แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่119 ก็ฉันไม่ชอบเวลานายอยู่กับแม่



บทที่119 ก็ฉันไม่ชอบเวลานายอยู่กับแม่

“กานต์!”

นรมนต้องพูดเพื่อหยุดให้กานต์อาละวาดอีกต่อไป

“เขาเป็น…

“แม่เป็นของพ่อทูนหัว!พ่อทูนหัวบอกแล้วว่า จะขอแม่ แต่งงานแบบสง่าผ่าเผย! อีกอย่างตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อผม เป็นไข้และป่วย พ่อทูนหัวของผมก็ดูแลผมมาตลอด ใน เวลาที่ผมต้องการพ่อ ก็เป็นพ่อทูนหัวที่เคียงข้างผม แม่ ครับ แม่จะทำผิดกับพ่อทูนหัวไม่ได้!”

กานต์ดูเหมือนจะรู้ว่านรมนกำลังจะพูดอะไร ก่อนที่นรมน จะพูดสองคำนั้น เขาก็รีบชิงพูดขึ้นก่อน

ในที่สุดบุริศร์ก็ทำให้นรมนเปิดใจกับเขา แต่คิดไม่ถึงคน ที่ขัดขวางไม่ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันในเวลานี้คือลูกชาย ของพวกเขาเอง!

“พ่อทูนหัวนายจะดียังไงก็เป็นแค่พ่อทูนหัว! พ่อทูนหัวคือ อะไรเข้าใจไหม? มันไม่ใช่พ่อแท้ๆ!”

บุริศร์อยากบอกตัวเองมากว่าอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับ ลูกชายเขา แต่ว่าความอิจฉาในใจเขาบ้าจนทำให้เขาโพล่ง

ออกมา

รเมศเป็นผู้ชายที่ดีมาก
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เขาได้แทนที่ตำแหน่งของเขา คอย

ปกป้องภรรยาและลูกของเขา ซึ่งทำให้บุริศร์รู้สึกไม่พอใจ อยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อเขาเห็นลูกชายของเขายืนอยู่ข้างเขา ความรู้สึกในใจของบุริศร์ ผิดหวังเสียใจมาก กานต์ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ ตอบอย่างโมโหว่า “ฉันให้

เขากลายเป็นพ่อแท้ๆ ก็เป็นพ่อแท้ๆได้!”

“กานต์!”

“ไอ้คนนามสกุลโตเล็ก อย่าคิดว่านายเสียงดัง ตัวใหญ่ กว่าฉันแล้วฉันจะกว่านายนะ! ก็ฉันไม่ชอบเวลานายอยู่กับ แม่ นายเป็นคนเลว ฉันไม่ชอบนาย!”

น้อยครั้งที่กานต์จะดื้อแบบนี้ เขาพูดเสร็จตาก็แดงก่ำ น้ำตาไหลลงมารัวๆ ท่าทีแบบนั้นดูแล้วรู้สึกสงสารปวดใจ อย่างมาก

นรมนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

“กานต์ ลูกฟังแม่พูดก่อน แม่กับพ่อทูนหัวลูกเป็นแค่เพื่อน ที่ดีต่อกัน”

“ผมไม่ฟัง! แม่เปลี่ยนไป!”

กานต์พูดเสร็จก็วิ่งออกจากห้องผู้ป่วยไป

“กานต์”

นรมนเป็นห่วงเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ไว้ใจกิจจากับบุริศร์ หันมามองเขาโดยจิตสำนึกไปที่หนึ่ง

บุริศร์พูดเสียงต่ำ “รีบไปตามเถอะ พาบอดี้การ์ดตรงประตูไปด้วย ไว้ใจได้ เขายังเป็นแค่เด็ก ผมไม่คิดเล็กคิด น้อยกับเขาหรอก”

“บุริศร์ ให้เวลาเขาหน่อย เพราะตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพ่อสำหรับเขานั้นล้วนมาจากรเมศ”

คำพูดนี้ของนรมนราวกับเป็นมีดเสียบเข้าหน้าอกเขา โดยตรง

แต่เขาจะพูดอะไรได้?

ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนั้นเขาจะส่งนรมนไปข้างเดียว จะทำให้ พวกเขาแยกกัน และลูกไม่ถูกกับพ่อแบบนี้ไหม?

“ไปเถอะ ผมเข้าใจ ปลอบโยนไอ้เด็กน้อยนั้นดีๆล่ะ” บุริศร์ยิ้มอ่อนๆ แม้ว่าในใจจะมีเลือดไหล นรมนไม่รอช้า รีบวิ่งตามออกไปอย่างรวดเร็ว กิจจาตกใจกับฉากนี้

เขาไม่กล้าพูดแบบนี้กับพ่อเลยสักครั้ง กานต์กลับกล้า ตะคอกใส่พอแบบนี้!

ลูกพี่ก็คือลูกพี่!

เก่งกาจจริงๆ!

กิจจาแทบอยากจะยกนิ้วโป้งให้กานต์ แต่ทันใดนั้นรู้สึก ถึงมีสายตามองมาทางตัวเอง

“พ่อ?”

กิจจาก้าวถอยหลังเล็กน้อยอย่างขี้ขลาด ตอนนี้แทบอยากจะลดการปรากฏตัวของตัวเองถึงสุดขีด

เขาไม่มีความกล้าแบกรับอารมณ์โกรธของบุริศร์คน

เดียว

เมื่อเห็นกิจจาขี้กลัวอย่างกับหนู บุริศร์ก็รู้สึกทำไรไม่ได้

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเข้มงวดกับกิจจามากไป แต่นั่นเป็น เพราะว่าเขาตั้งใจจะมอบตระกูลโตเล็กให้กิจจา ซึ่งถือได้ ว่าเป็นคำสัญญาให้น้องชายของเขา ใครจะไปรู้กลายเป็น กิจจากลัวเขา

ถ้าวันหนึ่งกิจจาสามารถปฏิบัติกับเขาเหมือนกานต์ทำ ไม่รู้เลยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร

“มานี่!”

บุริศร์กวักมือเรียกกิจจา

“ไม่ไปได้ไหมครับ?”

กิจจาถามอย่างกล้าๆกลัวๆ น้ำเสียงเบามาก

“มานี่ พ่อไม่กินลูกหรอก”

บุริศร์เห็นท่าทีของกิจจาก็ดูน่ารักบ้าง

กิจจาเดินไปหาบุริศร์อย่างกล้าๆกลัว กลัวว่าบุริศร์จะด่า เขา แต่พอนึกถึงกานต์ เขาก็พูดขึ้นนะ “พ่อครับ ลูกพี่เขา ไม่ได้ตั้งใจเถียงกับพ่อนะครับ เขาก็แค่เป็นห่วงแม่พอไป หน่อย”

“ลูกพี่? ลูกเรียกกานต์ว่าลูกพี่? แต่ลูกโตกว่าเขาไม่ใช่เห

รอ”บุริศร์ยิ้มให้กิจจาขึ้นเตียง เขาลูบผมของเขา

ยังดีที่เขมิกาไม่ได้สั่งสอนให้ลูกไปในทางไม่ดี น้องครั้งที่กิจจาจะรู้สึกถึงฉากแบบนี้ ดวงตากลมโตคู่นั้น กระพริบมองบุริศร์

“พ่อครับ พ่อชอบลูกพี่ด้วยใช่ไหมครับ?”

“ลูกชอบไหม?”

บุริศร์ไม่ตอบแต่ถามกลับ

กิจจารีบพยักหน้าขึ้นมา

“ชอบสิครับ! พูดมาก็แปลกนะ ผมชอบการเป็นเพื่อนกับ ลูกพี่ เขาเก่งมากเลย!โตเท่ากับผม แต่วันเกิดไม่ใหญ่กว่า ของผม แต่เขายังออกแบบเกมเป็นอีก! อีกอย่างเขายังเก่ง คอมด้วย ผมรู้สึกว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เขาไม่รู้ แม้ว่าอยู่ กับเขา เขาจะบอกว่าผมโง่ตลอด แต่ผมก็ไม่โกรธ ผมชอบ อยู่กับเขา”

ได้ยินกิจจาชมกานต์อย่างไม่ลังเลแบบนี้ บุริศร์ยิ้มแล้ว พูดว่า “งั้นให้เขาเป็นพี่น้องจริงๆกับลูกดีไหม?”

“ฮึ่ม? พวกผมเป็นพี่น้องกันแล้ว พวกผมคุยกันแล้ว ไม่ว่า วันหน้าจะอยู่ที่ไหน พวกผมก็เป็นพี่น้องกัน”

กิจจาตบหน้าอกของเขาและพูดอย่างภาคภูมิใจ สีหน้ามี ความสุขเป็นพิเศษ

บุริศร์จับเขาไว้ในอ้อมแขนและพูดเสียงต่ำ “พ่อหมายถึง วันหน้าให้เขาและน้านรมนย้ายมาอยู่ที่บ้านของเรา ให้เขาเรียกพ่อเหมือนลูก ลูกก็สามารถเรียกน้านรมนว่าแม่เหมือน กันดีไหม?”

กิจจาอึ้งไปทันที

“แต่ว่าผมมีแม่อยู่แล้วนิครับ? ทำไมยังต้องเรียกน้านรมน ว่าแม่?”

“เพราะว่าแบบนี้เราถึงจะเป็นครอบครัวเดียวกัน!”

คำพูดของบุริศร์ทำให้กิจจาลำบากใจเล็กน้อย

“แล้วแม่ผมทำไงล่ะครับ?”

รอยยิ้มของบุริศร์แข็งที่อบนหน้า

เด็กยังเล็ก แล้วอาศัยอยู่กับเขมิกาตั้งแต่เด็ก ก็มีความ รู้สึกต่อแม่ผู้ให้กำเนิดอยู่แล้ว แต่เขาจะอธิบายความ สัมพันธ์ของตัวเองกับเขมิกายังไงล่ะ?

“แม่ของลูกก็จะมีชีวิตของตัวเอง พ่อไม่ได้ให้ลูกลืมแม่ ของตัวเอง แต่มีคนรักลูกเพิ่มคนหนึ่ง ก็ไม่ถ่อว่าเป็นเรื่องไม่ ดีไม่ใช่เหรอ?”

กิจจาเอียงศีรษะและคิดสักพัก จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “ก็ จริง น้าสาวมนทำอาหารอร่อยมาก ถ้าผมเรียกเธอว่าแม่ เธอ จะทำให้อาหารให้ผมกินทุกวันใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินกิจจาพูดแบบนี้ บุริศร์ส่ายหัวหลุดขำ

“ไอ้คนกินเก่ง”

“ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ฟ้าใหญ่ดินใหญ่ กินข้าวเรื่องใหญ่ แต่ว่าพ่อครับ พ่อว่าลูกพี่จะเป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกผมไหมครับ? พ่อดูเขาเมื่อก็ เหมือนจะไม่ค่อยชอบพ่อเลย”

“ลูกจะช่วยพ่อดึงลูกพี่ของลูกเข้าบ้านตระกูลโตเล็กไหม เป็นพี่น้องแท้ๆกับลูก?”

บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองเลวทรามจริงๆ หลอกใช้เด็ก แต่เขา จะทำไงได้?

ลูกแท้ๆของตัวเองไม่ชอบตัวเอง เขาก็เศร้าพอแล้ว?

กิจจาตอบโดยไม่คิดเลย “ช่วยครับ! พ่อครับ พ่อไว้ใจได้ เลย แม้ผมจะตามตื้อยังไง ผมก็จะเอาลูกพี่เข้าตระกูลโต เล็กให้ได้!”

“เด็กดีจริงๆ!”

บุริศร์ลูบหัวของกิจจาอย่างดีใจ

กิจจารู้สึกว่าวันนี้พ่อแตกต่างจากเมื่อก่อน เหมือนกับว่า ชอบยิ้มมากขึ้น

จริงๆพ่ออ่อนโยนขึ้นมาก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย!

เขาฟลุกบนตัวของบุริศร์ พูดเสียงเบาว่า “พ่อครับ ผม ชอบพ่อมากๆเลยครับ! ชอบมากๆมากๆเลย!”

“พ่อก็ชอบลูกเหมือนกันครับ ไม่ว่ากานต์จะมาบ้าน ตระกูลโตเล็กหรือไม่ พ่อสัญญา ในใจของพ่อ ลูกสำคัญ พอๆกับกานต์”

กิจจาไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่บุริศร์พูด แต่ในใจ กลับยิ้มอย่างพอใจ เพิ่งกินข้าวเสร็จเขารู้สึกง่วงนิดๆ ก็ฟ ลุกบนตัวของบุริศร์แล้วหลับไป
และกานต์ก็วิ่งออกไปด้วยความโกรธ ไม่ได้วิ่งไปทาง ถนน แต่กลับซ่อนตัวอยู่หลังทางเดิน

เขานึกว่าแม่จะรีบตามออกมา แต่แม่ไม่ได้ทำอย่างนั้น!

ในใจของกานต์เจ็บปวดเล็กน้อย

เมื่อก่อนตอนที่อยู่กับพ่อทูนหัว ไม่ว่าพ่อทูนหัวจะทำอะไร แม่ก็เอาเขาและกมลเป็นหลัก

แต่ตอนนี้เขาวิ่งออกมาด้วยความโกรธ แม่กลับไม่ได้วิ่ง

ตามมา

ทั้งหมดเป็นความผิดของบุริศร์!

เขาทำให้แม่หลงในตัวเขา!

เขาเป็นคนเลวจริงๆ!

ดวงตาเล็กๆของกานต์ก็แดงขึ้นอีกครั้ง

เขารู้สึกว่าแม่ของเขาถูกบุริศร์แย่งไป

แม่ไม่รักเขาแล้วทำไงดี?

กานต์ยิ่งคิดเรื่องนี้ก็ยิ่งเศร้า หันหลังเดินไปทางลานข้าง

หลัง

ในตอนที่นรมนตามออกมาก็ไม่เห็นเงาของกานต์แล้ว เด็กคนนี้มีแขนและขาเล็ก เป็นไปไม่ได้ที่จะวิ่งได้เร็ว ขนาดนี้ แต่เขาจะไปไหนได้?

บอดี้การ์ดเห็นว่านรมนกังวล รีบพูดขึ้นว่า “คุณนรมน ครับ พวกผมจะช่วยคุณหาด้วยครับ คุณอย่าเพิ่งกังวล”
“ได้ พวกเรามาแยกย้ายกันหาค่ะ รบกวนพวกคุณด้วยนะ

ตะ”

นรมนวิ่งตามออกไปข้างนอกก่อน

ตามปกติแล้ว เด็กคนนี้น่าจะวิ่งไปทางถนนก่อนหรือ

เปล่า?

ข้างนอกรถเยอะแบบนี้ เธอกลัวกานต์จะเป็นอะไรไป

จริงๆ

หลังจากที่กานต์มาถึงโรงพยาบาล ก็แอบหลังต้นฮอลลี่ ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจ อดไม่ได้ที่จะโทรหารเมศ

“พ่อทูนหัว!”

เมื่อในยินเสียงของรเมศ กานต์ก็ร้องไห้ออกมาทันที

รเมศตกใจจนรีบวางแฟ้มในมือลง ถามอย่างเป็นห่วงว่า “กานต์ เป็นอะไรหรือเปล่า? แม่ของลูกอยู่ที่ไหน? ทำไมถึง ร้องไห้”

“ฮือๆ พ่อทูนหัว แม่ไม่ชอบผมแล้วครับ! แม่ไม่เอาผม แล้ว!”

เมื่อกานต์ได้ยินชื่อของแม่ ก็ร้องไห้ขึ้นมาอย่างน้อยใจ

อีกครั้ง

รเมศได้ยินนั้นก็ยิ่งเป็นห่วง

“กานต์ เป็นอะไรไปครับ? ทะเลาะกับแม่เหรอ?”

“พ่อทูนหัว รีบกลับมาเมืองชลธีเถอะ ถ้าไม่รีบมาแม่จะถูก คนอื่นแย่งไปแล้ว”
กานต์ร้องไห้ไปด้วยพูดไปด้วย

รเมศฟังถึงตรงนี้ ชะงักไปเล็กน้อย

เขารู้อยู่แล้วว่านรมนกลับมาเพื่ออะไร? และเขาก็เคย สงสัยว่านรมนจะกลับมาคืนดีกับบุริศร์อีกครั้งหรือไม่ แต่นี่ แค่ไม่กี่วัน?

กลับมาคืนดีกันจริงๆแล้วเหรอ?

หรือว่านี่เป็นวิธีที่นรมนใช้เพื่อทำให้บุริศร์บริจาคให้กมล? รเมศไม่เข้าใจ แต่ก็เป็นห่วงเล็กน้อย

ถ้าหากว่าเป็นการเล่นละครแต่ทำจริง เขาจะปล่อยมือ อย่างสง่าเหมือนที่พูดได้หรือไม่? จากนั้นหันไปเตือนสตินร

มนเหรอ?

รเมศรู้สึกตะลึงไม่มากก็น้อย

กานต์ไม่ได้ยินเสียงตอบรับของรเมศรีบหยุดร้องไห้แล้ว ถามว่า: “พ่อทูนหัว ยังฟังอยู่ไหม?”

“ฟังครับ”

รเมศรีบดึงสติกลับมา

“กานต์ เรื่องนี้ลูกยังเด็ก พ่อทูนหัวไม่สามารถอธิบายกับ ลูกได้ แต่ลูกต้องรู้ไว้นะ แม่ก็คือแม่ เธอเป็นคนที่รักลูก ที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็อย่าทะเลาะกับแม่ร ชนะครับ? เธอลำบากมามากแล้ว”

กานต์ได้ยินรเมศพูดแบบนี้ ตอบอย่ารู้สึกผิดว่า “ผมรู้ แล้วครับ พ่อทูนหัว เดี่ยวผมจะกลับไปขอโทษกับแม่ครับแต่ว่าอ้าก!”

คำพูดของเขายังพูดไม่จบ เสียงกรีดดังขึ้น สายของ กานต์ก็ตัดไป.


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ