แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 213 ยุ่งอยู่กับการจู่จี้กับบุริศร์



บทที่ 213 ยุ่งอยู่กับการจู่จี้กับบุริศร์

นรมนเล่าเรื่องอาณาจักรรัตติกาลให้บุริศร์ฟัง

บุริศร์รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

“คุณหมายความว่าตรินท์ยังมีชีวิตอยู่อีกอย่างนั้น เหรอ ส่วนคุณอาก็ยังเป็นฝาแฝดของคุณพ่ออีก” เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตระกูลโตเล็กจะมี

เบื้องหลังที่ซับซ้อนขนาดนี้

นรมนพยักหน้าและพูดว่า “คุณแม่บอกกับฉันว่า

แบบนั้น จากนั้นก็มอบแหวนของอาณาจักรรัตติกาลไป กับฉัน และยังบอกฉันว่ากานต์ถูกตรินท์พาตัวไป”

“ตรินท์พาเขาไปอย่างนั้นเหรอ”

บุริศร์รู้สึกสับสนเล็กน้อย

“ที่คุณแม่ทำแบบนี้ก็เพื่อจะปกป้องกานต์ หรือว่ามี แผนการอื่นกันนะ”

นรมนถอนหายใจเล็กน้อย แล้วบอกบุริศร์เกี่ยวกับ เรื่องที่กานต์ถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดของอาณาจักร รัตติกาล

บุริศร์เอ่ยเสียงเบา “ไม่แปลกใจเลยที่ผมจะสืบหา ข่าวคราวของลูกไม่พบ ไม่แปลกใจที่คุณแม่มีท่าทีต่อ กานต์แตกต่างจากปกติ ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจมา โดยตลอดว่าทั้งที่คุณแม่ทุ่มเทให้กับกมลถึงเพียงนั้นแต่ทำไมถึงได้เย็นชากับกานต์ขนาดนี้ ที่แท้ข้างในนี้ก็ มีความลับใหญ่หลวงซ่อนไว้ กลายเป็นว่าหลายปีที่ ผ่านมาคุณแม่ต้องอดทนคนเดียวมาโดยตลอด”

“ก็ใช่นะสิคะ เดิมที่มันควรจะเป็นเรื่องที่สองสามี ภรรยาต้องรับผิดชอบ แต่หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิต ภาระทั้งหมดก็ตกลงไปอยู่บนบ่าของคุณแม่ นอกจาก นี้คุณกับตรินท์ยังถูกป้าโอควบคุมไว้ เพื่อที่จะปกป้อง คุณ คุณแม่จึงจำเป็นต้องทำเป็นรักษาเสถียรภาพกลับ ป้าโอต่อหน้าโลกภายนอก”

ตอนนี้นรมนจึงได้รู้แล้วว่าการเป็นคุณนายตระกูล โตเล็กไม่ง่ายเลย

ว่ากันตามจริงแล้ว ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับบุริศร์ ก็

ไม่รู้ว่าเธอจะสามารถแบกรับภาระหนักขนาดนี้ได้หรือ เปล่า

ภายในหัวใจไม่ปรากฏรสชาติ

แม่แท้ๆ ของตนเองพุ่งเป้าไปที่ทรัพย์สมบัติของ ตระกูลโตเล็กตั้งแต่แรก ทำแม้กระทั่งอุ้มท้องเขากับตริ นท์เพื่อใช้ต่อรองกับทรัพย์สินเงินทอง สำหรับเธอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ล้วนใช้ประโยชน์ได้ทั้งนั้นสินะ

เขาค่อนข้างที่จะรู้สึกแย่

“คุณแม่ได้บอกวิธีติดต่อคนของอาณาจักร รัตติกาลกับคุณไหม”

ตอนนี้บุริศร์ไม่กล้าใช้งานคนของตระกูลโตเล็กที่อยู่ในเมืองชลธี เพราะกลัวว่าจะเป็นคนของป้าโอ ตอน นี้ได้รู้แล้วว่าอาณาจักรรัตติกาลอยู่ยังคงดำรงอยู่ จึง เป็นธรรมดาที่จะคาดหวังกับทางนี้

นรมนส่ายหน้า “ตอนนั้นคุณแม่เพียงบอกว่า เหนื่อยมากแล้ว ฉันจะไม่ได้ซักถามอย่างละเอียด ไม่ คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

“ผมจะลองให้ไมค์ไปสืบดู” ตอนนี้บุริศร์ทำได้เพียงต้องไปหาไมค์

หลังจากที่เขาทำอาหารให้นรมนเสร็จแล้ว เขาก็ ให้เธอทานไปก่อน ส่วนตัวเองก็ออกจากบ้านไป

อาหารของคุณนายตระกูลโตเล็กกับกมลเป็นของ ที่สถานพักฟื้นจัดเตรียมไว้ ตอนที่นรมนยกไปให้ แม่บุ ริศร์ก็ตื่นขึ้นมาพอดี พอว่างไม่มีอะไรทำก็เลยไปที่ห้อง ของกมล

นรมนเห็นสามคนย่าหลานเล่นกันอย่างสนุกสนาน ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“ได้เวลาทานข้าวแล้ว”

“หม่าม”

ดูเหมือนว่าสภาวะจิตใจของกมลจะดีขึ้นมากกว่า แต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่อีกไหมจ๊ะ”

นรมนลูบศีรษะของกมลอย่างถนอมรัก
“ไม่เจ็บแล้วค่ะ อุปกรณ์พวกนี้วิเศษมากเลย หม่ามี้ รอหนูโตขึ้นแล้วหนูจะเป็นคุณหมอ จะได้รักษาคนที่ เป็นเหมือนกับหนูเยอะๆ เลย”

กมลตบหน้าอกแล้วพูดออกมา

“ดีมาก ในวันข้างหน้ากมลของพวกเราจะต้องเป็น คุณหมอที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน” นรมนตักอาหารขึ้น มา

“คุณแม่คะ คุณหมอบอกว่าคุณแม่ยังต้องทานอา

หารอ่อนๆ ของพวกนี้บุริศร์เป็นคนทำเอง ลองทานดูสัก

หน่อยนะคะ”

นรมนส่งอาหารที่บุริศร์ทำไปให้

คุณนายตระกูลโตเล็กยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “นี่เป็น ของที่บุริศร์ตั้งใจทำให้เธอ เอามาให้ยายแก่อย่างฉัน กินจะไม่น่าเสียดายเอาเหรอ”

“คุณแม่ก็ พูดอะไรก็ไม่รู้ น่าเสียดายอะไรกันล่ะคะ ของพวกนี้บุริศร์ตั้งใจทำให้คุณแม่เลยนะ ดูสิคะยัง เหลืออีกตั้งเยอะ”

นรมนถูกคุณนายตระกูลโตเล็กพูดแบบนี้ก็รู้สึก อายุขึ้นมา

คุณนายตระกูลโตเล็กยิ้มอย่างมีความสุข

กิจจาเงยหน้าขึ้นมองอย่างตะกละ ตอนที่พบว่า ไม่มีหมูสามชั้นน้ำแดง ก็ทำปากจู่แล้วพูดว่า “เฮ้อ ทำไม พอมาอยู่ที่นี่แล้วการจะได้กินหมูสามชั้นน้ำแดงมันถึงยากขนาดนี้นะ”

“หมูสามชั้นน้ำแดงอร่อยไหม”

ร่างกายของกมลไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้นเธอจึงไม่ สามารถกินอาหารมันๆ ได้ พอได้ยินกิจจาพูดขึ้นมา แบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างอยากรู้อยากเห็น

“แน่นอนว่าอร่อยมากเลยล่ะ! เรียกได้ว่าอร่อย ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้!”

กิจจารู้สึกโหยหาเป็นอย่างมาก พูดไปพูดมาก็ น้ำลายไหล

คุณนายตระกูลโตเล็กยื่นมือชี้ไปที่เขา ก่อนจะพูด ออกมาว่า “วันๆเอาแต่คิดจะกินเนื้อ ดูสิว่าอ้วนจนเป็น แบบนี้ไปแล้ว ไหนบอกมาสิว่าร่างกายของหลานเอาไป ทำหมูสามชั้นน้ำแดงได้ตั้งกี่จาน!”

“หม่ามีดูสิ คุณย่าจะจับผมไปทำหมูสามชั้นน้ำแดง แล้ว! ถ้าจับผมไปทำหมูสามชั้นน้ำแดง คุณย่าก็จะไม่มี หลานชายแล้วนะ ”

กิจจารีบกุมหัวพลางย่นจมูกแล้ววิ่งไปหากมล

กมลหัวเราะออกมา

เธออยู่คนเดียวมาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ ตอนนี้ไม่เพียง แต่จะมีพี่ชายอย่างกิจจายังมีคุณย่า หม่าม แล้วก็แด็ด ดี้ มีความสุขมากจริงๆ

“หม่าม พี่ชายจะมาเมื่อไหร่เหรอคะ หนูคิดถึงพี่ชายแล้ว”

อยู่ๆ กมลก็พูดออกมา ทำให้คุณนายตระกูลโต เล็กกับนรมนชะงักไปชั่วขณะ

“อาการป่วยของพี่ชายลูกยังไม่ดีขึ้นเลย จำเป็น

จะต้องพักผ่อนน่ะจ่ะ”

นรมนพูดได้แค่นี้

กมลยื่นจมูกเล็กน้อยแล้วพูดว่า “แต่พี่ชายไม่ได้วิ ดีโอคอลกับหนูมานานแล้วนะคะ หรือว่าพี่เขาป่วยจน ไม่สามารถวิดีโอคอลกับหนูได้ หนูเกือบจะลืมไปแล้ว ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง”

“จะลืมไปได้ยังไงกัน แค่ลูกส่องกระจกก็สามารถ เห็นได้ทุกวันแล้วไม่ใช่เหรอ”

แต่กมลกลับพูดออกมาอย่างผิดหวังว่า “มันไม่ เหมือนกันสักหน่อย ถึงแม้ว่าหนูกับพี่ชายจะหน้าตา เหมือนกัน แต่พี่ชายหน้าตาดีกว่าหนูเยอะ ทั้งยังแข็ง แรงกว่าด้วย”

“เด็กโง่ รออาการป่วยของลูกหายแล้ว ลูกก็จะ แข็งแรงเหมือนกับพี่ชายแล้วจ่ะ”

“จริงเหรอคะ”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

นรมนยิ้มออกมา ทว่าข้างในกลับรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

เธอเองก็ไม่ได้เจอกานต์มานานมากแล้ว
คุณนายตระกูลโตเล็กมองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ โดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็หยิบถ้วยกับตะเกียบขึ้น มาทานเข้าไป

“ยิ้ม เธออย่าไปบอกเชียวนะว่าฝีมือการทำอาหาร อิม ของบุริศร์ไม่เลวเลยจริงๆ ”

คำพูดนี้ดึงดูดสายตาของทุกคนให้หันมามอง

“จริงเหรอคะ หนูก็อยากลองชิมฝีมือของแด๊ดดี้” กมลพูดพลางลุกขึ้นยืน

คุณนายตระกูลโตเล็กรีบเดินเข้าไปหาเธอแล้วพูด ว่า “อย่าเพิ่งขยับสิจ๊ะ บนมือยังแขวนน้ำอยู่เลย มา เดี๋ยวคุณย่าป้อนหนูเอง”

เธอนั่งลงข้างๆ กมล จากนั้นก็ป้อนเด็กหญิงทีละ

คำอย่างอดทน

“อิ้ม อร่อยจริงๆ ด้วย”

“ผมก็อยากกิน ผมก็อยากกิน!”

กิจจาเองก็ไม่ยอมแพ้

คุณนายตระกูลโตเล็กป้อนกิจจากับกมลซ้ายขวา ทีละช้อน ภาพอันอบอุ่นนี้ทำให้นรมนรู้สึกตื้นตันใจ จึง อดไม่ได้ที่จะคิดถึงพ่อแม่ของตัวเอง

ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกันนะ

คุณนายตระกูลโตเล็กหัวเราะไปกับพวกเด็กๆ หลังจากที่กินข้าวเสร็จ คุณนายตระกูลโตเล็กก็เอ่ยกับนรมนว่า “ออกไปรับแสงแดดกับฉันหน่อยก็แล้วกัน” นรมนกำลังจะไปหารถเข็น แต่ก็ถูกแม่บุริศร์ห้าม

เอาไว้ “ฉันยังเดินเองได้ จะนั่งรถเข็นไปทำไมกัน พวก

เราเดินกันไปเรื่อยๆแบบนี้ก็พอแล้ว” “หนูก็แค่กลัวว่าคุณแม่จะเหนื่อยนี่คะ”

นรมนยิ้มแล้วพูดออกมา ทว่าก็ไม่ได้ดึงดันต่อ ทั้งสองคนเดินมาจนถึงสวนด้านหลัง

ดอกไม้ที่นี่สวยมาก

คุณนายตระกูลโตเล็กแล้วพูดออกมาว่า “ฉันชอบ ดอกแดฟโฟดิล สมัยนั้นพ่อเขามักจะวางดอกไม้พวกนี้ ไว้ในห้องฉันจนเต็มตลอด ทว่าตั้งแต่ที่เขาไม่อยู่ ก็มี เคยมีใครมอบดอกแดฟโฟดิลให้ฉันอีก”

“ถ้าคุณแม่ชอบละก็ หนูจะให้พฤกษ์ซื้อมาวางไว้ ให้เต็มห้องคุณแม่เลยนะคะ”

คำพูดของนรมนทำให้คุณนายตระกูลโตเล็กยิ้ม ออกมา

“เธอนี่นะ ปากหวานจริงเชียว”

“หนูพูดจริงนะคะ”

“คิดถึงกานต์แล้วใช่ไหม”

อยู่ๆ คุณนายตระกูลโตเล็กก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทำให้นรมนคาดไม่ถึงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพยักหน้า

“ใช่ค่ะ หนูคิดถึงเขา ถึงยังไงตอนที่เขาหายตัวไป ก็เลือดออกมากมายขนาดนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไง บ้าง”

“คิดถึงก็ไปหาซะสิ ตอนนี้เธอเป็นคนของ อาณาจักรรัตติกาลแล้ว อยากเจอใครแล้วจะเจอไม่ได้ เชียวเหรอ”

คำพูดของแม่บุริศร์ทำให้นรมนเย็นเยียบเล็กน้อย

“หนูไปหาลูกได้ด้วยเหรอคะ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ฉันเองก็คิดถึงตรินท์เหมือนกัน หรือว่าฉันจะไม่เคยได้พบกับตรินท์มาตลอดหลายปี เลยอย่างนั้นเหรอ”

แม่บุริศร์สายหน้าแล้วพูดต่อว่า “เธอนี่นะ จะว่า ฉลาดก็ฉลาด จะว่าโง่ก็โง่ ฉันจะบอกเธอเอาไว้เลยนะ เธอไม่ต้องถามฉัน ฉันยกอาณาจักรรัตติกาลให้เธอ แล้ว เพียงแต่ไม่ได้บอกวิธีการติดต่อกับเธอ เธอเองก็

ไม่รู้จักถาม แล้วที่ฉันยกให้เธอไปจะมีประโยชน์อะไร” พอถูกแม่บุริศร์พูดแบบนี้เข้า นรมนก็รู้สึก

กระอักกระอ่วนเล็กน้อย

“หนูยังไม่ได้มาสายเกินไปใช่ไหมคะ”

“เธอยุ่งอะไรอยู่กันล่ะ ยุ่งอยู่กับการจู่จี่กับบุริศร์ อย่างนั้นเหรอ”
คำพูดของแม่บุริศร์ทำให้ใบหน้าของนรมนแดง ในทันที

“ไม่ใช่เสียหน่อย คุณแม่พูดอะไรก็ไม่รู้”

“เฮ้อ ฉันพูดอะไรก็ไม่รู้อย่างนั้นเหรอ ได้ยินมาว่า ไม่รู้ทำไมตอนบ่ายพวกเธอถึงได้อยู่ในห้องครัวเล็กกัน ตั้งนานสองนาน ทั้งยังถูกบุริศร์อุ้มออกมาอีก”

แม่บุริศร์มองนรมนอย่างหยอกล้อ

นรมนรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว

“ไม่ใช่นะ ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณแม่คิดนะคะ”

“เอาละๆ ฉันคิดผิดแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันคิดผิดตรง ไหนกันล่ะ”

แม่บุริศร์หัวเราะออกมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดเลยว่า เธอมีความสุขจริงๆ

นรมนไม่กล้าที่จะพูดออกมา

การถูกแม่สามีหยอกล้อ ช่างเป็นความรู้สึกที่ยาก จะพรรณนาจริงๆ

แม่บุริศร์เห็นเธอหน้าบางแบบนี้ก็เลยหยุดแกล้ง ก่อนจะยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ถือโอกาสในตอนที่เธอ กับบริศร์ยังอายุน้อย และฉันยังมีเวลามองดูโลกนี้อีก มาก พวกเธอสองคนก็รีบใช้โอกาสนี้มีหลานชายให้ฉัน อีกสักคน ตระกูลโตเล็กของพวกเรามีลูกหลานน้อย เกินไป เมื่อถึงรุ่นของพวกเธอจะได้ดำเนินต่อไปได้อย่างดีที่สุด”

“คุณแม่..”

แม่บุริศร์ยังคงยิ้ม ทว่ากลับพูดด้วยน้ำเสียงแผ่ว เบาว่า “ถ้าอยากจะใช้อำนาจของอาณาจักรรัตติกาล ก็ ต้องไปที่Fallen heaven

“Fallen heavenอย่างนั้นเหรอคะ ที่นั่นเป็นเขต อิทธิพลตระกูลโตเล็กของพวกเราเหรอคะ” จะอย่างไรนรมนที่ไม่ถึงจริงๆ ว่าสถานที่ที่ทำให้ตัว เองเกือบตายจะเป็นอาณาจักรรัตติกาลของตระกูลโต

เล็ก

คุณนายตระกูลโตเล็กเอ่ยเสียงเบา “มันเป็นเพียง ส่วนหนึ่งที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาก็เท่านั้น คนของFallen heavenซับซ้อนวุ่นวาย แต่สามารถสืบหาข้อมูลได้มาก ไม่ว่าคนประเภทไหนก็มีทั้งนั้น ดังนั้นข่าวสารมากมาย จึงออกมาจากที่นี่ ที่สร้างFallen heavenขึ้นมาในปีนั้น ก็เพื่อจุดประสงค์นี้ ทว่าท้ายที่สุดที่นั่นก็กลายเป็น ลู่ทาง มีธุรกิจมากมายที่ต้องทำ ส่วนที่ว่าเป็นธุรกิจ อะไรนั้นเธอเองก็รู้ดี”

นรมนรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

เธอรู้สึกรับไม่ได้ไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงเลยว่าสถาน ที่ที่เกือบจะเป็นที่ฝังร่างของเธอจะกลายเป็นกลุ่ม อำนาจของเธอ

ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดจนทำให้พูดไม่ออก
แม่บุริศร์ตบลงไปบนไหล่ของเธอเบาๆ แล้วพูดว่า

“ถ้าหากเธอต้องการเป็นผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของ อาณาจักรรัตติกาล ก็ต้องห้ามหยุดพัฒนาตัวเอง ตอน นี้เธอยังขาดอีกมาก ถือโอกาสที่ฉันยังอยู่ค่อยๆ สั่ง สอนเธอ บุริศร์ออกไปแล้วเหรอ ถึงแม้ฉันจะรู้ดีว่าตอน นี้สุขภาพของเธอยังไม่กลับมาแข็งแรง แต่ถ้าเธออยาก ไปFallen heavenละก็ ให้พฤกษ์ไปกับเธอด้วยแล้ว กัน”

คำพูดนี้ขอแม่บุริศร์แทงใจดำของนรมนโดยตรง เธออยากจะรีบไปพบกานต์เสียเดี่ยวนี้!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ