แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 695 ฉันให้หน้านายแล้วนะ



บทที่ 695 ฉันให้หน้านายแล้วนะ

หลังจากที่นรมนวางสาย เธอก็เข้าสู่ห้วงความคิด

เธอคิดแต่จะจับให้นิตาและเจตต์อยู่ด้วยกัน แต่ไม่คิดถึงเรื่อง ความแตกต่างของพวกเขา หลังจากที่ฟังเจตต์พูดเธอก็เริ่มรู้สึก ลังเล

ทำเช่นนี้คือการทำร้ายนิตารึเปล่านะ?

แต่ตอนนี้ทั้งสองยังไม่คิดแบบนั้น เธอจึงไม่กล้าพูดสิ่งที่เธอคิด ออกไป

เธอมองบุริศร์ แล้วถามผ่านเครื่องแปลสาร “บุริศร์ คุณคิด ว่าที่ฉันทำแบบนี้ถูกหรือผิด? เจตต์ตามติดฉันมานานมากแล้ว ฉันไม่อยากจะให้เขาโสดไปตลอดชีวิต ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ที่จะ ตามหาความสุขของตัวเอง ทั้งๆที่เขารู้ว่าฉันไม่ใช่คนนั้นในชีวิต ของเขา ฉันก็ควรที่จะผลักเขาออกไปจากชีวิตใช่ไหม? ฉันก็รู้ว่านิ ตาไม่เหมาะสมกับเขา นับได้ว่าเป็นคนที่อยู่คนละสังคมกับพวก เรา แต่นิตาเธอเป็นคนดี ซื่อสัตย์ ถ้าเธอได้รักใครซักคนขึ้นมา คงจะทุ่มเทให้อย่างสุดชีวิต ฉันก็อยากให้เจตต์ได้เจอความรัก แบบนี้บ้าง ให้เขาได้มีความสุขของตัวเองบ้าง ที่ฉันทำแบบนี้มัน ผิดไหม?”

บริศร์ยังคงนิ่งเฉยไม่ตอบกลับ

นโมนพบว่า บริศ เหมือนกับกำลังหลับลึก ไม่มีอะไรที่จะทําให้เขาตื่นขึ้นมาได้

หรือเพราะเครื่องนั้นไม่ใช่เสียงจริงๆของเธอ จึงไม่สามารถ ทำให้บุริศร์ตื่นขึ้นมาได้?

นรมนคิดถึงความน่าจะเป็นนี้ ในใจพลันรู้สึกแย่ขึ้นมา

เสียงของเธอ…

เธออดที่จะนึกถึงคุณหมอมิลินไม่ได้ คิดถึงวิธีสำรองที่คุณหมอ แนะนํา

ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เป็นวิธีที่ทำให้ตระกูล จันทรวงศ์ถึงกับยุ่งหัวหมุน ก็น่าจะเป็นวิธีที่ดีเหมือนกัน

นรมนก็เคยคิด ว่าเป็นไปได้ไหมที่จะให้คุณหมอมิลินมารักษา

บริศร์ อย่างไรซะเธอก็มีฉายา “ยมราช” แต่เพราะเรื่องของ

ตระกูลจันทรวงศ์ ทำให้เธอยังไม่กล้าโทรไปรบกวน

ทุกวันนี้บริศ ผอมลงเรื่อยๆ มองดูเขาที่นอนอยู่บนเตียงทั้ง เหมือนกับคนไม่มีชีวิต นรมนก็รู้สึกใจสลาย

เธอสามารถดูแลเขาได้ทั้งชีวิต ปรนนิบัติเขา แต่นี่ก็จะเป็นทาง เรื่องสุดท้าย หลังจากที่หมดทางรักษาแล้วจริงๆ

ทุกวันนี้บริศร์ยังพอมีความหวัง เพียงแต่…

นรมนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“บุริศร์ คุณว่าฉันควรทำยังไงดี? ฉันควรจะลองไปหาคุณหมอ มิลินดีไหม? เธอน่าจะมีความหวังในการรักษาคุณ ฉันก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ลูกๆจะไม่มีพ่ออีกไม่ได้ ฉันก็ขาดคุณไม่ได้ บุริศร์ ฉันตกลงกับคุณนะ ขอแค่คุณหายดี ฉันไม่สนอะไรแล้วทั้งนั้น ไม่ คิดอะไรแล้วทั้งนั้น ใช้ชีวิตกับคุณอย่างมีความสุขดีไหมคะ?”

นรมนมองดูบุริศร์ แต่ละคำที่เธอพูดถูกเปลี่ยนเป็นสาร แต่บุรี ศร์ยังคงนอนนิ่ง ไม่รู้ว่าจะได้ยินซักเท่าไหร่

ในขณะที่นรมนยังไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกคิดผิด เจตต์ก็เริ่มจะทน ไม่ไหวแล้ว

ยัยโง่นตาคงไม่ใช่ยังนั่งรอประธานชนกอะไรนั่นที่ล็อบบี้หรอก ใช่ไหม?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจตต์จึงลุกขึ้น เปลี่ยนใส่ชุดลำลอง แล้วเดิน ออกจากห้องไปทางลิฟต์

ถ้าหากนิตายังรอยู่ เขาคิดว่าจะพาเธอไปหาอะไรทานเสียก่อน ที่หน้าประตูลิฟต์ จังหวะที่เจตต์กดปิดลิฟต์ ก็มีมือเรียวยื่นเข้า

“เดี๋ยวก่อนค่ะ!”

ขณะที่เธอพูด ก็มีกลิ่นหอมโชยเข้ามา หญิงสาวร่างระหงเดิน เบียดเข้ามาในลิฟต์

“ขอโทษด้วยค่ะ”

หญิงสาวมองเห็นเจตต์ ก็ตกตะลึงไปชั่วครู่

ว้าว ผู้ชายคนนี้ก็ดูดีอยู่นะ
ผู้ชายแถวนี้มีแต่ผิวคล้ำๆ น่าจะเกี่ยวข้องกับอากาศของที่นี่ โดยทั่วไปแล้ว พวกเขาหุ่นไม่ถึง 180 ซม. กันทั้งนั้น ยากมากที่ จะเจอซักคนที่สูงถึง 185 ซม. หน้าตาสะอาดสะอ้าน ท่าทาว เหมือนเป็นคนมีสกุลรุนชาติ คิดเช่นนี้เธอก็ยิ้มขึ้นมา

“คุณคะ คุณไม่ใช่คนที่นี่ใช่ไหมคะ?”

เจตต์เห็นวิธีเข้าหาของผู้หญิงมานักต่อนักแล้ว เขาก็ไม่ได้มอง อะไรหญิงสาว ทําเป็นไม่ได้ยินด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นเจตต์เป็นเช่นนี้ หญิงสาวจึงยืนชิดเจตต์เข้าไปอีก

“คุณคะ ฉันเป็นคนมาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน คุณก็น่าจะมาเที่ยว ใช่ไหมคะ? หรือเราจะลองคบเป็นเพื่อนกันดูไหมคะ? ขอแลก แซทหน่อยได้ไหมคะ?”

“ผมน้าเหมือนคิวอาร์โค้ดเหรอ?”

เจตต์พูดขึ้นมาได้ซักที แต่สิ่งที่เขาพูดทำให้อีกฝ่ายอึ้งไป

หญิงสาวถูกปฏิเสธ จึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย จึงไม่ได้พูดอะไร ต่อ แล้วลงลิฟต์กับเจตต์ไป จนมาถึงล็อบบี้

เจตต์พบว่านิตายังรออยู่ที่เดิม จึงส่ายหน้า จากนั้นไม่เดินไป

ลากแขนนิตา ไม่พูดไม่จา

“นี่ๆๆ ทําอะไร? พวกเราจะไปไหนไม่ได้! เดี๋ยวประธานชนก ออกมาไม่เจอฉันจะทำอย่างไร เขาจะคิดว่าพวกเราไม่มีความ จริงใจ”
นิตาไม่ยอม แต่เธอรู้ว่าเจต แนวเยอะมาก

“ถ้าจะเจอเธอก็เจอตั้งนานแล้วสิ ฉันสามารถฟันธงได้เลยนะ ว่าประธานชนกอะไรนั่นไม่อยู่ในโรงแรมหรอกตอนนี้ ถ้าเธอจะ นั่งรอที่นี่โง่ๆ ก็ไปหาไรกินให้ท้องอิ่มก่อนดีกว่า กลับมาค่อยหา วิธีจะเจอเขา”

เจตต์รับปากนรมนแล้วว่าจะสอนงานนิตา จึงจะปล่อยปะ ละเลยไม่ได้

แต่นิดากลับไม่เข้าใจ

“ถ้าหากตอนนี้ยังไม่เจอ แล้วพวกเราจะเจอได้ตอนไหน?”

“ฟังฉันนะ ฉันมีวิธีของฉัน แต่ว่าตอนนี้มีข้อแม้คือต้องกินข้าว ก่อน ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว ขับรถมาตั้งนาน เธอไม่สงสาร กระเพาะฉันเหรอ”

ระหว่างพูด เจตต์ก็ลากนิตามาถึงที่นั่งทานอาหารพอดี

นิตาทำตัวไม่ถูก จึงพูดขึ้นมา “ที่นี่แพงไป เราออกไปหาไรกิน ด้านนอกดีกว่าไหม? ฉันเลี้ยงเอง”

“ช่างเถอะ ฉันเลี้ยงเธอเอง ในเมื่อมาแล้ว ก็เรียนรู้เสียหน่อย อย่าไปกลัวเรื่อง ใช้เงินอะไร ประธานบรมนของพวกเธอมีเงิน ไม่ ต้องกลัวว่าจะเปลือง”

“เงินจะเท่าไหนก็เป็นเงินของประธานนรมนอยู่ดี ไม่ใช่ของฉัน จะใช้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”
สิ่งที่นิตาพูดออกมา ทำให้เจตต์อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองเธอที

หนึ่ง

เดิมทีคิดว่านตาไม่มีจุดเด่นอะไร แต่การที่เธอคิดแทนนรมน แบบนี้ ทำให้เจตต์มองเธอดีขึ้นมานิดนึง

ทำไมฉันเริ่มรู้สึกว่าเธอสวยดีนะ แค่ดำไปหน่อย

นิตาเริ่มปากคว่ำ

“แถวบ้านฉันยิ่ง ยิ่งสวย

“หมายความว่ายังไง?

เจตต์เพิ่งได้ยินคำที่ว่าผู้หญิงยิ่งดำยิ่งสวย

นิตาเห็นว่าเขาอยากฟังจริงๆ จึงเล่าเรื่องที่เชื่อกันมาให้เขาฟัง แล้วยังพูดถึงวัฒนธรรมต่างๆ ให้เขาฟังอีก รวมถึงเรื่องการ แต่งงานแบบเลื่อนลอยประจําชนเผ่า

เจตต์รู้สึกว่าได้ความรู้เยอะมาก

“นี่ๆ ตรงนี้น่าสนใจมาก การแต่งงานแบบเลื่อนลอย? เธอ หมายถึงแค่เพียงผู้ชายอยู่กินกับผู้หญิงแค่ช่วงหนึ่ง จนกระทั่ง หญิงสาวตั้งท้อง ก็สามารถเลิกกันได้เลย?”

นิตาพยักหน้า

เจตต์จึงถามต่อ “แล้วลูกล่ะ? เกิดมาจะทำยังไง?
“นายไม่เคยรู้มาก่อนเหรอ? เรื่องแปลกทั้งสิบแปดในยูนนาน ที่อุ้มลูกไปหาแฟน ก็คือพวกเขามองว่าเพศหญิงเป็นเสาหลัก ลูก เกิดมาก็จะอยู่กับแม่ แล้วแม่ค่อยแบกลูกไปหาผู้ชายคนอื่น แต่งงานด้วย”

เจตต์ไม่สามารถเข้าใจได้

“แล้วพ่อของลูกล่ะ? เขามีสิทธิ์เลี้ยงดูลูกนี่”

บอกแล้วว่าเป็นวัฒนธรรม จะถามมากทำไม? มันเป็นเรื่องที่ ดีสำหรับผู้ชายไม่ใช่เหรอแบบนี้? เสร็จกิจก็แยกย้าย ไม่ต้องสน อะไร สบายจะตาย”

สิ่งที่นิตาพูด ทำเอาเจตต์ส่ายหัว

“ถ้าเป็นฉันจะไม่ทำแบบนั้น ลูกฉันจะต้องอยู่กับฉัน ลูกของฉัน จะกลายไปเป็นลูกคนอื่นได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีปัญญาเลี้ยง ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมี ถ้ามีแล้วก็ต้องรับผิดชอบ

นิตามองดูเจตต์แล้วก็อึ้งไป

เธอไม่คิดว่าเจตจะเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ

“ทำไมฉันเริ่มรู้สึกว่านายก็ไม่ได้แย่มาก

“ฉันไม่เคยทําตัวแย่นะ”

เจตต์มองค้อนเธอหนึ่งที ก่อนที่จะหันไปสั่งอาหารให้เธอ

ณ ตอนนั้น หญิงสาวที่เจอในลิฟต์ก็เดินมาพอดี มองดูนิตาที่ อยู่กับเจตต์ แล้วพูดด้วยความรังเกียจ “สุดหล่อ นายสายตาอะไรกัน? ฉันรู้แล้ว นายอยากจะมาลองของใหม่แถวนี้ใช่ไหมล่ะ ถึงได้หาสาวท้องถิ่นมาอยู่เป็นเพื่อน?

เจตต์เห็นว่าเธอไม่เลิกไม่ลา จึงเริ่มรู้สึกไม่พอใจ

“เธอคือใคร?”

“ฉันชื่อธาวิณี เป็นดีไซน์เนอร์เพชรพลอย สุดหล่อถ้านายชอบ เครื่องเพชรพลอยยังก็มาหาฉันได้นะ ฉันช่วยนายเช็คของแท้ได้ เพชรพลอยที่นี่มีปะปนกันไปทั่ว คนไม่รู้ก็จะโดนหลอกง่ายๆ

ธาวิณีพูดแบบยิ้มๆ

เจตต์รู้สึกคุ้นกับชื่อนี้มาก แต่หญิงสาวตรงหน้าทำให้คนรู้สึก รังเกียจจริงๆ เมื่อกี้เธอยังพูดจาเหยียดนิตาอีก

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบนิตาซักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็น คนของนรมน เป็นผู้หญิงที่มากับเขา คงไม่ยอมให้ใครมาว่าเธอ ง่ายๆ

“บอกอะไรค่านิ่งนะ”

“พูดมาสสุดหล่อ”

ธาวิณียิ้มหวานด้วยความรอคอย

เจตต์ยิ้มขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงใหล แล้วจึงพูด “ไป

ไกลๆ!”

ธาวิณีหุบยิ้มทันที

เดิมทีนิตารู้สึกโกรธมาก แต่เมื่อเห็นท่าทีของเจตต์แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“ยิ้มอะไร? ยัยซาลาเปาด่า เธอกินอาหารที่นี่เยอะๆหน่อย กลับไปหากินไม่ได้แล้วนะ”

ธาวิณีไม่ได้อาละวาดใส่เจตต์ แต่เธอมาอาละวาดตาแทน นิตาเริ่มสีหน้าไม่ดี

“แล้วเธอคนนี้ อยากมีเรื่องเหรอ?”

อย่าเห็นว่านิตาตัวเล็ก แต่เธอไม่กลัวอะไรเลย

เจตต์เห็นท่าทีนักเลงของเธอ แล้วก็รู้สึกชอบ

“เอาสิ! ตีไม่ชนะก็ยังมีฉันนะ”

เจตต์ไม่กลัวจะเกิดเรื่อง เขาเชียร์เธอด้วยรอยยิ้ม ธาวิณีรู้สึกเลือดขึ้นหน้า

ไม่มีใครไม่รู้จักธาวิณี

ที่นี่มีคนมาตามหาให้เธอตรวจเพชรพลอย ให้มากมาย ใครๆ ก็ต้องเกรงใจเธอ

แต่ตอนนี้หญิงสาวตรงหน้าไม่เพียงแต่แย่งผู้ชายที่เธอหมาย ปองไป ยังกล้ามาท้าทายเธอ มีใครทำแบบนี้กัน

ธาวิณีพยายามสะกดอารมณ์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ป่าเถื่อนจริงๆ ผู้หญิงเขาไม่ตบตีกันเรื่องแบบนี้หรอกนะ แค่ดูก็รู้ แล้วว่าเป็นสาวบ้านนอกคอกนา ไม่ได้รับการสั่งสอน และไม่รู้การปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับคุณผู้ชายท่านนี้ ฐานะเธอในตอนนี้ ไม่คู่ควรแม้กระทั่งเป็นคนถือรองเท้าให้เขา

นิตาโดนดูถูกครั้งแล้วครั้งเล่า โมโหจนแทบระเบิด

“จะถือรองเท้าให้เขาไหมไม่รู้ แต่ที่รู้ๆฉันให้ของๆฉันกับเธอ

ไปแล้ว”

ธาวิณีขมวดคิ้ว

“เธอให้อะไรฉันแล้วรึยัง?”

“ให้หน้าเธอแล้วไง!

นิตาพูดจบ ก็ฟาดฝ่ามือลงไปอย่างแรง เธอออกแรงเยอะเสีย จนแขนชา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ