แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1167 แสดงอำนาจอันน่าเกรงขามต่อลูกเขย



บทที่ 1167 แสดงอำนาจอันน่าเกรงขามต่อลูกเขย

เจต ตกตะลึงเล็กน้อย

“เธอพูดอะไร?”

“ฉันบอกให้ยกเลิกพิธีแต่งงาน!

ขวัญตาร้อนใจจนเหงื่อออกเต็มไปหมด สายตาสับสนวุ่นวาย นั้นทำให้เจตต์รู้ได้ในทันทีว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

เธอเป็นคนยังไงเจตต์รู้ดี และเขาก็รู้ว่าเธอเฝ้ารอคอยงาน แต่งงานวันนี้ขนาดไหน เพราะฉะนั้นการที่เธอพูดประโยคแบบนี้ ออกมา แน่นอนว่ามันต้องมีเรื่องอะไรที่เธอหาทางออกไม่ได้แน่ๆ

สมองของเจตต์นั้นกลับมาประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว

“หาเจอแล้ว!”

เขาคเจอรองเท้าใหม่ของขวัญตาโดยทันที พร้อมกับชูขึ้น อย่างดีใจ

รอบข้างนั้นก็ส่งเสียงร้องยินดีขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย

ช่างแต่งหน้าเห็นว่าเจตต์ไม่ได้ยึดเวลา และขวัญตาก็ไม่ได้ก้ม หัวลงไปคุยอะไรกับเขา เมื่อคำนวณเวลาที่ค้นหารองเท้า ขวัญตา ก็ไม่น่าจะลงมือทำอะไรได้ทัน ช่างแต่งหน้าจึงวางใจ

แต่ขวัญตาร้อนใจมาก
เจตต์ถึงกับจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดเชียวหรือ?

เธอบอกให้เขายกเลิกงานแต่งงานแล้ว แต่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมยังทำหน้าตาชื่นบาน รองเท้านั้นอย่างดีใจอยู่ได้นะ

มือของขวัญตาบีบกันไว้แน่นยิ่งขึ้น

หลังจากหารองเท้าเจอแล้ว เจตต์ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับ เริ่มใส่รองเท้าให้ขวัญตา

ขณะที่เขากำลังคุกเข่าลงข้างหนึ่งนั้น เจตต์ก็พูดแสดงความรัก “ภรรยาของฉัน เธอยินดีจะสวมใส่รองเท้าและร่วมเดินทางไป ห้องโถงพิธีแต่งงานกับฉันไหม? หลังจากนี้ไปไม่ว่าพวกเราจะ ต้องเผชิญเรื่องดีหรือร้าย เราถือว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราก็จะ ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน ฉันจะรักและทะนุถนอมเธอราวกับ ดวงตาของฉัน ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่ดีเลิศ แต่ฉันจะทำให้สิ่งที่ เธอได้รับและให้สิ่งที่เธอต้องการอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ฉันจะ ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าหญิง ไม่ให้เธอต้องทุกข์หรือเสียใจ จะไม่ ให้มีแม้แต่วันเดียวที่เธอรู้สึกเสียใจภายหลังที่แต่งงานกับฉัน ตอนนี้เธอยินยอมให้ฉัน โอบอุ้มเธอไปไหม?”

คำพูดและการกระทำที่มั่นคงเช่นนี้ช่างเกินความคาดหมาย ทุกคนล้วนแล้วแต่ตกตะลึง

ใจของขวัญตาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที

นี่คือคำมั่นสัญญาที่เธอต้องการที่สุด คือความโรแมนติกที่เธอ ต้องการที่สุด ถ้าหากไม่มีเรื่องของพ่อ ยังไงเธอก็ยินยอมอย่างไม่ ต้องสงสัย แต่ตอนนี้เธอทำได้เหรอ?
เมื่อเธอและเจตต์เดินออกจากห้องนี้ไป ระหว่างเธอและเจต คงไม่สามารถที่จะมีความรักความผูกพันที่สงบสุขเหมือนเช่น ตอนนี้ได้อีกแล้ว

จู่ๆ ขวัญตา อดกลั้นไม่ไหว น้ำตาเม็ดใหญ่ค่อยๆ ไหลลงอาบ แก้ม

“ฉันไม่…”

ตอนที่ขวัญตากำลังจะบอกว่า “ฉันไม่ยินยอมนั้น ก็ถูกช่างแต่ง หน้าก้าวมาขวางไว้ข้างหน้าซะแล้ว

“ดูสิเนี่ย เจ้าสาวตื่นเต้นจนเครื่องสำอางหลุดออกหมดแล้ว คุณชายเจตต์ ให้ฉันเติมหน้าให้เจ้าสาวก่อนเถอะนะ”

เมื่อพูดแล้วเธอก็จะขยับขึ้นมาข้างหน้า แต่ก็โดนเจตต์หยุดไว้ ก่อน

“ตอนนี้ฉันกำลังสู่ขอภรรยาอยู่เธอไม่เห็นเหรอ? เธอตอนนี้ที่ เห็นมันคือน้ำตาแห่งความสุข เธอจะมาก่อความวุ่นวายอะไร? ไป ยืนอยู่เฉยๆ ข้างๆ โน่น!”

สีหน้าของเจตต์นั้นดูไม่ได้เลย ถึงขนาดที่ว่าแผ่รังสีโหดเหี้ยม และฟีดฟัดออกมา

ไม่ว่าจะพูดยังไง เจตต์นั้นก็เคยเป็นทหารมาก่อน แม้ว่าไม่กี่ปี มานี้จะหลงใหลในหญิง หรือมีภาพลักษณ์ที่ดูเป็นเพลย์บอย แต่ แท้จริงแล้วเขานั้นเคยอยู่ในสนามรบและฆ่าคนมาแล้ว เวลานี้ที่ จู่ๆ ก็แผ่รังสีโหดเหี้ยมซัดสาดออกมากระจายเต็มห้อง ทำให้บรรยากาศในห้องนั้นดูตึงเกร็งขึ้นมา

ช่างแต่งหน้านั้นรู้สึกราวกับว่ามีอะไรมาบีบรัดคอเธออยู่

ขนาดจะหายใจยังรู้สึกลำบาก ตลอดมานี้เธอไม่เคยให้ความสำคัญกับเจตต์เลย คิดว่าเพราะ เจตต์นั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของนรมนจึงถูกดูแลคุ้มครองโดยบริศร์ พูดตรงๆ ก็คือเป็นลูกผู้ดีมีเงินคนหนึ่ง แต่เวลานี้เธอรู้แล้วว่าเธอ

คิดผิด

เจตต์นั้นเป็นเหมือนสิงโตที่จำศีลอยู่ตลอดเวลา ที่ยามปกติ ตอนที่หลับก็ไม่มีพิษภัยเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าตอนนี้ที่แผ่รังสี กดดันออกมา ไม่นึกเลยว่าจะทำให้เธอรู้สึกว่าไม่มีแรงรับมือได้

“คุณชายเจตต์ ฉันเพียงอยากจะแต่งหน้าให้เจ้าสาว ช่างแต่งหน้าพูดเสียงอ่อนๆ

“ไม่ว่าภรรยาฉันจะเป็นยังไงฉันก็ชอบ ไสหัวไปซะ”

เจตต์ไม่ไว้หน้าช่างแต่งหน้า นั่นทำให้ทุกตะลึงในทันที แต่เจต ต่ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่กลับหันไปมองทางขวัญตา แล้วพูดอย่างเอาใจใส่ “ภรรยาของฉัน ไปกันเถอะ ผู้ชายคนนี้จะ พาเธอกลับบ้านเอง”

พูดจบเจตต์ก็สวมรองเท้าเข้าไปที่เท้าของขวัญตา จากนั้นก็อุ้ม เธอไว้

“สู่ขอภรรยาเข้าบ้านเรียบร้อยแล้ว พี่น้องทุกคน เชิญไปต่อได้!”
เจตตะโกนออกมาอย่างตั้งราวกับราชาบนขุนเขา นั่นทำให้ เพื่อนเจ้าสาวและชายโสดทั้งหลายนั้นคล้อยตาม

“ไปกัน สู่ขอภรรยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว!”

แต่ละคนนั้นทยอยเข้ามากอดขวัญตาทีละคนก่อนจะเดินออกไป

ขวัญตาดึงลากคอเสื้อของเจตต์แน่น ในใจเต็มไปด้วยหลาก หลายความรู้สึกปนเปกัน มั่นใจแน่ๆ ว่าตนเองนั้นรักคนไม่ผิด แต่ทว่าตอนนี้ในใจกลับสับสนอย่างมาก

“เจตต์ คนของกล้าณรงค์ลักพาตัวพ่อฉันไป บังคับให้ฉันฆ่า นรมน ในวันแต่งงาน ถ้าไม่เช่นนั้นมันจะฆ่าพ่อฉัน ฉันไม่อยาก เป็นศัตรูกับคุณ ถือว่าฉันขอร้องได้ไหม? พวกเรายกเลิกงาน แต่งงานซะเถอะนะ ฉันไม่อยากแต่งแล้ว ไม่อยากแต่งแล้วจริงๆ

ขวัญตาซบลงที่ไหล่ของเจตต์พลางร้องไห้ไปพูดไป

รอบข้างนั้นรายล้อมไปด้วยเสียงเอะอะหยอกล้อ แทบจะไม่มี ใครได้ยินที่พวกเขาพูดกันเลย เพียงแค่มองเห็นน้ำตาของ ขวัญตานั้นเอ่อล้นทุกคนก็ล้วนเข้าใจว่าเป็นน้ำตาแห่งความตื่น เต้นและดีใจของเจ้าสาว

บรรยากาศโดยรอบนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี

เจตต์นั้นยืนนิ่งไม่ไหวติง พร้อมพูดยิ้มๆ ว่า “วันนี้เธอเป็นเจ้า สาวนะ ทุกคนในเมืองชลธีกำลังมองมาที่เธอ แถมยังมีหญิงสาวที่อิจฉาเธอที่ได้แต่งงานกับฉันอีก เจ้าสาวของฉันโดนคนนับหมื่น จับจ้องขนาดนี้ ไม่ร้องนะ เจ้าสาวร้องไห้ก็หมดสวยกันพอดี ไม่ว่า วันนี้จะเกิดอะไรขึ้น เธอก็มีฉัน วันนี้ฉันแต่งงานเป็นของเธอแล้ว

“แต่ฝั่งนรมนนั้น…”

“ยกให้บุริศร์จัดการเถอะ ช่างแต่งหน้าเป็นคนของกล้าณรงค์ ใช่ไหม?”

เจตต์ยิ้มนิ่งๆ สายตาเต็มไปด้วยความรัก ราวกับว่าสายตา เขาตอนนี้มองเห็นแค่เพียงขวัญตาเท่านั้น

เมื่อเห็นภาพสะท้อนตัวเองออกมาจากดวงตาของเขา ขวัญตา ก็อยากจะร้องไห้ออกมา เพียงแต่ว่าครั้งนี้มันเป็นเพราะว่าความ ตื่นเต้น

เจตต์บอกว่ายกให้บริศร์ นั่นหมายความว่าเจตต์และบุริศร์

เตรียมการไว้แล้ว

พอคิดได้เช่นนี้ ขวัญตาก็วางใจได้

แต่ในใจของเจตต์นั้นก็ไม่ได้รู้สึกสบายเท่ากับสีหน้าที่ แสดงออกไป

เขารู้และเข้าใจความรู้สึกของขวัญตาที่มีต่อเขา และตัดสินใจ แล้วว่าจับจับมือเธอไปตลอดชีวิต และยิ่งมั่นใจว่าขวัญตาจะไม่ ยอมให้มีอะไรมาบังคับเธอให้ทำร้ายนรมนได้ แต่เขาก็คิดไม่ถึง เลยว่าทางฝั่งนั้นจะหยิบเอาชีวิตของคุณท่านสุรเชษฐมากดดันเธอ

ถ้าให้เลือกระหว่างพ่อของตัวเองกับนรมน แน่นอนว่าเธอต้อง เลือกพ่อของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าหากขวัญตาตัดสินใจเช่นนั้นล่ะก็ เจตต์ก็จะไม่โทษเธอเลย แต่ถึงอย่างไรในท้ายที่สุดแล้วในใจก็ คงมองหน้ากันไม่ติดอีกต่อไป

แต่ขวัญตาไม่เลือก

เพราะการที่เธอไม่เลือก นั่นหมายความว่าในใจของเธอนั้นทั้ง นรมนและพ่อของเธอสำคัญเท่ากัน แสดงว่าขวัญตานับ ครอบครัวของเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวของเธอเองแล้ว จริงๆ

ผู้หญิงแบบนี้จะไม่ให้รักได้ยังไง? จะไม่ให้ดูแลดีๆ ได้ยังไง? ผ่านพ้นวันนี้ไป ต่อให้เขาต้องแลกด้วยชีวิตเพื่อปกป้องเธอ เขาก็เต็มใจยอมที่จะทำ

เริ่มตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ขวัญตาคือสิ่งล้ำค่าสำหรับเขา และเป็น คนที่เขาจะไม่ยอมปล่อยมือไปตลอดชีวิต

เมื่อคิดได้เช่นนี้ รอยยิ้มเปล่งประกายของเจตต์ก็กว้างขึ้นและ สดใสร่าเริงขึ้นมา

ตามขนบธรรมเนียมประเพณีของเมืองชลธี ตอนที่เจ้าบ่าวอุ้ม เจ้าสาวออกจากบ้านนั้นจำเป็นต้องคำนับบอกลาฝั่งบ้านฝ่าย หญิงก่อน

ขวัญตากังวลใจมาก และไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อของเธอจะออกมาได้หรือเปล่า ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว ป้าเพ็ญศรีจะปลุกเขาให้ตื่น มาหรือเปล่า

แขกมากมายกำลังครึกครื้นรออยู่ที่นี่

เจตต์อุ้มขวัญตามาจนถึงห้องรับแขก พร้อมยิ้ม “พ่อตาของฉัน ล่ะ? ตอนนี้ฉันพาภรรยามาคำนับบอกลาพระคุณพ่อตาที่ได้เลี้ยง ดูเธอมา ขอเชิญพ่อตาออกมารับคำขอของผมด้วยครับ” ตอนนี้เองที่ทุกคนเพิ่งรู้ว่าคุณท่านสุรเชษฐไม่อยู่

“หือ? คุณท่านสุรเชษฐล่ะ? วันนี้ไม่ใช่งานแต่งงานของลูกสาว เขาเหรอ? ทำไมไม่เห็นคุณท่านสุรเชษฐเลย?”

ไม่รู้ว่าใครพูด แต่ผู้คนรอบๆ ต่างก็มองหาทันที

ช่างแต่งหน้ารู้สึกร้อนใจเล็กน้อย ตอนนี้แขกที่มาร่วมงาน แต่งงานนั้นเยอะมาก เธอจึงไม่สามารถทำอะไรบ่มบ่ามได้

ขวัญตายังใจลอย ไม่รู้ว่าพ่อของเธอจะออกมาปรากฏตัวอย่าง ปลอดภัยได้หรือเปล่า

ในขณะที่ทุกคนมองหาใครไม่เจอ จู่ๆ ป้าเพ็ญศรีก็เดินยิ้มแย้ม ออกมา

“ขออภัยด้วยจริงๆ นะคะ วันนี้คุณผู้ชายของเรานั้นดีใจมาก เกินไปหน่อย ความดันเลยขึ้นสูงไปชั่วขณะ เมื่อครู่เลยเวียนหัว อยู่พักหนึ่ง จึงให้หมอประจำบ้านตรวจดูสักหน่อย ถึงได้มาตอน นี้ ทำให้ทุกคนเสียเวลาเลย ต้องขอโทษด้วยมากๆ ค่ะ”
เมื่อป้าเพ็ญศรีอธิบายเช่นนี้ ทุกคนก็สงบลงและโล่งใจ

ว่ากันว่าคุณท่านสุรเชษฐเป็นพ่อหม้ายตั้งแต่อายุสามสิบ เพื่อ ขวัญตาเขาก็ไม่แต่งงานใหม่อีกตลอดชีวิต แล้วตอนนี้ลูกสาวที่ ตนอดทนเลี้ยงดูมาอย่างที่กำลังจะแต่งงาน หลากหลายความ รู้สึกที่อยู่ในใจ คนเป็นพ่อเท่านั้นที่จะเข้าใจได้ดี

ทั้งดีใจแต่ก็ปวดใจ ถึงอย่างไรตั้งแต่วันนี้ไปขวัญตาก็จะเป็น สะใภ้ของตระกูลรัตติกรวรกุล ไม่ใช่เจ้าหญิงตัวน้อยของคุณท่าน สุรเชษฐคนเดียวอีกต่อไปแล้ว

การที่คุณท่านสุรเชษฐความดันขึ้นสูงนั้นก็เป็นเรื่องที่ยอมรับ และเข้าใจได้

ทุกคนย่อมจะต้องเข้าใจเช่นนั้นแน่ๆ แต่ว่าขวัญตารู้ว่าเรื่อง ราวไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพียงแต่เธอไม่สามารถพูดได้ และไม่กล้าที่ จะพูด

คุณท่านสุรเชษฐเดินออกมาท่ามกลางการรอคอยของทุกคน

วินาทีที่มองเห็นพ่อ น้ำตาของขวัญตาก็ไหลออกมาในทันที

“พ่อ!”

เธอกระโดดลงมาจากอ้อมแขนเจตต์ วิ่งตรงโผเข้าหาพ่อ

พร้อมกับกอดเขาไว้แน่น

“พ่อ…”

ขวัญตาสั่นไปทั้งตัว
ทุกคนล้วนคิดว่านั่นเป็นเพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะออกเรือน แต่มีเพียงขวัญตาเท่านั้นที่รู้ดีชัดเจนที่สุด เวลานี้เธอรู้สึกผิดเป็น อย่างมาก

เธอไม่ใช่ลูกที่ดี เธอไม่ใช่

ตอนนี้พ่อยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพื่องานแต่งงานของเธอ แล้วเขาก็ยังคงปรากฏตัวออกมา

ความรักที่พ่อมีต่อเธอ เธอจะทดแทนอย่างไร?

ดวงตาของคุณท่านสุรเชษฐนั้นเปียกชุ่ม พลางตบหลังขวัญตา แล้วพูด “ขวัญตาของฉันโตแล้วนะ ต้องออกเรือนแล้ว ในใจของ พ่อนั้นทั้งดีใจทั้งเจ็บปวด โชคที่ที่หนูได้แต่งงานกับผู้ชายที่หนู ชอบ เจตต์ก็เป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ พ่อเองก็ปลื้มใจอยู่ไม่ น้อย หยุดร้องไห้ได้แล้ว วันนี้เป็นวันสำคัญของหนู ลูกของฉัน ควรจะขึ้นรถแต่งงานอย่างสวยๆ สิ! หนูต้องรู้ไว้ไม่ว่าจะตอนไหน พ่อจะเป็นภูเขาให้หนูพึ่งพิงตลอดไป หนูเคยได้ยินมาตอนไหนว่า ภูเขาจะทลาย? พ่อจะรอคอยหนูอยู่ที่บ้านเสมอ คอยปกป้องหนู ไปอยู่บ้านสามีแล้ว หากไม่ได้รับความเป็นธรรม อย่าอดทน ให้ กลับมาบอกพ่อ แม้ว่าพ่อจะสู้สามีหนูไม่ได้ แต่พ่อจะใช้ร่างกาย แก่ๆ ของพ่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้หนูเอง รู้ไหม?

ภายใต้สภาพเหตุการณ์เช่นนี้ คำพูดของคุณท่านสุรเชษฐก็ทำ ให้หลายๆ คนไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกยังไงและทำตัวไม่ถูก

นี่เป็นการแสดงอานาจต่อเจ้าบ่าวเหรอ?

แต่ขวัญตารู้ว่าคำพูดของคุณท่านสุรเชษฐมีความหมายแฝงจริงๆ ต้องการจะบอกเธอว่าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเขา ทุกอย่างจะเรียบร้อย

เจตต์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมเดินมาหยุดอยู่ตรง หน้าทันที “พ่อ พ่อวางใจเถอะ ผมไม่ยอมให้ขวัญตาต้องลำบาก แน่ ถึงแม้ว่าสามีภรรยาจะหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกันได้ยาก แต่ผมก็เป็นลูกผู้ชาย อย่างมากก็แค่ตอนทะเลาะกันผมปล่อยเธอ ไว้ ถ้าไม่มีใครอยู่ทะเลาะกับเธอแล้ว ตัวเธอเองนั้นก็คงจะทะเลาะ ต่อไม่ได้แล้วใช่ไหมล่ะ?”

“เจตต์ นายนี่มันห้าวหาญจริงๆ !!

ขวัญตาได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็แย้งขึ้นมาทันที เวลานี้ทุกคน ล้วนยิ้มหัวเราะ มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่สายตาขุ่นมัว ไม่รู้ ว่ากําลังคิดอะไรอยู่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ