แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1103 ฉันไม่อาจปฏิบัติกับนายแย่ได้



บทที่ 1103 ฉันไม่อาจปฏิบัติกับนายแย่ได้

“ผลจะออกมาเมื่อไร?

เสียงนรมนค่อนข้างเย็นชา

ปาณีส่ายหน้าพูดขึ้น “การทดสอบสิ่งนี้มันยากลำบากมาก ฉัน ให้นภดล ใช้คอนเน็กชั่นหาหมอที่ไว้ใจได้ อย่างเร็วที่สุดจะได้รับ ผลลัพธ์ตอนกลางคืน

“ผลออกมาแล้วบอกฉันทันทีนะ ตอนนี้เธอกลับไปก่อน ทางนี้ ฉันจะให้นภดลจับตาดู วันนี้อารมณ์ของคุณตาฉันไม่ค่อยมั่นคง ฉันกลัวตุลยาฉวยโอกาสนี้ลงมือ

จิตใจนรมนไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก

“ค่ะ แต่คุณนายคะ ตุลยาเป็นระเบิดไม่ตั้งเวลาอยู่เสมอ ให้ เธออยู่ภายใต้คุณท่าน ฉันกลัวว่าสักวันหนึ่งเราจะเกิดเหตุการณ์ มากมายจนป้องกันยากนะคะ”

คำพูดปาณีนรมนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? แต่ตอนนี้เธอจะส่งหล่อนไปที่ไหนได้?

จับในส่วนที่ผิดไม่ได้ก็ไม่มีทางเอาเข้าคุกได้อย่างแน่นอน ถ้า เป็นคุกระหว่างประเทศ ก็ส่งธิดาวีร์เข้าไปแล้วหนึ่งคน ถึงส่งตุล ยาไปอีกคนก็ไม่แย่ แต่นรมนอยากดูว่าตุลยาจะทำอะไรต่อไป?

บางทีเธออาจจะกลายเป็นสิ่งทดสอบความสามารถของตน ได้คําตอบที่ตนเองต้องการ

“เรื่องนี้ฉันจะพิจารณาดู

นโมนพูดจบก็ให้ปาณีกลับไปก่อน ตัวเองโทรหานภดล แล้ว พูดเรื่องนี้

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว นรมนก็ขับรถไปคฤหาสน์หลัง เก่าตระกูลโตเล็ก

เธอยังไม่ถึงประตูคฤหาสน์หลังเก่า ก็เห็นร่างคุ้นเคยหนึ่งเดิน วนไปวนมาที่ประตู

คิ้วนโมนขมวดเล็กน้อย แต่ก็ยังจอดรถ

“นาวิน”

เธอตะโกนเรียกชื่อนาวิน

นาวินหันศีรษะกลับมาทันที เห็นนรมนจอดรถที่ประตู ก็ คิดมากสับสนอย่างอดไม่ได้

“พี่สะใภ้”

นาวินเรียกพี่สะใภ้แล้วรู้สึกหน้าแดงนิดหน่อย ถึงเขาจะไม่ใช่ คนที่ทําอะไรผิดกับนรมนและบุริศร์ แต่อย่างไรแล้วธิดาวีร์ก็เป็น ภรรยาเขา

นรมนก็มองออกถึงความกระอักกระอ่วนของเขา ยิ้มขณะพูด ขึ้น “มีเรื่องอะไรก็เข้าไปคุยกันเถอะ”

“ครับ”
นาวินพยักหน้า

ทั้งสองเดินตามกันเข้าไปในคฤหาสน์หลังเก่า

บริศ ตื่นแล้ว ป้าหวานบอกเขาว่านรมนออกไปทำธุระ บุริศร์ ฉวยโอกาสเวลานี้ติดต่อชัยยศ จัดการเรื่องธุรกิจบริษัทสักหน่อย

เพิ่งจัดการเสร็จเรียบร้อย บุริศร์ก็เห็นนรมนเดินเข้ามากับ

นาวิน

“ทำไมพวกคุณสองคนกลับมาด้วยกัน?”

เขาค่อนข้างประหลาดใจ ถามอย่างลวกๆ

นรมนยิ้มขณะพูดขึ้น “เจอกันที่ประตู ไหนๆ ก็มาแล้ว ตอนเย็น กินข้าวด้วยกันเถอะ”

สําหรับข้อเสนอของนรมน นาวินกำลังอยากปฏิเสธ เห็น

สายตาบุริศร์ค่อนข้างเปลี่ยนไป ความหมายนั้นคือให้ตนตกลง

นาวินจึงพยักหน้าพูดขึ้น “ครับ”

“งั้นพวกคุณคุยกันไป ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า

นรมนรู้ ที่นาวินมาที่นี่อาจจะมาหาบริศ เพราะเรื่องธิดาวีร์ ตัว เองอยู่ข้างๆ นาวินอาจจะค่อนข้างกระอักกระอ่วน จึงออกไปล่วง หน้า

สำหรับความดีงามของนรมน นาวินรู้สึกซาบซึ้งหาที่เปรียบไม่

ได้จริงๆ

หลังจากนรมนเข้าไปในห้องนอน บุริศร์ก็ชี้โซฟา แล้วพูดขึ้น”นิ่ง ครอบครัวเดียวกันไม่ต้องอึดอัดขนาดนั้น

นาวินกลับรู้สึกค่อนข้างละอายใจ

“ประธานบริศร์ ขอโทษเรื่องธิดาจริงๆ ครับ”

“ถ้านายมาเพื่อขอร้องให้เธอ งั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว อีกอย่าง เรียกฉันว่าพี่ใหญ่ก็พอ ทำไมเรียกฉันว่าประธานบริศร์อีก? ฉัน ให้นายเรียกพี่ใหญ่ไม่ได้เหรอ?”

เสียงบริศ เบาบางเรียบเฉย แต่ทำให้จิตใจนาวินชะงักทันที

ธิดาวีร์เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาไม่กล้าหวังให้บริศร์ให้อภัยตน จริงๆ ดังนั้นจึงเรียกเขาว่าประธานบริศร์ แต่ตอนนี้ได้ยินบุริศร์ พูดแบบนี้ ดวงตานาวินก็เปียกชื้นนิดหน่อยทันที

“พี่ ขอโทษครับ”

“นายไม่ได้ทำอะไรผิดกับฉัน จะขอโทษทำไม”

บุริศร์กับนาวินถือว่าเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก นิสัยเขาเป็น อย่างไรบุริศร์รู้ดีที่สุด

เขาชงชาหม้อหนึ่งกับมือ ในให้นาวันหนึ่งแก้ว จากนั้นก็พูด เสียงทุ้ม “คนที่ทำผิดก็คือธิดา ไม่ใช่นาย นายไม่จําเป็นต้อง ขอโทษแทนเธอ”

“แต่ยังไงเธอก็เป็นภรรยาผม

เสียงนาวินรู้สึกแย่นิดหน่อย

ทำไมบริศร์จะไม่รู้ความรู้สึกแบบนี้ล่ะ?
เขาคิดใคร่ครวญสักพักแล้วพูดขึ้น “นาวิน สุขภาพดีขึ้นหรือ ยัง?”

“ดีขึ้นมากแล้วครับ ล้างพิษไปแล้ว ขอบคุณครับพี่

บุริศร์ยกถ้วยชาแดงมาจิบ จากนั้นก็พูดขึ้น “ฉันรู้ ในฐานะ ผู้ชายนายอยากรับโทษแทนภรรยาตัวเอง ถ้าฉันเดาไม่ผิด นาย อยากเปลี่ยนตัวให้ธิดาออกมา และนายรับโทษแทนเธอด้วยใช่ ไหม?”

มือนาวินไม่รู้จะว่าควรวางที่ไหน

จริงๆ ด้วย เขาคิดแบบนี้ แต่ถูกบุริศร์ถามออกมา ทำไมรู้สึก ว่ามันผิดปกติล่ะ?

บริศ เห็นท่าทางเขาแล้วก็รู้ว่าตัวเองเดาถูก

เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “นาวิน ในฐานะผู้ชายนายคิดแบบ นี้ ทำแบบนี้ได้ฉันชื่นชมมากนะ แต่นายเคยคิดไหม? ธิดาทำลาย ตั้งแต่รากแล้ว เมื่อก่อนเธอหักหลังฉัน บอกว่าเพื่อนาย แต่จริงๆ แล้วก็แค่ทําเพื่อตัวเธอเอง เธอกลัวตัวเองสูญเสียนายไปแล้วจะ ไม่มีที่พึ่งพิง ก็เลยทุ่มสุดตัว”

“ถึงจะเป็นแบบนี้ก็ไม่ผิดนะครับ แสดงว่าเธอรักผมลึกซึ้งม งมาก เห็นผมเป็นที่พึ่งเดียว”

การโต้แย้งของนาวินทำให้บุริศร์รู้ว่าก่อนเขามาก็คิดเรื่องพวก นี้ไว้แล้ว

“โอเค ถึงจะไม่พูดเรื่องพวกนี้ นายรับประกันได้ไหมว่าธิดากลับมาแล้วจะไม่ทำร้ายฉันกับนรมนอีก? นายรับประกันได้ไหม ว่าเธอจะไม่ติดต่อกล้าณรงค์อีก? นายรับประกันได้ไหมว่าธิดาจะ ไม่หลอก ใช้ลูกในท้องบีบบังคับให้นายร่วมมือกับเธออีก? ถ้า เรื่องพวกนี้นายรับประกันได้ งั้นฉันก็สัญญากับนาย

คำถามหลายอย่างติดต่อกันทุบให้นาวินเงยศีรษะไม่ขึ้น

เขาไม่สามารถรับประกันได้

ไม่ได้สักข้อเดียว!

นาวินกัดกรามแน่น ไม่รู้ว่ายังพูดอะไรได้ที่สามารถทำให้ ปล่อยธิดาออกมาได้ “พี่ แต่ยังไงเธอก็ท้องอยู่

“นายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันได้บอกไปแล้ว ช่วงเวลาที่คลอดลูก เธอจะได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพที่สุด อยู่ที่นั่นถึงแม้ไม่มี อิสรภาพส่วนตัว แต่ก็ไม่เกินไปนัก ดีกว่ากลายเป็นปืนของคนอื่น ข้างนอกเยอะ รอให้ลูกคลอดออกมา ฉันจะให้คนไปเอาลูกกลับ มา ถ้านายไม่มีเวลาเลี้ยง ฉันกับนรมนจะช่วยนายเลี้ยง รับ ประกันว่าจะเลี้ยงลูกให้เป็นอย่างดี

บุริศร์พูดแบบนี้ นาวินรีบส่ายหน้าพูดขึ้น “ไม่ต้องครับ ผม เลี้ยงเองได้ ลูกของผม ผมเลี้ยงเองก็พอ ถึงตอนนั้นหวังว่าพี่จะ ช่วยผมหาพี่เลี้ยงเด็กแรกเกิดดีๆ ให้ผม ยังไงแล้วผู้ชายอย่างผม เลี้ยงดูคนเดียวไม่ได้”
“ฉันจะให้พี่สะใภ้นายเริ่มช่วยนายหาพี่เลี้ยงเด็กแรกเกิดดีๆ ตอนนี้เลย ในเมื่อสุขภาพดีแล้ว ก็ย้ายกลับมาอยู่ ครอบครัว เดียวกันอยู่ด้วยกันดีจะตาย และนายอยู่คนเดียวข้างนอกมันก็ ไม่มีความหมายอะไร

ประโยคนี้ของบริศ มีความหมายว่าอย่างไร นาวินเข้าใจ

ธิดาถูกบุริศร์ส่งเข้าคุกระหว่างประเทศไปแล้ว ถ้านาวินดื้อดึง เกลียดชังเลือกที่จะหักหลังบุริศร์ นั่นก็น่าเสียใจเกินไป อยู่ด้วย กัน ก็ถือเป็นการกํากับดูแล

“ครับ”

นาวินพยักหน้า ไม่ได้คัดค้านข้อเสนอของบริศร์ บุริศร์พยักหน้าพูดขึ้น “ชาไม่เลว ลองชิมสิ” นาวินจิบชาอย่างไม่รู้รสชาติ

ขมมาก!

เหมือนขมถึงก้นบึ้งหัวใจตามต่อมรับรส

ธิดาที่เรียกเขาว่าพี่นาวินอยู่ด้านหลังเขาทั้งวัน ทำไมมันมี ความแตกต่างกันแบบนี้?

ในเรื่องนี้ นาวินไม่เกลียดชังบุริศร์สองสามีภรรยาเลยสักนิด เทียบกันแล้ว คนที่เขาเกลียดที่สุดคือกล้าณรงค์ ครอบครัวดีๆ ของเขาถูกคนคนนี้ทำลาย

ทั้งๆ ที่รู้ว่าธิดาคือน้องสาวแท้ๆ ของบริศร์ก็ยังใช้การตายของแพรวามากระตุ้นธิดา เขากลัวว่ามีแค่ธิดาเท่านั้นที่มองไม่ออก

นาวินนึกถึงพ่อตัวเองที่ถูกเชษฐ์ฆ่าตาย ตัวเองเกือบติดยาเสพ ติด โดยแม่ยายของตัวเอง คนที่ช่วยชีวิตเขาก็คือบุรีศรีสองสามี ภรรยา

ใครถูกใครผิด ใครดีใครชั่ว นาวินรู้อย่างชัดเจน

เขายกถ้วยชาขึ้นมาอีกครั้ง ดื่มชารวดเดียวหมดถ้วย จากนั้นก็ มองบุริศร์ แล้วพูดอย่างหนักแน่น “พี่ ผมได้ยินว่าพี่กับพี่สะใภ้ อาจจะไปฉลองปีใหม่ที่ประเทศ พาผมไปด้วยสิ ผมอยากไป จัดการกล้าณรงค์ด้วยมือตัวเอง!!

บริศ เหลือบมองเขา แล้วพูดเรียบๆ “ค่อยว่ากัน

“พี่ ผมรู้พี่ไม่วางใจผม พี่ไม่ต้องให้อำนาจผมจริงๆ พี่แค่พาผม ไปด้วยก็พอ ผมเป็นแค่ลูกกระจ๊อกก็ไม่เป็นไร ผมอยากจับกล้า ณรงค์ด้วยตัวเอง มันทำลายครอบครัวผม ทำให้ผมบ้านแตก สาแหรกขาด ถ้ามันไม่โดนจับผมทนไม่ได้หรอก”

ดวงตานาวินริบหรี่ด้วยความโกรธแค้น

บุริศร์เห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็ถอนหายใจพูดขึ้น “ตระกูลนาค นานมีแค่นายเป็นลูกชายคนเดียว ฉันให้นายไปเสี่ยงไม่ได้

“ถ้าพี่ไม่ให้ผมไป ผมมีชีวิตอยู่ไปจะมีความหมายอะไร?”

ดวงตานาวินค่อนข้างแดงก่ำ ในฐานะลูกชาย เขาไม่มีทางช่วยชีวิตพ่อตัวเองได้ หลังจากบุรีศรช่วยชีวิตพ่อเขาถึงได้รู้ประวัติชีวิตตัวเอง ในฐานะสามี เขา ไม่มีทางโน้มน้าวภรรยาตัวเองได้ ให้เธอเดินทางผิด ในฐานะพ่อ เขาไม่สามารถให้ลูกของตัวเองตกอยู่ในอันตรายอีก ยิ่งไม่ให้ เขาเกิดมาแล้ว ใช้ชีวิตอยู่ในความเกลียดชัง ดังนั้นเขาต้องไป

บริศ เห็นเขายืนกราน ก็ถอนหายใจพูดขึ้น “เดี๋ยวฉันจะไปคุย กับพี่สะใภ้นาย”

“ขอบคุณครับพี่ ผมกลับไปก่อนนะ ไปเก็บของแล้วตอนกลาง คืนจะย้ายกลับมา

นาวินเห็นบริศ ตกลงแล้ว ก็รีบขอบคุณ

“ขับรถกลับไปจะสะดวกหน่อย”

บริศ มอบกุญแจรถตัวเองให้นาวิน

ไม่ใช่นาวินไม่มีรถ เขาใช้เงินเดือนตัวเองดาวน์ ซื้อรถ แต่ให้ ธิดาขับ

เพื่อออกจากสถานพักฟื้นไปต่างประเทศ ธิดาขับรถไป ได้ยิน ว่าธิดาเพื่อทําลายเบาะแสการเดินทาง จึงเผาทำลายรถที่ละแวก สนามบิน

ตอนนี้สินเชื่อรถก็ยังอยู่ แต่ไม่มีรถแล้ว

นาวินรู้สึกขาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

หลังจากบุริศร์กลับประเทศ ได้รู้เรื่องนี้จากปากชัยยศขณะที่พร มนออกไป ดังนั้นเขาจึงให้ชัยยศไปจัดการชำระเงินค้างงวดสุดท้ายที่เหลือของสินเชื่อรถไปแล้ว

ตอนธิดาวีร์จากไปก็หอบเอาบัตรธนาคารและเงินสดทั้งหมด ของนาวินไป จนนาวินตอนนี้หมดตัว น่าเวทนาเกินกว่าจะดู

บริศ หยิบบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วดันมัน ออกไป

“เก็บไว้ก่อน เอาไว้ซื้อของบางอย่างกับเป็นค่าครองชีพ

นาวินตกตะลึงเล็กน้อย ดวงตายิ่งแดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

“พี่ไม่ต้อง พี่ให้ผมยืมแค่สองร้อยหยวนก็พอ ผมไม่ได้ ต้องการเงิน”

“ผู้ชายคนหนึ่งมีเงินติดตัวสองร้อยหยวนโง่หรือเปล่า ฉันให้ ชัยยศมอบหุ้นบริษัทให้นายหนึ่งเปอร์เซ็นต์แล้ว จะได้เงินปันผล ทุกปี นายเป็นลูกเขยตระกูลโตเล็กของฉัน เป็นน้องเขยฉัน ฉันไม่ อาจปฏิบัติกับนายแย่ได้

คําพูดบริศ ทําให้นาวินตกตะลึงทันที

หุ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของบริษัทเหรอ?

สําหรับบริษัทอื่นมันอาจจะไม่มีค่าอะไร แต่บริษัทตระกูลโต เล็ก หุ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ เงินปันผลหนึ่งปี ไม่ว่าอย่างไรก็มีเป็นสิบ ล้าน

ทันใดนั้นนาวินไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

ธิดาวีร์ทำเรื่องแบบนี้ออกมา บุริศร์กลับดีกับเขาแบบนี้ เขาจะไม่รู้สึกละอายใจได้อย่างไร?

ผม

“เอาล่ะ เอาตามนี้แหละ ตอนกลางคืนทนายจะมาที่บ้าน ให้ลง นามเซ็นสัญญาโอนหุ้น

บริศ พูดจบก็ตบบ่าเขา

และในขณะนี้ โทรศัพท์บุริศร์ก็ดังขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ