แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 692 ผู้หญิงคนนี้ใช้ได้จริงๆ



บทที่ 692 ผู้หญิงคนนี้ใช้ได้จริงๆ

“นิตา? ทําไมถึงเป็นเธอล่ะ?”

เจตต์กําลังจะเดินหนีด้วยความเซ็ง

นิตาก็รู้มาแค่ว่า นรมนจะหาคนมาสอนตนเอง แต่ไม่คิดว่าจะ เป็นเจต

นายคนหน้าด้านหน้าทนคนนี้?

ล้อกันเล่นอยู่รึไง!

“ใช่สิ ฉันก็ไม่คิดว่าจะเป็นนาย? ประธานบรมนต้องคิดผิด แน่ๆ คนอย่างนาย จะทำอะไรได้? ไม่ได้ ฉันจะต้องโทรหา ประธานนรมน เธอต้องโดนหลอกอยู่แน่ๆ

นิตาพูดพลาง โทรออกหานรมน เพียงแต่นรมนปิดเครื่องอยู่

ล้อเล่นกันอยู่รึไง นรมนก็ไม่ใช่คนโง่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขา เจอกันจะกลายเป็นยังไง เธอจะเปิดเครื่องให้พวกเขาโทรหาเธอ ไปทําไม?

“เฮ้อ ถ้ารู้ว่าเป็นนายนะ ให้ฉันหมื่นล้านก็ไม่มาหรอก”

เจตต์พูดยั่วโมโหนิตา

“หมื่นล้าน? เธอสำคัญตัวเองมากเกินไปรึเปล่า? คนหน้าด้าน อย่างนายหน่ะเหรอ หมื่นล้าน? แค่สิบบาทก็ไม่มีคนเอานายแล้ว! ฉันจะบอกให้นะ อยู่ที่พวกฉันตรงนี้ นายก็เป็นแค่ของไร้ค่าเท่านั้น!!

นิตาพูดเสียดสีเจต

“ฉันจะบอกเธอให้นะว่าฉันไม่คิดจะมีผู้หญิง อย่าคิดว่าตัวเอง เป็นลูกน้องของนรมนแล้วฉันจะไม่กล้า ลองพูดว่าฉันเป็นตัวไร้ค่า อีกดูสิ!”

“ตัวไร้ค่าตัวไร้ค่า! ทำไมล่ะ? ลองมาที่ฉันสิ?”

นิตาไม่คิดว่าเจตต์จะกล้าทำอะไรเธอ

เธอท้าทายความอดทนของเจตต์

ตอนนี้ไม่มีนรมนอยู่ตรงนี้ เขาจึงเดินเข้าไป จับคอเสื้อของนิตา แล้วโยนเธอออกไป

นิตาถูกโยนออกไป ราวกับเป็นว่าวที่เชือกขาด

“โอ๊ย!”

จังหวะที่นิตาล้มลงกับพื้น สิ่งที่เธอเจ็บที่สุดไม่ใช่กัน แต่เป็น

ศักดิ์ศรี!

หน้าตัวเมีย!

เธอนายหน้าด้านคนนี้โยนลงกับพื้น

ถ้าหากใครรู้เรื่องนี้เข้า เธอจะยังหาแฟนได้ไหม?

“เจตต์ ฉันไม่มีทางยอมนายแน่ๆ!

นิตาไม่สนว่าตัวเองจะเจ็บอีกต่อไป รีบลุกขึ้นมาแล้วพุ่งตัวไปทางเจต

ต้องบอกได้ว่า นิตาเป็นคนที่ใจสู้มาก

เจตต์ถูกเธอชนจนเซถลา

ผู้หญิงคนนี้นี่เหมือนกับวัวกระทิงเลย!

ทั้งแข็งแกร่ง และแรงเยอะ ผู้หญิงควรจะอ่อนโยนไม่ใช่เหรอ?

ทำไมเธอคนนี้แรงเยอะแบบนี้?

เจตต์เบื่อหน่าย เขาไม่อยากจะลงไม้ลงมือกับเธอ “เธออย่าเกินไปหน่อยเลย ไม่อย่างนั้นล่ะก็…

“ฉันจะกัดนาย ให้ตายเลย!!

นิตาพุ่งเข้าไปกัดที่คอของเจตต์หนึ่งที

“โอ๊ยๆๆ! ยัยนี่เกิดปีจอรึไง? นี่! คอของฉัน! ปล่อย! นิตา ฉัน จะเตือนเธอเลยนะ รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ เกรงใจแล้วนะ!”

เจตต์รู้สึกว่าคอของตัวเองถูกกัดจนจะขาดแล้ว

ยัยนี่เป็นหมาบ้ารึไง?

เขาพยายามจะผลักนิตาออก แต่มือของเขาดันไปถูกตรงที่ไม่ ควรโดนเข้า
เจตต์อึ้งไปเล็กน้อย

ยิ้ม สัมผัสใช้ได้ แถมยังเต้งๆอีก

เขาเผลอบีบลงไปทีหนึ่ง นิตา โมโหจนเลือดขึ้นหน้า

“บ้ากาม!”

เธอคายปากออก แล้วฟาดมือไปอย่างแรงตรงปากใหญ่นั้น เจตต์ถูกตบเข้าอย่างจัง รู้สึกชาไปครึ่งหน้า เริ่มรู้สึกมีน้ำโหขึ้น

มา

“นี่ ถ้าไม่ใช่นรมนมาขอร้องให้ฉันมาสอนงานเธอ เธอคิดว่า ฉันอยากจะมาเจอผู้หญิงอย่างเธอเหรอ? ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลย นะ ถ้าจะไปก็ไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นเธอต้องรักษาระยะห่างกับ ฉัน! แล้วก็อย่ามาให้ฉันเจอเธออีก เธอใส่แมสปิดไว้ซะฉันจะได้ ไม่ต้องเห็นหน้าอีก

ถึงแม้ว่าเจตจะโมโหมาก แต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง

เมื่อกี้เป็นเพราะพลั้งมือไปโดน และนิตาตบเขากลับแล้วที่หนึ่ง ถือว่าเสมอกันแล้ว

ส่วนเจตต์นั้น นิตาโมโหจนแทบตาย แต่เมื่อเห็นหน้าของเขาที่ บวมขึ้นมาแล้วนั้น คอก็เลือดไหลอาบ เธอจึงต้องหยุดลง เธอไม่ได้ทำเพื่อใคร เป็นเพราะนรมนทั้งนั้น
เธอรู้ว่านรมนไม่ใช่ที่จะหลงเชื่อใครง่ายๆ ในเมื่อหล่อนส่งให้ เจตต์มาสอนงานเธอ แสดงว่าเขาคงมีความรู้ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ไม่อยากเห็นฉัน นายก็ใส่แว่นตาทำเป็นคนตาบอดไปสิ ทำไมต้องมาให้ฉันปิดหน้าด้วย? ฉันไม่ได้ป่วยซักหน่อย ทำไมจะ ต้องเชื่อฟังนาย? ฉันจะบอกนายให้นะ ถ้าไม่ใช่เพราะประธานนร มน ฉันไม่มีทางไปสิบสองปันนากับนายแน่นอน

“เฮ้อ ที่เธอพูดมันก็ถูก ถ้าหากไม่ใช่เพราะนรมน ฉันก็ไม่สนใจ จะไปกับเธอหรอก สายตาของฉันยังไม่ได้แย่ขนาดนั้น”

เจตต์และนิตาพูดเสียดสีกัน อย่างไม่มีใครยอมใคร

เจตต์แทบอยากจะโทรหานรมน ยกเลิกเรื่องนี้เสีย แต่ว่าเขา โทรหาตั้งนาน เธอก็เอาแต่ปิดเครื่อง

หล่อนจงใจให้เป็นแบบนี้!

เจตตโมโหมาก แต่ว่าช่วยไม่ได้ ใครอยากให้เขาตกลงนรมน

ไปล่ะ?

เขาและนิตาจึงออกเดินทางไปอย่างนั้น

นิตาบอกว่าจะนั่งรถประจำทางไป แบบนี้ประหยัดเงินกว่า และ ถ้ามีค่าใช้จ่าย เธอยังต้องเบิกกับบริษัทอีก

เจตต์รู้สึกตลกมาก

“เธอล้อเล่นเหรอ? นรมนขาดเงินส่วนนี้รึไง? แล้วอีกอย่าง ฉัน พาเธอไป ก็ต้องเป็นฉันขับรถ ฉันจ่ายค่าน้ำมัน ไม่ต้องให้คุณกลับไปเบิกกับบริษัทหรอก นั่งรถประจำทาง? ทำไมเธอไม่นั่งรถ สาย11ไปเลยล่ะ?”

“สาย11? สาย11ไปไม่ถึงสิบสองปันนา”

นิตาตอบด้วยความงุนงง แทบจะทำให้เจตต์บ้าตาย

หล่อนเป็นคนยุคไหนกันนะ?

หรือเธอไม่รู้ว่ารถสาย11คือการเดินเท้า?”

ตอนแรกเจตจะอธิบายให้เธอฟัง แต่นตาก้มหน้าไปแล้ว ใน มือเธอมีแผนที่ กำลังลังเลว่าจะให้เจตต์ดูดีไหม”

ภาพออกแบบนี้น่าสนใจ

เจตต์มองดู แล้วก็ดึงมันมาจากมือนิตา

“นี่ นายต้องการอะไรกันแน่? รู้จักมีมารยาทไหม? จะเอาของ ฉันไปรู้จักบอกก่อนไหม?”

“ตอนแรกเธอก็จะให้ฉันดูไม่ใช่เหรอ?”

สายตาของเจตต์จ้องไปบนภาพนั้น สิ่งที่เขาพูดออกมา ทำให้ นิตาชะงักอยู่ตรงนั้น

“ต่อให้ใช้ แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์มาหยิบไปโดยพลการ

“ฉันก็เอามาแล้ว ทำไม? เธอจะแย่งคืนไปเหรอ?”

เจตต์มองภาพออกแบบ แล้วสายตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา
“อันนี้ใครเป็นคนทํา

นิตาตอบเสียงอ่อย ไม่มีความมั่นใจ

“ใครนะ?”

เจต เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“ฉันทำเอง! ฉันรู้ว่าฉันไม่มีความรู้อะไร ทำได้ไม่ดี อยากจะว่า อะไรก็ว่า แต่ว่าฉันไม่กลัว ครั้งนี้ฉันออกแบบได้ไม่ดี แต่ฉันจะ ออกแบบครั้งต่อไป จะดีขึ้นซักวัน”

นิตาหันไป แสดงท่าทางตั้งใจมุ่งมั่น แต่ก็หันไปมองเจตต์เป็น ระยะๆ

เจตต์รู้สึกว่านิตามีท่าทีเปลี่ยนไป

“หึ ดูไม่ออกนะ ถึงแม้ว่าเธอจะไปซักหน่อย เตี้ยไปหน่อย แต่สมอง ใช้ได้เลย ถึงแม้ว่าภาพออกแบบนี้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบ มาก ยังมีจุดที่ต้องแก้ แต่ดูภาพรวมแล้ว วาดได้เยี่ยมเลย ถือว่า มีความสามารถเลย”

นิตาคิดว่าเจตต์พูดเสียดสีตนเอง เธอเตรียมใจที่จะโดนด่ามา แล้ว แต่หลังจากเจตต์พูดจบ กลับทำให้เธอรู้สึกตกตะลึง

“นายพูดอะไรนะ?”

“เธอไม่มีหูเหรอ? บอกว่าเธอมีความสามารถ ตอนนี้โง่ไปแล้ว รึไง แบบเธอเนี่ยนะ ทำไมนรมนถึงวางใจให้เธอมาดูแลกิจการเนี่ย?”

เจตต์ส่งภาพร่างนั้นให้นิตา พูดด้วยเสียงทุ้ม “ทำเสร็จแล้ว พวกเราไปสิบสองปันนา ถึงที่หมายแล้ว ฉันบอกให้ว่าที่เธอ ออกแบบมีปัญหาตรงไหน”

“โอเค ได้”

นิตาเห็นว่าเจตต์พูดจาตรงไปตรงมาน่าเชื่อถือ บวกกับเป็นที่ นรมนแนะนำมา เธอจึงอ่อนโยนกับเจตต์มากขึ้น

ทั้งสองเดินขึ้นรถของเจต

เจตต์ยังคงเป็นคนร่าเริง ทำอะไรโผงผาง แม้แต่สีรถที่ขับยัง

เป็นสีแดง

นิตามองด้วยความสงสัย แล้วพูดขึ้น “โบราณจริงๆ”

“นี่มันอะไร?”

เจตต์รู้สึกว่าหญิงสาวไม่เกรงใจเขาเลยซักนิด ใจดีกับเธอก็ได้

คืบจะเอาศอก

เมื่อเห็นเจตต์เริ่มไม่พอใจ นิตาจึงรีบหันหน้ามา แล้วเดินขึ้นรถ

เหมือนกับเป็นการระบายความโกรธในใจ เจตต์เหยียบคัน

เร่ง ไปจนถึงความเร็ว 120 กม./ชม.

เขาคิดว่านิตาจะกรี๊ดออกมา แต่นิตากลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

สีหน้าเรียบเฉย

เจตต์จึงยิ่งไม่สบอารมณ์
“นี่ เธอไม่กลัวเหรอ?”

“ทำไมฉันต้องกลัว?”

นิตามองเจตต์ด้วยแววตาไร้เดียงสา

เจตต์รู้สึกว่าตัวเองมาเจอกับอะไรไม่รู้

ทำไมเธอคนนี้ไม่เหมือนหญิงสาวที่เขาเคยรู้จักเลยซักนิด?

“ความเร็วขนาดนี้เธอรับได้เหรอ?” “นี่เรียกว่าเร็วเหรอ? ฝีมือขับรถของนายแค่นี้เรียกว่าเร็วได้เห

รอ?”

สายตาดูถูกของนิตา ยิ่งทำให้เจตต์เพิ่งความเร็วขึ้นไปอีก

“เธอฝีมือดี เธอมาขับเองไหม?

“มาสิ ได้เลย! มีอะไรยาก!”

นิตาให้เจตต์จอดรถที่ข้างทาง

เจตต์เห็นเธอมีท่าทีห้าวหาญ จึงลงจากรถ ส่งกุญแจรถให้นิตา

แล้วตัวเองอ้อมไปนั่งที่ข้างคนขับ

เขาอยากจะรู้จริงๆว่าหล่อนจะขับได้ซักกี่น้ำ

หลังจากนิตารับกุญแจมา แล้วขึ้นรถไปนั้น มองดูอยู่ซักพัก

“ทำไมล่ะ? ขับไปสิ!

เจตต์มองเธอที่มีท่าทางงุนงง จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
นิตาพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด “รีบอะไรกัน? ฉันกำลังหาเกียร์ อยู่นี่ไง?”

เจตต์ถึงกับหมดคำพูด

“นี่คุณพี่ครับ รถผมเป็นเกียร์ออโต้ จะหาเกียร์อะไรอีก? อย่า บอกฉันนะว่าเธอไม่เคยขับรถเกียร์ออโต้

“ก็เป็นรถเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? จะต่างกันตรงไหน? ฉันมี ความสามารถที่จะเรียนรู้ นายบอกฉันว่าใช้ยังไง ฉันขับได้”

นิตาพูดด้วยความง่ายดาย

เจตต์ยิ้มขึ้น แล้วเขยิบไป พูดขึ้น “โอเค ฉันจะบอกเธอ อยากรู้ ว่าเธอจะขับมันยังไง

พูดจบ เขาก็สอนนิตาว่าขับอย่างไร

“ง่ายแค่นี้เอง ฉันขับได้แล้ว”

นิตาผลักเจตต์ออก แล้วพูดด้วยความมั่นใจ “นายคาดเข็มขัด เรียบร้อยยัง?”

“ขับรถแบบเธอ ฉันไม่คาดก็ได้!”

เจตต์ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เสียงรถดัง “เอี๊ยด” แล้วก็แล่นออก

ไปด้วยความเร็วเหมือนจรวด

เขาทันระวัง เกือบจะชนกับกระจก

เจตต์ต้องยอมรับเลยว่าเขาจะมองหญิงสาวตรงหน้าเหมือนผู้ หญิงคนอื่นทั่วๆไปไม่ได้
ในขณะที่เขารัดเข็มขัดเรียบร้อย เจตต์สังเกตได้เลยว่า นิตา ขับด้วยความเร็วกว่า 160 กม./ชม.

ให้ตายสิ!

ยัยนี่ใช้ได้จริงๆ!

เพียงแต่ยังไม่ทันรอให้เจตต์ได้ดีใจ เขากลับพบปัญหาใหญ่ จนทําให้เขาตกใจกลัวจนหน้าซีด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ