แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 696 คุณคิดว่าผมเจตต์ตายไปแล้วเหรอ



บทที่ 696 คุณคิดว่าผมเจตต์ตายไปแล้วเหรอ

แค่ธาวิณีไม่ทันระวังตัวครู่เดียว ก็โดนนิตาตบลงไปกองอยู่กับ พื้นแล้ว

“เธอทำไมตบคนขึ้นมาแล้วเนี่ย? เธอนี่มันนังผู้หญิงไม่มี เหตุผล! หยาบคายเกินไปแล้ว!

ธาวิณีโกรธจนตาแดงก่ำแล้ว

นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็ เจตต์จะต้องรู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ของธา วิณีถึงจะถือว่าเป็นผู้หญิง แล้วก็จะรุกหน้าเข้าไปประคองเธอและ ปลอบโยนอีกสักชุด แต่ว่าตอนนี้เขายิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่านิตาตบได้ดี ตบได้สะใจ ตบได้คลายอารมณ์มากจริง ๆ

ธาวิณีมองไปที่เจตต์ แล้วพูดขึ้นอย่างน้อยใจว่า “คนหล่อ ผู้

หญิงแบบนี้คุณจะเอามาทำอะไร?

“ป้องกันสิ่งชั่วร้าย

หลังจากที่เจตต์พูดจบแล้ว ก็ลากนิตามาแล้วก็เดินออกไปเลย

“ไปเถอะ ผมพาคุณไปกินอะไรหน่อย บรรยากาศของที่นี่โดน ทําลายไปหมดแล้ว”
พูดจบ เขาก็จับมือของนิตาไว้แล้วก็ออกไปจากห้องโถงใหญ่

เลย

ธาวิณีโกรธจนเกือบจะร้องกรี๊ดออกมาแล้ว

ผู้ชายคนนี้สายตามีปัญหาหรือเปล่านะ?

นิตาเห็นว่าเจตจับมือของตัวเองไว้ ก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “เมื่อกี้คุณว่าอะไรฉันนะ?”

“อะไร?”

เจตต์แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

ล้อเล่นละ เขาจะไม่มีทางพูดอีกครั้งแน่ว่าจะให้นิตามาป้องกัน สิ่งชั่วร้าย

เมื่อกี้นิตาก็ฟังไม่ชัดเจน พอตอนนี้เจตต์มาถามตัวเอง ก็เลย สายหัวเล็กน้อย “ไม่มีอะไรแล้ว พวกเราไปไหนกันดี?”

“กินอะไรก็ได้สักหน่อยเถอะ หรือว่าตอนนี้จะกลับไปกินต่อล่ะ?

ผมคิดว่าพนักงานน่าจะยังไม่เก็บไปหรอก”

เจตต์พูดจบตัวเองก็อึ้งไปเล็กน้อย

ทําไมเขาถึงได้โดนนิตาทำให้เปลี่ยนไปด้วยแล้วนะ?
ถึงกับเริ่มพูดคำพูดอะไรที่ไม่มีขอบเขตขนาดนี้ และไม่สม ฐานะเลยสักนิด?

นิตากลับพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันยังไม่ได้กินเลย อาหารดี ๆ กับข้าวดี ๆ ทั้งโต๊ะ ฉันยังไม่ได้กินสักคำเลย ผู้หญิงคนนี้เป็น เพื่อนคุณเหรอ?”

“ผมไม่รู้จัก เมื่อกี้เพิ่งเจอกันในลิฟต์ อาจจะเป็นคนโรคจิตมั้ง ไปเถอะ ในเมื่อคุณอยากจะกิน พวกเราก็กลับไปกินกันเถอะ”

อยู่ ๆ เจตต์ก็รู้สึกว่านิตาก็น่ารักขึ้นมาบ้างแล้ว

นิตาตามเจตต์กลับมาถึงโรงแรม

ธาวิณีได้จากไปแล้ว และพนักงานบริการกำลังเก็บโต๊ะอยู่ “เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ พวกเรายังไม่กินเลย เพิ่งจะออกไปแค่แป๊บเดียว ทำไมเก็บโต๊ะแล้วล่ะ?”

นิตารีบห้ามขึ้นมาทันที

พนักงานบริการอึ้งไปเล็กน้อย

เจตต์ลากพนักงานมาอีกข้างหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เอาตาม รายการอาหารพวกนี้มาอีกชุดหนึ่ง รับรองไม่จ่ายเงินพวกคุณ ขาดแน่”
“ได้ครับ คุณผู้ชาย”

พนักงานบริการอีกถอยออกไป

นิตาไม่รู้ว่าเจตต์ได้สั่งอาหารใหม่ขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง จึงรีบร้อน นั่งลง แล้วเริ่มกินอย่างออกรสขึ้นมา

“อืม อันนี้อร่อย อันนี้ก็ไม่เลว คือว่าถ้าเดี๋ยวเรากินไม่หมดฉัน สามารถห่อกลับไปได้ไหม?”

นิตาจ้องมองดูเจตต์

อาหารที่เลิศรสทําให้ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสว่างสดใส น่าลุ่มหลงมาก เจตต์หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องแล้วมั้ง? นี่ก็อยู่ในโรงแรม

อยู่แล้ว เอากลับไปไว้ในห้องแล้วไม่กินอาจจะเสียได้นะ ถ้าอยาก

กินอีกพรุ่งนี้เราค่อยมากินกันอีกก็ได้

“ไม่ต้องหรอก อาหารมื้อนี้จะต้องแพงมากแน่ แล้วก็ให้คุณ ออกเงินเองทั้งหมด ฉันจะไม่เกรงใจได้ยังไงล่ะ? รอให้ฉันช่วย ประธานนรมนจัดการเรื่องทางนี้ให้เรียบร้อย แล้วได้เงินก้อน ใหญ่มา ฉันจะต้องเลี้ยงคุณคืนแน่

“ได้”

เจตต์เองก็ไม่โต้แย้งกับเธออีก
หลังจากที่ทั้งสองคนกินข้าวเสร็จแล้ว นิตาก็ยังอยากจะรอ

ประธานชนกอยู่ที่นี่ต่ออีก แต่กลับโดนเจตต์เกลี้ยกล่อมให้กลับ ไปพักผ่อนได้แล้ว

ตัวติดต่อคนไปส่วนหนึ่งด้วยตัวเอง ให้ตามหาประธานชนก

ให้เจอ

แล้วรู้ว่าประธานชนกได้ไปร้องเพลงที่ไนต์คลับแล้ว ตอนที่เห็นเจตตมานั้น ประธานชนกก็อึ้งไปครู่หนึ่ง “คุณมาหาใคร?”

“หาคุณไง”

เจตต์เดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของประธานชนกโดยตรงเลย แล้วนั่งลงตรงหน้าประธานชนก

“พวกเรารู้จักกันด้วยเหรอ?”

“วันนี้ผู้ช่วยของผมโทรศัพท์หาคุณแล้ว ประธานชนกยังให้ พวกเรารอคุณอยู่ที่โรงแรมเฮติอีกด้วย แต่ว่าประธานชนกกลับ มาเพลิดเพลินอยู่ที่นี่ มันไม่ค่อยซื่อตรงเท่าไหร่มั้ง”

เจตต์หัวเราะแล้วพูดขึ้น

ประธานชนกจ้องมองเจตต์ แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ทันที

“แค่บริษัทท่องเที่ยวเล็ก ๆ บริษัทหนึ่ง มีคนรวมทั้งหมดแล้ว แค่ร้อยกว่าคน แล้วตอนนี้มาบอกผมว่าจะพัฒนาธุรกิจการท่อง เที่ยวของที่นี่ คือพวกคุณเองที่กำลังล้อเล่นกับผมอยู่ใช่ไหม? หรือว่าหูผมมีปัญหากันแน่? ถ้าจะพูดว่าซื่อตรง พวกคุณต่างหาก ที่ไม่ซื่อตรงก่อนนะ? ผมประธานชนกเป็นคนยังไง? เป็นคน ที่ทำการใหญ่ จะมาทำเรื่องพวกนี้เพื่อบริษัทท่องเที่ยวเล็ก ๆ ของ พวกคุณได้ยังไงกันล่ะ? คือพวกคุณเองที่ไม่รู้กำลังตัวเอง มากกว่า”

“ใช่เหรอ?”

เจตต์ยังคงยิ้มอยู่ แต่ว่ากลับพูดกับพนักงานบริการขึ้นว่า “วัน นี้บิลของประธานชนกผมจ่ายเอง แล้วอีกอย่างที่พวกคุณนี้ไม่มี ไวน์แดง Chateau Lafite Rothschildปี1982ไหม เอามาสัก สองสามขวดซิ แล้วก็เอาผลไม้มาสักสองสามจานด้วย

ตัวทั้งตัวของประธานชนกนิ่งอึ้งไปเลย

“นี่คุณล้อเล่นใช่ไหม? ไวน์แดง Chateau Lafite Rothschildปี1982เหรอ? ยังจะเอาหลายขวดด้วย? คุณเป็นแค่ พนักงานดำเนินเรื่องของบริษัทท่องเที่ยวเล็ก ๆ แห่งหนึ่งจะมี ปัญญาขนาดนี้เลยเหรอ? เลิกเล่นได้แล้ว”

“ตอนนี้ฉันก็จน จนเหลือแต่เงินแล้ว”

หลังจากที่เจตต์พูดจบ ก็เอาเงินสดออกมาโยนลงบนโต๊ะปีก หนึ่ง ดูไปแล้วน่าจะมีเยอะประมาณล้านสองล้านได้

พกเงินสดติดตัวออกมาเยอะขนาดนี้ ประธานชนกลิ้งไปหมด ทั้งตัวเลย

เหมือนกับว่าเขาจะจ้องเจตต์จนน้องไปแล้ว แล้วกลืนน้ำลาย ลงไปค่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “คุณเป็นประธานของบริษัทท่องเที่ยว เหรอ?”

“ไม่ใช่ ผมเป็นแค่เพื่อนของประธานบริษัท ประธานบริษัทของ พวกเขามีอำนาจมากกว่าผมอีกเยอะ

“จริงเหรอ? ไม่ได้ยินมาเลยนี่ บริษัทท่องเที่ยวนี้ก็ไม่ได้มีชื่อ เสียงอะไรด้วย”

ประธานชนกลองค้นหาชื่อบริษัทที่ค่อนข้างคุ้นหูในหัวสมองดู ยังไงก็นึกไม่ออกว่ามีชื่อบริษัทนี้อยู่อีกบริษัทหนึ่ง

“เพื่อนของผมนั้น ตอนแรกเป็นคนของเมืองชลธี มาท่องเที่ยว ที่นี่ แล้วรู้สึกว่าธุรกิจท่องเที่ยวของที่นี่ไม่เลว เพราะฉะนั้นก็เลย กว้านซื้อบริษัทท่องเที่ยวนี้ไว้ แล้วกะว่าจะทำให้ใหญ่โต ไม่รู้ว่าประธานชนกจะพอให้เกียรตินี้ได้ไหม?

เจตต์เอาเท้าทั้งสองข้างมาวางพาดไว้บนโต๊ะน้ำชาอย่าง สบาย ๆ กางเกงสูทแบรนด์อามานี่ที่สั่งตัดพิเศษ ไม่กลัวเปื้อนฝุ่น ผงเลยสักนิด

ประธานชนกถึงได้เพิ่งจะลืมตาดูเจตต์ดี ๆ

ทั้งตัวของผู้ชายคนนี้ตั้งแต่บนลงล่างล้วนเป็นความหรูหราที่ดู เรียบง่าย แค่ดูก็ดูมีมูลค่าแพงมาก ๆ เพื่อนของคนแบบนี้ก็คงจะ ๆ ไม่ได้แย่ไปถึงขนาดไหนหรอก

พอนึกถึงจุดนี้ สีหน้าของประธานชนกก็เปลี่ยนสีทันที

“พูดกันดี ๆ ได้ ไม่ทราบว่าต้องเรียกว่าอะไรครับ?”

“เรียกผมว่าคุณชายเจตต์ก็พอแล้ว”

“คุณชายเจตต์ คุณว่านะ พรุ่งนี้เราค่อยหาเวลามาคุยเรื่องงาน กันส่วนตัวเป็นไงครับ? ส่วนวันนี้ก็ถือซะว่ามารู้จักเป็นเพื่อนกัน สักหน่อย พวกเราไม่เมาไม่กลับเป็นไง”

ประธานชนกรีบให้มาม่าซังหาผู้หญิงสวย ๆ ไม่มาสองสามคน มาอยู่เป็นเพื่อนเจตต์

ปกติเจตต์ก็เป็นผู้มีฝีมือทางด้านนี้อยู่แล้วพอพูดคุยกันไปไม่เท่าไหร่ ผู้หญิงรอบข้างก็โดนเขาหยอกล้อจน ดีอกดีใจไม่ไหวแล้ว และที่สำคัญประธานชนกก็ดูออกว่า เจต คนนี้เป็นคุณชายเจ้าสำราญคนหนึ่ง และยิ่งเป็นพวกลูกคนรวย

ดูท่าเงินคงจะตามมาแล้วจริง ๆ กั้นยังไงก็กั้นไม่อยู่

ประธานชนกดื่มเหล้ากับเจตต์ไปทั้งคืน

นิตานอนถึงกลางดึกแต่ก็นอนไม่หลับแล้ว เลยลุกขึ้นมาสูด อากาศปลอดโปร่งสักหน่อย แต่กลับมาเห็นเจตต์ที่เมาแอ๋กลับ มาจากข้างนอก

“เอ๊ะ? คุณไปไหนมา?”

นิตาเดินเข้าไปข้างหน้า แล้วพบว่ากลิ่นเหล้าทั้งตัวของเจต นั้นแรงมาก แล้วก็อดไม่ได้ที่จะบีบจมูกเอาไว้

“คุณไปดื่มที่ขนาดนี้ที่ไหนมา?”

“พูดกับคุณไม่รู้เรื่องหรอก กลางดึกแบบนี้คุณไม่นอน ออกมา ทำไม?”

ที่จริงเจตต์ไม่ได้เมามาก แค่รู้สึกว่ากระเพาะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่

เขาพิงระเบียงสูบบุหรี่อยู่ แต่นตากลับคว้าที่หนึ่งแล้วแย่งเอา บุหรี่ของเขามาดับทิ้งไป
“เป็นถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะสูบอีก? ฉันส่งคุณกลับไปพักผ่อน ก่อนดีกว่า”

“ได้”

เจต เอาน้ำหนักทั้งตัวของตัวเองพิงไปที่ตัวของนิตาเลย

นิตารู้สึกลำบากเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วตอนที่ ประคองเจตต์ไว้และเดินไปทางห้องนั้น อยู่ ๆ ก็เจอกับธาวิณีเข้า พอดี

“โยว นี่อยากจะเอาคนหล่อไปขึ้นเตียงแล้วเหรอ? ก็ใช่ ผู้หญิง อย่างเธอนี่ ก็คงได้แต่พึ่งวิธีแบบนี้ถึงจะสามารถฉุดผู้ชายไว้ได้

พอนิตาเห็นธาวิณีเข้า คิ้วขมวดกันขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น

ด้วยน้ำเสียงก็ค่อนข้างเย็นว่า “ฉาดหนึ่งที่โดนตบไปเมื่อตอน

หัว ยังไม่พออีกเหรอ?”

“ตอนกลางวันมีหนุ่มหล่อคอยคุ้มครองเธออยู่ แต่ตอนนี้หนุ่ม หล่อนอนหลับไปแล้ว เธอยังจะมาเสแสร้งอะไรต่อหน้าฉันอีก? หนึ่งฉาดเมื่อตอนหัวค่ำ ฉันก็จะคืนให้เธอเดี๋ยวนี้แหละ

พูดแล้ว ธาวิณีก็สะบัดมือมาที่นตาหนึ่งฝ่ามือเลย
เพราะว่านิตาประคองเจตต์อยู่ จึงไม่สามารถชักมือออกมาได้

พอมาโดนคนตบซึ่ง ๆ หน้าหนึ่งฉาดแบบนี้ ก็โมโหแทบแย่ แต่ว่ายังไม่ทันรอให้เธอได้ทำสำเร็จ เจตต์ก็ยกมือขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็เหวี่ยงธาวิณีคว่ำไปเลย

“เหมือนว่าผมจะบอกคุณไปแล้วนะว่าอย่ามาแตะต้องคนของ ผม คุณฟังไม่เข้าใจใช่ไหม? คุณคิดว่าผมเจตต์ตายไปแล้วเห รอ? ถึงได้กล้ามาตบคนต่อหน้าผม คุณเชื่อไหมว่าวันนี้ผม สามารถหักแขนคุณทิ้งไปได้เลยนะ?”

ระหว่างที่พูด เจตต์ก็เหมือนกับว่าจะรุกหน้าขึ้นไปหักแขนของ ธาวิณีจริง ๆ

พอนิตาเห็นว่าเจตจะเอาจริงขึ้นมาแล้ว ก็รีบขวางเขาไว้

“เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันไม่เป็นอะไรสักหน่อย พวกเรากลับกันเถอะ”

พูดจบ เธอมองก็ไม่มองธาวิณีแม้แต่ทีเดียว พยุงเจตต์ไว้แล้วก็ เดินไปเลย

ในตอนที่ธาวิณีได้ยินชื่อของเจตต์ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้ม หน้าลง จ้องมองพวกเขาจากไปทั้งอย่างนั้น และไม่ได้สร้างความ นําบากให้พวกเขาอีก
นิตาประคองเจตต์มาถึงในห้อง แล้วก็รีบไปหาผ้าขนหนูชุบน้ำ อุ่นมาให้เขาประคบสักหน่อย

ในกระเพาะของเจตต์แสบร้อนเป็นไฟ แล้วผลักนิตาออกทีหนึ่ง แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วเริ่มอาเจียนออกมา

“คุณไม่เป็นอะไรนะ? หรือว่าฉันไปหาซื้อยาให้คุณสักหน่อยดี คุณไปดื่มที่ไหนมาถึงได้ดื่มจนเป็นถึงขนาดนี้ได้?”

นิตาพูดแล้วก็จะออกไป แต่กลับโดนเจตต์ดึงแขนไว้ที่หนึ่ง ใช้ แรงกระชากทีหนึ่ง โดยไม่ได้ระวัง ก็กระชากบิดามาอยู่บนอกของ ตัวเองเลย

นิตาอึ้งไปหมดทั้งตัว

กลิ่นอายของชายหนุ่มผสมผสานกับกลิ่นแอลกอฮอล์พุ่งเข้า ใส่หัวสมองของเธอ จนทำให้เธอมึนงงไปบ้าง

เจตต์กลับไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น แล้วยิ้มและพูดขึ้นว่า “คุณทายดูซิว่าผมไปดื่มกับใครมา?”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ”

นิตารู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็รีบผลักเจตต์ออก
เจตต์พิงกำแพงไว้ ยิ้มอย่างเมามายแล้วพูดขึ้นว่า “ผมไปดื่ม กับประธานชนกมา เขาตอบตกลงว่าพรุ่งนี้จะเซ็นสัญญากับพวก เราแล้ว พรุ่งนี้คุณเตรียมสัญญาไว้ให้เรียบร้อยนะ พวกเราสอง คนไปถึงก็เซ็นเลย จะได้ไม่ต้องยึกยักแล้วเสียงาน หลังจากที่เซ็น เสร็จแล้วพวกเราก็กลับกันเลย พอถึงตอนนั้นนรมนก็จะได้ดีใจ แล้ว”

ขาของเขาเหมือนกับว่าจะไปค่อยเชื่อฟังเท่าไหร่ แล้วก็นั่งลง ไปบนชักโครกเลย

นิตาเห็นว่าเขายังไม่ทันได้กดชักโครกก็นั่งลงไปแล้ว จึงอดไม่ ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “กางเกงของคุณเปียกแล้ว”

“คุณช่วยผมถอดออกหน่อยเถอะ ผมไม่มีแรงแล้ว”

คำพูดของเจตต์ทำให้นิตานิ่งอึ้งอยู่กับที่ไปเลย

“คุณว่าอะไรนะ? เจตต์ คุณดื่มมากไปแล้วมั้ง? ฉันเป็นผู้หญิง นะ!”

“คุณน่ะนอกจากร่างกายเป็นเพศหญิงแล้ว ยังมีตรงไหนที่ เหมือนผู้หญิงบ้าง? ผมคิดว่าคุณเป็นพี่น้องจากใจจริงเลยนะ วางใจเถอะ ผมไม่ต้องการให้คุณรับผิดชอบหรอก”

หลังจากเจตต์พูดจบ ก็อาเจียนขึ้นอย่างยากลำบากอีกครั้ง แต่ว่ากลับยังไงก็ลุกไม่ขึ้นเลย จึงอ้วกใส่ตัวเองทั้ง ตัวเลย

ตอนที่นตาได้ยินเจตต์พูดว่าคิดกับตัวเองเป็นพี่น้องนั้น ในใจ ก็ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกยังไง

เธอเป็นผู้หญิงดี ๆ ทั้งคน ทำไมถึงได้โดนผู้ชายคนหนึ่งมาคิด ว่าเป็นพี่น้องไปได้ล่ะ?

แต่ว่าพอเห็นท่าทางที่ทรมานแบบนี้ นิตาก็ไม่สนใจอย่างอื่น

แล้ว แล้วก็รีบเข้าไปช่วยเหลือ

เจตต์เมาแล้วจริง ๆ

แต่ที่น่าแปลกคือ ปกติแล้วเขาจะไม่ดื่มจนเมาต่อหน้าคนนอก แต่พออยู่ต่อหน้านตากลับวางใจได้อย่างสบายใจแบบนี้

แล้วเขาก็หน้าฟุบลงไปบนอกของนิตา แล้วหลับไปเลย

“นี่ เจตต์ คุณตื่นก่อนซิ

นิตารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย

เธอดูแล้วเจตต์ที่ตัวสูงถึง185เซนติเมตรเป็นเหมือนอย่างกับ ภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งที่พิงอยู่บนไหล่ของตัวเอง และที่สำคัญทั้งสอง คนก็อยู่ในห้องน้ำด้วย ท่าทางแบบนี้ สถานการณ์แบบนี้ จะให้ เธอที่เป็นผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานคนหนึ่งทำยังไงดีล่ะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ