แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 162 คุณเป็นหมาหรือไง



บทที่ 162 คุณเป็นหมาหรือไง

ทุกคนต่างก็นิ่งอึ้ง นรมนเองก็เช่นเดียวกัน

เธอไม่ได้ตั้งใจ! ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!

เธอกำลังจะโค้งตัวลงไปช่วยดึงบุริศร์ขึ้น แต่กานต์กลับ หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่ไว้หน้า

“คุณบุริศร์ น่าขายหน้าจริงๆ!”

คำพูดของกานต์ยิ่งทำให้สีหน้าของบุริศร์ดูแย่

“ตลกมากใช่ไหม?”

เมื่อบุริศร์เอ่ยถามเสี่ยงเข้ม กานต์ก็รีบหลบหลังนรมน แล้วแลบลิ้นใส่บุริศร์พร้อมกับพูดว่า “ใครให้มารังแกหม่าม ของผมล่ะ สมน้ำหน้า! สมควรแล้วที่โดนถีบ เพื่อจะรู้จัก เข็ด”

“กานต์ นี่ก่อกบฏเหรอ?”

บุริศร์ลุกพรวดขึ้นมาอย่างเดือดดาล

พฤกษ์รีบหมุนตัวออกไปซื้อรองเท้าให้นรมน

เขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!

ไม่เห็นอะไรจริงๆนะ!

ด้านธรณีกลับยิ้มอ่อนๆมองมาที่พวกเขา จู่ๆก็รู้สึกอิจฉา

ขึ้นมา

นรมนสุภาพกับเขามาตลอด จนบางที่ถึงกับดูห่างเหินแต่เมื่อสักครู่ เธอกลับแสดงท่าทีเด็กๆกับบุริศร์ออกมา เรียกว่าแง่งอนได้หรือเปล่านะ?

รอยยิ้มของธรณียิ่งกระตุ้นอารมณ์ของบุริศร์

เขาไม่เคยเสียหน้าต่อหน้าใครเลยสักครั้ง

“คุณชายธรณี ข่ามากเลยเหรอครับ?”

บุริศร์ยิ้มจางๆ ทว่าในดวงตากลับไม่มีแววเป็นมิตรเลย

สักนิด

ธรณีไม่ถือสา พูดกลั้วยิ้มขึ้นมาว่า “ก็พอมีสีสัน”

“ในเมื่อดูจนพอแล้ว ก็ไปซะสิครับ”

บุริศร์ฮึดฮัด

หลงเสน่ห์นรมนมากนักหรือไง?

นรมนนิ่งเงียบ เธอไม่เคยคิดทำให้บุริศร์ขายหน้าต่อหน้า คนอื่น

ธรณีเห็นไอความเหี้ยมโหดจากบุริศร์และเขาก็พอจะ มองออกว่านรมนกับบุริศร์มีเรื่องจะคุยกันจริงๆ ถึงแม้ไม่ อยากเปิดช่องว่างให้พวกเขา แต่ในใจกลับทุนไม่ได้ที่จะ เห็นนรมนอึดอัดใจ

“ไอ้แสบ มานี่ เดี๋ยวพาออกไปเล่นข้างนอก ได้ยินมาว่า ชอบโดรนนี่ เป็นไง? เราไปเล่นกันไหม?”

ธรณีพูดกระตุกต่อมใจอ่อนของกานต์ได้ทันที

“คุณลุงบินโดรนเป็นเหรอ?”
“ก็แค่โดรนเอง ขนาดเครื่องบินจริงๆลุงยังเคยขับมาแล้ว เลย ลุงแค่ลาออกจากกองทัพมาซะก่อน เห็นนี่ไหม? ลุง เสียสละขาสองข้างนี้ในสงครามเลยนะ ไปเปล่า?”

“ไปครับ!”

กานต์รีบมุดออกมาจากข้างหลังของนรมน แต่เดินออก มาได้ไม่ทันไรก็เหมือนจะเพิ่งนึกอะไรได้ จึงหันหน้ากลับ ไปพูดกับบุริศร์ว่า “ถ้ารังแกหม่ามี้ของผมล่ะก็ ผมไม่ปล่อย ไปแน่!”

“รีบไปเลย!”

บุริศร์เริ่มคิดแล้วว่าเด็กแสบนี้ใช่ลูกตัวเองหรือเปล่า

กานต์ส่งเสียงหืออกมา จากนั้นก็พูดกับนรมนว่า “หม่าม ถ้าเขารังแกหม่ามี้ หม่ามี้ก็มาอยู่กับคุณธรณีก็ได้นะ ถึง แม้ว่าคุณธรณีขาดขาทั้งสองข้าง แต่ว่าผู้ชายแบบนี้ไม่มี ทางรังแกหม่ามีแน่ๆ หม่าม้ว่าไหม?”

“กานต์”

บุริศร์แทบอยากจะกำเสื้อคอแล้วโยนไอ้แสบนี่ออกไป

กานต์ไม่เกรงกลัวเขาสักนิด พูดเสียงนิ่งออกมาว่า “ตะคอกทำไม? เสียงดังมากเหรอ? ระวังหน่อยสิ นี่โรง พยาบาลนะ อีกอย่างกิจจายังอยู่ในห้องผ่าตัดด้วย มีเรื่อง อะไรก็รีบๆพูดกับหม่ามี้ของผมชะ ถ้าหม่ามหายโกรธคุณ ก่อนที่กิจจาจะออกมา ผมก็จะหายโกรธคุณเหมือนกัน แต่ถ้าหม่ามี้ยังไม่หายโกรธคุณ ผมก็จะหนีไปกับหม่ามี้ ไม่อยู่ให้คุณเสียงดังใส่หรอก”
หัวใจของบุริศร์บีบรัดในทันที

“หนี? จะหนีไปไหน? ตระกูลโตเล็กคือบ้านของแกนะ! หัดทำตัวดีๆหน่อย! ไสหัวไปได้แล้ว!”

บุริศร์พยายามอดทน

กานต์หันหลังเดินออกไปกับธรณี

เมื่อบริเวณทางเดินเหลือแค่บุริศร์กับนรมน ทันใดนั้นนร มนก็เริ่มอึดอัดขึ้นมา

เธอไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ากับบุริศร์ยังไงดี และก็ไม่รู้ว่า อาการไม่สบอารมณ์ของเขาหยุดทำงานแล้วหรือยัง

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต่อให้เธองอแงแค่ไหนบุริศร์ก็ไม่โกรธ เธอ แต่ว่าการกลับมาในครั้งนี้เธอก็แอบเห็นแก่ตัวจริงๆ ตอนนี้เลยไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นอีก

บุริศร์เองก็กำลังมองนรมนอยู่เหมือนกัน

ความเสียใจและความเจ็บปวดทั้งหมด ราวกับจะพ่ายแพ้ ให้กับขอบตาแดงๆที่มองมาแค่ปราดเดียวของนรมน

เขารู้สึกว่าตัวเองจบเห่แล้วจริงๆ

ทันทีที่บุริศร์นั่งลงข้างๆนรมน กลิ่นอันคุ้นเคยก็ลอย

ปะทะเข้ามา

นรมนอยากขยับหนี แต่กลับพบว่าชายเสื้อของตัวเอง ถูกบุริศร์นั่งทับ จนขยับไปไหนไม่ได้ บุริศร์มองสีหน้าไม่สบอารมณ์ของเธอ แล้วพูดเสียงเย็น

ว่า “พอคนชื่อเจตต์ไป คนชื่อธรณีก็มาเลยนะ เป็นไงล่ะ?คิดว่าธรณีอะไรนั่นดีกว่าผมไหม?”

“บุริศร์!”

อาการไม่สบอารมณ์ของนรมนพลันหายไป แทนที่ด้วย ความน้อยใจและความโกรธที่ปะทุออกมา

“คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน? คุณนั่นแหละเป็นคนไล่ฉัน! คุณนั่นแหละย้ายโรงพยาบาลเอง ไหนจะบล็อกเบอร์ฉัน ไม่ยอมมาเจอฉัน พอตอนนี้ตระกูลโตเล็กมีเรื่อง ยังให้ฉัน แบกภาระช่วย คุณชายธรณีแค่มาช่วยเหลือ คุณพูดไร้ สาระอะไร?”

“ปกป้องขนาดนี้เลยเหรอ? ในใจคุณไม่ว่าใครคงเยี่ยม กว่าผม ดีกว่าผมใช่ไหม?”

บุริศร์บอกตัวเองให้พูดกับนรมนดีๆ

หลายวันมานี้เขาทนรับความเสียใจได้ไม่น้อยไปกว่า แผ่นดินไหวระดับสาม แต่พอมาได้ยินนรมนพูดแก้ต่างให้ ธรณี ความอิจฉาที่อยู่ในใจก็เริ่มงอกเงยขึ้นมาอย่างบ้า คลั่งราวกับวัชพืช

เมื่อนรมนเห็นท่าทางไม่สบอารมณ์ของบุริศร์ ก็หัวเราะ ออกมาทันที

“ใช่ ทุกคนดีกว่าคุณ อย่างเจตต์อย่างน้อยเขาก็ง้อให้ ฉันอารมณ์ดี แล้วคุณล่ะทำได้ไหม? ส่วนธรณีช่วยฉัน จัดการปัญหา แล้วคุณช่วยได้ไหม? ตอนที่ฉันต้องการ คุณ ตัวคุณกลับเอาแต่หลบเหมือนเต่าในกระดอง หาคำ พูดสวยหรูมาบอกว่ากำลังรักษาบาดแผล ในเมื่อประธานบุริศร์อยากรักษาแผลนัก แล้วตอนนี้ออกมาทำไมล่ะ? แผล หายแล้วเหรอ?”

นรมนพูดเชือดนิ่มๆ ไม่แหลมคม แต่กลับสามารถจี้จุดบุ ริศร์ได้

“นรมน ผมให้โอกาสพูดอีกครั้ง!”

“พูดอีกกี่ร้อยครั้งฉันก็ยังจะพูดเหมือนเดิม! บุริศร์คุณมัน ขี้ขลาดตาขาว! คุณรักฉัน เลยกลัวว่าฉันจะไม่ชอบคุณ กลัวว่าฉันจะใช้ประโยชน์จากคุณและหลอกคุณไม่ใช่หรือ ไง? ใช่ ที่ฉันกลับมาก็เพราะจะใช้ประโยชน์และหลอกใช้ คุณ ไม่เพียงเท่านี้นะ ฉันยังอยากได้ไตของคุณด้วย!”

นรมนพูดออกมารวดเดียว ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเพราะ อะไร แต่ว่าในใจกลับรู้สึกโล่ง

ในที่สุดเธอก็พูดออกมาแล้ว

ใบหน้าของบุริศร์แดงเถือก เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของ นรมน เขาก็โกรธจนจับกุมลำคอของนรมนเอาไว้ แล้วอ้า ปากงับเข้าให้

“อ้า! บุริศร์ คุณเป็นหมาหรือไง?”

นรมนรับรู้แค่ว่าเจ็บตรงบริเวณคอ คมเขี้ยวของบุริศร์ กัดเข้าตรงลำคอของเธอจนได้แผล

ด้านบุริศร์ไม่ได้ตั้งใจกัดแรงเลย เพียงแค่กัดไว้อย่างนั้น มือทั้งสองข้างจับนรมนไว้แน่น ตอนแรกก็ว่าจะแค่ลงโทษเธอ ที่ปากเล็กๆของเธอกล้าพูดอะไรน่าโมโหแบบนั้นออกมา แต่พอได้สัมผัสนรมน บุรี ศร์ก็ยั้งใจไม่ได้

เธอเปรียบเสมือนต้นฝิ่นที่กำลังผลิบาน มักจะทำให้เขา ลุ่มหลง จนหาทางออกไม่ได้

จากขบเม้มซ้าๆก็แปรเปลี่ยนไป ความชาทำให้นรมน ราวกับโดนฟ้าผ่า ทั้งเนื้อทั้งตัวอ่อนยวบไปหมด

“บุริศร์ อย่า นี่มันโรงพยาบาลนะ”

นรมนดันเขาออกอย่างอ่อนแรง เสียงพูดเริ่มแปร่งหู พวกเขาไม่ใช่วัยหนุ่มวัยสาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ความ ต้องการตลอดห้าปีจึงทำให้ร่างกายของทั้งสองไวต่อ สัมผัสของกันและกัน

เมื่อความรู้สึกของทั้งสองคนตรงกัน แล้วจะไปยับยั้งใจ

ได้อย่างไร?

เดิมที่จิตใจของบุริศร์ก็เตลิดเปิดเปิงไปแล้ว แต่หลังจาก ได้ยินเสียงอ่อนหวานของนรมน ก็ยิ่งห้ามอารมณ์ตัวเองไม่

อยู่

เขาอยากครอบครองนรมนจนแทบรอไม่ไหว อยากไล่

ผู้ชายที่จ้องจะงาบเธออย่างเจตต์และธรณีไปให้พ้น การกระทำของเขายิ่งทวีความกระชั้นชิดมากขึ้น ถึง

ขนาดอยู่ในขั้นดุเดือด

นรมนยังพอมีสติอยู่บ้าง

เธอดึงสติที่เตลิดไปไกลกลับมา แล้วผลักบุริศร์ออก
“อย่าทำอย่างนี้ กิจจายังอาการแย่อยู่นะ” คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์ได้สติในทันที

นัยน์ตาของเขาเป็นประกายราวกับสัตว์ป่า จนทำให้นร มนรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ

บุริศร์ที่เป็นแบบนี้เหมือนบุริศร์ในคืนแต่งงานใหม่ๆเลย จนนรมนต้องขยับไปด้านข้างอย่างช่วยไม่ได้

บรรยากาศยังคงน่าอึดอัด แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่าง กะทันหันระหว่างสองคนเมื่อสักครู่เหมือนจะทำให้ความ เข้าใจผิดและบรรยากาศมาคุเหือดหายไป

ตอนที่พฤกษ์กลับมาจากซื้อรองเท้า ก็มองเห็นพวกเขา นั่งตัวตรงนิ่งๆ ท่าทางดูไม่ค่อยดี

เขาปัดจมูกแล้วพูดว่า “ประธานบุริศร์ ซื้อรองเท้ามาแล้ว

ครับ”

บุริศร์ลุกขึ้นไปรับเอารองเท้าจากพฤกษ์มา

พฤกษ์ยืนนิ่งอยู่กับที่

บุริศร์พูดเสียงต่ำว่า “ไปดูว่ากานต์กับธรณีไปไหนกัน แล้ว อย่าให้ผู้ชายคนนั้นลักพาตัวลูกชายฉันไป”

“ครับๆ ได้ครับ”

ตอนนี้พฤกษ์เพิ่งค้นพบว่าตัวเองได้กลายเป็นหลอดไฟ

ไปแล้ว

เขาจึงหมุนตัวเผ่นออกไป
บุริศร์ถือรองเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้านรมน จากนั้นก็นั่ง คุกเข่าข้างเดียว แล้วจับเท้าเล็กๆของนรมนมาวางไว้บนตัก ของตัวเอง ใช้มือนวดเบาๆแล้วพูดว่า “อากาศหนาวขึ้นทุก วัน เป็นผู้หญิงอย่าปล่อยให้ตัวเองหนาวสิ จากนี้ไม่ว่าจะ รีบสักแค่ไหน ก็ต้องใส่รองเท้าให้ดีๆก่อนค่อยออกมานะ”

“อืม”

นรมนตอบกลับเบาๆ แววตาจดจ้องบุริศร์อยู่ตลอด

มือของเขาใหญ่มาก จนกุมรอบเท้าเล็กๆของเธอได้ ยิ่ง ขับให้เห็นความต่างของสรีระ ความอุ่นร้อนในมือของเขา ราวกับสามารถถ่ายทอดจากหลังเท้าไปยังทุกๆส่วนบน ร่างกายได้ อุ่นจัง

หลังจากบุริศร์นวดเท้าของนรมน จนรู้สึกว่าเลือดเริ่ม ไหลเวียนแล้ว เขาถึงได้ใส่รองเท้าให้เธอ

นรมนไม่ได้พูดอะไรออกมา

เธอกลัวว่าถ้าพูดออกไปจะทำลายบรรยากาศเงียบๆที่มี อยู่ในตอนนี้

เพราะรู้ว่ากว่าจะมีบรรยากาศเงียบๆเหมือนในตอนนี้ได้ มันไม่ง่ายเอาซะเลย

หลังจากที่บุริศร์ใส่รองเท้าให้นรมนเสร็จก็ลุกขึ้นมานั่ง ข้างๆเธอ มองไปทางห้องผ่าตัดราวกับครุ่นคิดอะไรอยู่ นรมนจึงไม่ได้รบกวนอะไรเขา

เธอไม่รู้ว่าหลังจากที่กิจจาออกมาจะเป็นยังไง และไม่รู้ว่าบุริศร์จะหลบเธออีกหรือเปล่า

ทั้งสองคนเงียบปราศจากการพูดจา

สุดท้ายบุริศร์ก็หนักแน่นได้ไม่เท่านรมน

เขายืนมือออกมาจับฝ่ามือของนรมนเอาไว้แน่น พูดเสียง เบาว่า “หลังจากนี้ห้ามโกหกผม ห้ามใช้ประโยชน์จากผม อีก! ไม่อย่างนั้นผมจะไม่มาเจอคุณอีกเลยตลอดชีวิตนี้”

ดวงตาของนรมนรื้นไปด้วยน้ำตาทันที

คนหยิ่งทะนงอย่างเขา สุดท้ายก็ยอมก้มหัวให้เธอแล้วเห รอ?

“คุณย่าของรเมศอยากให้ฉันแต่งงานกับเขา”

นรมนเอ่ยปากพูด

ดวงตาของบุริศร์หรี่เล็กลงทันที

“คุณว่าไงนะ? นรมน คุณคิดว่าผมตายแล้วจริงๆใช่ไหม? ถึงผมจะไม่มาหาคุณ แต่คุณก็คือผู้หญิงของผม คือแม่ ของลูกผม แล้วทำไมคุณถึงได้ตอบรับคำขอแต่งงานของ ผู้ชายคนอื่นล่ะ? ผมยังไม่ตายนะ!”

บุริศร์แทบหลุดสบถออกไปเสียงดัง

นรมนมองเขา แล้วพูดออกมาอย่างตัดพ้อว่า “ฉันยังพูด ไม่จบนะ”

“พูดอะไรอีก! คุณพูดมาแล้วไม่ใช่เหรอ? เรื่องที่ตระกูล วัชโรทัยขอคุณแต่งงาน ยังจะพูดอะไรอีก?”
“แต่ฉันก็ปฏิเสธไปแล้วไง”
นรมนตอบเสียงอ่อน แต่บุริศร์กลับไม่ได้ยิน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ