แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 444 เมียไม่ใช่เครื่องประดับของนาย



บทที่ 444 เมียไม่ใช่เครื่องประดับของนาย

บรมนาฝ่ามือเอาไว้แน่นและไม่พูดเรื่องนี้กับบริศร์ ในส่วนที่ ทำไมเธอถึงไม่พูด ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่ในตอนนี้ มันถูกปกปิด โดยจิตใต้สํานึกไปเสียแล้ว

บริศ เห็นว่าสีหน้าของเธอไม่สู้ดีนักเลยยังนึกว่าเธอบาดเจ็บ จากการถูกชนล้มตรงไหนสักแห่ง

“รีบให้ผมดูเร็ว โดนชนตรงไหนสักที่ใช่ไหม เด็กสมัยนี้ ประมาทกันทั้งนั้น จากนี้อยู่ให้ห่างจากพวกเขาหน่อยนะ เด็ก พวกนี้เทียบกับกานต์ของพวกเราไม่ได้เลยจริงๆ

บริศ ตรวจเช็คนรมนด้วยการมองจากบนจรดล่างและจาก ซ้ายไปขวาอีกรอบ เห็นว่าเธอเพียงแค่ล้มลงเท่านั้นและไม่ได้รับ บาดเจ็บใดๆจึงได้โล่งใจ

“ทำไมไม่ให้ผมอุ้มคุณขึ้นรถล่ะ?”

คำพูดของบริศ ทำให้นรมนนิ่งอึ้งไปสักพัก

เขาไม่ค่อยทําแบบนี้บ่อยนัก ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน นรมนคงจะ มีความสุขมาก เพียงแต่ว่าตอนนี้ภายในใจยังไม่สามารถก้าว ผ่านอุปสรรคนั้นไปได้ เธอพูดเสียงเบาว่า : “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉัน ทําเองได้

ขณะที่พูดเธอก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วถือโอกาสยัด กระดาษข้อความเข้าไปเงียบๆ
บริศ เองก็ไม่เอ่ยอะไรเมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้

“กลับบ้านกันเถอะ หรือว่าพวกเราจะออกไปกินอะไรข้าง นอก?”

“ถ้าอย่างนั้นกลับบ้านเถอะค่ะ ฉันไม่ได้กินข้าวกับพ่อแม่นาน

แล้ว”

นรมนก้าวเท้าขึ้นเดินไปที่รถ

บริศ ตามมาทางด้านหลัง แต่ทว่าสีหน้ากลับไม่สู้ดีนัก

ทั้งสองคนขึ้นรถอีกครั้งและยังคงไม่พูดคุยกัน

รถของบุริศร์ขับกลับไปแล้ว ตอนที่หยุดอยู่ตรงปากประตูบ้าน ตระกูลธนาศักดิ์ธนก็ได้ยินนรมนพูดทันทีว่า “ฉันไม่รั้งคุณแล้ว ล่ะค่ะ เดินทางระวังด้วย ลาก่อนค่ะ”

เธอพูดพร้อมกับเปิดประตูลงรถไปเลยและเข้าไปในบ้านโดย ไม่หันกลับมามอง

ในใจของบุริศร์มันอึดอัดเหมือนกับกำลังกลืนอะไรบางอย่าง

โดนภรรยาตัวเองทอดทิ้งและขับไล่ ทำไมถึงได้รู้สึกคับแค้น ใจมากขึ้นเรื่อยๆ

บริศ มองนรมนปิดประตูลงแล้ว โดยไม่คิดที่จะให้เขาเข้าไป จริงๆ เขาเหยียบคันเร่งอย่างโกรธเคืองแล้วขับรถตรงออกไป เลย

ตอนนี้เมื่อเขากลับมาถึงบ้านของตระกูลโตเล็กแล้ว เขารู้สึกมันว่างเปล่าในใจ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะขับรถไปกลับCrown

หลังจากมาถึงคลับเฮาส์แล้ว บุริศร์ โทรเรียกเพื่อนสองสาม คน โดยป้องก็เป็นหนึ่งในนั้น

“เป็นอะไรไป? นายหงอยเหงาไม่มีชีวิตชีวาแบบนี้ ทะเลาะ

กับเมียล่ะ?”

ป้องที่เพิ่งจะนั่งลงเริ่มต้นหยอกล้อบุรีศร

บุริศร์ถลึงตามองเขา และเพียงแค่ดื่มไวน์โดยไม่พูดอะไร

“เฮ้ๆๆ นายโทรเรียกฉันมาเพื่อดูแกดื่มไวน์หรือไง? ป้องคว้าแก้วไวน์ของบริศร์มาทันที

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นบุริศร์ใช้เหล้าดับความกลัดกลุ้ม

แบบนี้

“ไม่จริงใช่ไหม? มีปัญหากับความรักจริงๆเหรอเนี่ย? นาย เคยเป็นอิสระไปไหนแล้ว?”

“นายไม่เข้าใจ”

ในที่สุดบุริศร์ เปิดปากพูดแล้ว แต่น้ำเสียงนั้นกลับแหบแห้ง อยู่เล็กน้อย

“มีอะไรที่ฉันไม่เข้าใจ? ก็แค่ความหลงตัวเองของนายทำให้ เมียนายทนไม่ไหวแล้วเท่านั้นเอง”

คำพูดของป้อง ทำเอาบุรีศร์ถึงกับผงะ
“ฉันหลงตัวเองเหรอ?

“นายไม่หลงตัวเองหรือไง? ทั้งเมืองชลยีนายเห็นใครอยู่ใน สายตาบ้าง? ตระกูลของนายเป็นลำดับต้นๆของเมืองชลมา โดยตลอด ทุกคนล้วนแต่เป็นยอนาย นายเองก็มมานะจนทำทุก อย่างได้อย่างยอดเยี่ยม ดังนั้นนายเลยคิดว่าไม่ว่านายจะทำ เรื่องอะไรก็ตามล้วนแต่ถูกต้องทั้งหมดเลยเคยชินกับการจัดการ ด้วยวิธีแบบนี้ แต่นายเคยคิดหรือเปล่าวิธีการจัดการของนายมัน ทำให้คนรอบข้างรู้สึกกดดันอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่นอนร่วม เตียงเคียงหมอนกัน

ป้องใส่อารมณ์ขณะที่พูดอย่างมาก

บริศร์มองเขาแล้วถามอย่างงงๆ : “ฉันปกป้องเธอ การเริ่มต้น จากปัญหาพื้นฐานที่สุดก็ผิดเหรอ?”

“นายเคยถามความเห็นของเธอหรือเปล่าล่ะ? เมียไม่ใช่เครื่อง ประดับของนายทนายคิดจะทำยังไงก็ได้ตามใจ พวกเธอก็มีวิธี คิดของตนเองแล้วก็มีความคิดของตัวเอง นายเคยถามความคิด เห็นของพวกเธอหรือยัง? นายคิดว่าที่ทำไปนั้นดีสำหรับพวกเธอ แต่นายเคยลองพิจารณาสำหรับพวกเธอจริงๆ หรือเปล่า?”

ได้ยินป้องพูดอย่างนี้แล้ว บุริศร์ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

“ฐานะผู้ชาย การดูแลทุกทุกอย่างเพื่อให้ผู้หญิงได้มีชีวิตที่ไร้ ความกังวลมันไม่ถูกหรือไง?”

“ถ้ายังงั้นทำไมนายไม่หานกคีรีบูนมาเลี้ยงซะล่ะ? จะแต่งงาน กับผู้หญิงที่มีนิสัยแบบนรมินทำไม?”
ประโยค หยุดคําถามของบุตรได้ทันทีทันใด

เห็นว่าบุริศ ได้ยินแล้ว ป้องก็เทไวน์แดงให้ตัวเองหนึ่งแก้ว แล้วพูดว่า : “ผู้หญิงต้องเอาใจ แต่วิธีที่นายทำคะแนน นายมอง จากมุมมองของนายเองว่าสิ่งที่ท่านั้นดีต่อเธอแล้ว แต่ว่าใครจะ บอกได้ล่ะว่ามันอาจจะทำร้ายเธอในชื่อของความหวังดีก็ได้?”

ทันใดนั้นบุริศร์ก็นึกถึงท่าทางที่เดือดดาลของนรมน

ในตอนที่เธอรู้ว่ากผลถูกลักพาตัวไปชั่วขณะนั้นอารมณ์แทบ จะพังทลายลงมา เขาไม่เคยเห็นนรมนเป็นกังวลขนาดนั้นมาก่อน ถึงแม้จะเป็นกานต์หายตัวไป เธอเองก็ทำเช่นเดียวกัน แต่ทว่า เมื่อไม่เจอกมล เธอกลับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเลย

ในตอนที่เธอไปยังตระกูลทวีทรัพย์ธาดานั้น เธอสามารถบุก เข้าไปจนทั่วทั้งบ้านของตระกูลทวีทรัพย์ได้เลยจริงๆ ความ มุทะลุนั้น พอคิดขึ้นมาตอนนี้ทำให้บริศร์รู้สึกกลัวในภายหลัง

หรือว่าเขาจะทําร้ายนรมนจริงๆ?

บริศร์จมดิ่งอยู่ในความคิด

เห็นบุรีศร์เป็นอย่างนี้แล้วป้องเอาไวน์มาเก็บไว้แล้วพูดเสียง ต่ำว่า : “ระหว่างสามีภรรยาไม่ได้ง่ายดายอย่างที่นายคิด ฉันเอง หลังจากที่ได้เห็นประสบการณ์ต่างๆของพวกผู้ชายในครอบครัว ถึงได้เข้าใจ ถ้านายต้องการรักษาชีวิตสมรสนี้ไว้ให้ได้ยาวนาน ต้องลดท่าทีลงบ้าง ต้องเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร บางครั้งผู้ หญิงมักจะคิดอะไรแปลกๆ บางทีพอใช้สายตาผู้ชายอย่างเรา มองก็รู้สึกว่ามันช่างไร้เดียงสาและไร้เหตุผลอย่างมาก แต่สําหรับผู้หญิงกลับอาจทำให้เป็นทุกข์และอึดอัดใจเป็นเวลานาน ได้ ถ้ารักเธอจริงก็ทําความเข้าใจเสียหน่อย อย่าใช้ชื่อว่าคนรัก ท่าร้ายให้เธอต้องเจ็บปวด ที่จริงแล้วจิตใจของผู้หญิงนั้นเปราะ บางนะ ทนทรมานแบบนี้ไม่ไหวหรอก และหัวใจของผู้หญิงก็ อ่อนโยนที่สุดในโลกเช่นกัน ขอเพียงแค่นายทำดีต่อเธอสัก หน่อย เธอก็ยอมที่จะอยู่กับนายไปตลอดชีวิต สามารถมีคนอยู่ กับนายไปชั่วชีวิตนี้ต้องรู้จักพอได้แล้ว”

ป้องตบไหล่บริศ ด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจัง นี่เป็นครั้งแรกที่บุริศร์ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากของป้อง จึง อดไม่ได้ที่มองเขาอีกสองสามครั้ง

“นายดูไม่เหมือนที่ฉันรู้จักก่อนหน้านี้เลย

“มีอะไรที่แตกต่างล่ะ ผู้ชายแต่งงานแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้วก็ เท่านั้นเอง”

ป้องยิ้มจางๆ

เขามาอยู่ด้านข้างของบริศร์แล้ว ทันใดนั้นก็นึกเรื่องบางอย่าง ขึ้นมาได้

“โอ้ ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ฉันต้องพูดให้นายฟัง

“เรื่องอะไร?”

ตอนนี้บริศร์รู้สึกมึนหัวขึ้นมาแล้ว เขาเพิ่งดื่มไวน์แดงแค่สองแก้วเท่านั้น ถึงแม้ช่วงนี้จะไม่ได้ดื่มเหล้ามากนัก แต่ปริมาณแอลกอฮอลก็ไม่ได้หนักมาก หรือว่าใช้ เหล้าดับความกลัดกลุ้มก็เลยยิ่งกลุ้ม?

เขาลูบขมับตนเองแล้วเอ่ยถามป้องอย่างไม่รู้ตัว

ป้องครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ฉันไปพบหญิงชราที่ ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาแล้ว สุขภาพของเธอมีปัญหาจริงๆ

“ปัญหาอะไร?”

บริศ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ถ้าฉันบอกว่าเธอติดยา นายเชื่อไหม?”

“อะไรนะ?”

บุริศร์ยืนขึ้นโดยฉับพลัน แต่กลับเป็นลมแทบจะทรุดนั่งลงไป บนพื้นทั้งตัว

“นายเป็นอะไรหรือเปล่า? เรื่องของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ทำให้นายตื่นเต้นขนาดนี้เลยเหรอ? อีกอย่าง ฉันยังพูดไม่จบเลย

บริศร์ส่ายหัว รู้สึกว่าร่างกายผิดปกติอย่างมาก

“ป้อง นายรีบดูให้ฉันหน่อย ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันไม่ปกติ เพิ่งจะดื่มไวน์ไปแค่สองแก้ว ทำไมถึงได้มึนหัวแบบนี้?

คําพูดของบริศ ทำให้ป้องตกตะลึงไปทั้งตัวแล้วรีบจับชีพจร ของบุรีศร์อย่างรวดเร็ว
เขาทําได้ทั้งการแพทย์แผนตะวันตกและการแพทย์แผนจีน ขณะที่สัมผัสชีพจรที่ข้อมือของบุริศร์ สีหน้าของเขาก็แย่ลงเล็ก น้อย

“ใครเป็นคนเอาไวน์นี้มาให้?”

“ฉันให้ผู้จัดการแผนกต้อนรับเอาไวน์นี้มาให้ เกิดอะไรขึ้น? มันเป็นไวน์ที่ฉันฝากไว้ที่นี่ก่อนหน้านี้ เป็นไวน์ของฉันเอง บริศ รู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน

ป้องมองไปรอบๆทันใดนั้นก็กดกระดิ่งเรียกพนักงาน

เพราะบริศ เป็นลูกค้าคนสำคัญ ผู้จัดการแผนกต้อนรับจึงวิ่ง เข้ามาทันที

“คุณชายป้อง คุณชายบุริศร์ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

“เกิดอะไรงั้นเหรอ? ไวน์ที่คุณชายบุริศร์ฝากไว้ที่นี่ยังกล้าแตะ ต้อง ไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่ไหม?”

หน้าของป้องเคร่งขรึมลงไปอย่างฉับพลัน

ตระกูลพรรณโรจน์เองก็เป็นตระกูลที่มีคนนับหน้าถือตาของ เมืองชลธี ผู้จัดการย่อมไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง

“คุณชายป้องครับ คุณใส่ความพวกเราอย่างรุนแรงแล้วล่ะ ครับ ไวน์ของคุณชายบุริศร์ที่ฝากไว้ที่นี่ พวกเราไม่กล้าแตะต้อง หรอกครับ”

“ไม่กล้า? ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกคุณถึงบอกผมไม่ได้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายบุริศร์? พวกคุณกล้าไปตรวจสอบไวน์ ขวดนี้กับฉันที่โรงพยาบาลหรือเปล่า?”

ลักษณะท่าทางของป้องทั้งเย็นยะเยือกและจริงจัง มันทำให้ผู้ จัดการตกใจกลัวมากจริงๆ

“คุณชายป้อง ไวน์แดงของคุณชายปริศร์ เป็นแก้มที่รับผิด ชอบดูแลมาโดยตลอด ผมจะเรียกเธอเข้ามา พวกคุณถามเธอดู แล้วกัน”

พูดจบ เหงื่อกาฬเย็นเยียบบนหน้าผากของผู้จัดการก็ไหลลง มาไม่หยุด นอกจากนี้ยังสั่งให้คนข้างๆไปตามแก้ม ให้เข้ามา อย่างรวดเร็ว

ตอนนี้บริศร์รู้แล้วว่าไวน์ของมีปัญหาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า :

“เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่?

“นายอย่าเพิ่งพูดเลย เดี๋ยวไปโรงพยาบาลกับฉันก่อน สีหน้าของป้องจริงจังมากขึ้นอีก

พอเห็นเขาแบบนี้แล้ว บุริศร์รู้ว่าเรื่องนี้เป็นสถานการณ์ร้าย แรงจึงพูดเสียงเบาว่า : “ไม่ว่ายังไง อย่าบอกเรื่องนี้กับเมียฉัน ระยะนี้เธอมีเรื่องมากพอแล้ว อย่าทำให้เธอต้องทุกข์ใจ

“พวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง พูดหรือไม่พูดบางทีจริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับนาย

ป้องถอนหายใจ
บุรีส ขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง

เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เพียงแต่รู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยน ไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงแค่วิงเวียนไปทั้งตัว แต่ยังรู้สึกล่อง ลอยอยู่นิดหน่อยด้วย ถ้าจะบอกว่าเมาก็ไม่เหมือนกันนัก

เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?

แต่ว่าตอนนี้มีคนมากมายอยู่ที่นี่ ป้องจึงไม่สะดวกที่จะพูด และ จะต้องมีเหตุผลที่ไม่สะดวกในการพูดอย่างแน่นอน ตอนนี้เขา ทำได้เพียงแค่รอเท่านั้น

เพียงแต่ว่าในกระบวนการรอ เขารู้สึกพร่าเลือนมากยิ่งขึ้น ป้องเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งกังวลมากขึ้น

“คนล่ะ? เรียกคนทำไมถึงช้าขนาดนี้? คลับCrownของพวก คุณไม่คิดจะเปิดทําการแล้วหรือใช่ไหม?”

ความเยือกเย็นของป้องทำให้ขาของผู้จัดการแทบจะอ่อนยวบ “คุณชายป้อง พวกเราไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับไวน์ขวดนี้ แก้มกำลังรีบมา เดี๋ยวก็มาแล้วครับ”

ในระหว่างที่พูด บริกรคนก่อนหน้าที่ไปเรียกแก้ม ได้วิ่งกลับ มาอย่างรวดเร็ว และพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหูผู้จัดการ

“พูดดังๆ ที่นี่มีอะไรที่พูดไม่ได้งั้นเหรอ? ผมกับคุณชายบุรีศร์ ต่างก็อยู่ที่นี่ พวกคุณยังกระซิบกระซาบต่อหน้าพวกเรา อยาก ตายใช่ไหม?”
เดิมทีป้องเป็นนักเลงทหารคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเป็นหมอแล้วยัง เป็นแพทย์สนามที่อยู่ในสนามรบด้วย ตอนนี้ปลดเกษียณแล้วจึง ได้กลับมาทำงานที่โรงพยาบาลทหาร แต่พลังงานอันแสนดุร้าย ที่แท้จริงบนตัวได้แผ่กระจายออกมา ก็เพียงพอที่จะทำให้คน หวาดกลัวได้อย่างไม่ต้องสงสัย

บริกรตกใจกลัวจนเกือบจะล้มลง พลางมองบุริศร์และป้องแล้ว พูดตะกุกตะกักว่า : “เรื่องนั้น คือว่าไม่รู้ว่าแก้มไปไหนแล้ว ครับ?”

“หมายความว่ายังไงไม่รู้ว่าไปที่ไหน? ผมบอกพวกคุณเลยนะ ถ้าหากวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายบุริศร์แม้แต่นิดเดียว คลับCrownของพวกคุณอย่าคิดว่าจะได้เปิดอีกเลย ทุกคนต้อง รับผิดชอบ ไม่เชื่อก็ลองดู!”

ทันทีที่ป้องพูดคํานี้ออกมา ผู้จัดการแผนกต้อนรับก็ทรุดตัวนั่ง ลงไปกับพื้นด้วยสีหน้าซีดเผือดทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ