แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 611 ทําให้เธอลำบากเธอแล้ว



บทที่ 611 ทําให้เธอลำบากเธอแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น”

นรมนกับคุณนายตระกูลโตเล็กจึงรีบวิ่งเข้าไปทันที วินาทีที่ เปิดประตูออกมานั้น ทั้งคู่ต่างตกใจช็อก

กิจจาสะบัดหลุดจากอ้อมแขนของบุริศร์ แล้วไปชนเข้ากับ แจกันดอกไม้ที่อยู่ข้างๆ ดอกไม้ที่อยู่ในแจกันได้ร่วง กระจัดกระจายสู่พื้น แจกันได้แตกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนกิจจากลับนั่ง ขดตัวอยู่ในซอกมุมด้วยท่านั่งกอดเข่า โดยที่เอาศีรษะซุกเข้าไป ในหัวเข่า แลดูคล้ายกับนกกระทาตัวน้อยที่กำลังรู้สึกไม่ ปลอดภัย

“กิจจา”

คุณนายตระกูลโตเล็กเห็นภาพนี้แล้ว ใจแทบแตกสลาย

“กิจจา มา มาหายามาลูก ย่ารักกิจจาที่สุดเลยนะ” แต่ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร กิจจากไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ

เขาเหมือนกับรูปปั้นที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ไม่ร้องไม่ยิ้ม ไม่ดิ้นใดๆ ทำให้หัวใจของคนบีบรัดจนรู้สึกเจ็บปวด

บริศ เดินเข้าไปโดยไม่ได้สนใจเศษแก้วของแจกัน เดินตรง มาหากิจจาแล้วนั่งลงของ

“ลุงรู้ว่าหนูอึดอัดทรมาน ถ้าทรมานก็ร้องออกมาเถิด หนูยังเด็ก ไม่มีอะไรทำไม่ได้ พื้นมันเย็น ลุกขึ้นมากับลุงดีไหม

น้ำเสียงของบุริศร์นั้นนุ่มนวลและอ่อนโยน แต่สำหรับกิจจา แล้วราวกับไม่ได้ยิน

นามแทนต่อไปไม่ไหว จึงได้เดินมาด้านหน้าของกิจจา

“กิจจา หม่ามีพาหนูไปนอนดีไหม บนพื้นเย็นมากเลยนะ หรือ ไม่อย่างนั้นหาให้กานต์กลับมาเล่นเป็นเพื่อนหนูดีหรือเปล่า คำพูดของนรมนทําให้คุณนายตระกูลโตเล็กถึงกับตกใจ

“ใช่ กานต์ล่ะ กานต์ไปไหนแล้ว

ลูกน้องพูดขึ้น ” คุณชายกานต์ไปที่เมืองครับ และก็ไม่ได้ส่ง ข่าวกลับมาเลยครับ”

“อะไรนะ”

จิตใจนรมนกระวนกระวายชั้น

พวกเขาอยู่เมืองที่วุ่นวายขนาดนั้น กานต์ยังไม่ปรากฏตัว เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า

“เขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รีบส่งคนไปตามหาเขา

“ครับ!”

ลูกน้องจากไปแล้ว นรมนมองดูกิจจาที่อยู่ตรงหน้า ก็รู้สึก อึดอัดทรมานขึ้นในใจอีกครั้ง

“กิจจา มาหาหมายดีไหม
กิจจาปฏิเสธ

เขาต่อต้านและปฏิเสธทุกคน พร้อมกับที่ปากพูดดื่มอะไร บางอย่างเบา

นรมนเข้าไปฟังใกล้ๆ ถึงได้ฟังเข้าใจถึงความหมาย เขาบอกว่า “หนูจะเอาแด๊ดดี้ หนูจะเอาแดดดี้ของหนู น้ำตาของนรมนไหลออกมาอีกครั้ง

ทุกคนสามารถทําสิ่งต่างๆได้ด้วยเหตุผลร้อยแปดพันประการ แต่ถ้ามีการทำร้ายเด็กบริสุทธิ์ผุดผ่องแม้เพียงเหตุผลเดียว ก็เป็น เรื่องที่ไม่สามารถจะให้อภัยได้

นรมบทนดูต่อไปไม่ไหวจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วกอดเขาไว้ จาก นั้นพูดสะอึกขึ้น “หม่ามีขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องแด๊ดดี้ เพราะหม่าไม่ดี ให้หม่ามิได้รักและปกป้องหนูได้ไหม กิจจาเด็ก ดี เป็นเด็กดีที่สุดในโลก พวกเราไปนอนก่อนนะ จากนั้นหล่านี้จะ พากิจจาไปเล่นและไปทานของที่อร่อยที่สุดดีไหม

“หนูอยากหาแด๊ดดี้”

ได้ยินกิจจาพูดประโยคนี้ซ้ำๆ

คุณนายตระกูลโตเล็กเห็นภาพนี้แล้วใจแทบแตกสลาย

“กิจจา เป็นเพราะย่าไม่ดี ย่าขอโทษหนูได้ไหม ความจริงแล้ว คนคนนั้นเขาไม่ใช่……

“แม่ พอเถอะ แม่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ
บริค รับพูดขัดจังหวะของคุณนายตระกูลโตเล็ก

เรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว จนกลายไปเป็นความเจ็บปวดแล้ว ถ้ายิ่งบอกกิจจาว่าคนคนนั้นไม่ใช่แดดดี้ของเขา แด๊ดดี้ของเขา เสียไปตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว นั่นไม่ใช่เป็นอีกวิธีที่ทําร้ายกิจจาหรือ คุณนายตระกูลโตเล็กถึงกับชะงัก

เธอพบว่าเธอนั้นคงจะแก่แล้วจริงๆ ทำไมคิดไม่ถึงจุดจุดนี้นะ

ห้าปีที่ผ่านมาคิดไปเองว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด เพื่อ ต้องการหลอกล่อธรรศออกมา แต่วันนี้ธรรศออกมาแล้ว แต่พวก เขากลับได้รับอะไร

ลูกชายที่เสียชีวิตไปก็ไม่ได้หวนกลับคืนมา วันนี้แม้แต่หลาน ของตัวเองก็ต้องกลายมาเป็นแบบนี้ และธรรศก็ยังไม่รู้ว่าเป็น หรือตาย เรื่องนี้มองอย่างไรก็ได้ไม่คุ้มเสีย ตอนแรกเธอถูก ครอบงำหรืออย่างไร ทำไมถึงดื้อรั้นขนาดนี้

คุณนายตระกูลโตเล็กๆราวกับว่าแก่ขึ้นไปอีกสิบปี

เธอสั่นไปทั้งตัว ต้องการอยากให้แม่บ้านพยุงสักครู่ แต่เพิ่ง สังเกตเห็นว่าแม่บ้านไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว

ใช่สิ เธอสูญเสียทั้งแม่บ้าน อีกทั้งยังสูญเสียความรักของบุรี ศ ที่มีต่อเธออีก

คุณนายตระกูลโตเล็กเอามือกุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวด แล้วก็หันหลังเดินจากไปทีละก้าวๆ เงาหลังที่โดดเดี่ยวแผ่นนั้น เห็นแล้วช่างรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวจิตใจเหลือเกิน
กิจจาไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับสิ่งเหล่านี้ เขาเหมือนกับขังตัวเอง ไว้อยู่ในห้องที่ว่างเปล่า และไม่อยากสนใจใคร ไม่พูดไม่จากับ ใครทั้งนั้น นรมนปวดใจจนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี จ้องมอง รีต โดยที่ไม่สามารถจะช่วยเหลืออะไรได้

“ทําอย่างไรดี”

“พาเขาไปนอนก่อนเถอะ

บริศพยายามอุ้มกิจจาขึ้นมา

ครั้งนี้ กิจจาไม่มีการขัดขืน ยอมให้บริศร์อุ้มขึ้นไปวางไว้บน เตียงได้ตามอำเภอใจ และเขาก็รีบนอนขดตัวกลมอยู่บนริมเตียง ทันที โดยที่หันหลังให้กับทุกคน

เตียงขนาดใหญ่ได้เว้านูนร่างกายที่ขนาดเล็กของเขาขึ้น ร่างที่ โดดเดี่ยว เปราะบางและหมดหนทาง

นรมนนั่งอยู่ข้างเตียง พูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “กิจจา หนูนอน ก่อนนะ อยากทานอะไรให้บอกหม่า หม่าจะไปทำให้หนูดีไหม หนูชอบทานอาหารที่หม่ามทำที่สุดไม่ใช่หรือ

กิจจาไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ

บริศ ถอนหายใจเบาๆ แล้วสั่งให้คนมาเก็บกวาดห้องให้ เรียบร้อย จากนั้นหันมามองนรมนแล้วพูดขึ้นว่า “ให้เขานอนพัก ผ่อนคนเดียวสักครู่เถอะ แขนของคุณเป็นอย่างไรบ้าง ให้โพนี่มา ตรวจดูสักหน่อยไหม”

“ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่เป็นไร
นรมนยังรู้สึกยังเป็นห่วงอยู่ แต่ว่ากิจจาในตอนนี้ดูเหมือนกับ นอนหลับไปแล้ว

เด็กน้อยถูกกระทบกระเทือนขนาดนี้ และนรมนรู้สึกว่าเขาดู เงียบสงบเกินไป แต่ในตอนนี้กิจจาปฏิเสธที่จะสื่อสารกับพวกเขา เธอก็จนปัญญาจริงๆ จึงหวังเพียงว่ากิจจาจะสามารถค่อยๆเดิน ออกมาจากเงามืดแห่งการสูญเสียแดดได้

ทั้งสองค่อยๆปิดประตูลง

เพราะเรื่องของกิจจาทำให้คนทั้งตระกูลโตเล็กต้องมีความ อดทนอดกลั้น

“ใช่แล้ว ยมราชได้ให้ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์หนึ่งกับฉัน บอกว่าคนนี้มีวิธีสุดยอดในการสะกดจิตคน ให้คุณลองไปหาเขา บางทีเขาอาจจะสามารถจะช่วยขจัดคำสั่งที่สะกดอยู่ในหัวของ คุณก็ได้”

นรมนรีบหยิบแผ่นกระดาษออกมา

บุริศร์กลับขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “รอก่อนนะ รอดูสถานการณ์ ของกิจจาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที อีกอย่างกานต์ก็ยังไม่มีข่าว คราว เขาไปนานแค่ไหนแล้ว”

เมื่อลูกน้องได้ยินคำถามของบุริศร์ จึงรีบพูดขึ้น “ไปสักพัก แล้วครับ นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปครับ”

“ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงน่าจะถึงแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่มีข่าว คราวละ ให้คนไปตรวจสอบเส้นทางของกานต์ดูซิว่าไปไหนมาบ้าง

“ครับ!”

นรมนครุ่นคิด แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “กิจจาชอบกมลที่สุด พวก เรารับกมลกลับมาดีไหม บางทีกมลอาจจะสามารถพากิจจาออก จากภวังค์ได้

“ก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมาย จนครอบครัวไม่ เป็นครอบครัวแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ครอบครัวของพวกเราจะต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน จะอยู่ ด้วยกันตลอดไป นับตั้งแต่วันนี้กิจจาก็คือลูกชายของเรา ดีไหม

บริศ มองนรมนด้วยสายตาที่ซ่อนความเจ็บปวดไว้

ไม่มีใครที่จะเจ็บปวดได้มากไปกว่าเขา

เมื่อสักครู่ที่รู้ว่าตรินท์คือตัวปลอม และน้องชายแท้ๆของตัว เองได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็มาเกิด เรื่องเช่นนี้กับกิจจาอีก

กิจจาคือเด็กที่บุริศรักมาสี่ปี และเห็นว่าเป็นลูกชายแท้ๆของ ตัวเองตั้งแต่เล็กๆ กิจจา ในตอนนี้ทำให้หัวใจของบุริศร์เหมือน กับถูกบีบขยี้ ถูกเชือดเฉือนไม่ปาน

“ค่ะ เขาเป็นลูกชายของเรามาโดยตลอด ต่อไปฉันจะรักเขา ดูแลเขาให้มากกว่าเดิม

นรมินที่อยากร้องไห้จึงรู้สึกคัดจมูกตลอดเวลา
“ขอบคุณมาก นามน ขอบคุณจริงๆ

บุรีศร์กอตนรมนไว้แน่น แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “ขอผมกอดสัก ครูนะ สักครู่เดียว” เขาในเวลานี้อ่อนแอมากจนทำให้จิตใจรู้สึกเจ็บปวดทรมาน

นรมนกอดเขาไว้แน่น แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “เดี๋ยวก็ผ่านไป ทุกอย่างก็จะผ่านไปเอง เป็นความผิดของธรรศ ฉันไม่มีทาง ปล่อยเขาไปแน่

“ผมก็เช่นกัน แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะตามล่าเขา หัวใจ ของผมคล้ายกับจะระเบิดออกมาให้ได้ ผมอยากจะฆ่าคน ผม อยากกรีดร้อง ผมอยากระบาย แต่ว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้ผมทำไม่ ได้ ผมเป็นเสาหลักของตระกูล โตเล็ก ผมเป็นพ่อของกิจจา ผมจะ ต้องยืนหยัดไว้ แต่ว่าที่รัก ผมกลัวว่าผมจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหว

บริศร์ที่ไม่เคยพูดประโยคเหล่านี้กับนรมน วันนี้เขากลับ เหมือนเป็นเด็กน้อยที่แสดงความอ่อนแอของตัวเองต่อหน้าเธอ ทําให้นรมนเจ็บปวดใจเหลือเกิน

“ไม่เป็นไรนะ คุณยังมีฉัน ฉันจะช่วยคุณเอง ฉันจะคอยพยุง คุณให้ผ่านพ้นเรื่องราวไปด้วยกัน ฉันจะช่วยคุณประคับประคอง ตระกูลโตเล็ก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปไม่ว่าพายุจะถาโถมฝนจะ กระหน่ำ ฉันก็จะไม่อยู่ข้างหลังเพื่อให้คุณปกป้องอีก บุริศร์ ฉัน อยากปกป้องคุณ ฉันอยากจะปกป้องคุณ จริงๆนะ

บริศ กอดนรมนไว้แน่น ของเหลวอุ่นๆ ค่อยๆหยดลงบนไหล่ ของนรมินที่ละหยดๆ ความร้อนนั้น ความอุ่นนั้น
เขาร้องไห้

น้อยมากที่นรมนจะเห็นบุริศร์ร้องไห้ ไม่รู้เป็นเพราะการเสีย ชีวิตของครินท์ หรือว่าเป็นเพราะความเสียใจของกิจจา บรมน ไม่อาจทราบได้ เวลานี้ทราบแต่เพียงว่าบุริศร์นั้นอ่อนแอมาก และเป็นเวลาที่สะเทือนจิตใจเธอที่สุด

ผ่านไปประมาณห้านาที บุริศร์จึงค่อยๆสงบสติลง เขาคลายตัวบรมนออก แล้วพูดขึ้นอย่างเกรงใจ “ผมดูแย่มาก เลยใช่ไหม”

“ไม่หรอก เช่นนี้แล้วคุณถึงมีเลือดเนื้อ เช่นนี้แล้วถึงทำให้ฉัน รู้สึกว่าไม่สูงเกินกว่าที่จะเอื้อม ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้เห็นมุม อ่อนแอของคุณ บุริศร์ พวกเราพยายามไปด้วยกัน แล้วทุกอย่าง ก็จะดีขึ้นเอง”

“ครับ!”

บุริศร์จับมือนรมนขึ้นมาแล้วทำการจูบเบาๆ “เรื่องภายใน บ้านต้องรบกวนคุณแล้วนะ เรื่องนอกบ้านยังมีอีกมากมายที่รอ ให้ผมต้องจัดการภาพออกแบบและสัญญาอนุญาตได้ถูกส่งไป แล้ว ผู้อยู่เบื้องหลังจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรนั้น ผมก็ยังไม่ ทราบแน่ชัด เรื่องนี้มันใหญ่หลวงนัก ผมไม่อาจจะนิ่งดูดายได้ แต่ ว่ากิจจาและกานต์พวกเขา…….

“คุณวางใจเถิด ยังมีฉันอยู่ ฉันจะดูแลพวกเขาให้เป็นอย่างดี

คำพูดของนรมนทำให้บริศรู้สึกเบาใจขึ้น
“ยังมีท่านแม่…….

แล้วบุรีศร์ ก็หันไปมองทางห้องของคุณนายตระกูล โตเล็ก ดวงตาประกายแสงแห่งความเจ็บปวด แล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า ถึงแม้ว่าผมจะโกรธมาก แต่ถึงอย่างไรท่านก็อายุมากแล้ว ท่าน ทำให้คุณเจ็บปวด ผมรู้ว่าแค่คำว่าขอโทษไม่อาจจะลบล้างได้ถึง แม้ว่าท่านทําไปเพราะความแค้นของครินท์ แต่การนำชีวิตของ คุณมาแลก เรื่องนี้ให้พูดอย่างไรก็เป็นความผิดของท่าน คุณจะ ทำอย่างไรผมก็จะไม่เข้าไปก้าวก่าย ขอแค่คุณระบายออกมาก็ พอ”

นรมนชะงักงัน

บอกตรงๆ การกระทำของคุณนายตระกูลโตเล็กกับรามิลถึง แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ควรได้รับอภัย แต่ว่าเธอก็ไม่สามารถที่จะก้าว ผ่านความเจ็บปวดนั้นได้

คุณนายตระกูลโตเล็กที่เคยทำดีกับเธอขนาดนั้น แต่ในวินาที สุดท้ายของชีวิตกลับใช้ชีวิตของเธอในการเสี่ยงเดิมพัน ด้วย เหตุนี้ทำให้นรมนรู้สึกเหน็บชาไปทั้งตัว

แต่ก่อนเคยมองว่าเธอคือแม่แท้ๆของตัวเอง แต่ว่าปมที่มีอยู่ ภายในใจตอนนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสามารถขจัดออกไปได้เสียที

“คุณไม่กลัวว่าฉันจะทําอะไรท่านเหรอ ถ้าถึงเวลานั้นคุณถูก ตราหน้าว่าเป็นลูกอกตัญญูขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร

บริศร์ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมไม่มีปัญญา ทำให้แม่ผมทำดีกับคุณ และก็ไม่สามารถที่จะห้ามความรู้สึกที่คุณมีต่อท่าน ผมพูดได้เพียงว่าการที่คุณแต่งงานกับตระกูลผม เป็นการทําให้คุณต้องลำบากแล้ว

นรมนซึ้งจนเริ่มคัดจมูกขึ้น

เพื่อรักที่มีต่อบุริศร์ เพื่อต้องการแต่งงานกับเขา เธอต้องผ่าน เรื่องราวต่างๆมากมาย วันนี้แค่เพียงประโยคเดียวของบริศร์ที่ว่า ทำให้คุณลำบากแล้วกลับทำให้จิตใจของตัวเองถึงกับซาบซ่าน ขึ้นมา

เธอกระโจนใส่อ้อมกอดของบริศแล้วพูดด้วยเสียงต่ำๆ แค่ เพียงประโยคนี้ประโยคเดียวของคุณฉันก็รู้สึกเพียงพอแล้วค่ะ ไม่ขออะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว”

“เด็กโง่!”

บุริศร์ลูบศีรษะของเธอพร้อมกับปลอบประโลม

ขณะเดียวกันนั้น ก็มีข่าวของกานต์ดังลอยมาจากด้านนอก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ