แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 478 เขาเป็นคนที่ยึดทนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ



บทที่ 478 เขาเป็นคนที่ยึดทนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ

หัวใจของเจตต์หล่นวูบ

แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบบริศ นัก แต่เขาเป็นคนที่นรมนแคร์ มากที่สุด หากเขาถูกกักขังอยู่ที่นี่ไม่สามารถออกไปได้ ถ้างั้นก็ไม่ แปลกที่ในเวลาที่นรมนต้องการเขามากที่สุดแต่กลับติดต่อเขา ไม่ได้ เจตต์เองก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก

เขารู้สึกว่าตนใหญ่ช่างยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน

เขาสามารถรักใครคนหนึ่งได้มากถึงขนาดไม่นึกถึงตนเอง แม้แต่น้อย

เจต รวบรวมความกล้า พร้อมกัดฟันแน่น ก่อนที่จะวิ่งไปใน

ทิศทางที่มีเสียงร้องดังขึ้นเมื่อสักครู่

การป้องกันของที่นี่ไม่ค่อยแน่นหนานัก มีเพียงแค่คนเดียว เท่านั้นที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างหน้า ด้วยอาการง่วงเหงาหาวนอน เสมือน กับว่าชนชาติอเสียงกรีดร้องอย่างทรมานข้างในไปแล้ว โดยไร้ ปฏิกิริยาใดทั้งนั้น

เสียงร้องของบุรีศร์ เสมือนกับสัตว์ร้ายที่ถูกกักขัง เศร้าโศก และทำอะไรไม่ได้

พร้อมกับเสียงบางอย่างที่เจตต์ได้ยินไม่ค่อยชัดเจนนัก เขาไม่รู้ว่าบุริศร์ต้องพบเจอกับความทรมานสักเพียงใดด้านใน หากแต่ขณะที่ใช้ความคิดว่าจะเข้าไปอย่างไรนั้น ก็ได้พบ กับชายคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน พร้อมกับถุงเลือดที่ถือเอา ไว้ในมือ

“วันนี้เจาะเลือดไป800cc

คนที่ยืนเวรอยู่ด้านนอกเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นโตโน่เดินออกมา

“ไซแล้ว เดี๋ยวฉันต้องไปสั่งแม่ครัวให้ทำอาหารที่บำรุงเลือด ให้เขา หากเป็นแบบนี้ต่อไปไม่รู้ว่าร่างกายเขาจะทนไหวไหม ค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้เหรอ?”

ผู้รักษาความปลอดภัยมีอาการเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย พร้อม กับความสงสาร

“ฉันก็อยากค่อยเป็นค่อยไปเหมือนกันนั่นแหละ แต่เขารอไม่ ไหวแล้ว คุณชายบุริศร์แทบอยากจะเจาะเลือดที่เหลือออกมาให้ หมดตัว ไม่สนใจชีวิตเลย เฮ้อ เขาเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่ง และอึด ทนมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอเลย

โตโน่ส่ายหน้า ก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับถุงเลือด เจตต่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยินเธอโอกาสในตอนที่ไม่มีใคร สังเกตเห็น วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ข้างในนั้นหนาวมาก มากจนเจตต์ตัวสั่นเทา

ประหลาด!

อุณหภูมิด้านไหนและด้านนอกแตกต่างกันไม่เท่าไหร่
ทำไมถึงไม่คิดที่จะเพิ่มอุณหภูมิซะบ้างเลยนะ?

เจตต์บ่นอุบในใจ ก่อนมุ่งไปในที่แสงอาทิตย์สาดส่อง

เกินความคาดหมาย ด้านในที่ที่บุรีศร์อยู่มีการ์ดน้อยยิ่งกว่า เดิม เหมือนว่าจะมีเพียงโตโน่และชายคนนั้นเท่านั้น ส่วนตรงนี้ เสมือนกับว่าไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

เจต เข้าใกล้เป้าหมายอย่างระมัดระวัง เขานิ่งอึ้งไปเมื่อเห็น ร่างของบุริศร์

เขาไม่คิดถึงเลยว่าบุริศร์จะถูกกักขังในกรงเหล็ก แขนและขา ถูกมัดเอาไว้กับเตียงเหล็ก สั่นเทาไปทั่วร่างกาย

เขาร้องตะโกน ด้วยความทรมาน

ที่แขนของเขายังมีรอยเจาะเลือดหลงเหลืออยู่ ส่วนอีกด้าน เป็นรอยจากการให้น้ำเหลือ

หรือว่ากําลังเปลี่ยนเลือด?

เจต ขมวดคิ้วแน่น

“บริศร์ บุริศร์ นายเป็นอะไรไป?”

เจตต์วิ่งเข้าไป แต่บุริศร์กลับไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็น ใครกันแน่ ทีแรกเขาคิดว่าเป็นโตโน่

ยานี้แรงชะมัด แม้ว่าจะมาถึงด่านสุดท้ายแล้ว เมื่ออาการกำเริบขึ้นมาเขาก็จำใครไม่ได้เลยอยู่ดี
ความรู้สึกเหมือนกันมดนับล้านตัวกำลังกัดกินเขาอยู่ เขา ต้องการร้องขอชีวิต อยากจะหลุดพ้น แต่ในหัวกลับมีแต่ภาพ ของนรมนผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ทำให้เขาไม่สามารถที่จะเอ่ย ปากออกไปได้ และไม่สามารถเอ่ยปากออกไปได้เช่นกัน

บริศ เหงื่อท่วมกาย หยดลงกับพื้น เขาผอมซูบจนไม่เหลือเค ร้าเติมเลยแม้แต่น้อย

เขายังคงต่อต้าน ต่อต้านอยู่อย่างนั้น ราวกับว่าเขาตกอยู่ใน ความทรมานที่หาที่สุดไม่ได้ ต่อต้านเพื่อให้หลุดพ้น แต่ยาก เหลือเกิน

เจตต์นิ่งอึ้งอยู่กับที่

เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?

บุรีศร์ที่เก่งขนาดนั้นทำไมถึงได้มีสภาพแบบนี้ไปได้?

เขาต้องการที่จะเปิดกรงนั่นออก แต่น่าเสียดายที่ทรงนั่นไม่ ขยับเลยแม้แต่น้อย

เจตต์รู้ดีว่าเขาอยู่ที่นี่นานไม่ได้

สภาพของบุริศร์ในตอนนี้ เพียงแค่ขอคนเดียวไม่สามารถช่วย บุรี ออกไปได้แน่

เจตต์หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนที่จะบันทึกภาพของบุริศร เอา

เสียงฝีเท้าดัง นกะทันหัน

ไว้
เจตต์รู้ดีว่าเขาอยู่นานไม่ได้ เขาจ้องมองบุรีศร์ ไม่รู้ว่าบุริศร์จะ สามารถได้ยินเขาหรือไม่ “นายอดทนอีกหน่อยนะ ฉันจะกลับไป หาคนมาช่วยนาย วางใจเถอะ ฉันจะช่วยแกออกไปให้ได้ หลัง จากนี้ นายก็ติดหนีฉัน ถึงตอนนั้นต่อให้ฉันแย่งนรมนไป นาย คงจะไม่โกรธมากหรอก ใช้ไหม?”

จบประโยค เจตต์ปิดสัญญาณโทรศัพท์ ก่อนที่จะออกจากที่

โตโน่ไม่พบความผิดปกติอะไรเมื่อเข้ามาใหม่ หลายวันมานี้บริศ เป็นแบบนี้เสมอ เขาซินแล้วล่ะ

เพียงแต่สองวันมานี้โทรศัพท์ของบุริศร์ไร้การเคลื่อนไหวแต่ อย่างใด

โตโน่เข้ามาดูสถานการณ์ของบุริศร์ เมื่อเห็นว่าเขายังทนได้

ถึงได้นั่งลงกับที่ประจำของเขา เพื่อรอคลื่นลูกนี้ของบุริศร์ผ่านไป

หลังจากที่เจตต์หนีออกมาได้ เขาไม่รอช้า มุ่งไปทางเดิมกลับ ไปที่เครื่องบินส่วนตัว

เขาเปิดเครื่องปรับความอุ่นทันทีที่ขึ้นมาบนเครื่อง เขาหนาว จนร่างสั่นเทา แถมยังเปิดสัญญาณตรงนี้ไม่ได้อีก เดี๋ยวจะถูกคน อื่นค้นพบเข้า

เจตต์นิ่งอยู่นาน ก่อนที่จะเคลื่อนตัวออกจากที่อย่างหนาว เหน็บ ชายหนุ่มไม่คิดที่จะกลับไปโดยเส้นทางเดิม กลับอ้อมไป ทางอื่นแทน

เมื่อบินออกมาไกลพอสมควรแล้ว เขาถึงได้เข้าสู่เส้นทางหลักกลับไปยังเมืองชล

หลังจากที่กลับมายังเมืองชลธี เป็นเวลาเที่ยงเข้าไปแล้ว

เจตต์เหนื่อยจนเย็นแทบฉีก แต่เขาไม่หยุดพักแต่อย่างใด ชาย หนุ่มส่งข้อความให้กับกานต์

“ไอ้เด็กบ้า ฉันเกือบเอาตัวไม่รอด แกติดหนี้บุญคุณฉันครั้ง

ใหญ่เลยนะ”

เจตคิดว่า ยังไงซะกานต์ก็อยู่ในตระกูลโตเล็ก ไม่มีใครคอย จับตาดูเขา เพราะงั้นจึงเอ่ยอย่างตามใจชอบ โดยไม่คำนึงถึงสิ่ง ได

แต่เขาไม่คิดว่า ว่าท้ายที่สุดกานต์เป็นห่วงนรมน จึงไปเพิ่มน รมนที่โรงพยาบาลกับคุณนายโตเล็ก

เขาปวดท้องนิดหน่อย ในขณะที่เข้าห้องเด็กชายได้ทั้ง โทรศัพท์เอาไว้ที่นรมน ส่วนคุณนายโตเล็กเองก็ไปตรวจสอบ อาการของนรมนกับหมอ ไม่อยู่ชั่วคราว

จึงเกิดอุบัติเหตุ ในขณะที่เจตต์ส่งข้อความให้กับกานต์พอดี กับทนรมนหยิบโทรศัพท์ของกานด์ขึ้น

เพราะนรมนเบื่อหน่าย กานต์จึงเอาเกมที่ตนเพิ่งคิดค้นให้กับ นรมนเล่น พร้อมกับน่าโทรศัพท์ของตน ให้กับนรมน

เพราะงั้นเมื่อเจต ส่งข้อความเข้ามา นรมนนิ่งไปอย่างฉงน เจตต์ไปจัดการเรื่องงานที่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ?
ทำไมถึงได้ติดต่อกานต์ แถมยังด้วยคำพูดแบบนั้นอีก

นรมนไม่รู้ว่าตนควรตอบกลับไปอย่างดี จึงตอบกลับไปเพียง ประโยค “คุณอยู่ที่ไหน?”

“คุณชายอย่างฉันหนีรอดกลับมาจากความตายแล้วไง แกทำ ฉันเกือบตาย ฉันจะบอกอะไรให้ คราวหน้าต่อให้แก่คุกเข่า ขอร้องฉัน ฉันก็ไม่มีทางเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลโตเล็ก อีกแล้ว”

เจตต์เหนื่อยหอบ ตนเกือบทิ้งไปครึ่งชีวิต

เมื่อนรมนเห็นคำว่าตระกูลโตเล็ก หัวใจเธอบีบรัดแน่น

“คุณบุริศ เป็นอะไรไป?”

อันที่จริงเธอไม่รู้เลยว่าลูกชายของตนกำลังตามหาบุริศร์อยู่ แต่เมื่อฟัง เสียงของเจตต์ คงเป็นเพราะไหว้วานให้เจตต์ไป ตามหาบุริศร์? นรมนตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เจตต์หมุนไหลไปมา ทันใดนั้นก็พบว่าที่ไหล่ของเขาไม่เจ็บเลย สักกะนิด

อืม?

หรือว่าจะเป็นเพราะยาของเด็กบ้านั่นใช้ได้ผลดี แต่เขาแช่อยู่ในน้ำตั้งนานเลยนะ

เจตต์ โทรศัพท์เอาไว้พร้อมเอ่ยตอบ “คุณบุริศร์ของพวกแก ไม่ค่อยจะดีนัก เหมือนว่าถูกกักขัง แกยังเป็นเด็กน้อย หากฉันให้แกดูคลิปกลัวว่าจะทำแกตกใจ ไอ้นั่นอะไรนะ แกไปเจรจากับ คุณนายขะ ให้ส่งคนไปช่วยเขา สถานการณ์ของเขาค่อนข้างเลว ร้าย หากแกกลัวว่าจะทำให้ตระกูลโตเล็กไหวตัวทัน ตระกูลรัตติ กรวรกุลเองก็มีคนอยู่ หากว่าถ้าหากไปด้วยไม่รู้ว่าจะช่วยบุรีศร ออกมาได้ไหม แล้วก็นะ ทางที่ดีแก่ควรจะเตือนแม่ของแกด้วยว่า คนที่กักขังเขาคือป้อง แม้ฉันจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ถ้าหาก ป้องควบคุมแด๊ดดี้ของแกได้ คงยากที่จะไม่ทำอะไรแม่ของแก

เมื่อนรมนเห็นข้อความทุกสิ่ง เธอตัวนิ่งแข็งที่อ

ป้องจับตัวปริศร์ไป?

เป็นไปได้อย่างไร?

พวกเขาเป็นสหายที่ดีต่อกันไม่ใช่หรือ?

แถมโพนี่ก็ดีต่อเธอมากจริงๆ หรือว่าทุกอย่างเป็นสิ่งที่เธอ แสร้ง น?

นรมนไม่สามารถแยกแยะได้ ในหัวเธออื้ออึง

“จะกลัวอะไร ส่งมาให้ฉัน

ประโยคของนรมนทำให้เจตต์ประหลาดใจ

“ฉันกลัวว่าแกจะรับไม่ไหว เอาแล้วกัน ฉันเคยเห็นเหตุการณ์ ที่โหดร้าย แต่ครั้งนี้ฉันเองก็ตกใจมาก ไม่แปลกที่ตอนนรมนเกิด เรื่องถึงติดต่อเขาไม่ได้ หากเขารับรู้ข่าวสารภายนอกได้สีแปลก

เจตต์ยังคงพร่ำไม่เลิก แต่นมนกลับไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป

“ส่งคลิปมาให้ฉัน

ประโยคหนึ่งเธอส่งข้อความไปสามครั้งด้วยกัน

เจต ไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อยว่าคนที่เขาคุยด้วยนั้นไม่ใช่กานต์ แต่เป็นนรมน เมื่อเห็นความเร่งรีบของฝ่ายตรงข้าม จึงรีบเอ่ยขึ้น ได้ได้ได้ ฉันจะส่งคลิปให้กับแก แต่ถ้าหากแกตกใจขึ้นมา อย่า มาโทษฉันนะ ฉันไม่ได้พักผ่อนแทบทั้งวัน รอฉันตื่นก่อนแล้วค่อย ฟังความเห็นของแกแล้วกัน”

จบประโยค เจต ส่งคลิปของตนให้กับนามน

เมื่อนโมนได้เห็นคลิป ดวงตาของเธอเอ่อล้น

มิน่าเล่าเขาถึงได้ผอมแห้งไป มิน่าเล่าเขาถึงได้บอกว่าไม่ อยากอาหาร อาหารข้างนอกทานไม่ลง

ที่แท้เขาต้องพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้นี่เอง

นรมนฟังเสียงกรีดร้องของบุริศร์ จ้องมองร่างกายที่กระตุก เกรง เหมือนกับว่าถูกแส้หวายฟาดเข้าบนร่าง ทำให้เขาเจ็บปวด เจ็บแทบหยุดหายใจ

เธอเชื่อมาตลอดว่าบริศร์ไม่ใช่คนไร้หัวใจ ที่จะทิ้งเธอสามแม่ ลูกเอาไว้ ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เขามีเรื่องลำบากใจจริงๆ

แต่ถ้าหากเขาถูกป้องกักขังจริงๆ เขาจะส่งให้กับเธอได้ อย่างไร? แล้วจะติดต่อหาตนได้อย่างไร?
หรือว่าทั้งหมดนี้จะเป็นการบีบบังคับจากป้อง แต่เขามีอะไรกันที่จะทำให้ป้องทำแบบนั้นได้? บรมนไม่เข้าใจ

ในเวลานี้เอง กานต์เดินออกมาจากห้องน้ำ

“หม่ามีครับ ผ่านหรือยัง?”

เขาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี แต่กลับเห็นนรมนขอบตาแดง นิ่งอึ้ง ไปพร้อมกับโทรศัพท์มือถือในมือ

แย่แล้ว!

คงไม่ใช่เจตต์ที่ไร้สมองนั่นติดต่อกับเขาสินะ?

กานต์ ร้องในใจ แต่กลับพบกับนโมนที่ถือโทรศัพท์มือถือ เอาไว้ในมือพร้อมกับจ้องมองเขานิ่ง “แกรู้ใช่ไหมว่าแอ๊ดดี้ของ แกอยู่ที่ไหน?”

“คุณหม่ามี้ครับ……

“ใช่ไหม?”

น้อยนักที่นรมนจะขึ้นเสียงใส่กานต์ แต่คราวนี้ น้ำเสียงของ เขาสูงและดัง ทําให้กานต์ตระหนักจนสะดุ้งโหยง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ