แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 585 ในเมื่อรักแล้ว ก็จะต้องรักให้ลึกซึ้ง



บทที่ 585 ในเมื่อรักแล้ว ก็จะต้องรักให้ลึกซึ้ง

บริศร์รีบหันหน้ากลับมาดูที่หนึ่ง แต่ว่านรมนยังคงนอนสลบอยู่ แล้วเขาก็ถามขึ้นอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “โพนี่ เมื่อคุณเห็นนิ้ว มือของนรมนกระดกขึ้นหรือเปล่า?”

“ไม่ฟื้นเร็วขนาดนี้หรอก ร่างกายของนรมนอ่อนแอมากเกินไป แล้วที่สำคัญก็เป็นผ่าตัดใหญ่ด้วย ไม่ว่ายังไงก็คงจะต้องเป็น เวลานี้ของวันพรุ่งนี้ถึงจะฟื้น คุณชายบุริศร์ ฉันรู้ว่าคุณร้อนใจ และก็เป็นห่วงร่างกายของนรมน คุณวางใจเถอะ การผ่าตัดของ อาจารย์อาฉันไม่มีทางมีปัญหาแน่ เธอจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็เป็น แค่ปัญหาของเวลาเท่านั้น

โพนี่ปลอบใจบุรีศรีไป จากนั้นก็มองไปในรมนเล็กน้อย แล้วก็ หิ้วกระเป๋าพยาบาลขึ้นมาแล้วจากไป

หลังจากที่บริศ ส่งโพนี่กลับไปแล้ว พอกลับมาที่ห้องนรมน หายตัวไปแล้ว เขาก็บนลานขึ้นมาทันทีเลย

“นรมน! นรมน!”
บริศ ร้องตะโกนขึ้นอย่างกับคนบ้าคลั่ง และยังอยากจะวิ่ง ออกไปตามหา แต่ก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกซะก่อน และ นามนก็โผล่หัวออกมา

“ฉันอยู่ตรงนี้!”

นรมนฟันขาวปากแดงระเรื่อ ดวงตาแวววาวราวกับคบเพลิง จ้องมองมาที่บุริศร์อย่างลึกซึ้ง วินาทีนี้ บุริศร์รู้สึกว่าตัวเอง เหมือนกับกำลังฝันอยู่ยังไงอย่างงั้น

“คุณทําให้ผมตกใจหมดเลย!”

เขาเดินไปข้างหน้า แล้วก็คว้าตัวนรมนมากอดไว้ และก็กอด

เธอไว้แน่น ๆ ความรู้สึกโอบกอดที่ผิวหนังสัมผัสได้จริง ๆ แบบนี้ทำให้ตัวทั้ง

ตัวของบุริศร์สั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย

นรมนรู้ว่าทำให้เขาตกใจแย่แล้ว

พูดตามตรง ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดกลับ มาได้ และยังสามารถมายืนอย่างแข็งแรงแบบนี้อยู่ต่อหน้าบุริศร์ ได้ ยังสามารถจับมือกับเขาไปตลอดชีวิตแบบนี้ได้

“ขอโทษนะ ทำให้คุณเป็นห่วงแย่แล้ว

นรมนตบบ่าของบุรีศร์ไปเบา ๆ
บุริศร์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ต่อไปถ้ายังกล้าทำอย่างนี้อีก ผมจะ ต้องขาคุณให้หักแล้วเลี้ยงคุณไว้ตลอดชีวิตแน่

“คุณทําได้ลงคอเหรอ?”

นรมนยิ้มอย่างซุกซน แล้วบริศร์ก็รู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา ทันทีเลย

“งั้นผมติชาตัวเองหักเอง ทำให้ตัวเองตาบอดเอง จะได้มองไม่ เห็น และก็ตามไม่ทัน แบบนี้คงจะได้อยู่แล้วมั้ง?

“คุณจะทำอะไรกันเนี่ย?”

พอนรมนได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา

“รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม? โพนี่เพิ่งจะกลับออกไปเอง เดี๋ยว ผมไปเรียกเธอกลับมาให้

พูดแล้ว บุรีศร์ก็จะออกไปเลย แต่กลับโดนนรมนดึงตัวไว้

“ไม่ต้องแล้ว ฉันรู้สึกก็สบายดี คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ

หลังจากที่นรมนผ่านการต่อสู้กับความเป็นความตายมาครั้ง หนึ่งแล้ว ตัวทั้งตัวก็มีรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว เธอไม่มีทางที่จะ แบกรับการต้องตายอย่างโดดเดี่ยวคนเดียวได้

เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ดี ๆ จะต้องอยู่กับสามีของตัวเอง และพวก ลูก ๆ ของตัวเองให้ดี เธอยังอยากจะเห็นพวกลูก ๆ โตเป็น ผู้ใหญ่ และเห็นพวกเขาแต่งงานมีลูก ชีวิตของเธอเพิ่งจะเริ่มต้น เองไม่ใช่เหรอ?

“ได้ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ

บุริศร์กุมมือของนรมนไว้แน่น แล้วดึงตัวเธอออกมาจาก ห้องนํ้า

ทั้งสองคนมานั่งลงบนเตียง นรมนนั่งพิงอยู่กับอกของบริศร์ แล้วถามขึ้นอย่างเป็นกังวลเล็กน้อยว่า “คุณไปหาป้องดูเรื่อง อาการทางจิตของคุณหรือยังคะ? เรื่องที่คุณโดนสะกดจิตเป็นยัง ไงบ้างแล้วคะ?”

“ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมรู้ตัวเองว่าจะต้องทำยังไง

“ห้ามพูดว่ารู้ตัวเองดี เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป พวกเราต่างก็ อย่าให้ตัวเองบาดเจ็บอีกเลย ถ้าหากว่ารักอีกฝ่ายจริง ๆ นั้นก็ ต้องรัก ให้ลึกซึ้ง และก็รักตัวเองด้วย

คำพูดของนรมนทำให้บริศร์อึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มและพูด ขึ้นทันทีว่า “ได้ ในเมื่อรักแล้ว ก็จะต้องรักให้ลึกซึ้ง”“ไม่ใช่ ที่ฉันพูดคือจะต้องรักตัวเองด้วย

บรมนรู้ว่าบริศ ต้องการจะเลใจเปลี่ยนเรื่องอีกแล้ว “ชูว์ ไม่ต้องพูดแล้ว คุณเพิ่งจะตื่นขึ้นมา ยังต้องพักผ่อนอีก เดี๋ยวผมนอนเป็นเพื่อนคุณสักพักละกัน”

บริศรสกัดกั้นไม่ให้นมนพูดอีก แล้วก็กอดเธอไว้และนอนลง บนเตียง

เขาจ้องมองฝ้าเพดาน แล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองมี สีสันขึ้นมาบ้างแล้ว

ช่างน่ามหัศจรรย์จริง ๆ การรักคนคนหนึ่ง สามารถทำให้ อารมณ์ของเขาเปลี่ยนเป็นขึ้นลงเพราะความสุขทุกข์ของคนคน หนึ่งได้

สิบนิ้วมือของเขาและของนรมนประสานกันแน่น แล้วพูดอย่าง อ่อนโยนขึ้นว่า “โพนี่บอกว่าพรุ่งนี้คุณถึงจะตื่น แล้วทำไมถึงตื่น เร็วขนาดนี้ล่ะ?”

“บางทีอาจจะเกิดจากผลของเลือดของนภดลละมั้ง” นรมนนึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งของยมราชในระหว่างที่ผ่าตัด เธอบอกว่าเลือดของนภดล ใช้ทองคำเป็นพันช่างก็ยังหาไม่ได้

สักหยด
ไม่รู้ว่าเพราะว่าเธอโชคดี หรือว่านภดล โชคร้ายกันแน่ แต่ไม่ ว่ายังไงก็เจอกันเข้าโดยบังเอิญแล้ว แล้วก็กลับตาลปัตรได้ช่วย ชีวิตนภาลเอาไว้ ถ้าไม่งั้นละก็ชีวิตของเธอก็คงจะถูกยมบาล เก็บไปแล้วจริง ๆ

บุรีศร่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “นาตลบอกว่าคุณมีหน้า ตาคล้ายกับลูกสาวของตระกูลจันทรวงศ์มากใช่ไหม?

“จะพูดว่าไม่ได้ น่าจะต้องพูดว่าเป็นใบหน้าของฉันในตอนนี้ ถ้าหากคุณรู้สึกไม่สบายใจ ฉันไปทำศัลยกรรมให้กลับมาเป็น เหมือนเดิมก็ได้

คำพูดของนรมนทำให้บริศรีบส่ายหน้า

“ไม่ต้องทำศัลยกรรมมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ผมรู้ว่าที่คุณต้องทำ ศัลยกรรมเพราะไม่มีทางเลือก ถ้าหากแค่เพราะว่าหน้าคล้ายกัน แล้วต้องมาลำบากตัวเองอีกครั้ง ผมก็จะปวดใจได้นะ ไม่ว่าคุณ จะมีหน้าตาแบบไหน ขอแค่คุณคือคุณ สำหรับผมมันก็มาก พอแล้ว”

“คุณไม่รังเกียจก็พอแล้ว”

พอนรมนได้ยินเขาพูดอย่างนี้แล้วถึงได้วางใจลงสักที บุริศร์พูดเสียงต่ำขึ้น “ไม่รังเกียจหรอก จะรังเกียจได้ยังไง? ตั้งแต่ที่คุณรู้จักกับผม ตกหลุมรักผม และ แต่งงานกับผม ก็ไม่เคยได้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายเลยสักวัน ผม มักจะทำให้คุณลำบากใจเพราะว่าเรื่องอย่างโน้นเรื่องอย่างนี้ เมื่อก่อนเพราะว่าครินท์ ตอนนี้ก็เป็นเพราะว่าตนท์อีก แต่ว่าใน ที่สุดผมก็รู้แล้วว่า ผมได้ทําผิดไปแล้ว”

“อะไรนะคะ?”

“นรมน เป็นเพราะผมได้ทำผิดไปแล้ว เพื่อญาติมิตรของตัวเอง และตระกูลโตเล็กแล้วผมได้ทําให้คุณลำบากใจมาตลอด ผม บอกว่าผมรักคุณ จะให้ชีวิตที่ดีกับคุณ แต่กลับทำให้คุณตกอยู่ ในอันตรายอยู่เสมอ ผมไม่คู่ควรที่จะเป็นสามีคนหนึ่งเลยจริง ๆ

พอได้ยินบุรีศร์โทษตัวเองเช่นนี้ นรมนก็รู้สึกแปลกใจเป็น อย่างมาก

“คุณเป็นอะไรไปคะ?”

“อยู่ ๆ ก็แค่รู้สึกว่าถ้าสูญเสียคุณไปแล้ว สำหรับผมคนทั้งหมด ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย”

ดวงตาของบุริศร์มีความเปียกชื้นขึ้นเล็กน้อย จิตใจของนรมนก็รู้สึกจี๊ด ๆ ขึ้นมา และรู้สึกอุ่นขึ้นมาด้วย
เธอกุมมือของบุรีศรีไว้แน่น แล้วพูดขึ้นว่า “ดูท่าฉันคงจะทำให้ คุณตกใจไปไม่น้อยเลย ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว จริง ๆ นะ เพื่อคุณ แล้ว ไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหนฉันก็ยอมฝ่าฟันไปใต้ ลำบากแค่ ไหนฉันก็ไม่กลัว ขอแค่ได้อยู่กับคุณก็พอ”

“ขอบคุณที่คุณรักผมมาตลอด ขอบคุณที่คุณไม่ทิ้งผมไป ผมที่ เห็นแก่ตัวแบบนี้”

บริศร์ ตกลงคุณเป็นอะไรไปคะ?”

นรมนรู้สึกว่าบุริศร์ในวันนี้ไม่ค่อยเหมือนเดิมเท่าไหร่

บุรีศร์กลับส่ายหน้า แล้วก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไร แค่อยู่ ๆ ก็ พร่ำเพ้อเท่านั้นเอง คุณนอนสักหน่อยเถอะ ไว้พักผ่อนเสร็จแล้ว ผมจะพาคุณไปตีบอสตู

“บอส?”

“ใช่ ที่เคยรังแกคุณไว้ก่อนหน้านั้น ผมจะช่วยเรียกร้องคืนกลับ

มาให้คุณ

คำพูดของบริศ ทำให้นรมนหลุดออกมาเลย

“รีบนอนเถอะ ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง จะไม่ไปไหนเลย จะนั่ง เป็นเพื่อนอยู่ข้าง ๆ เตียงคุณนี่แหละผมรับรองว่าตอนที่คุณลืมตาตื่นมาผมก็จะยังอยู่ตรงนี้

คำพูดของบุริศร์เหมือนกับแฝงไว้ด้วยฤทธิ์กล่อมนอนเสียว หนึ่ง แล้วนรมนก็รู้สึกว่าหนังตาของตัวเองค่อย ๆ ปิดลงมา จาก น นอนหลับลึกไปเลย

เขาเอาผ้าห่มมาห่มให้กับนรมน จากนั้นก็นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ และจ้องมองเธอที่นอนหลับอยู่

บรมนสามารถรับรู้ได้ว่าดวงตาคู่นั้นจ้องมองตัวเองอยู่ตลอด จนในที่สุดเธอก็หลับลึกไปอย่างสบายใจ

ช่วงระหว่างนั้น คุณนายตระกูลโตเล็กได้เข้ามา แล้วพอเห็นบุรี ศรเป็นอย่างนี้ ก็กะว่าจะเรียกเขาออกไปกินข้าว แต่บุริศร์กลับ ส่ายหน้าให้

“ผมยังไม่หิวครับ แม่ไปกินก่อนได้เลยครับ

คุณนายตระกูลโตเล็กถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วถึงได้ออกไป เพียงแต่ว่าตอนที่เดินไปถึงประตูห้องนั้นก็หยุดฝีเท้าลง

แล้วเธอก็พูดขึ้นว่า “ในเมื่อตัดสินใจว่าจะสละทุกอย่างทิ้งเพื่อ ปกป้องนรมน ทางที่ดีที่สุดแกก็ต้องหาตัวเองคนเดิมกลับมาให้ ได้”
พูดจบคุณนายตระกูลโตเล็กก็ออกไปจากห้อง

ตัวเขาคนเดิมเหรอ?

บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย

เขาทําตัวเองหล่นหายไปเหรอ?

พอมาลองคิดดูดี ๆ แล้ว เหมือนจะใช่จริง ๆ ด้วย

ตั้งแต่ที่ครินท์ออกจากบ้านไปยูนนาน เขาก็ได้ทำตัวเองหล่น หายไปแล้วจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร สิ่งแรกที่เขาจะต้อง คิดถึงก่อนก็คือตรินท

เขารู้สึกว่าตัวเองทําผิดต่อตนท์ไว้เป็นเพราะว่าเขาดีเกินไป ถึงได้ทำให้ตนท์รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเกินไป เป็นเพราะว่าเขาเป็น ลูกคนโตได้สืบทอดตระกูลโตเล็ก ถึงได้ทำให้ครินท์ต้องไปอยู่ ในที่ห่างไกล และก็ไม่เลือกหาทางออกอื่นไม่ได้ และก็เป็นเพราะ ว่าเขาไม่เอาเขมิกาแล้ว ถึงได้ทำให้ครินท์และเขมิกาเกิดความ สัมพันธ์กัน จนมีกิจจาเกิดมา

ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใจของเขาคิดถึงและ นึกถึงต่างก็คือครินท์ทั้งหมด

เพราะว่าเขารู้สึกผิด ก็เลยทอดทิ้งทุกอย่างของตัวเองไป เพียง แค่หวังว่าตนท์จะรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย มีความสุขขึ้นมาหน่อย แต่ ว่าพอสุดท้ายแล้วเขาถึงได้พบว่า เขาทำให้ชีวิตของตัวเอง ครอบครัวของตัว เองต้องยุ่งเหยิงไปหมด ก็ไม่สามารถทำให้คนที่หวนคืนกลับมา ได้

อยู่ ๆ ใจของบริศรก็เจ็บปวดขึ้นมา

หลายปีมานี้ ตกลงเขาทำอะไรไปบ้างกันแน่?

ห้าปีก่อน ตอนทีมรมนต้อง โดนฝังร่างไปในกองเพลิง เขาก็ เจ็บปวดรวดร้าวจนรู้สึกถึงความรู้สึกของตัวเอง ห้าปีให้หลัง พอนามนกลับมาแล้ว เขาก็บอกว่าจะทะนุถนอม จะชดเชยให้เธอ แต่ว่าพอต้องจะเลือกระหว่างครินท์กับแรมนเขาก็ยังคงเลือกตร นท

มีเรื่องหลายเรื่องที่เขารู้สึกว่าตนท์ผิดปกติไป แต่เป็นเพราะ ว่าเป็นน้องชายของตัวเอง เพราะว่าความรู้สึกผิดส่วนนั้น เขาก็ ยอมเป็นคนที่ตาบอด

เขาของว่าจะยกบริษัทชัวยกรุ๊ปจำกัดให้ตรินท์ แล้วพานรมน กับลูก ๆ ออกไปท่องเที่ยวรอบโลก แต่สุดท้ายก็เป็นเพราะว่าเป็น ห่วงครินท์ถึงได้อยู่ต่อ แล้วก็เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ต่อมาขนาดนี้ จนทำให้นรมนและพวกลูก ๆ ต้องลำบากไปด้วย

เขาคือใคร?

แล้วเขาอยู่ที่ไหน?
ตกลงเขาจะต้องทํายังไง? และควรจะทำยังไง? อยู่ ๆ บริศร รู้สึกราวกับว่ามีเสียงพายุหิมะต้องอยู่ในหู บุริศร์ที่ทำตัวเองหล่นหายไป ยังคือบริศร์อยู่อีกเหรอ? เขาจ้องมองนรมน หลับสนิทอยู่ ในที่สุดก็ตาสว่างขึ้นสักที คงจะไม่มีใครที่รักตัวเอง โดยที่ไม่สนใจอะไรสักอย่างแบบนี้ อีกแล้ว

เธอเป็นหนึ่งเดียวของเขา แล้วก็เป็นคนที่จะต้องปกป้องตลอด

ชีวิตอีกด้วย

บุริศร์จ้องมองนรมนอยู่แล้วก็ยิ้ม เป็นยิ้มที่ยิ้มได้อ่อนโยนเป็น อย่างมาก

นรมนนอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาถึงพบว่าผ่านไปหนึ่งวันคืน หนึ่งแล้ว และเธอก็เห็นบุริศร์เป็นเหมือนอย่างที่เขาพูดไว้จริง ๆ ว่าจะคอยเฝ้าตัวเองอยู่ตลอด แล้วก็อดไม่ได้ที่จะปวดใจขึ้นมา “ทำไมคุณถึงได้ชื่อขนาดนี้ ไม่ไปกินข้าวเลยเหรอคะ?”

รอไปพร้อมกับคุณไง ถ้าคุณยังไม่ตื่นอีก ผมก็จะหิวตายแล้ว

นะ”

“นี่โง่หรือเปล่าคะ?”
นรมนจ้องเขาเขม็งอย่างตำหนิที่หนึ่ง แต่ว่าในใจกลับรู้สึก หอมหวาน

ทั้งสองคนจูงมือกันเดินลงมาข้างล่าง

พอคุณนายตระกูลโตเล็กเห็นพวกเขา ก็ยิ้มอย่างปลื้มใจแล้ว พูดขึ้นว่า “ตื่นแล้วเหรอ? รีบมากินข้าวเร็ว บริศบอกว่าเธอเพิ่ง ผ่าตัดมา จําเป็นจะต้องพักฟื้น ฉันกะว่าจะให้คนรับใช้ส่งอาหาร ขึ้นไปให้พวกเธอแล้ว แต่บริสบอกว่าให้เธอเดินสักหน่อยจะดี ต่อร่างกาย เพราะฉะนั้นก็เลยให้เธอเดินลงมา

พอได้ยินคุณนายบุริศ พูดแบบนี้แล้ว นรมนก็จ้องมองบุริศร์ แล้วพูดว่า “ทำไมคุณถึงได้พูดทุกอย่างเลยล่ะ?”

“โทษเขาไม่ได้หรอก เรื่องราวในครั้งนี้เกือบจะทำให้เธอต้อง ทิ้งชีวิตไปแล้ว แม่เองก็รู้สึกผิด เธอวางใจได้เลยนะ เรื่องนี้แม่จะ ต้องให้คำอธิบายหนึ่งกับเธอแน่ เธอรักษาตัวให้ดีก็พอแล้ว”

ถึงแม้ว่าคุณนายตระกูลโตเล็กจะพูดอย่างยิ้มแย้ม แต่นรมน กลับรู้สึกได้ถึงความเด็ดเดี่ยวและเฉียบขาดของคุณนายตระกูล โตเล็ก

แล้วอยู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยเหมือนเดิม

แล้ว
หรือเพื่อสะใภ้อย่างเธอคนเดียว คุณนายตระกูลโตเล็กจะ ลงมือกับดรินท์ที่เป็นลูกชายแล้วเหรอ?

นรมนยังรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่บุริศร์กลับลากเธอไปนั่งลงที่

โต๊ะอาหาร

“กินข้าวก่อนเถอะ กินข้าวเสร็จแล้ว ผมจะพาคุณไปดูอะไรสนุก

ๆ กัน

“หือ?”

นรมนรู้สึกอัดอั้นขึ้นเล็กน้อย

ตอนนี้ร่างกายของเธอยังอ่อนแอมาก บุริศร์เองก็มีความเห็น ว่าจะให้เธอนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงจะพาเธอ ไปดูอะไรสนุก ๆ ได้ล่ะ? แล้วของที่สนุกคืออะไรเหรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ