แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 528 หรือว่านายกำลังจับตาดูฉัน



บทที่ 528 หรือว่านายกำลังจับตาดูฉัน

“ปล่อยมือ”

น้ำเสียงของนรมนแฝงไปด้วยความกดดัน ทำให้เลิฟต้อง ปล่อยมือโดยไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงพูดอย่างเป็นกังวลว่า “ได้ โปรดเชื่อผมเถอะครับคุณนายบุรีศร์ ผมเป็นคนของประธานเคน จริงๆ และประธานเคนของพวกเราก็หวังดีกับคุณชายบุรีศร์มาก

“ออกไป!”

นรมนพูดอย่างเย็นชา ราวกับว่าไม่อยากคุยกับเขามากนัก เลิฟตะลึงไปเล็กน้อย

“คุณใช่คุณนายบริศ จริงๆ หรือเปล่า หรือว่าความรู้สึกที่คุณ มีให้กับคุณชายปริศ รวมเป็นเรื่องหลอกลวง คุณไม่สนใจความ เป็นตายของคุณชายบุริศร์เลยอย่างนั้นเหรอ

นรมนเห็นเขากระตือรือร้นเป็นพิเศษแบบนี้แล้ว เมื่อครู่ตอนที่ คิดอยากจะพูดอะไรออกมา อยู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึง กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เรื่องในบ้านของพวกเราไม่เกี่ยวอะไรกับ คุณ และตอนนี้ฉันก็เป็นนักออกแบบแคทเธอรี ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ เกี่ยวกับงานละก็ คุณก็พูดให้มันน้อยลงหน่อย ฉันรู้ดีที่สุดว่าสามี ของตัวเองมีความสามารถขนาดไหน ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องมา เปลืองแรงกายแรงใจกับเรื่องนี้

กล่าวพลางก็ก้มหน้าเริ่มทํางานต่ออีกครั้ง
เลิฟตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็เดินออกไปอย่างไมโหเล็กน้อย

แววตาของนรมนล่องลอย ภาพออกแบบที่อยู่ข้างเรากับกลาย เป็นภาพอื่นอย่างไรอย่างนั้น ในหัวเต็มไปด้วยภาพของบุริศร์ แท้จริงแล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ เขาอยู่ที่ไหนกันนะ

นรมนอดไม่ได้ที่จะสัมผัสโทรศัพท์ของตัวเอง

ในตอนนั้นเองครินท์ก็เดินเข้ามา

“ข้าวเที่ยงมาแล้วครับพี่สะใภ้

นรมนดึงมือกลับมาอีกครั้ง

“ทำไมให้นายเอาขึ้นมาล่ะ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่อยากจะมาดูหน่อยว่าการ ออกแบบเป็นยังไงบ้างแล้ว ถึงยังได้ฝังลูกค้าก็รีบร้อนมากจริงๆ พี่สะใภ้ก็อย่าถือโทษผมเลยนะ”

รินท์วางกล่องอาหารลงตรงหน้านามน

นรมนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ก่อนเลิกงานก็น่าจะ เสร็จแล้ว”

“พี่สะใภ้ยังสุดยอดเหมือนเดิมเลย

ครินท์เหลือบมองแวบหนึ่ง ของที่นรมนออกแบบดีกว่าที่ไก่ อ่อนพวกนั้นทํามากจริงๆ เขาจึงวางใจได้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้น สะใภ้ก็ทํางานต่อ ผมขอตัวกลับก่อน รีบกินข้าว ตอนที่ยังร้อนเถอะนะ อย่าปล่อยให้เป็นละ

ครินท์พูดจบก็ออกไปทันที

บรมนมองไปยังกล่องอาหารที่อยู่ข้างหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกไม่ อยากอาหารขึ้นมา

ตรินท์จะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง

เลิฟออกไปได้ไม่นานเขาก็เข้ามาแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นกับ ดัก แต่นรมนก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเลิฟเป็นคนของตนท์หรือเปล่า

เขารู้เบาะแสของบุริศร์จริงๆ หรือว่าเป็นเพียงแค่คนที่ตนท์ส่ง มาก่อกวนความคิดของเธอ

แววตาของนรมนเป็นระลอกขึ้นมาหลายส่วน

เธอโทรศัพท์หาบุริศร์อีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ยังคงติดต่อไม่ ได้เช่นเดิม จึงรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาอีกไม่น้อย

คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกับเขาจริงๆ หรอกใช่ไหม

นรมนคิดไปถึงกิมจิอีกคน เธอจึงโทรศัพท์ไปหาเขา แต่น่า เสียดายที่กระทั่งฝั่งกิมจิเองก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน เธอรู้สึกกังวล จนกินอะไรไม่ลง จึงทุ่มเทความคลิปทั้งหมดลงไปกับการวาด ภาพออกแบบ

เหล่าไก่อ่อนทยอยพากันกลับมา เมื่อเห็นว่านรมนยังคง ทำงานอยู่ ก็ไม่กล้าที่จะทำตัวบุ่มบ่าม เริ่มทำงานอย่างรวดเร็วตามที่นาม บอกไว้ตอนแรก แผนกออกแบบภายใต้การดูแลของ บรมนเต็มไปด้วยความชักเดิม

ท้ายที่สุดตอนที่ใกล้จะถึงเวลาเลิกงาน บรมนก็ทำร่างแบบ เสร็จเรียบร้อยแล้ว

เธอขยับตัวบิดขี้เกียจ คิดว่าจะไปชงกาแฟมาดื่มสักแก้ว แต่ เมื่อเดินผ่านห้องวางของก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง

นรมนอดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้า

ดูเหมือนจะมีคนอยู่ข้างใน

เมื่อนรมนเปิดประตูโกดัง เธอก็เห็นเลิฟถูกคนจับมัดไว้ข้างใน ในปากยังถูกบางสิ่งยึดเอาไว้ ส่งเสียงร้องมืออา

นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอรีบเดินเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ดึง

ของในปากเขาออกมา

“คุณนายบุริศร์ คุณรีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า

เลิฟค่อนข้างที่จะร้อนใจ

ทว่าตอนที่เธอกำลังคิดจะพูดอะไรนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา

จากด้านนอก

เธอรีบยัดของกลับเข้าไปในปากของเลิฟ จากนั้นก็ปิดประตู

โกดัง แล้วหาสถานที่ซ่อนตัว

ตอนที่ประตูโกดังถูกเปิดออกอีกครั้ง พบว่าคนที่เข้ามาเป็นคน ที่เธอไม่รู้จัก แต่น่าจะเป็นคนของบริษัทฮัวถูกรุ๊ป เพราะเขาสวมเครื่องแบบของบริษัท ตอนที่เลิฟเห็นคนคนนั้น สีหน้าก็เต็มไป ด้วยโทสะ

คนคนนั้นมองไปยังเลิฟ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “จิตใจแน่วแน่ จริงๆ เลยนะ เลิฟ แกก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่จะได้อะไรไปจาก ประธานเคน แม้กระทั่งตอนนี้งานแกก็ไม่มีให้ทำแล้ว ประธานตรี นท์บอกแล้ว ขอแก้แกยอมเปิดเผยเบาะแสของประธานเคน เขาก็ จะให้แกขึ้นเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ได้ยินว่าแม่ของแกกำลังป่วย หนักอยู่นี่นา ช่วงนี้กำลังต้องการเงินไม่ใช่เหรอ ขอแค่แกยอม บอกเบาะแสของประธานเคน แกต้องการเงินเท่าไหร่ประธานตร นท์ก็ให้แกได้”

ทว่าเลิฟกลับส่ายหน้า

คนคนนั้นดึงของในปากเลิฟออกมา จากนั้นก็พูดต่อว่า “ทำไม แกถึงได้ตาบอดขนาดนี้ แกอยู่ในบริษัทมาตั้งสามปีแล้ว ก็ยังคง เป็นได้แค่ผู้ช่วยเล็กๆ คนหนึ่ง จนถึงตอนนี้แม้กระทั่งตำแหน่งผู้ ช่วยเล็กๆ ก็รักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว แกเองก็รู้ดีนี่ เรื่องที่คุณชายตรี นท์ตามหาประธานเคนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแกเลย มันก็แค่ เรื่องที่อยู่เท่านั้น ทำไมแกถึงคิดไม่ได้ ได้ยินมาว่าแกยังคิดจะไป หาคุณนายบุริศร์อีก ทำไมแกถึงได้โง่แบบนี้กันนะ คุณนายบุรี ศร์จะไปเชื่อคำพูดของแกได้ยังไง ดังนั้น ในฐานะคนฉลาดฉันจึง ยังคงแนะนำให้แกเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันสักหน่อย อย่าง น้อยก็ต้องคิดถึงตัวเองใช่ไหมล่ะ ถ้าแกไม่ได้กลับบ้าน แม่ของ แกจะทํายังไง

“พวกแกมันไม่ใช่คน! ฉันจะบอกพวกแกเลยนะ ถ้ากลัวแตะต้องแม่ของฉันละก็ ต่อให้ฉันกลายเป็นผีก็จะไม่มีวันปล่อยพวก แกไว้

เลิฟพูดออกมาอย่างโมโห นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีแดง

*จะพูดเรื่องโหดร้ายขนาดนั้นไปทำไมกัน ถ้าแกยังไม่พูดอะไร อีก บางทีแกอาจจะไม่ได้เจอแม่ของตัวเองจริงๆ ก็ได้

*พวกแกจะต้องได้รับผลกรรมอย่างแน่นอน!

น่าเสียดายที่แกจะไม่มีโอกาสได้เห็น!”

คนคนนั้นปิดปากของเลิฟเอาไว้ จากนั้นก็มีคนสองคนมาพา เขาออกไป

นรมนเห็นภาพทั้งหมดนี้ด้วยตาของตัวเอง

เธอไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง หรือเป็นหลุมพรางที่ตนท์ จงใจขุดขึ้นเพื่อให้เธอตกลงมา ทว่าเธอก็ยังคงตามออกไปอย่าง

กระวนกระวายใจ

ผู้ชายพวกนั้นพาเลิฟออกไปทางประตูหลัง ทั้งยังหลบเลี่ยง กล้องวงจรปิดทั้งหมด จากนั้นก็พากับเลิฟขึ้นรถตู้แล้วขับออกไป อย่างรวดเร็ว

นรมนรีบโทรศัพท์หาคนของตัวเองทันที บอกให้พวกเขาตาม รถคันนั้นไป ถึงเวลาจําเป็นก็ให้ช่วยเลิฟออกมา

อาณาจักรรัตติกาลทิ้งควรไว้บางส่วนเพื่อคอยดูแลปกป้องพร มน ตอนนั้นมันทำได้เพียงส่งพวกเขาออกไป
หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดหนี้แล้วเธอก็ไม่กล้าจะอยู่ต่อ จึง ตรงไปชงกาแฟที่ห้องน้ำชา จากนั้นก็กลับไปยังแผนกออกแบบ

“พี่สะใภ้ไปไหนมาเหรอครับ”

ตนท์ปรากฏตัวขึ้นที่แผนกออกแบบอีกครั้ง ทำให้นรมน ค่อนข้างที่จะไม่พอใจ

“วันนี้นายเอาแต่มาเร่งรัดฉันทั้งวัน ทำไมเหรอ ไม่เชื่อใจฉัน หรือว่ายังมีเรื่องอื่นอีก ไม่ก็นายกำลังจับตาดูฉันอยู่อย่างนั้นเห วอ”

นําเสียงของนรมนไม่พอใจเล็กน้อย

ครินทรีบพูดออกมาทันที “พี่สะใภ้เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้รับ อะไรขนาดนั้น ก็แค่มาดูความคืบหน้าของงานเฉยๆ

“ถ้ารีบมากจริงๆ ก็ไปหานักออกแบบดีๆ มาสักหลายๆ คน ใน แผนกออกแบบมีแต่เด็กฝึกงานมือใหม่พวกนั้น นายคิดจะให้ พวกนั้นแบกรับภาระใหญ่เอาไว้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ แล้วนัก ออกแบบก่อนหน้านี้ล่ะ

นรมนไม่ได้โอนอ่อนตามเหมือนตอนที่อยู่บ้านเลยแม้แต่สัก นิดเดียว

บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องของเลิฟ หรือบางทีอาจจะเป็น เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวคราวบุรีศร์เลยสักนิด นรมนรู้สึกว่า เหมือนไม่จําเป็นจะต้องเก็บอะไรเอาไว้ในใจอีกต่อไปแล้ว

ครินท์ตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็รีบกล่าวออกมาว่า “ใช่ครับเรื่องนี้เป็นเพราะความประมาทของผมเอง แต่พี่สะใภ้ก็รู้ดีว่า ก่อนหน้านี้ วยกรุ๊ปอยู่ภายใต้การจัดการของพี่ชาย คนเก่าแก่ เหล่านั้นก็คอยติดตามเขามาโดยตลอด ตอนนี้พี่ชายของผมถอน ตัวออกไปแล้ว คนเก่าแก่เหล่านั้นก็เลยขอลาออกกลับไปอยู่บ้าน โดยอัตโนมัติ ตอนนี้ผมยังหานักออกแบบที่เหมาะสมไม่เจอจริ งๆ ไม่อย่างนั้นก็เอาแบบนี้ พี่สะใภ้เองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ คนหนึ่งพอดี ถ้าอย่างนั้นผมก็ยกแผนกออกแบบให้พี่สะใภ้แล้ว กัน ต้องการจะรับคนแบบไหนเข้ามาหรือทำอะไรก็แล้วแต่พี่ สะใภ้เลย คิดว่าแบบนี้ดีไหม

นรมนคิดไม่ถึงเลยว่าตนท์จะให้สิทธิ์พิเศษนี้แก่ตัวเอง แต่ กลับกล่าวเสียงเบาว่า “ฉันชอบออกแบบรถยนต์มากก็จริง แต่ นายก็รู้ดีว่าฉันไม่ได้มีส่วนร่วมกับฮัวถูกรุ๊ปอีกต่อไปแล้ว”

“พี่สะใภ้ ของที่ตัวเองชอบท่าไมถึงคิดจะบอกว่าปล่อยวาง ปล่อยวางได้แล้วล่ะ พี่ชายของผมไม่มีทางปล่อยให้พี่สะใภ้ละทิ้ง ความชอบของตัวเอง พี่สะใภ้อยู่บ้านไม่มีอะไรทำ แบบนี้ก็ เหมือนมาช่วยผมนั่นแหละ”

ครินท์กล่าวอย่างจริงใจมาก แต่นรมนรู้สึกเหมือนว่าเขามีแรง

จูงใจแอบแฝง

“ไม่ละอีกไม่นานฉันกับพี่ชายของนายก็จะออกไปเที่ยวต่าง ประเทศแล้ว คงช่วยเรื่องทางนี้ไม่ได้จริงๆ รอบริศร์กับกานต์กลับ มา พวกเราทั้งสี่คนก็จะออกไปจากเมืองชลธี ดังนั้นเรื่องของ แผนกออกแบบนายต้องเป็นคนจัดการเอง ถึงอย่างไรนี่ก็เป็น บริษัทของนาย หากแม้แต่นักออกแบบของตัวเองยังไม่มี ที่สุดแล้วก็คงไม่ได้

นรมนพูดจบก็ส่งภาพออกแบบไปให้ครินท์

“นี่คือภาพวาดการออกแบบที่ลูกค้าต้องการ นายสั่งไปดูซิว่า ลูกค้าพอใจไหม นี่ก็สายมากแล้ว ฉันต้องกลับก่อน นายก็รู้ว่า สุขภาพของฉันไม่ค่อยจะดี ไม่สามารถอยู่ที่นี่นานๆ ได้ แล้วตอน นี้ฉันก็ไม่มีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้อีก ถึงอย่างไรเบาะแสของ ลูกชายก็ยังไม่ชัดเจน

คำพูดของนรมนทำให้ตนท์ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าว ขึ้นมาทันทีว่า “ใช่ๆๆๆ รบกวนพี่สะใภ้แล้ว ผมจะให้คนไปส่ง แล้วกันนะ”

“ไม่ต้องหรอก ฉันอยากเดินกลับไปคนเดียว ไม่แน่ว่าอาจจะ พบข่าวคราวของกานต์ระหว่างทางก็ได้

นรมนปฏิเสธข้อเสนอของเขาโดยตรง

ตอนอยู่ที่ตระกูลโตเล็ก เธอถูกครินท์จับตามองอยู่ตลอดเวลา ไม่ง่ายเลยกว่าจะออกมาได้ ดังนั้นเธอจึงต้องดิ้นรนสักหน่อย

ครั้งนี้ตนท์กลับไม่ได้ห้ามนรมนไว้ เพียงแค่พูดว่า “ถ้าอย่าง นั้นพี่สะใภ้ก็ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยด้วยล่ะ ถึงบ้านแล้วก็ โทรศัพท์มาหาผม ผมจะได้วางใจสักหน่อย

“เข้าใจแล้ว”

นโมนพูดจบก็ออกจากแผนกออกแบบและวยกรุ๊ปไป
เธอไม่รู้ว่าตนท์แอบซ่อนแผนการอะไรเอาไว้กันแน่ แต่เธอมัก จะรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น

ดังเมถูกเจตต์กับพฤกษ์พาตัวไปแล้ว เขาถามเรื่องอะไร บรมน ก็ไม่รู้แน่ชัด ตอนแรกเธอก็คิดอยากจะถาม แต่ช่วงนี้ก็มีเรื่อง มากมายเหลือเกิน ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาที่จะไปถาม

ยังมีเรื่องที่ธรณีเร่งบุกเข้าไปทำลายสโมสรยิงปืนนั่นอีก คน พวกนั้นมีความสัมพันธ์ยังไงกับตนท์กันแน่ พวกเขาติดต่ออะไร

เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่นรมนอยากจะรู้

เธอถูกขังเอาไว้ในตระกูลโตเล็ก ไม่ง่ายเลยกว่าจะออกมาได้ ดังนั้นเธอสอบถามเรื่องพวกนี้ให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้บริศร์ หาตัวไม่เจอแล้ว ทั้งยังติดต่อไม่ได้อีก จะเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ หรือเปล่านะ

นโมนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ตอนที่เธอกำลังจะเรียกรถไปหาธรณีกับเจตต์ อยู่ๆ เสียง

โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

นโมนขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ฮัลโหล

“คุณนายน้อยคะ รีบกลับมาเร็วเข้าเถอะค่ะ มีคนพานายน้อย กิจจากับคุณหมูกมลไปแล้ว!”
เสียงทีตื่นตระหนกของบาหวานทำให้หัวใจของนรมนบีบแน่น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ