แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 572 ร้อนรนขนาดนี้เชียว ลูกสะใภ้บ้านไหนกัน



บทที่ 572 ร้อนรนขนาดนี้เชียว ลูกสะใภ้บ้านไหนกัน

ทันใดนั้นหน้าของบุริศร แดง ทันที

น้อยครั้งที่นรมนจะได้เห็นท่าทีที่เขินอายของบริศร์ จึงอดที่จะ แซวไม่ได้ “ทําไมคะ เขินเหรอ”

“จะจูบก็จูบ ทำไมต้องพูดอะไรมากมายด้วย

บุริศร์รู้สึกอายเล็กน้อย เขาประคองศีรษะของนรมนไว้ แล้ว ประกบริมฝีปากเรียวบางของตัวเองลงไป

นรมนูรู้สึกตลก และอดไม่ได้ที่จะจูบตอบ

ริมฝีปากของเขา ราวกับเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครต่างก็หลงใหล

นรมนไม่รู้ว่าตัวเองจะยังมีเวลาอยู่กับเขาไปอีกกี่ชั่วโมง ภายในใจรู้สึกราวกับมีคลื่นซัดที่กำลังกัดกร่อนใจเธอไปเรื่อยๆ

ถ้าหากเธอต้องไปจริงๆ อย่างนั้นแล้วบุริศร์จะทำอย่างไร แล้วลูกๆจะเป็นอย่างไร

ชีวิตนี้ได้พูดในสิ่งที่อยากจะพูดกับกานต์ไปหมดแล้ว แต่ว่า ครั้งนี้ นรมนกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถพูดออกไปได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็ราวกับว่านรมนได้ใส่ทุกความรู้สึกที่มีใน ชีวิตนี้ไปกับจูบในครั้งนี้

บริศรรับรู้ได้ถึงความตื่นเต้นของนรมน เขาคิดว่าเพราะเธอคงเป็นห่วงตัวเขา จึงทำให้ความรู้สึกเป็นเช่นนี้ เขาจึงไม่ได้ใส่ใจ อะไรมาก พลางพูดติดตลก ดู ร้อนรนขนาดนี้เขียว ลูกสะใภ้ บ้านไหนกัน กลางวันแสกๆขนาดนี้ยังคิดจะทำเรื่องอย่างว่าอีกเห

นรมน ในใจช่างขมขื่น แต่กลับยิ้มออกมาอย่างไม่มีพิรุธ

“ก็สะไภ้ตระกูลโตเล็กไม่ใช่หรือไงคะ”

“พูดมาได้ไม่อายเลยนะ!

“อายทำไมล่ะคะ แค่มีคุณก็เพียงพอแล้ว”

นรมนจูบบุริศร์อีกครั้ง โดยครั้งนี้เธอไม่เปิดช่องว่างให้เขาได้ พูดอีก

อารมณ์ของบุริศร์ถูกจุดขึ้นในทันที

การที่เขาและนรมนได้อยู่ด้วยกันนั้นน้อยลงทุกที ช่วงเวลานี้จึง มากล้นไปด้วยความคิดถึง ตอนนี้คนสวยๆอย่างเธออยู่ในอ้อม แขน ในเวลานี้ อีกทั้งยังเป็นฝ่ายรุกล้ำอีกต่างหาก ถ้าเขายัง อดใจไหวก็นับว่าเป็นคนดีเกินไปแล้ว

ทันใดนั้นบุริศร์ก็ถอดเสื้อแจ๊คเก็ตออก และคลุมไว้บนกล้อง วงจรปิด จากนั้นก็กระหน่ำจุมพิตนรมนราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง

นรมนยอมตายเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข แต่ใจหนึ่งก็กลัวว่า จะต้องตายที่นี่ เธอทั้งอยากจะอดกลั้นและอยากจะปล่อยตัวไป ตามอารมณ์ในเวลาเดียวกัน ความสับสนนี้ทำให้เธออ่อนไหว มากยิ่งขึ้น
ในขณะนั้นเอง จู่ๆบริศร์ หยุดนิ่ง เขาหยุดการเคลื่อนไหว ทั้งหมดและจ้องมองไปที่บรมน

นรมนรู้สึกกระตุกในใจ

บุรีศร์จับพิรุธได้แล้วอย่างนั้นเหรอ

หรือว่าเขาเกิดเดาอะไรออกขึ้นมา

“ทําไมเหรอคะ”

บรมนพยายามทำท่าทีว่ากำลังสงสัย

บริศ จ้องมองความงดงามของเธอภายใต้ร่างของตัวเอง มอง

ความสวยและมีเสน่ห์ที่เหลือล้นของเธอ อารมณ์ก็เร่าร้อน เหมือนดั่งไฟ เพียงแต่เขากลับไม่กล้า ครั้งก่อนเพราะอารมณ์ชั่ววูบของเขาทำให้นรมนต้องเจ็บปวด

ครั้งนี้เขาจึงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม

“ช่างเถอะ รอให้กลับไปเมืองชลธีก่อน ให้โพนี่ตรวจคุณอีก ครั้ง ถึงเวลานั้นเราค่อยทํากันเถอะ อนาคตยังมีเวลาอีกเยอะ

อนาคตยังมีเวลาอีกเยอะงั้นเหรอ

ไม่!

เธอมีเวลาไม่มากแล้ว

เวลาของเธอเริ่มนับถอยหลังแล้ว

ภายในใจของนรมนกำลังร้องตะโกน แต่สีหน้าที่แสดงออกกลับดูสดใสขึ้นเรื่อยๆ

“ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่เป็นไร คุณเองก็เห็นท่าทางของฉัน ในตอนนี้แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมคะ ต้องให้โพนี่เป็นคนพูดเหรอคะ ถึงจะเชื่อ ฉันพูดเองกลับไม่เชื่อกันแล้วเหรอ”

ขณะที่นรมนูพูดเธอก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ดวงตาสองข้างที่มี นํ้าตาคลอเริ่มแตงกา

เมื่อเห็นท่าทีของเธอเช่นนี้ บุริศร์ก็เกิดมือไม้อ่อนขึ้นมาทันที “เปล่าเลย ไม่ใช่อย่างที่คุณพูดนะ

“คุณรังเกียจฉันแล้วสินะคะ อีกอย่าง ผู้หญิงอ่อนแอโรค อย่างฉัน จะไปทำให้คุณมีความสุขได้ยังไงกัน เป็นฉันเองก็ไม่รู้ ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เป็นฉันเอง…

นโมนพูดความน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเองออกมา ซึ่งเธอพูด มากเท่าไหร่มันก็ฟังดูแย่ลงมากเท่านั้น บุริศร์รู้สึกว่าค่าพูดเหล่า นี้เป็นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงเสียดหู เขาลดศีรษะลง ประกบริม ฝีปากเพื่อหยุดค่พูดพล่ามของนรมน

สายตาของนรมนเผยให้เห็นรอยยิ้มที่แผนการสำเร็จลุล่วง สองมือโอบรอบคอของบุริศร์ และพยายามที่จะประสานกับเขา อย่างเต็มที่

หากเวลาชีวิตของเธอเหลืออีกเพียงแค่สองวัน เธอก็ปรารถนา ที่จะมีชีวิตที่สดใส และใช้ชีวิตอย่างที่ใจหวัง

ในที่สุดบุรีศร์ก็ตกอยู่ท่ามกลางความอ่อนโยนของนรมนอย่างไม่สามารถควบคุมได้

หลังจากผ่านพ้นคืนอันดุเดือด ร่างกายของนรมนราวกับถูก ล้วงเป็นโพรง นอนหายใจหอบ ร่างกายทับอยู่บนตัวของบุริศร์

เมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจของนรมน บุริศ ตระหนักได้ว่านรม นอยู่ข้างกายเขาจริงๆ

มันยากที่จะจินตนาการได้ว่า นรมนจะมาตามหาเขาที่นี่เพียง รําพัง

“นรมน สาบากคุณแย่เลย

นโมนไม่ค่อยเข้าใจในคำพูดของบุรีศร์ จึงเพียงแค่ตอบคือ เบาๆ และผล็อยหลับไป

เมื่อเห็นว่านรมนกำลังนอนหลับสนิท มองเห็นใต้ตาที่คล้ำของ

เธอ บุริศร์ก็เกิดเศร้าใจขึ้นมา

เขาดึงผ้านวมห่มให้กับนรมน ก่อนจะลุกจากเตียงและหา โทรศัพท์ของเธอ ในขณะที่ยังไม่ได้ตรวจสอบอะไร สายของ กานต์ก็แทรกเข้ามาทันที

“หม่ามี? ”

“แด๊ดดี้เอง”

เป็นครั้งแรกที่บุริศร์รู้สึกว่าเสียงของลูกชายไพเราะถึงเพียงนี้

ในเมืองใต้ดินนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาเกิดกลัวขึ้นมา กลัวว่าชีวิต นี้จะไม่สามารถกลับไปอยู่เคียงข้างนรมนและลูกๆได้อีก
บริศ เกือบเสียหาขณะที่ทําการสะกดจิต ถ้าไม่ใช่เพราะคิดถึง กานต์กับกมล และแรงไฟแห่งความคิดถึงของนรมน เกรงว่าบริ ศ คงจะมีสภาพไม่ต่างกับกิมจิ

เมื่อคิดได้ว่าตัวเองจะต้องถูกคนอื่นควบคุม ลงไม้ลงมือกับคน ที่ตัวเองรักมากที่สุดและลูกๆ บุริศร์ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

โชคยังดี ที่เขายืนกรานมาโดยตลอด แต่ก็ไม่รู้ว่าความหนัก

แน่นนี้จะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน

กานต์ตกใจไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเสียงของบุริศร์ หลังจากนั้นก็ พูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก “คุณบุริศร์? ”

“เรียกแด๊ดดี้แล้วรู้สึกเสียเปรียบหรือไง”

ที่ผ่านมาบริศร์ไม่สนว่ากานต์จะเรียกตัวเองว่าอย่างไร แต่ใน ช่วงเวลานี้ เขาอยากได้ยินกานต์เรียกตัวเองว่าพ่อมาตลอดชีวิต

กานต์นิ่งไปพักครู่หนึ่ง ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่สบ อารมณ์นัก “แด๊ดดี้”

“เด็กดี!

บริศ ยิ้มออกมาอย่างพอใจสุดๆ

ในโลกนี้ เขายินยอมที่จะแลกทุกสิ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งความ ปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของลูกเมีย

กานต์กระแอมออกมาก่อนจะเอ่ย “เมื่อไหร่พวกคุณจะกลับ บ้าน
“ไกล้แล้วล่ะ อีกสองวัน กลับแล้ว”

“งั้นผมรอพวกคุณอยู่นะ!

กานต์รู้สึกตื่นเต้น

แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาจากปาก แต่เขาก็เป็นห่วงบุรีศร อยู่ไม่น้อย และบริศร์ก็รู้สึกได้ในจุดนี้

“อ๋อ ถึงเวลานั้นอย่ามาขอของฝากจากแดดนะ ที่นี่ทั้งยากจน และห่างไกล ไม่มีของดีๆจะให้ลูกหรอก”

คำพูดของบริศ ทําให้กานต์ต้องเอ่ยปาก “คุณคิดว่าผมเป็นก มลหรือไง ผมไม่สนเรื่องของฝากซะหน่อย

“จริงเหรอ”

“แน่นอนสิ! ”

บุริศร์ยิ้มออกมาอีกครั้ง

ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับลูกนับเป็นช่วงเวลาที่ดี

ทั้งสองคนคุยกันสองสามประโยค บุริศร์ก็ถามถึงอาการของ

บรมน

กานต์ปล่อยให้นรมนอยู่คนเดียวได้อย่างไร อีกทั้งยังถูกเลิฟ จับขังไว้ในทาวเฮ้าส์ จนหนีออกมาได้คนเดียว เมื่อมาเจอกับบุรี ศร์ก็เล่าทุกอย่างให้เขาฟัง

บริศร์มองไปยังนรมนที่กำลังนอนหลับอยู่ ในใจก็เกิดเจ็บปวด

ขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้มักทำให้คนอื่นรู้สึกประทับใจอยู่เรื่อยสินะ

“คุณบุริศร์ คุณต้องทำดีต่อหม่ามีของผมไว้ ถ้าชีวิตนี้คุณกล้า ทำไมดีกับหม่ามีของผมล่ะก็ ผมไม่มีวันให้อภัยคุณเด็ดขาด”

“ไอเจ้าเด็กนี่ นี่ลูกกำลังข่มขู่แด๊ดดี้ของลูกอยู่ ตัวบ้างไหม แม้บริศร์จะถูกข่มขู่ แต่ในใจของเขาก็รู้สึกมีความสุขมากเป็น พิเศษ

กานต์พูดต่ออย่างเมินเฉย “ข่มขู่คุณแล้วยังไง หม่ามีต้อง ลำบากมากมาย เพื่อคุณ การที่ได้เจอตัวคุณนั้นมันไม่ง่ายเลย อีกทั้งยังต้องแบกรับเรื่องนั้นอีก คุณบุริศร์ เมื่อไหร่เรื่องยุ่งเหยิง ในบ้านของคุณจะจบซะที ให้ผม น้องสาว แล้วก็หม่ามีได้ไปเที่ยว กันอย่างมีความสุข”

บริศ นิ่งไปชั่วขณะ

เรื่องยุ่งเหยิงในบ้านของแดด บ้านของแดดก็คือบ้าน ของลูกไม่ใช่หรือไง”

“นี่มันไม่เหมือนกัน ผมยังเป็นแค่เด็ก คุณเป็นถึงพ่อคน ไม่ควร ให้เด็กอย่างผมต้องมาสร้างเงื่อนไขสี หม่ามีก็ออกจะสวยขนาด นั้น คุณไม่ควรให้เธออยู่กับความสุขที่ซื้อขายไปวันๆ

เมื่อได้ยินกานต์ตั้งคำถามกลับเช่นนี้ บุริศร์ที่คิดเกี่ยวกับเรื่อง นี้อย่างจริงจังก็เอ่ยตอบ “อิ่ม ก็จริง”

“เพราะอย่างนั้นแล้ว คุณบุริศร์ คุณต้องตั้งใจแก้เรื่องยุ่งๆพวก นี้ให้เร็วที่สุด ถ้าน้องชายที่ไร้ประโยชน์ของคุณออกอาละวาดอีกครั้ง คุณก็แค่ยังเขาไว้ มันน่ารำคาญจะตายอยู่แล้ว” สุดท้ายแล้วกานต์ก็เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง บางครั้งสิ่งที่เขา พูดก็ฟังดูไร้เดียงสา

ถ้าเขาสามารถจับกรินท์ขังไว้ได้จริงๆ อย่างนั้นแล้วยังจะมี อะไรต้องพูดกันอีกล่ะ

แต่เมื่อพูดถึงตรินท์ คิ้วของบุริศร์ก็ขมวดกันเป็นปมแน่น

“โอเค แด๊ดดี้เข้าใจแล้ว แด๊ดดี้จะรีบจัดการโดยเร็ว โอเค ไหม”

“รีบๆเถอะครับ ผมรอที่จะไปเที่ยวกับหม่ามีและน้องไม่ไหว แล้วอย่าลืมว่าคุณสัญญากับพวกเราแล้ว”

มื้อกานต์พูดจบก็วางสายทันที

สายตาของบุริศร์ก็พลันอึมครึม โดยทันที

ในเมืองใต้ดินนี้ เขาพบเรื่องราวมากมาย แต่เรื่องราวเหล่านี้ ทำให้เขาไม่กล้าเชื่อเลยแม้แต่น้อย

บุริศร์อยากจะสูบบุหรี่ แต่ก็กลัวว่าจะไปรบกวนนรมน จึงทำได้ เพียงแค่ยืนหน้าหน้าต่างที่สูงจรดเพดาน เหม่อมองทิวทัศน์ที่ไกล ออกไป และตกอยู่ในห้วงภวังค์

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน บุริศร์หยิบโทรศัพท์ของนรมนและต่อ สายถึงพฤกษ์

“ประธานบริศ เหรอครับ คนของเราได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว กำลังจะเดินทาง แต่อย่างเร็วที่สุดจะถึงในอีกสองวันนะ ครับ

พฤกษ์คิดว่าบุริศร์จะเร่งให้เขารีบจัดการ จึงอดไม่ได้ที่จะ รายงาน

แต่บุรีศร์กลับพูดด้วยเสียงทุ้ม “นายไม่ต้องมา ให้ธิดาพ พวกเขามาก็พอแล้ว ฉันมีเรื่องอื่นจะให้นายท

“ประธานบริศร์เชิญพูดได้เลยครับ”

บุรีต เงียบไปพักหนึ่ง ราวกับกำลังลังเล ส่วนพฤกษ์เองก็ไม่ได้ เร่งเร้า เพียงแค่รอฟังอยู่อย่างนั้น

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งนาที บุริศร์ก็เอ่ยขึ้น “หาโอกาสที่จะ ได้เส้นผมของครินท์มาเพื่อตรวจความเป็นพ่อลูก

“ครับ? ประธานบริศร์ หมายความว่ายังไงครับ

พฤกษ์คิดว่าตัวเองฟังผิดไป

ในแววตาของบริศ เผยให้เห็นความเจ็บปวด แต่เขายังคงพูด ออกมาอย่างชัดเจน “เอาเส้นผมของครินทร์และของฉันไปตรวจ ความเป็นพ่อลูก ฉันจำได้ว่านายมีเส้นผมของฉัน”

“ครับ มีครับ”

ครั้งนี้พฤกษ์ได้ยินอย่างชัดเจน แต่เพราะได้ยินอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง จึงทำให้เขายิ่งประหลาดใจเป็นพิเศษ

“ประธานบริศร์ครับ คุณกำลังสงสัยอะไรอยู่เหรอครับ คุณชายครินท์จะไม่ใช่น้องชายของคุณได้อย่างไร

“นั่นสิ จะไม่ใช่ได้อย่างไร”

ดูเหมือนบุรีศร์จะกำลังพึมพำกับตัวเอง ดวงตาทั้งสองข้างก็ดู ครีม

เขา มือไว้แน่นจนเส้นเลือดขึ้น น้ำเสียงก็ฟังดูเย็นชา

“ให้ป้องเป็นคนตรวจสอบเรื่องนี้ นอกจากฉันและนาย ห้ามให้

ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”

ครับท่าน! ”

แม้พฤกษ์จะไม่เข้าใจก็ตาม แต่เขาก็ยังคงทำตามคำสั่ง

ทันทีที่บุริศรวางสายโทรศัพท์ ในใจของเขาก็ขุ่นมัว เมื่อเขาหันตัวกลับ ก็พบว่านรมนที่ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังอิงหัวเตียงและมองมาที่เขา

ดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้นเต็มไปด้วยความสงสัย พลางเอ่ย คำถามอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อคุณหมายความว่ายังไงคะ คุณ กำลังสงสัยอะไรอยู่ หรือว่าคุณมั่นใจอะไรแล้ว จะบอกว่าตนท์ ไม่ใช่ครินท์เหรอคะ”

สีหน้าของบุริศร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาเป็นใครกันแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ