิ่มแทงใจดำมาก

แววตาของนรมนเปียกชื้นเล็กน้อย

อยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอทำเป็นไม่สนใจและไม่แคร์ แต่ว่าอยู่ต่อ หน้าคุณพ่อ ความน้อยอกน้อยใจก็ยังโผล่ออกมาอยู่ดี

“ค่ะ น้อยใจมาก และท้อใจมากเลยค่ะ เธอพูดว่าไม่ต้องการ หนูแล้ว และพูดด้วยว่าหนูไม่เกี่ยวข้องกับที่บ้านตระกูลทวีทรัพย์ ธาดาอีกแล้ว ถ้าอย่างนั้น เรื่องของเธอทำไมหนูต้องยุ่งด้วยหล่ะ ค่ะ?”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมลูกต้องลังเล? ยังต้องลังเลเพื่อเรื่องนี้อีก ด้วยหล่ะ ทำให้อารมณ์ตัวเองไม่ดีเปล่า?

พ่อนมนมองเห็นความน้อยอกน้อยใจของนรมน จึงเอ็นดูเล็ก

น้อย

จู่ๆนเมนก็พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ

ใช่สินะ!

ทําไมเธอต้องลังเล
ทําไมต้องคิดวนไปวนมา

ก็เป็นเพราะว่าตัวเองปล่อยวางไม่ได้ไม่ใช่หรือ?

พ่อนแมนมองหน้านรมน พูดแบบมีความหมายลึกๆ ก่อนอื่น ยังไม่พูดว่าเธอเป็นย่าแท้ๆของลูกหรือไม่พวกเธอมีสายเลือด เดียวกัน เอาเป็นว่าเธอแค่เป็นคนนอกคนนึง เพียงแต่ว่าเธอเป็น ญาติสนิท และเป็นแม่หม้าย ไม่มีการเสียสละของบ้านตระกูลทวี ทรัพย์ธาดา จะมีชีวิตความเป็นอยู่ของเรา ในตอนนี้ได้ยังไง? ต่อ ให้เป็นแค่คนนอกก็ตาม ลูกก็ควรแจ้งให้พวกเขาสักคำไม่ใช่ หรือ? พ่อรู้วิธีของคุณนายบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาทำให้ลูก น้อยอกน้อยใจ และทำให้ลูกท้อใจ ลูกรู้สึกว่าเธอไม่ควรทำแบบ นั้นกับลูก แต่ว่านรมน ทุกคนในโลกใบนี้มีความคิดเห็นที่แตก ต่างกัน ลูกไม่สามารถให้ทุกคนทำตามความคิดเห็นของลูก หรอกนะ เธออาจจะถูกคนอื่นทำให้สับสนก็ได้ ตอนนี้ยังไม่เห็น ความดีในตัวของลูก แต่ว่าต้องมีสักวันเธอต้องเข้าใจว่าลูกเป็น เด็กดีแค่ไหน ไม่แก่งแย่งชิงดีกับใคร ทําตัวเองให้ดี คงนิสัยเดิม ของตัวเองเอาไว้ก็เพียงพอแล้ว ถ้าวันหลังเกิดเหตุอะไรขึ้นมา แล้วลูกมีจิตใต้สำนึก ซึ่งไม่เสียใจ ถ้าอย่างนั้นก็เพียงพอแล้วลูก

ได้ยินพ่อนรมนพูดแบบนี้ นรมนอารมณ์เบิกบานขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“พ่อคะ ท่านเยี่ยมที่สุดเลยค่ะ! นรมนกอดพ่อนรมนไว้โดยตรง และขี้อ้อนอย่างกับเด็ก พ่อนรมนตบไหล่ของเธอ พูดด้วยความดีใจว่า “พ่อดีแค่ไหนก็ สู้บุริศร์ไม่ได้หรอกลูก”

ร่างกายของนรมนกระตุกโดยไม่รู้ตัว

“พ่อคะ ทำไมจู่ๆถึงพูดถึงเขาหรอกค่ะ?

“พ่อรู้นะว่าระหว่างพวกเธอมีเรื่องแคลงใจกัน สำหรับเรื่อง แคลนใจอะไร พ่อไม่ถามหรอกนะ แต่ว่าพ่อจะบอกกับลูกว่า “สามี ภรรยาใช้ชีวิตร่วมกัน ก็เหมือนกับลิ้นกับฟัน ยากที่จะหลีกเลี่ยง การกระทบกระทั่งกัน ใครก็ไม่ใช่เทวดา ทุกคนต่างมีโอกาสทำ ผิดพลาดกันทั้งนั้น พ่อดูออก ครั้งนี้บริศ อาจทำผิดเรื่องอะไรสัก อย่าง จึงทำให้ลูกไม่มีความสุข เพียงแต่ว่าลูกก็คิดให้มากๆ สิ่งที่ เขาทําดีกับลูก เขารักเดียวใจเดียวนะลูก พ่อไม่เชื่อหรอกนะว่า ลูกไม่ได้สังเกต”

คำพูดของพ่อนเมนทำให้นรมนไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น “พ่อคะ พ่อไม่รู้หรอกว่าเขาทําอะไรไปบ้าง ย่อมพูดแบบนี้อยู่แล้ว”

เรื่องใหญ่แค่ไหนสามารถเทียบกับความเป็นความตาย หล่ะ? ขอแค่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต ทุกอย่างล้วนปรึกษาหารือ กันได้อยู่แล้ว อีกอย่างพ่อรู้สึกมาโดยตลอดว่าไม่ว่าปริศร์ อะไรลงไปก็ตาม สาเหตุก็น่าจะทำเพื่อลูกทั้งนั้น เพื่อครอบครัวนี้ และเพื่อลูกๆ วิธีการของเขาอาจจะบ้าอำนาจไปบ้าง และค่อน ข้างเกินขอบเขตไปบ้าง แต่ว่าลูกต้องรับรู้ ตั้งแต่เด็กเขาเป็นคนที่ อยู่สูงส่ง เป็นผู้ที่ชี้นิ้วสั่งการ เขาเป็นใคร? เขาไม่ใช่ประชาชน ธรรมดา เขาเป็นคุณชายบุริศร์ และเป็นผู้สืบทอดกิจการที่บ้าน ตระกูลโตเล็ก ในอดีต วิธีและฝีมือการกระทำทุกอย่างของเขาลูก อาจจะไม่เห็นด้วย แต่ว่าลูกต้องเห็นความตั้งใจของเขาสิใช่รึ เปล่า? ”

ได้ยินพ่อนรมนพูดแบบนี้ นรมนหวั่นไหวบ้างแล้ว

“พ่อคะ แต่ว่าหนูเป็นลูกของพ่อนะคะ ทำไมพ่อถึงพูดอยู่เรื่อย เลยว่าเขาดีอย่างโน้นอย่างนี้? ”

“เขาดีกับลูก พ่อแม่ถึงวางใจ ยังไงซะพ่อแม่อยู่กับลูกไม่นาน เท่าเขา ครอบครัวปรองดองกันถึงจะดีที่สุด ฟังเถอะนะ เรื่องบาง อย่างผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ นะ เดี๋ยวว่างแล้ว โทรศัพท์ ให้กับบริศร์ด้วยนะลูก ให้เขากลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านมีเรื่องอะไรก็ให้มันผ่านไปเถอะ อืม?

นโมนเห็นสายตาที่คาดหวังของพ่อนรมน แล้วก็คิดๆดูกับค่า พูดของพ่อนรมน เธอหวั่นไหวแล้วจริงๆ ถ้างั้น เดี๋ยวโทรศัพท์ให้กับบริศร์ดีกว่า

เธอคิดแบบนี้ จึงกลับไปที่ห้องนอนอย่างไม่รีรอ ขณะที่ยกมือ ถือขึ้นมากำลังจะโทรหาบุริศร์ กลับคิดไม่ถึงบุริศร์โทรมาก่อน แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ