แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 948 พหมายความว่าอย่างไรกัน?



บทที่ 948 พหมายความว่าอย่างไรกัน?

นัยน์ตานรมนมีเปลวไฟแห่ง โทสะเล็กน้อย

อย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงว่าจะเห็นภาพภาพนี้ คนมากมายขนาด นี้รุมล้อมทุบตีเตะต่อยคมทิพย์

คมทิพย์ที่ตัวเล็กและอ่อนแอขดตัวงออยู่บนพื้นคนเดียว ปล่อย ให้คนรังแก

นรมนสงสารจะตายอยู่แล้ว แต่กลับโมโหเป็นอย่างมากเช่น

คมทิพย์จับแขนของนรมนเบาๆ เอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่เกี่ยวข้อง กับผู้กํากับ นี่คือละคร บทบาทที่ฉันแสดงก็เป็นแบบนี้”

“อย่างนั้นหรือ? จากที่ฉันรู้มา เธอเป็นตัวประกอบสินะ? ฉัน ไม่รู้เลยว่าตัวประกอบต้องถ่ายซ้ำหลายรอบมากขนาดนี้ตั้งแต่ เมื่อไรถึงจะผ่านไปได้”

นรมนเห็นอยู่ในรถ คมทิพย์ออกมาลองถ่ายบทไปตั้งหลาย รอบ ตามแบบแผนแล้วมีคนใช้โอกาสในการถ่ายละครนี้ตั้งใจ จัดการกับคนทิพย์อย่างชั่วร้าย

ผู้กำกับเห็นนรมนแล้ว ก็รู้จักเธอ เพียงแต่ว่าไม่ได้สรรเสริญ เยินยออะไรมากนัก เอ่ยเรียบๆว่า “ตัวประกอบแสดงได้ไม่ดี ก็ ต้องแสดงหลายครั้งเป็นธรรมดา คุณนายบุริศร์เป็นคนนอกสาย งาน ก็อย่ามา ไม้ชี้มือเลยครับ ถ้าหากทำใจให้เธอออกมานําบากไม่ได้ ก็อย่าทำเลยครับ ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่ขาดตัว ประกอบ

นรมน โกรธจนหน้าอกกระเพื่อม เธอถึงมือคมทิพย์เอาไว้ และ เอ่ยว่า “ไป! พวกเราไม่ทําแล้ว

แต่ว่าคนทิพย์ไม่ได้ขยับเท้า

“นรมน ปล่อยฉันเถอะ!!

สายตาของคนทิพย์มีแววดื้อดึง

นรมนมองรอยเขียวม่วงบนใบหน้าและลำแขนของคนทิพย์ ด้วยความประหลาดใจ ชั่วขณะหนึ่งที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี “เธอจะลำบากไปทําไม?”

“ฉันเป็นตัวประกอบ แต่ถ้าหากว่าฉันอยากจะพัฒนาต่อไปใน เส้นทางนักแสดง มีความลำบากบางอย่างที่ฉันจำเป็นต้องรับมัน เอาไว้ ถ้าหากว่ากระทั่งความลำบากนี้ฉันก็รับไม่ไหว คนใน ครอบครัวฉันจะทำอย่างไร หลังจากนี้ฉันควรจะทำอย่างไร เธอ ช่วยฉันได้ครั้งหนึ่ง จะช่วยฉันได้ตลอดชีวิตหรือ แม้ว่าเธอจะ สามารถช่วยฉันได้ตลอดชีวิต แต่ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอย่างนั้น ฉันต้องลุกขึ้นยืนด้วยการพึ่งพาตัวเอง แบกรับภาระครอบครัวฉัน ดังนั้นเธอไม่ต้องสนใจฉันหรอก เธอไปเถอะ อยู่ที่นี่แล้วจะทำให้ เธอไม่สบายใจ”

คมทิพย์เคยมีท่าทางกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวาอย่างไร แต่ ในตอนนี้กลับต้องอดทนซ่อนเร้นเอาไว้เพื่อเงิน
ในใจนโมนทั้งทุกข์ใจและสบายใจ แต่กลับไม่พูดอะไรอีก ฉัน

นรมนก็เป็นคนมีนิสัยดื้อรั้นคนหนึ่ง

เวลา ทั้งยังเป็นแค่ตัวประกอบสามารถเปลี่ยนคนมาแทนตบเพื่อสิ่งนี้ชั่วโมงกว่าเปล่า

เธอหายใจลึก หน้าพูดกับกำกับ ขอโทษด้วย ค่ะกํากับ สามารถแล้ว

ผู้กำกับชะงักเล็กน้อย

เดิมนึกว่าผู้หญิงจะทนไม่ไหวแล้วจากไป หรือร้องขอ ความเมตตาจากเขา แต่คิดเลยว่าเธอจะสามารถอดทนเอา ไว้ได้

ส่วนนรมนก็นั่งข้างทำให้กำกับมีความพะว้าพะวง แม้ว่าคิดข้ออ้างอะไรมาทำให้คุมทิพย์ลำบากใจอีกไม่กล้า อย่างไร้ความละอายใจอีก ถึงอย่างไรบุริศร์มีชื่อเสียงเรื่องการและทะนุถนอมภรรยา

เริ่มเลยเถอะ ครั้งทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถหน่อย เพื่อ ให้ผ่านได้

ผู้กำกับเอ่ยปากแล้ว อื่นเข้าใจในทันที
คมทิพย์ยังคงอยู่ในตำแหน่งเมื่อครู่นี้ พยายามแสดงสภาพ การณ์เมื่อครู่อย่างดีที่สุด นรมนนั่งดูอยู่อีกด้าน ไม่ได้ส่งเสียง อะไรออกมา

จนกระทั่งพระจันทร์ลาลับไปทางทิศตะวันตกแล้ว คนทิพย์ถึง ได้เลิกกอง

หลังจากผู้กํากับมอบเงินให้เธอ และบอกลากับนรมนแล้วก็ จากไป

คมทิพย์ปวดไปทั้งร่าง หลังจากที่ทุกคนจากไปหมดแล้ว เธอก็ นั่งอยู่ข้างกายนรมน เอ่ยด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวว่า “ให้คนขับรับ ของเธอช่วยไปซื้อเบตาดีนให้ฉันสักขวดเถอะ ฉันเดินไม่ไหวแล้ว จริงๆ”

“ฉันนึกว่าร่างกายเธอสร้างจากเหล็กเสียอีก ไม่รู้จักเจ็บปวด ไม่รู้จักเหนื่อยล้า”

นรมนอ้าปากบ่นเล็กน้อย

ชัยยศรีบหยิบยาเบตาดีนที่นรมนซื้อมาตั้งแต่แรกส่งให้

“ม้วนแขนเสื้อขึ้นมา ฉันจะทายาให้

น้ำเสียงของนรมนไม่ดีเท่าไร แต่ว่าการกระทำนั้นเบามาก คมทิพย์มองนรมน เอ่ยยิ้มๆ “ปากของเธอน่ะเก่ง

“เธอน่ะนะ”

นรมนถลึงตาใส่คมทิพย์อย่างจนปัญญา พร้อมกับเอ่ยว่า“อย่านึกว่าฉันมองไม่ออก ไม่ผ่านมาตรฐานของตัวประกอบอะไร นั่นหรือ ก็แค่ผู้กำกับคนนั้นจงใจทรมานเธอเท่านั้นเอง เขา ต้องการให้เธอทำเรื่องซ่อนเร้นบางอย่างที่ไม่อาจพูดออกมาได้ กับเขาใช่ไหม เธอไม่รับปาก ในใจเขาก็มีไฟสุม ไม่ใช้โอกาสดีๆ ทุบตีเธอในตอนนี้สักหน่อยจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ผู้กำกับคนนี้ ฉันจำเอาไว้แล้ว เดี๋ยวคอยดูว่าฉันจะจัดการกับเขาอย่างไร

คมทิพย์จะไม่รู้เรื่องราวที่อยู่ข้างในได้อย่างไร

เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอต้องการเงิน จะทำอะไรได้ล่ะ?

เธอถอนหายใจเอ่ยว่า “ความจริงแล้วเธอกับฉันล้วนรู้ว่าเรื่อง นี้ก็เป็นแค่เรื่องหนึ่งเท่านั้น แต่ใครใช้ให้ฉันขาดเงินในตอนนี้ล่ะ

“จะต้องเดินเส้นทางนี้ให้ได้หรือ

นรมนมองคมทิพย์ ถามตามสัญชาตญาณ

คมทิพย์ชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็พยักหน้า เอ่ยว่า “ใช่ นอกจากเส้นทางนี้แล้วฉันจะสามารถเดินเส้นทางไหนได้อีก ครอบครัวของพวกเราเป็นอย่างไร เธอก็เห็นแล้ว เป็นเหวลึกเหว หนึ่ง ต้องมีเงินเท่าไรถึงจะสามารถถมได้เต็มกัน? ฉันไปสอบถาม มาแล้ว ถ้าหากว่าฉันสามารถเข้าวงการบันเทิงได้ รายได้ในหนึ่ง ปี แม้จะไม่สามารถพูดว่าสามารถทำให้พวกเขาใช้ชีวิตที่ดีกว่านี้ ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังมีค่าใช้จ่าย ดังนั้นเส้นทางนี้ฉันไม่เดินไม่ ได้”

นรมน ใส่ยาให้เธอด้วยความระมัดระวัง เอ่ยอย่างทอดถอนใจ “ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะสนับสนุนเธอ”
“ขอบคุณเธอนะ”

คมทิพย์ยังไม่รู้เรื่องที่นรมนจะเปิดบริษัทภาพยนตร์เพื่อตัวเอง นรมนก็ไม่ได้พูด เพียงแต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “โทรศัพท์ไปหา ปัญญเถอะ เขาเป็นห่วงเธอมากนะ”

“อ่อ ได้”

คมทิพย์จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

“พี่เพิ่งจะเลิกงาน ช่วงเวลาทำงานไม่ได้พกโทรศัพท์ เราโทร หาพี่มีเรื่องอะไรหรือ

คมทิพย์ดูอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่ตอนนี้โทรศัพท์หาปัญญ์ น้ำ เสียงก็ยังคงสดใสและกระฉับกระเฉง

นรมนมองเธอ และเข้าใจขึ้นมาได้กะทันหัน

คมทิพย์มอบด้านที่กระตือรือร้นของตัวเองให้กับคนใน ครอบครัว

คนในครอบครัวก็คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอยืนหยัดต่อไป เธอไม่ได้พูดอะไร และใส่ยาให้คมทิพย์ต่อไป ปัญญ์ที่ได้ยินเสียงคมทิพย์แล้วก็โล่งใจ

“พี่ โทรศัพท์ของพี่มักจะโทรไม่ติด ผมกับพี่นรมนร้อนใจมาก นะ ใช่แล้ว พี่นรมนไปหาแล้วใช่ไหมครับ

“อยู่ข้างๆพี่นี่แหละ”
คมทิพย์เอ่ยยิ้มๆ “เราโทรหาพี่มีเรื่องอะไรล่ะ

“พี่นรมนพูดว่าติดต่อกับรมดาศัลยแพทย์มือหนึ่งของโลกได้ แล้ว ให้ผมไปที่เมือง ส้กรอบ พี่ ผมไปดีไหม

“ไปสิ ทำไมไม่ไปล่ะ”

คมทิพย์มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

“ปัญญ์ เราฟังให้ดีนะ ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไร เราต้องรักษา ขาข้างนี้ของเราให้หาย แม้ว่าจะมีความหวังเพียงแค่น้อยนิดก็ไม่ อาจปล่อยไปได้ เพียงแค่ไปเมืองB พี่อาจจะไปเป็นเพื่อนเราไม่ ได้”

คําพูดของคนทิพย์เต็มไปด้วยความจนปัญญา

เธอต้องทํางาน ต้องหาเงิน ต้องหาค่ายารักษาให้กับคุณพ่อ และพฤกษ์ จดหมายเรียกเก็บเงินถูกส่งมาในแต่ละวันราวกับ เกล็ดหิมะที่ร่วงโปรย เธอไปไม่ได้ แน่นอนว่าปัญญ์ก็รู้ สถานการณ์ของคมทิพย์ เขาเอ่ยเสียงเบาว่า “ผมไปกับพี่นรมน พอแล้ว พี่ครับ พี่ลำบากสักช่วงหนึ่ง รอผมรักษาขาหายแล้ว ก็ เปลี่ยนให้ผมมาปกป้องพี่และคนในครอบครัวแทน

“ได้”

จมูกคมทิพย์แสบเล็กน้อย นัยน์ตากแดงระเรื่อ

“พี่รอให้เรากลับมาอย่างปลอดภัย”

หลังจากคนทิพย์วางโทรศัพท์แล้ว ก็หันกลับไปกอดนรมนเอาไว้ทันที ในที่สุดหยดน้ำตาอุ่นร้อนก็รินไหลออกมา

“ขอบคุณเธอนะ นรมน ขอบคุณ” เดิมเธอไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนแอ แต่เมื่อเรื่องเหล่านี้มารวมกัน แล้ว เธอก็อดทนมานานมากแล้ว

ในตอนนี้จู่ๆก็ราวกับซองทางระบายออกมาได้กะทันหัน หยด น้ำตารินไหลเปรอะเปื้อนแก้ม

นรมนตบแผ่นหลังคมทิพย์เบาๆ เอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า “จะต้อง ผ่านไปแน่นอน ทั้งหมดจะต้องผ่านไป เส้นทางเบื้องหน้าแม้ว่าจะ มีขวากหนามทิ่มแทงกาย แต่ฉันก็จะเดินไปกับเธอ เธอวางใจ มอบปัญญ์ให้กับฉันเถอะ ฉันจะพาเขากลับมาอย่างปลอดภัย”

“อืม”

คมทิพย์พยักหน้า เอ่ยว่า “บุญคุณใหญ่หลวงไม่สามารถ ตอบแทนได้ เพียงแค่คำขอบคุณคงไม่พอ ขอเพียงแค่คุมทิพย์ สามารถทําได้ ชีวิตนี้ของฉันก็มอบให้เธอแล้ว”

“ฉันจะเอาชีวิตเธอมาทำอะไรกัน ฉันเพียงแค่ให้เธอมีชีวิตต่อ ไปดีๆ หลังจากนี้พวกเราสองเพื่อนสนิทก็เรียกลมเรียกฝน เป็น คนที่มีอำนาจมากพอจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในเมืองชลธีได้ แล้วจะไม่มีความสุขได้อย่างไร

เมื่อได้ยินนรมนเอ่ยเช่นนี้แล้ว คมทิพย์ก็หัวเราะพรืดออกมา

“เธอนึกว่าเธอถ่ายละครอยู่หรือ”
“หลังจากนี้เพื่อนสนิทฉันจะกลายเป็นนักแสดงผู้มีชื่อเสียงแล้ว แน่นอนว่าตอนนี้ฉันต้องเริ่มหัดเรียนท่องบทบ้างแล้ว”

นรมนยิ้มบางๆล้อเล่นกับเธอ

คมทิพย์รู้ว่านรมนปลอบใจตัวเอง แต่เธอก็ยังคงพยักหน้าและ เอ่ยว่า “ดี หลังจากนี้พวกเราก็มีเป็นคนมีอำนาจมากพอที่จะ เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้กันเถอะ” ทั้งสองคนจับมือกันแน่น

คมทิพย์ต้องไปดูแลพฤกษ์และคุณลุงนารธิป จึงไม่สามารถไป ส่งปัญญ์ได้เป็นธรรมดา นรมนก็พูดเรื่องนี้กับบริศร์แล้ว บุริศร์จึง ส่งคนขับเฮลิคอปเตอร์รับพวกเธอไปส่ง

นรมนนึกว่าบุริศร์จะให้คนมาแทน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าบุริศร์จะ ขับเฮลิคอปเตอร์มาแทน ชั่วขณะหนึ่งจึงตะลึงค้างไป

“คุณก็จะไปเมืองBหรือคะ”

“ทําไมหรือ ไม่ได้หรือ ตอนนี้คุณอุ้มทองวิ่งพล่านไปทั่ว ผมไม่ วางใจ ผมต้องติดตามคุณไปตลอดเวลาถึงจะได้

ได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้แล้ว นรมนก็หมดคำพูดอย่างที่สุด

“คุณไม่ทํางานหรือคะ แล้วฉันกับลูกจะกินอะไร”

“วางใจเถอะ เรื่องที่บริษัทมีระดับสูงดูแลอยู่ ผมประชุมทาง โทรศัพท์ก็ได้แล้ว อีกประการหนึ่ง แม้ว่าผมจะไม่ทำงาน พวกเรา อาศัยทรัพย์สมบัติเหล่านั้นกินก็เพียงพอแล้ว”

“ไม่ขยันเพื่อความก้าวหน้า
นรมนยิ้มบางๆ ว่าเขาไปประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นก็ขึ้นไปบน เฮลิคอปเตอร์พร้อมกับชัยยศที่ยกปัญญ์ขึ้นไป

ตอนที่พวกเขาไปถึงเมืองBก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว บริศร์กลัวว่านรมนจะหิวเกินไป จึงสั่งอาหารเอาไว้ล่วงหน้า คนทั้งขบวนทานอาหารไปเล็กน้อย และขับรถไปยังที่พักของ

รมิดา

เพียงแต่นรมนคิดไม่ถึงว่า หน้าประตูที่พักรมิดา เธอจะได้พบ กับชายหนุ่มที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายคนหนึ่ง

“ณพ? นายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน

บุริศร์มองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้านี้ออกในแวบเดียว ทั้งยังตก ตะลึงเป็นอย่างมาก

อรรณพขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย

“พวกนายมาทําอะไร? แค่เรื่องห้องชุดไม่ใช่หรือ โทรศัพท์คุย กันก็พอแล้ว ทำไมคนถึงได้มาอีก เอ๋? คนข้างหลังพวกนายเป็น อะไรน่ะ มาตรวจอาการหรือ บุริศร์ นายหมายความว่าอะไรกัน แน่ ตอนนี้หนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว เมียฉันยังไม่ผ่าตัดไม่เสร็จเลย นาย ตั้งใจให้เธอทำงานทั้งคืนหรือ

อรรณพสีหน้าไม่น่ามองขึ้นมาทันที

บุริศร์รู้จักนิสัยเขา จึงเอ่ยเรียบๆว่า “คุณหมอรมิดาให้พวกเรา มา”
“ไร้สาระ ถ้าหากพวกนายไม่พูดชื่อของฉัน เธอคงจะไม่ทรมาน ตัวเองหรอก”

นรมนตะลึงไปเล็กน้อย รู้สึกผิดอยู่บ้าง

“คำพูดนี้เป็นฉันที่พูดเองค่ะ แต่บุริศร์ไม่รู้”

นโมนเป็นฝ่ายก้าวออกมาแบกรับเอาไว้ แต่กลับถูกบุริศร์จับ แขนเอาไว้

เขามองไปที่อรรณพ เอ่ยเสียงเรียบ “ณพ หมายความว่าอะไร กันแน่”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ