แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 663 ไกด์คนนี้มีปัญหา



บทที่ 663 ไกด์คนนี้มีปัญหา

ในแววตาของบริศ เต็มไปด้วยความรัก เสียงเพลงที่ร้องก็เต็มไป ด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ทำให้ผู้หญิงทั้งรถกรีดร้องขึ้นมาทันที

ในสายตาของนรมนกลับมีเพียงแค่บุริศร์

เขาร้องเพลงให้เธอ!

นี่เป็นเรื่องที่แต่ก่อนเธอไม่แม้แต่จะกล้าคิด

เธอยิ้ม พร้อมกับมีน้ำตาคลอเบ้า

หลังจากบุริศร์ร้องเพลงเสร็จ ทั้งรถก็มีความคึกคัก

เขาพูดกับนโมนต่อหน้าทุกคน “คุณภรรยา ผมรักคุณ เรื่องที่โร แมนติกที่สุดในชีวิตของผมคือการได้แก่เฒ่าไปช้า ๆ พร้อมกับ คุณ”

ประโยคนี้ทำให้นรมนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว โผเข้าสู่อ้อมแขน

ของบุริศร์น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งใจ

“จูบเลย!

จูบเลย!

จูบเลย!

ผู้คนโดยรอบเริ่มหยอกล้อ

นรมนรู้สึกเขินอายทันที

เธอเหมือนนกกระจอกเทศขดอยู่ในอ้อมแขนของบุริศร์ ไม่ว่า อย่างไรก็ไม่ยอมโผล่หน้าออกมา
บุริศร์ยิ้มเหมือนเด็กได้รับรางวัล ประคองใบหน้าของนรมน ค่อย ๆ ก้มหน้าลงไป

นรมนรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นแรงมากขึ้น เหมือนสามารถ หลุดออกมาจากทรวงอกได้ทุกเมื่อ

อาการใจเต้นโครมครามนี้แปดปีเพิ่งจะมีให้เห็น เป็นอาการ ใจเต้นของเด็กสาว คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะทำให้เธอมีชีวิตชีวาอีก ครั้ง

เธอเห็นใบหน้าของบริศ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายมาประกบริมฝีปากสีแดงของเธอ

นรมนรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปทั้งตัว เซลล์ทั่วร่างกายต่างร้อง ตะโกน กระโดดโลดเต้น

ภายในรถส่งเสียงชมเชยอีกครั้ง

นรมนรีบผลักบุริศร์ลงไปนั่ง ใบหน้าร้อนผ่าว

เห็นนรมนเหมือนแสงแดดยามเช้า บุริศร์นั่งลงข้างเธออย่าง พึงพอใจ กลิ่นอายที่คุ้นเคย โอบล้อมทุกประสาทสัมผัสของนรมน ทันที

กิจกรรมอื่น ๆ บนรถยังคงดำเนินต่อไป แต่สำหรับนรมนนั้น ไม่มีสมาธิฟังแล้ว

หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น ในสมองของเธอมีแต่จูบอันลึกซึ้ง เมื่อสักครู่
เธอจับชายเสื้อของตนเองแน่น บิดไปบิดมาเหมือนกับเด็กผู้ หญิงคนหนึ่ง ท่าทางน่ารักเช่นนี้บริศ เห็นแล้วรู้สึกพึงพอใจ

บริศร์กุมมือของนรมนเอาไว้ ในครั้งนี้ นรมนไม่ดิ้นหนี ความ รู้สึกของการจับมือกันเหมือนในวันก่อนทำให้ทั้งสองคนรู้สึกว่า เวลานี้จะคงอยู่ตลอดไป

ในระหว่างการเดินทางมีความน่าเบื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ ท่องเที่ยวในยูนนาน ส่วนมากจะใช้เวลาอยู่บนรถ

หลังจากเกมตอนแรกเริ่ม หลายคนเริ่มง่วงนอน ไกด์จึงให้ พวกเขาพักผ่อน หลับตานอนสักพัก รอถึงที่หมายจะเรียกพวก เขา

นรมนอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของบุริศร์ รู้สึกง่วงอยู่บ้าง

“นอนเถอะ มีผมอยู่ด้วย”

บุริศร์กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน

นรมนเหลือบมองเขา รู้ว่าอันที่จริงบุริศร์ก็เหนื่อยมาก แต่ยัง ห่วงใยความรู้สึกของเธอ

เธอกล่าวด้วยภาษามือว่า “นอนด้วยกันเถอะ นี่คือบนรถทัวร์ ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก เมื่อคืนคุณไม่ได้พักผ่อน ใช้โอกาสนี้ นอนหลับดีกว่า”

บุริศร์กุมมือของเธออีกครั้ง และกล่าวเสียงเบาว่า “ออกมาข้าง นอกต้องระมัดระวังสักหน่อย ถึงอย่างไรต่างก็เป็นคนไม่รู้จักกัน มารวมกลุ่มชั่วคราว หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ก็จะมีเวลาตอบสนอง ผมไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ง่วงเลย คุณรีบนอนเถอะ ถ้า พลังงานไม่เพียงพอ เดี๋ยวจะทำอะไรไม่ได้นะ”

นรมนรู้ว่าบริศ พูดถูกต้อง แต่เธอยังคงเป็นห่วงร่างกายของบุ

“งั้นคุณนอนก่อนดีไหม ฉันจะดูแลให้ รอคุณตื่นฉันค่อยหลับ

นรมนแสดงความต้องการของตนเอง

เห็นนรมนเป็นห่วงตนเองเช่นนี้ บุริศร์คิดว่าทุกอย่างเรียบร้อย

เขาส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ผมไม่ง่วงจริง ๆ คุณรีบ นอนเถอะ หลับตาลงได้แล้ว ไม่งั้นผมจะจูบคุณนะ

ประโยคนี้ทำให้นรมนอายจนหน้าแดง

เธอรีบมองไปรอบ ๆ เห็นคนอื่นก็หลับตาพักผ่อน มองดูแล้ว เหมือนไม่ได้ฟังพวกเขาพูดคุยกัน จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

มิฉะนั้น คงทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกอาย

เธอถลึงตาใส่บุริศร์อย่างไม่พอใจ สุดท้ายก็ไม่อาจเปลี่ยนใจ ริศร์ได้ แต่ยังคงซบไหล่เขาหลับไป

รถกำลังขับอยู่บนทางด่วน จู่ ๆ ก็เกิดสั่นสะเทือนขึ้น ตามมา ด้วยการเบรกอย่างกะทันหัน จนทุกคนตื่นขึ้นมาจากการหลับ

ไหล

บุริศร์รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที
เขาปลุกนรมน

นรมนมองไปรอบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ และมองไปที่บุริศร์ เขาก้มไปที่ข้างหูของเธอ และกระซิบว่าน่าจะมีเรื่องบางอย่าง เก็บของให้เรียบร้อย อีกสักพักพวกเราจะแยกจากกลุ่มนี้

แยก?

นรมนรู้สึกสงสัย

ถ้าแยก เงินที่พวกเขาจ่ายไปก็สูญเปล่า

ราวกับรู้ว่านรมนกำลังคิดอะไร บุริศร์ใช้เสียงที่ได้ยินแค่เพียง สองคนกระซิบว่า “ที่นี่ดูรกร้างเกินไป แถมยังห่างไกลจากชุมชน รถจอดลงอย่างกะทันหัน แต่ไม่มีอุบัติเหตุทางการจราจรอะไร นี่ ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย คุณแค่ฟังผมพูดก็พอ เงินเล็กน้อยจำนวน นั้นไม่มีค่าอะไรสำหรับพวกเรา”

เห็นบริศ พูดแบบนี้ นรมนจึงมองไปรอบ ๆ จริงด้วย ที่นี่ดู

เปลี่ยวสุด ๆ

นรมนพยักหน้าทันที

มีคนเริ่มไถ่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ไกด์ตอบว่าเกิดปัญหาขึ้นกับรถเล็กน้อย ให้พวกเขาอดทนรอ คอยสักประเดี๋ยว คนขับรถจะลงไปตรวจสอบ

ในตอนนี้ บุริศร์ลุกขึ้นและกล่าวว่า “พวกเราอยากไปห้องน้ำ สักหน่อย รถขับมาตั้งนาน อันจนไม่ไหวแล้วเนี่ย
“ใช่ ๆ ๆ พวกเราจะลงไปห้องน้ำ คนอื่น ๆ ก็เริ่มพูดคล้อยตามกัน

ไกด์มองเวลา รถขับมาได้สามชั่วโมงกว่าแล้ว จึงพยักหน้า และกล่าวว่า ได้ ทุกคนลงไปหาห้องน้ำ แต่รีบกลับมาให้เร็วนะ รถของพวกเราจะซ่อมเสร็จก็ต้องซ่อมเสร็จ

“เข้าใจแล้ว”

คนสองสามคนเริ่มทยอยลงจากรถ

บุริศร์จับมือนรมน เตือนให้เธอลงจากรถด้วยกัน

นรมนรู้สึกตึงเครียดไม่น้อย แต่กลับแกล้งทำท่าทางเหมือน เพิ่งตื่น อ้าปากหาวพร้อมกับลงจากรถกับบริศร์

เมื่อเดินผ่านด้านข้างไกด์ นรมนพบว่าไกด์แอบมองพวกเขา

อย่างแนบเนียน

นรมนนํากระเป๋าเดินทางวางไว้บนรถ ไม่ได้พกอะไรออกไป

ด้วย

ไกด์ถึงได้วางใจ

มองเห็นตรงนี้ ถ้านรมนมองไม่เห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากล

ก็ใช้ชีวิตมาอย่างเสียเปล่าแล้ว

เธอขมวดคิ้ว ลงรถตามบุริศร์ไป

อากาศที่นี่ดีมาก
หลังจากลงรถ บรรยากาศอึดอัดในรถก็ได้รับการผ่อนคลาย ทุกคนเริ่มพูดคุยเริ่มหัวเราะขึ้นมา

บางคนสูบบุหรี่ ทางฝั่งผู้หญิงเริ่มหาสถานที่ที่สามารถปลด ทุกข์ได้

นรมนภาษามือคุยกับบุริศร์เงียบๆ “ไกด์คนนั้นมีปัญหา “ไม่เพียงแค่ไกด์ ผมรู้สึกว่าคนขับรถก็มีปัญหา ไปเถอะ ตาม ผมมา”

บริศร์จูงมือนรมนไปหาห้องน้ำตามคนอื่น

นรมนรู้สึกสงสัย

ฝีมือของบุริศร์สามารถรับมือกับคนขับรถและไกด์ได้ ทำไม ต้องเลือกที่จะวิ่งหนีด้วย?

เธอน่าความสงสัยของตนเองเอ่ยถามบุรีศร

บริศ ตอบเสียงเบาว่า “แน่นอนว่าเอาชนะสองคนได้ แต่ที่นี่คือ ยูนนาน”

“มีอะไรไม่เหมือนกันเหรอ? ”

“ยูนนานเป็นเขตปกครองตนเอง การทำให้ใครขุ่นเคือง เท่ากับเป็นการทำให้ทั้งหมู่บ้านขุ่นเคือง ถึงตอนนั้นคนใน หมู่บ้านจะรุมล้อมพวกเรา ถึงแม้จะแจ้งความก็ไร้ประโยชน์ ประเพณีความเป็นอยู่ของที่นี่เป็นแบบนี้ ดังนั้นสามารถหลีกเลี่ยง ได้พวกเราก็หลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
ได้ฟังบริศ ตอบแบบนี้ นรมนไม่ค่อยเข้าใจ แต่เธอเลือกที่จะ เชื่อบริศร์

ทั้งสองคนฉวยโอกาสที่ทุกคนไม่สนใจแอบไปที่ภูเขาด้านข้าง

ภูเขาที่นี่สูงมาก ลาดชันมาก เพราะเกี่ยวข้องกับภูมิประเทศ นรมนมีอาการตอบสนองกับที่ราบสูงเล็กน้อย

เดินมาไม่ไกล เธอรู้สึกหายใจติดขัด

บริศ สังเกตได้ทันเวลา

“ขึ้นมา ผมจะแบกคุณเอง”

บุริศร์ย่อตัวลงไป

นรมนชะงักงัน จากนั้นจึงเอ่ยด้วยภาษามือว่า”ไม่ต้องหรอก ดู เหมือนอากาศที่นี่จะเบาบาง

บุริศร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม เคยมีคนพูดแบบนี้ ถ้าสามารถใช้ ชีวิตบนภูเขายูนนานได้อย่างอิสระ งั้นคุณก็สามารถไปทิเบตได้”

“ทิเบต? คุณกำลังบอกว่าที่นี่มีอาการตอบสนองกับ ที่ราบสูง?

นรมนประหลาดใจสุดๆ

บริศพยักหน้า

“ใช่แล้ว ที่นี่ภูเขาสูงมาก และถ้ายิ่งไปทางสิบสองปันนา ยิ่ง เข้าใกล้โซนเขตร้อน ความชื้นสูงมาก ถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย ให้รีบ บอกผม ห้ามฝันเด็ดขาด เข้าใจไหม?
แววตาที่ห่วงใยของบุรีศร์ ให้นมนรู้สึกสบายใจ เธอปฏิเสธคำเชิญของบุริศร์ เดินไปพร้อมกับเขา ด้านล่างมีเสียงตามหาคนดังขึ้นมา

นรมนรู้ บางทีไกด์กับคนขับอาจจะพบว่าพวกเขาหายไป จึง เริ่มตามหาพวกเขา

บุริศร์เอ่ยเสียงเบา ไม่ต้องสนใจพวกเขา เดินตามผมมาก็พอ

เห็นบริศร์มีความคุ้นเคยกับที่นี่เป็นพิเศษ นรมนจึงถามด้วย ความสงสัย “คุณเคยมาที่นี่เหรอ?

“เคยมาแล้ว เพียงแต่ไม่ใช่ที่นี่ แต่พักที่ชายแดนพม่า คุณก็รู้ ตรินท์เคยอยู่ที่นี่ ช่วงเวลานั้นผมเอาแต่ค้นคว้าและวิจัยสถานที่ แห่งนี้”

พูดถึงตรินท์ นรมนรู้สึกไม่ค่อยดี เธอรู้ว่าบริศร์เองก็เช่นกัน

ทั้งสองหยุดหัวข้อนี้ และเริ่มเร่งการเดินทางอย่างรวดเร็ว

เดินไปอีกสักพัก อาการตอบสนองกับที่ราบสูงของนรมนเริ่ม หนักขึ้น

หลังจากบุริศร์มองเห็น ก็น่นรมนมาแบกไว้บนหลังโดยไม่ อธิบายอะไร แบกรับน้ำหนักเดินตรงไปข้างหน้า

ตอนนี้นรมนยังพยายามดิ้นรน แต่มองเห็นท่าทางดื้อรั้นเช่นนี้ ของบริศร์ เธอจึงยอมแพ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอหายใจติดขัด มองบุริศร์อีกที ตรงกันข้ามกลับไม่ได้รับผลกระทบเลย
ทำไมคุณถึงไม่มีอาการตอบสนองกับที่ราบสูงเลยล่ะ? ”

บุริศร์ตอบด้วยรอยยิ้ม”นี่ต้องอยู่ที่สุขภาพร่างกายของแต่ละ คน ผมอาจจะสุขภาพค่อนข้างดี

สิ่งที่เขาไม่ได้บอกนรมนก็คือ เขาเคยอยู่ในกองทัพบก เคยไป ทิเบตเพื่อปฏิบัติภารกิจ เคยขึ้นไปพระราชวังโปตาลาที่สูงขนาด นั้นมาแล้ว อาการตอบสนองกับที่ราบสูงของที่นี่เป็นเรื่องเล็กไป เลย

ทั้งสองคนมาถึงครึ่งของแนวสันเขาอย่างรวดเร็ว

นรมนรู้สึกว่าเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปหมด

บุริศร์พูดไม่ผิด ที่นี่ใกล้กับโซนเขตร้อนจริงๆ อากาศมี ความชื้นมาก

ความร้อนอบอ้าวบวกกับอาการตอบสนองต่อที่ราบสูง ทำให้

นรมนเริ่มจะไม่สบายขึ้นมา

บริศร์รีบหยุดเดินทันที

เขารู้ว่า นรมนทนไม่ไหวแล้ว

บุริศร์หาที่วางนรมนลงไป เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มไปนานแล้ว ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

มองเห็นท่าทางอึดอัดของนรมน บุริศร์ถามด้วยความ สงสาร สามารถอดทนได้อีกสักครึ่งชั่วโมงไหม? ”

“ครึ่งชั่วโมง?

ทำไมเหรอ?”
นรมนหาภาษามือถามอย่างสงสัย

บริศ มองไปด้านล่าง ตอบเสียงเบาว่า”พวกเขาไม่สามารถใน ขึ้นมาได้สูงเกินไป ถึงอย่างไรที่นี่ก็ค่อนข้างรกร้าง พวกเรามา จากที่อื่น คนทั่วไปยืนหยัดได้ไม่ถึงครึ่งของแนวสันเขา ถ้าพวก เขาหาสักพักแล้วไม่เจอพวกเรา ก็คงจะกลับไป มีคนมากมายอยู่ บนรถ พวกเขารอไม่ไหวหรอก เพียงแต่เพื่อความปลอดภัย พวก เรารออีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยว่ากันอีกครั้ง

ได้ฟังบริศ พูดแบบนี้ นรมนจึงถามกลับไปอีกครั้ง “พวกเราจะ ไปที่ไหน? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ