แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 591 ฉันคือผู้ชายของคุณ



บทที่ 591 ฉันคือผู้ชายของคุณ

“คือ แม่คะ แม่ชมปลาเก๋าราดซอสงานนี้ดูคะ อร่อยมากเลย

บรมนรีบเข้าไปใกล้เกลี่ย

คุณนายตระกูลโตเล็กยิ้ม แต่เป็นยิ้มผิวเผินไม่จริงใจ “ลูกกินเถอะ ช่วงนี้น้ำตาในเลือดแม่สูง กินหวานไม่ได้ บรมนเจออุปสรรค ก็ค่อนข้างไม่รู้จะทำอย่างไร นี่เป็นครั้งแรกที่เธออยู่ร่วมกับคุณนายตระกูลโตเล็กแบบนี้

หลังจากกลับประเทศมา รู้สึกความเห็นเข้ากันไม่ได้จริงๆ สีหน้าบริศ เปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดขึ้นเรียบๆ “ช่วงนี้แม่น้ำตาล ในเลือดแม่ไม่ดี ผมว่าต่อไปให้ป้องมาดูแม่หน่อยดีกว่า อาหาร ในวันนี้มีแต่หวานๆ ถ้าแม่กินไม่ได้ ให้พ่อบ้านไปทำให้แม่แยก

กว่า”

ความหมายของประโยคนี้ชัดเจนมาก

นรมนรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ

บริศร์ให้ความเคารพคุณนายตระกูลโตเล็กมาตลอด ไม่เคย ใช้น้ำเสียงแบบนี้มาก่อน ซึ่งไม่เคยปฏิบัติกับคุณนายตระกูลโต เล็กแบบนี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

คุณนายตระกูลโตเล็กชะงักไปสักพัก มองบุรีศร์ จู่ๆ ก็ยิ้มแล้ว พูดขึ้น “เดี๋ยวนี้ป้องลูกป้องภรรยาขนาดนี้เชียวเหรอ แค่แม่ไม่กินปลาเก๋าราดซอสที่นอนให้เหรอ? ลูกถึงขนาดนี้เลย? ทำไม? ลูก จะไล่แม่ออกไปเหรอ?”

“แม่พูดเอง ผมต้องดูแลภรรยาให้ดี ยังไงนรมนอยู่กับผมก็ได้ รับความทุกข์มาไม่น้อย แล้วแม่ก็พูดเองว่าช่วงนี้น้ำตาลในเลือด แม่ค่อนข้างสูง ผมก็แค่ทำตามสิ่งที่แม่พูด

ประโยคนี้ของบริศทำให้คุณนายตระกูลโตเล็กไม่ค่อยพอใจ

“ไม่เป็นไรๆ น้ำตาลในเลือดแม่สูง ไม่กินก็ไม่กิน มีของที่กินได้ อยู่แล้วล่ะ ยังมีหน่อไม้อยู่ไม่ใช่เหรอ? อันนี้แม่กินได้นะคะ

นรมนรีบเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง ตักหน่อไม้ให้คุณนายตระกูลโต เล็ก

คุณนายตระกูลโตเล็กมองนรมน ยิ้มเรียบๆ แล้วพูดขึ้น “ลูก สะใภ้กตัญญูกว่าลูกชายเยอะเลย

“ลูกชายไม่กตัญญูเท่าลูกสะใภ้ มันเป็นคำพูดโบราณ แม่นี่ โชคดีจริงๆ นะครับ ลูกสะใภ้กตัญญูแบบนี้ แม่ก็พอใจแล้วใช่ ไหมครับ?”

พอบริศ พูดแบบนี้ออกไป คุณนายตระกูลโตเล็กก็มองเขาอีก ครั้งแล้วพูดขึ้น “ก็ใช่”

พูดจบคุณนายตระกูลโตเล็กก็ก้มหน้าทานอาหารเงียบๆ อาหารมื้อหนึ่งค่อนข้างกระอักกระอ่วน

คุณนายตระกูลโตเล็กทานเสร็จก็กลับห้องไปแล้ว
บรมนาถึงได้โล่งอก เธอมองบุริศร์ ถามขึ้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “คุณทะเลาะกับแม่เหรอ?

“เปล่า”

บุริศร์ยิ้ม เห็นได้ชัดว่าสีหน้าตอนมองคุณนายตระกูลโตเล็กไม่ ค่อยเหมือนตอนนี้

“แล้วทำไมคุณพูดกับแม่แบบนี้? พูดอะไรกำกวม กลับ ตาลปัตร เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?

“ไม่มีอะไร แต่ไม่อยากเห็นคนอื่นตำหนิคุณ

คำพูดบุรีศร์ทำให้นรมนองเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มพูดขึ้น “จริงๆ แม่ก็ไม่ได้พูดอะไร ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าช่วงนี้น้ำตาลในเลือดแม่ก่อน ข้างสูง ฉันไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ

“น้ำตาลในเลือดเธอปกติมาก เมื่อวานฉันเพิ่งให้รายงาน

สุขภาพเธอไปเมื่อวาน

บุริศร์ไม่ให้เกียรติคุณนายตระกูลโตเล็กเลยสักนิด

นรมนตกตะลึงอีกครั้ง

“ทําไม? ฉันทําไม่ดีตรงไหนเหรอ? หรือจะบอกว่าที่ฉันไปตาม หาคุณที่เมือง A เธอไม่พอใจ?

นรมนไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ คุณนายตระกูลโตเล็กถึงทำแบบนี้ กับเธอ เว้นแต่จะเป็นเพราะเรื่องที่เธอไปช่วยบุริศร์ที่เมือง A ด้วย ตัวเอง
แต่นั่นก็เพื่อบริศร์ไม่ใช่เหรอ?

บุรีส มองนามน ยิ้มแล้วพูดขึ้น ไม่ต้องเอาหรอก บางทีแม่ฉัน อาจจะอยู่ช่วงหมดประจำเดือนนะ

“คุณพูดอะไร ขั้ว หมดประจำเดือนตอนนี้มีที่ไหนกันล่ะ

“บางที่วัยหมดประจำเดือนเธออาจจะยืดออกไปก็ได้ เอาล่ะ อย่าไปสนใจแม่ฉันเลย กินเสร็จแล้วฉันออกไปเดินเล่นข้างนอก กับคุณดีไหม?”

บริศ เปลี่ยนหัวข้อทันที

นมนพยักหน้า

ทั้งสองลุกขึ้นไปลานบ้านด้านหลัง

คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลโตเล็กถึงแม้จะมีดอกไม้หลาย ชนิดในสวนดอกไม้ แต่ลานบ้านด้านหลังก็ยังมีดอกไม้และโขด หินที่สวยงามมาก

นรมนและบริศร์มาถึงศาลาก็นั่งลง มองปลาคราฟในบ่อด้าน ล่าง แล้วพูดเสียงทุ้ม “หวังจริงๆ ว่าปลาคราฟพวกนี้จะขจัดโชค ร้ายเราไปได้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปให้ครอบครัวเรามีราบรื่น

“แน่นอน!”

บริศร์กุมมอนรมน

นรมนูพิงอ้อมอกเขา โอบเอวเขาเบาๆ แล้วพูดขึ้น “ฉันรู้สึกว่า กลับมาในครั้งนี้ เหมือนทุกคนเปลี่ยนไปหมดเลย คุณ ตรินท์แล้วก็แม่ รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกคุณ ความรู้สึกที่ไม่สบอารมณ์เป็นพิเศษ

“คุณคิดมากแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะ มีฉันอยู่ ใคร ไม่ได้ ก็รังแกคุณ “ฉันไม่กลัวใครรังแกหรอก และแม่ก็ดีกับฉันแบบนั้น เธอจะ

รังแกฉันได้ยังไง? คุณน่ะ อย่าแต่งงานจนลืมแม่ เธอจะเสียใจ

คำพูดนรมนทำให้บริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณไม่กลัวฉันฟังคำ พูดแม่แล้วจะทําไม่ดีกับคุณเหรอ?”

“คุณไม่ทําหรอก”

เรื่องนี้นรมนก็ยังเชื่อใจ

อย่าว่าแต่บุริศร์จะทำไม่ดีกับตน คุณนายตระกูลโตเล็กก็ไม่มี วันทําไม่ดีกับตนเหมือนแม่สามีที่ชั่วร้ายแน่นอน

แต่บุริศร์ไม่ได้พูดอะไร

นรมนมองบุริศร์ แล้วพูดขึ้น “ฉันอยากไปเยี่ยมเจตต์ ถ้าคุณ ไม่มีเวลา ฉันไปเองได้นะ”

“ฉันไปเป็นเพื่อนคุณดีกว่า ฉันให้พฤกษ์ยกโครงการใหญ่ โครงการหนึ่งของบริษัทฮวยกรุ๊ปจำกัดให้ตระกูลรัตติกรวรกุล แล้ว เป็นการตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตฉัน

ได้ยินบุรีศร์พูดแบบนี้ นรมนก็ค่อนข้างอึดอัด
“เขาช่วยชีวิตคุณเพื่อเงินไม่ใช่เหรอ”

“ฉันรู้ เขาท่าเพื่อคุณ”

คำพูดนี้บุรีศร์พูดมาก จู่ๆ นรมนก็รู้สึกค่อนข้างเสียใจ “คุณก็รู้ ฉันกับเจตต์ไม่ได้เป็นอะไรกัน ถึงเขาจะชอบฉัน ระหว่างเรามันก็บริสุทธิ์ใจ บุริศร์ นี่คุณหมายความว่าไง?”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าไง ฉันแค่พูดความจริง หรือไม่ใช่เห รอ? เจตต์ทําเพื่อคุณได้ทุกอย่าง รวมถึงช่วยชีวิตศัตรูหัวใจอย่าง ฉันด้วย คุณไม่ต้องคิดมาก ฉันไม่ได้หึง และไม่ได้รู้สึกอย่างอื่น ด้วย ฉันซาบซึ้งเขาจริงๆ บางทีคุณอาจจะรู้สึกว่าเจตต์ไม่ต้องการ เงิน แต่ตระกูลรัตติกรวรกุลต้องการเงินนะ”

ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนก็ตกตะลึงทันที

“หมายความว่า?”

บุริศร์พูดเสียงทุ้ม “ช่วงไม่กี่ปีมานี้ธุรกิจเจตต์ไม่ดี ทำอะไรก็ หยิ่งยโสโอหังเกินไป ทำให้หลายๆ คนไม่พอใจ เมื่อก่อนพวก เขาเห็นแก่ตระกูลรัตติกรวรกุล และเจตต์ก็ปฏิบัติกับคนอื่นเจ็บ แสบด้วย ดังนั้นไม่กล้าพูดอะไร ครั้งนี้เจตต์ไปช่วยชีวิตฉัน ขาหัก กลับมา ข่าวนี้ไม่รู้แพร่กระจายออกไปได้ไง คนพวกนั้นเริ่ม เติม ไปถอนคำสั่งซื้อ ถอนสัญญากับตระกูลรัตติกรวรกุลทีละคน ตอนนี้ตระกูลรัตติกรวรกุลอยู่ในช่วงล่อแหลมมาก เจตต์มันกำลัง จะตายอีกรอบ ช่วงนี้ยุ่งจนตกอยู่ในสภาพย่ำแย่มาก และไม่ สนใจขาตัวเอง ฉันได้ยินสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลรัตติกรว รกุลมาจากปากป้อง ดังนั้นธุรกิจของบริษัทฮัวยกรุ๊ปจำกัด ต้องเป็นสิ่งที่ตระกูลรัตติกรวรกุลของพวกเขาต้องการอย่างแน่นอน”

“ทำไมเป็นแบบนี้? คนพวกนั้นทำแบบนี้ได้ยังไง?

เห็นบรมนค่อนข้างสะเทือนใจ บุริศร์ก็รีบพูดขึ้น “คุณอย่า สะเทือนใจ ธุรกิจก็แบบนี้แหละ ไม่ใช่แค่ธุรกิจนะ ชีวิตก็เป็นแบบ นี้ไม่ใช่เหรอ? วันพระไม่ได้มีหนเดียว เจต เอาแต่ใจในเมือง ชลธีตั้งหลายปี ตอนนี้เขาตกอับ มีคนเดิมเยอะอยู่แล้ว อย่าง ตระกูลโตเล็กของเรา ถ้ามีสักวันโชคร้าย ไม่แน่อาจจะแย่กว่า เจตต์ก็ได้ ยังไงเราก็มีคนไม่พอใจเยอะกว่า”

“อย่าพูดแบบนี้สิ ตระกูลโตเล็กเราไม่เป็นแบบนี้หรอก

นรมนกุมมือบุริศร์แล้วพูดขึ้น “เดี๋ยวเราไปเยี่ยมเจตต์กันนะ ได้ ไหม?”

“แค่สุขภาพคุณอนุญาต ฉันจะไปกับคุณทุกที่

ตอนนี้ในดวงตาบุริศร์ไม่มีความหึงหวงสักนิด

ในใจมรมนก็โล่งอกเป็นพิเศษ

“งั้นเราไปตอนนี้เลยไหม?”

“โอเค”

บริศร์ส่ายหน้าอย่างเอาอกเอาใจ

นรมนกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง ถึงจะขับรถออกไปจาก คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลโตเล็กกับบริศร์

ที่หน้าต่างคุณนายตระกูลโตเล็กเห็นพวกเขาออกไป พูดขึ้นเสียงทุ้ม “นี่บุริศร์จะพานมันไปไหน?”

“เหมือนได้ยินว่าจะไปตระกูลรัตติกรวรกุลเพื่อเยี่ยมเจตต์ ครับ

คำพูดของพ่อบ้านทำให้สีหน้าคุณนายตระกูลโตเล็กไม่ค่อย พอใจ

ความคิดนรมนเหรอ?”

“น่าจะใช่นะครับ ยังไงเจตต์ก็ไปช่วยชีวิตคุณชายใหญ่เพราะ ภรรยา ตอนนี้คุณชายใหญ่รักภรรยามาก คุณนายไม่ต้องเป็น ห่วงนะครับ”

พ่อบ้านยิ้มขณะที่พูด แต่คุณนายตระกูลโตเล็กไม่มีรอยยิ้มเลย สักนิด

“ไม่ต้องเป็นห่วงเหรอ? ก็ขอให้เป็นแบบนั้น

พูดจบก็กลับไปนอนข้างเตียงตัวเอง เตรียมจะงีบหลับ นรมนกับบุริศร์ขับรถมาถึงบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุล

หน้าบริษัทมีคนเยอะมาก ผู้สื่อข่าวก็ค่อนข้างเยอะ ดูเหมือน กำลังจะจับข่าวเด่น และบางคนในแวดวงธุรกิจก็มาด้วย ดู เหมือนพวกเขากำลังจะคุยกันเรื่องถอนสัญญา

ตอนแรกนรมนไม่เห็น ก็คิดว่าบุริศรคุยโวโอ้อวด อย่างไรแล้ว เจตต์ก็อยู่ในแวดวงธุรกิจมาตั้งหลายปี ก็ยังมีความน่าเชื่อถือ บ้าง แต่พอเห็นฉากนี้ บรมนก็ปวดใจ
“คนพวกนี้มาตอนสัญญาเหรอ?”

ว่ากันว่า ทันทีที่พวกเขาถอนสัญญา คาดว่าหุ้นบริษัทตระกูล รัตติกรวรกุลจะตกต่ำในวันพรุ่งนี้

ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ ดวงตานรมนก็ค่อนข้างมืดมน

ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ!

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เจตต์ก็คงไม่ไปเมือง A ถ้าเขาไม่ไปเมือง A ก็คงไม่ขาหัก ยิ่งไม่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน

“เราเข้าทางประตูหลังกันเถอะ คนที่นี่เยอะเกินไป อย่าเบียด

คำพูดของบริศ ทำให้นรมนพยักหน้าเล็กน้อย

ทั้งสองขับรถมาทางประตูหลัง ตอนที่เข้าไปทางประตูหลัง ผู้ รักษาความปลอดภัยเห็นบุริศร์และนรมน คิดจะบอกเจตต์ แต่บุริ ศ ห้ามเอาไว้

“ไม่ต้องเราขึ้นไปเองดีกว่า”

“แต่ประธานเจตต์บอกว่าไม่ให้ใครเข้าพบ ผมต้องบอกเขา ก่อนดีกว่า”

ผู้รักษาความปลอดภัยต้องการต่อต้านต่อ แต่บริศ พูดขัด

“ถ้าฉันไม่ไปพบเขา คุณอาจจะไม่ได้รับเงินเดือนของเดือนนี้ ด้วยซ้ำ คุณคิดดีๆ นะ ตอนนี้ฉันเป็นคนสนับสนุนด้านเงินกับฝน ทันใจของเจ้านายของคุณ
ผู้รักษาความปลอดภัยชะงักเล็กน้อย แล้วเปิดประตู ให้บริศ และนรมนเข้ามา

ทุกที่ในบริษัทล้วนมีแต่กระดาษ หลายคนลาออกไปหมดแล้ว ตอนที่นรมนเห็นฉากนี้ ในใจก็รู้สึกแย่ขึ้นมาอีกครั้ง

ราวกับรู้สึกถึงอารมณ์ของนรมน บุริศร์ยื่นมือไปโอบไหล่เธอ พูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน ไม่ต้องเป็นห่วงนะ มีฉันอยู่ ตระกูลรัต กรวรกุลไม่ล้มหรอก”

“คุณช่วยเขาได้จริงๆ ใช่ไหม?

นรมนมองบุริศร์ รู้สึกกังวลนิดหน่อย

“ยัยทิ่ม ฉันรู้คุณกำลังคิดอะไรอยู่ เขาชอบคุณ เป็นศัตรูหัวใจ สําหรับฉัน คุณก็กลัวว่าฉันจะซ้ำเติมเขาเหรอ? ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันไม่ได้เลวร้ายแบบนั้น อีกอย่างไม่ว่าเขาจะไปที่เมือง A เพราะ ใคร การไปช่วยชีวิตฉันมันก็คือเรื่องจริง แต่เรื่องนี้ ฉันก็จะไม่ให้ ตระกูลรัตติกรวรกุลล้มละลายแน่ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ หม?”

ขณะที่พูดเขาก็ยื่นมือไปเขี่ยจมูกนรมนเบาๆ

นรมนพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณค่ะ บุริศร์”

“ฉันเป็นผู้ชายขอบคุณ มาขอบคุณฉันทำไม ไปกันเถอะ”

บริศร์โอบนรมนเข้ามาที่ประตูทางเข้าห้องทำงานของเจตต์

พวกเขาเพิ่งเคาะประตู ปลอกปากกาอันหนึ่งก็บินออกมาทันที

บินมาที่ศีรษะนรมน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ