แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 935 พวกเขาดีจริงๆ



บทที่ 935 พวกเขาดีจริงๆ

“เกิดอะไรขึ้น?”

คุณท่านตระกูลพรโสภณเห็นว่านรมนดูเหมือนจะตกใจ และ รีบคว้าโทรศัพท์

“ไม่เป็นไร”

นรมนยิ้มอย่างเขินอาย

ในเวลานี้ บอกตามตรงว่าไม่มีใครตั้งใจรับสาย แต่ตอนนี้ โทรศัพท์ดังขึ้น คุณท่านตระกูลพรโสภณก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ได้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วรับสาย

นรมนไม่รู้ว่าใครโทรมาจากอีกฝั่ง แต่เธอเห็นสีหน้าของคุณ

ท่านตระกูลพรโสภณเปลี่ยนไป

“คุณตา มีอะไรเหรอคะ?”

นรมนถามอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของคุณท่านตระกูลพรโสภณดูไม่ค่อยดีเล็กน้อย และ พูดเสียงเบา “เมื่อครูมิลินโทรมา บอกว่าผลชันสูตรร่างกายของ แม่หลานออกมาแล้ว เธอไม่ได้เป็นมะเร็ง”

“อะไรนะคะ?”

นรมนรู้สึกงงงวย
“จะเป็นไปได้อย่างไรคะ? มิลินเคยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะสุดท้ายไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมตอนนี้ถึงไม่เป็นมะเร็งล่ะคะ?”

คุณท่านตระกูลพรโสภณส่ายหัวและกล่าวว่า “ตาก็ไม่รู้เหมือน กัน เธอบอกว่าถ้ามีเวลาให้เราไปที่นั่น แต่ว่าสองสามวันนี้ สุขภาพของตาไม่ค่อยดี เอาอย่างนี้ไหม หลังทานอาหารเสร็จ หลานกับบุริศร์ไปที่นั่น ไม่ว่าอย่างไร แม้ว่าแม่ของหลานจะไม่อยู่ แล้ว แต่อาการป่วยของเธอก็ยังต้องได้รับการชี้แจง”

“ค่ะ บุริศร์และหนูจะไปเองค่ะ”

นรมนตกลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อบริศร์ออกมา เขาเห็นว่าสีหน้าของนรมนและคุณท่าน ตระกูลพรโสภณไม่ค่อยดีนัก และคิดว่าพวกเขายังเศร้าอยู่ ดัง นั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณตา นรมน ถึงแม้ว่าเรื่องจะเป็น แบบนี้แล้ว พวกเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะก้าวไปข้างหน้าจริงไหม ครับ? ผมเชื่อว่า คุณแม่คงไม่อยากให้พวกคุณเป็นแบบนี้”

นโมนพยักหน้า

คุณท่านตระกูลพรโสภณไม่ได้พูดอะไร แต่การแสดงออกใน สายตาของเขาอธิบายทุกอย่าง

บุริศร์ตักซุปให้คุณท่านตระกูลพรโสภณอย่างรวดเร็ว

“คุณตา ช่วงนี้คุณไม่ค่อยทานอาหารเท่าไหร่ กินซุปเพื่อให้อุ่น ท้องก่อนทานอาหารดีกว่าครับ”

“อม”
คุณท่านตระกูลพรโสภณพยักหน้า หยิบชามและตะเกียบขึ้น แล้วกิน

นรมนยังไม่ทันทำอะไร บุริศร์ก็นำอาหารสำหรับคนท้องมาไว้

ตรงหน้าแล้ว “ผมดูสูตรจากในอินเตอร์เน็ตมา ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นยังไง คุณทานไปก่อน เอาไว้ผมกลับไปฝึกทำบ่อยๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดของบริศร์ หัวใจของนรมนก็อบอุ่นขึ้นมา

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันคิดว่ามันดีมากเลยค่ะ”

เธอยิ้มจางๆ และทานอาหารตรงหน้าเธอจนหมด แม้ว่าเธอจะ ไม่ได้ลิ้มรสมากนัก แต่เธอก็ยังทานจนหมด เพื่อปลอบโยนบริศร์

เมื่อบริศ เห็นเธอเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็รู้สึก

เป็นทุกข์ในใจอย่างมาก

เขาหวังว่าภรรยาของเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุก วัน แทนที่จะมีแต่ความเศร้าอย่างตอนนี้

หลังจากที่นรมนูทานเสร็จ คุณท่านตระกูลพรโสภณก็ทานเสร็จ เช่นกัน

เขามองไปที่นรมนและบุริศร์และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “พวก หลานไปกันเถอะ ตาอยากอยู่คนเดียว”

“คุณตา……”

นรมนกลัวว่าเขาไม่เข้าใจ จึงคว้าแขนของบุริศร์เอาไว้
“ให้คุณตาอยู่คนเดียวเถอะค่ะ”

หลังจากพูดจบ เขาก็พานรมนออกจากบ้านของคุณท่าน ตระกูลพรโสภณ

นรมนเงียบตั้งแต่ที่ออกมา

บริศร์รู้ว่าเธอรู้สึกไม่สบายใจ และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เมื่อขับ ผ่านร้านขายสินค้าเฉพาะทาง เขาก็พูดว่า “ผมได้ยินมาว่าเวลาผู้ หญิงอารมณ์ไม่ดีจะชอบไปกินและซื้อของ คุณไปช้อปปิ้งไหม? คุณดูซิว่าในท้องของคุณมีลูกเราอยู่ ตอนนี้อะไรก็ยังไม่ได้เตรียม เลย เราไปร้านขายสินค้าแม่และเด็กและซื้อของให้ลูกดีไหม ครับ?”

เมื่อบริศ พูดเช่นนั้น นรมนก็ผงะไปครู่หนึ่งและพยักหน้า “ก็ดีค่ะ ฉันไม่ได้เตรียมอะไรเลยจริงๆ และไม่รู้ว่าในท้องเป็น ผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่”

“เตรียมทั้งสองอย่างไว้เลย ยังไงก็ได้ใช้อยู่แล้ว ใช่ไหม?”

“ค่ะ”

นรมนพยักหน้า และเดินเข้าไปในร้านกับบุริศร์

ที่นี่มีหลายสิ่งหลายอย่าง หลังจากที่ได้เห็นเสื้อผ้าที่น่ารักของ เด็กน้อย นรมนก็รู้สึกสงบขึ้นบ้าง

เธอหยิบเสื้อตัวเล็กขึ้นมา มองไปทั่วๆ และเม้มปาก

“ตัวเล็กจัง? ลูกจะใส่ได้ไหมคะ?”
บริศ ถามด้วยความสงสัย

นรมนยิ้มและพูดว่า “เด็กแรกเกิดคงไม่ตัวใหญ่ขนาดนั้นนะ”

“เหรอคะ? ผมไม่เคยเห็น

นรมนรู้สึกเศร้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้

“ตอนทกานต์และกมลเกิด เพราะว่าเป็นฝาแฝดกัน แต่ฉันก็ไม่ ได้กินอะไรที่ดีขนาดนั้น และสารอาหารก็ไม่ได้ครบถ้วน ตอนที่ พวกเขาเกิดเป็นเหมือนลูกแมวเลยค่ะ ประมาณเท่านี้”

นรมนทำท่าทาง ในขณะที่เธอพูด

ร่องรอยของความเจ็บปวดใจอยู่ในสายตาของบริศร์

“เพราะผมทําให้พวกคุณแม่ลูกได้รับความลำบาก”

“เราไม่เป็นไร หลักๆ ก็คือกมล พอเกิดมาก็อยู่ในตู้อบอยู่ครึ่ง เดือนกว่าๆ คุณหมอแจ้งว่าอาการป่วยนั้นอันตรายมากกว่า 1 ครั้ง ตอนนั้นฉันแทบจะไม่ไหวแล้ว”

เมื่อพูดถึงอดีต ดวงตาของนรมนเต็มไปด้วยน้ำตา

“ที่คนเขาพูดว่าถ้าไม่เลี้ยงลูกก็ไม่รู้ถึงบุญคุณของพ่อแม่ ฉันรู้ ถึงความลำบากของการเป็นแม่จริงๆ ฉันคิดว่าแม่ของฉันรู้สึก แบบนี้ตอนที่เธอตั้งท้องฉัน เธอทิ้งฉันเพราะอยากปกป้องฉัน ใน โลกนี้อาจมีพ่อที่ไม่รักลูกตัวเอง แต่ไม่มีแม่คนไหนที่ไม่รักลูก แน่นอน เพราะความลำบากในช่วงสิบเดือนของการตั้งครรภ์และ การคลอดลูกนั้นไม่ง่ายจริงๆ มันเป็นความลำบากที่คนทั่วไปเกินจะทนได้ เพราะมันเป็นตราประทับและความห่วงใยตลอดชีวิต”

นรมนคิดถึงคิมอีกแล้ว

คิมรักเธอ ในตอนนี้ไม่ใช่คำพูดที่คับแค้นใจแล้ว

บุริศร์จับมือเธอแน่นและกระซิบว่า “ลำบากคุณแล้ว ผมรู้ว่า ตอนนี้ไม่ว่าจะอะไรก็ไม่สามารถชดเชยความยากลำบากและเจ็บ ปวดของคุณในตอนนั้นได้ ต่อจากนี้ให้ผมดูแลคุณตลอดชีวิตที่ เหลือนะ ถือว่าเป็นการชดใช้”

“มันไม่ใช่ความผิดอะไร เป็นแค่ความเข้าใจผิดทั้งนั้น ฉันหวัง ว่าเราจะผ่านมันไปด้วยดีค่ะ ไม่เอาอย่างพ่อแม่ของฉัน อยู่ด้วย กันไม่ต้องแยกจากกันก็พอค่ะ”

“พูดอะไรน่ะ ไม่แยกจากกันแน่นอนอยู่แล้ว!”

บริศ กอดนรมนไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา

นรมนรู้สึกว่าตัวเองเศร้าเกินไปจริงๆ และนั่นจะทำให้ทุกคน รอบตัวเธอไม่มีความสุข

เธอหยิบเสื้อตัวเล็กนั้นขึ้นมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นซื้ออัน นี้ล่ะกันค่ะ ตอนที่ลูกเกิด ใส่มันได้แน่นอน และก็ซื้อผ้าห่มผืนเล็ก เสื้อคลุมของเด็ก และเสื้อผ้าชุดผ้าฝ้าย ชุดหมีดีที่สุดเลยค่ะ”

นรมนพูด ในขณะที่เลือกไปด้วย ทำเอาบุริศร์ตาลายไปหมด

“อันนี้ต้องละเอียดขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ไม่ใช่ว่ายิ่งแพงยิ่งดีเหรอ?”
“ไม่ใช่อยู่แล้วค่ะ คุณช่วยฉันรับของอยู่ข้างหลังดีกว่า ฉัน เลือกเอง”

เมื่อนรมนได้เลือกแล้วก็หยุดไม่อยู่อีกเลย และต้องการซื้อทุก

อย่างที่เห็น

บุรีศร์ก็ไม่ได้ห้ามเช่นกัน ตราบใดที่นรมนชอบ เขาก็รับมา ทั้งหมด

นรมนซื้อมาอย่างละสองชุด โดยบอกว่าจะเอาให้ธิดา 1 ชุด และบริศร์ก็เห็นด้วยเหมือนกัน

ทั้งสองคนเดินไปรอบๆ ร้านขายสินค้าแม่และเด็กอยู่เป็นเวลา นาน และบริศร์ดูมีควันออกมาเนื่องจากถุงใหญ่เล็กมากมายเต็ม ไปหมด

นรมนหัวเราะเสียงแหบเล็กน้อย

“ยังไปช้อปปิ้งได้อีกไหมคะ? ของสำหรับลูกในท้องก็ครบหมด แล้ว ส่วนลูกที่อยู่ที่บ้านควรจะเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ได้แล้ว ว่าไหม คะ?”

“ครับ! ฟังคุณเลย เราไปช้อปปิ้งกันต่อเถอะ”

บุริศร์โยนของเข้าไปในรถ หันหลังกลับและพานรมนเข้าไปใน ร้านอีกครั้ง

นรมนซื้อเสื้อผ้าสองสามชุดให้กิจจาและกมล แม้ว่ากานต์จะ

ไม่อยู่บ้าน นรมนก็ยังเตรียมชุดสำหรับเขาอีกสองสามชุด และรอ ให้เขาสวมใส่เมื่อเขากลับมา
คนสองคนเดินซือของจนโคมไฟประดับถูกเปิด เท้าที่เหนื่อยล้าของนรมนเจ็บเล็กน้อย

แม้ว่าเธอจะไม่พูด แต่บุริศร์ก็รับรู้จากการเดินๆ หยุดๆ ของ เธอเป็นครั้งคราว

“เหนื่อยแล้วเหรอ?”

“นิดหน่อยค่ะ”

นรมนยิ้มอ่อนๆ

บุริศร์พูดขึ้น “ขึ้นมา ผมอุ้มคุณเอง

นรมนตะลึงครู่หนึ่ง แล้วปีนขึ้นไปบนหลังบุริศร์อย่างมีความ

สุข

บริศร์อุ้มเธอบนหลังของเขา และเดินไปในรถทีละก้าวๆ จาก นั้นก็ถอดรองเท้าให้เธอ คุกเข่าข้างหนึ่งบนเบาะนั่ง และค่อยๆ นวดฝ่าเท้าของนรมน

“สบายขึ้นไหม?”

“ดขนค่ะ”

นรมนเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยๆ เมื่อฟังเสียงของบุริศร์ ก็ รู้สึกสบายขึ้นมาก สบายจนเธอไม่ค่อยๆ หลับตา

เมื่อบุริศร์ได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอ นรมนก็หลับเอนหลัง พิงเก้าอี้แล้ว
เขาส่ายหัวเล็กน้อย รู้ว่านรมนเหนื่อย แต่ความรู้สึกของการ ช็อปปิ้งนั้นดีมาก และยิ่งช็อปปิ้งกับนรมนก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก

บุริศร์อุ้มนรมนไปวางที่เบาะหลังและให้นอนลง จากนั้นก็หา คนขับรถแทน เขาเองก็อุ้มนรมนกลับบ้านตลอดทาง

หลังจากกลับถึงบ้าน บุริศร์ก็อุ้มนรมนเข้าไปในบ้านใหญ่

ตระกูลโตเล็ก

แพรวาได้ยินเสียงก็วิ่งมาอย่างเร่งรีบ

“อาหารพร้อมแล้ว จะทานตอนนี้เลยไหมคะ?”

บุริศร์มองดู และเห็นว่าทุกคนกำลังรอพวกเขาสองคน

เขายิ้มและพูดว่า “ไม่ครับ นรมนหลับแล้ว วันนี้เธอเหนื่อย พอ เธอตื่น เดี๋ยวผมทําอาหารให้เธอเองครับ พวกคุณทานกันเลย ครับ คราวหน้าก็ไม่ต้องรอพวกผมนะครับ”

“จะทําอย่างนั้นได้ยังไงกัน? ครอบครัวก็ต้องกินข้าวด้วยกัน”

คำพูดของแพรวา ทำให้บริศร์รู้สึกตื้นตันไม่น้อย

“ครับ ผมจะพยายามกลับมาให้เร็ว วันนี้พวกคุณทานก่อน เถอะครับ พวกเราไม่กินแล้ว อ่อ ใช่ครับ นรมนซื้อของให้เด็กๆ แล้ว และซื้อให้ธิดาอีก 1 ชุดด้วย เดี๋ยวผมให้นาวินไปเอาจาก โรงรถขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าสมควรไหม แต่นรมนตั้งใจซื้อมาให้เลย ครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของบุริศร์ ธิดาก็รู้สึกซาบซึ้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันควรทำสิ่งเหล่านี้ให้พี่สะใภ้ จะให้พี่สะใภ้ ทำให้ฉันได้อย่างไรคะ?

“ไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ดี แค่ออกไปช็อปปิ้งพัก ผ่อนคลายเครียด พวกเราขึ้นไปกันก่อนนะ

หลังจากที่บุริศร์พูดจบก็อุ้มนรมนไปที่ห้องนอน

แพรวามองไปที่หลังของพวกเขา และพูดเบาๆ ว่า “พวกเขา

เป็นคนดีจริงๆ”

“พี่และพี่สะใภ้ปฏิบัติต่อเราอย่างดีเสมอเลยค่ะ”

ธิดาช่วยพยุงแพรวาไปที่ห้องครัว

บุริศร์วางนรมนไว้บนเตียงและยิ้มเบาๆ ในขณะที่เฝ้าดูเธอ หลับ จากนั้นไปที่ห้องน้ำและให้ลองน้ำร้อน เขานำขาของเธอวาง ลงไป และล้างให้เบาๆ

นรมนพูดขึ้นอะไรสักอย่าง แต่เขาก็ฟังไม่ถนัดถึงสิ่งที่เธอพูด ก่อนเธอจะพลิกตัวและนอนลงบนเตียงตามเดิม

บุริศร์ล้างเท้าและนำน้ำไปเททิ้ง จากนั้นเขาก็ดึงผ้าห่มมาห่ม ให้เธอ

ในขณะนั้นเอง เสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์ก็ดังขึ้นจากด้าน นอก

บริศ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เสียงเครื่องยนต์นี้คุ้นเคยมาก แต่มาดึกขนาดนี้ หรือจะมีเรื่องด่วนอะไรเกิดขึ้น?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ