แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 473 เอาชีวิตเห็นๆ



บทที่ 473 เอาชีวิตเห็นๆ

ร่างของนรมนชะงักไปอย่างแรง

เธอหันไปทางโพนี่ ความแน่วแน่ที่แสดงออกในดวงตาของโพ

นี้ ดวงตาพร่างพราว

ทำให้หัวใจที่ตกหล่นของเธอกลับเข้าที่

เธอเป็นกังวลว่าบริศร์จะได้รับอันตรายมาโดยตลอด แต่ดูจาก ทีท่าของโพนี่ในตอนนี้ เธอและป้องต้องรู้ว่าบุริศร์อยู่ที่ไหนแน่

และแม้ว่าป้องจะเป็นหมอคนหนึ่ง แต่เบื้องหลังของมีความเข้า ซับซ้อนมาก แถมยังมีความสัมพันธ์กับผู้บัญชาการในค่ายทหาร สักที่อีกด้วย เพราะงั้นขอเพียงแค่ป้องให้ความช่วยเหลือบุริศร์ คอยปกป้องบุริศร์อยู่ บุริศร์ก็จะปลอดภัย

เมื่อรู้ว่าบริศร์ปลอดภัยดี นรมนถึงได้สบายใจขึ้นมาบ้าง

“ขอบคุณพวกเธอมากนะ”

แม้เธอจะไม่รู้ว่าป้องและโพนี่ทำอะไรเพื่อบริศร์บ้าง แต่ใน เวลานี้ เธอรู้สึกขอบพระคุณสองสามีภรรยาคู่นี้มากจริงๆ

โพนไม่กล้ารับคำขอบคุณของนรมน

เธอเอ่ยเสียงแผ่ว “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก บางเรื่องเราเองก็ ไม่มีทางเลือก รอเขากลับมา เธอก็จะเข้าใจทุกอย่าง”
บรมนไม่เอ่ยถามใดๆ อีกต่อไป ได้รู้ว่าบุริศร์ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว

สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้คือทำให้ร่างกายของตนหายเร็วๆ ส่วนสถานการณ์ที่โพนี่ว่าไปเมื่อสักครู่ มีแต่จะต้องเป็นไปตามฟ้า

โพนี่เห็นว่าเธอเริ่มง่วงขึ้นมาแล้ว เธอเตือนหญิงสาวอีกหลาย ประโยคก่อนที่จะเดินออกไป

บรมนหลับไปอย่างมีนมัวอีกครั้ง ครั้งนี้เธอหลับอย่างสนิท หอมหวาน แม้แต่ริมฝีฝากเองก็หยกยกขึ้นเล็กน้อย

ทางด้านพฤกษ์กลับไปที่ตระกูลรัตติกรวรกุลตามคำแนะนำ ของเจต

คุณท่านตระกูลรัตติกรวรกุลเห็นการกลับมาของพฤกษ์ เขา ดีใจมาก โดยเฉพาะมารดาของพฤกษ์ ที่อยากใกล้ชิดกับลูกชาย แต่พฤกษ์กลับไร้ความสนใจในสิ่งนี้

“ผมกลับมาเพราะมีเรื่องบางอย่างที่จะต้องจัดการ เจตต์บอก ว่าบ้านเรามีห้องลับอยู่ท่านรู้ไหม?

พฤกษ์หันไปทางคุณท่านรัตติกรวรกุล

คุณท่านรัตติกรวรกุลประหลาดใจ นายเจตต์ไปสนิทสนมกับ พฤกษ์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แถมยังบอกเรื่องห้องลับกับพฤกษ์อีก หรือว่าเด็กทั้งสองคนคืนดีกันแล้ว?
เมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้น คุณท่านรัตติกรวรกุลดีใจอย่างบอกไม่ถูก

“รู้สึ ฉันรู้ ฉันจะพาแกไปเอง”

“พฤกษ์ อยู่ทานอาหารเที่ยงด้วยกันนะ ฉันสั่งให้คนทำไก่ผัด ตะไคร้ที่แกชอบที่สุด โอเคไหม?”

คุณนายรัตติกรวรกุล จับจ้องลูกชายของตนเอง แทบจะอดไม่ ได้ที่จะโผเข้าไปกอด น่าเสียดายที่เด็กคนนี้หลงกับพ่อแม่ตั้งแต่ ยังเล็ก ตอนนี้จึงค่อนข้างเย็นชาและห่างเหิน

พฤกษ์ส่ายหน้า “ผมมีธุระต่อ พวกท่านทานเถอะ” เขาเอ่ย อย่างไม่สนใจสายตาของคุณนายรัตติกรวรกุล พลางเดินตามคุณท่านรัตติกรวรกุลไปที่ห้องลับ

หลังจากที่ได้รู้ทุกซอกทุกมุม ก่อนที่พฤกษ์จะพาตัวตังเมเข้ามา คุณท่านรัตติกรวรกุลไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่ขอเพียงแต่ พฤกษ์ยอมกลับมา เขาก็ดีใจแล้ว

“ไป ไปเตรียมอาหาร ไม่ว่าคุณชายรองจะอยู่ทานอาหารที่ บ้านหรือไม่ ยังไงก็ต้องเตรียมเอาไว้

เมื่อคุณท่านรัตติกรวรกุลออกคำสั่ง ทุกคนในตระกูลเริ่ม ปฏิบัติการ ส่วนคุณนายรัตติกรวรกุล ดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่

พฤกษ์ทำการสอบสวนตังเม แต่ผู้หญิงคนนี้ปากแข็ง นอกจาก กันด่านรมนและบริศร์แล้ว เธอไม่ยอมพูดอะไรเลย

เมื่อเจตต์กลับมาบ้าน พบกับทุกคนที่งานยุ่งผิดกับปกติ เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่าคุณพ่อผมจะมีเมียน้อยอีกแล้วงั้น เหรอ?”

ประโยคที่หลุดลอย ทำให้คุณนายรัตติกรวรกุล อึดอัด ส่วน สีหน้าของคุณท่านรัตติกรวรกุลเองก็หมองลง

“พร่าอะไรของแก? แกกลับมาได้ยังไง?

“อ้าว บ้านนี้แม้แต่ผมเองก็กลับมาไม่ได้แล้วนั้น

น้ำเสียงกวนประสาทของเจตต์ ทำให้คุณท่านโมโหจนหายใจ

“แกพูด ๆ หน่อย พฤกษ์กลับมาแล้ว เขาอาจจะอยู่ทานข้าว

เที่ยงด้วย ฉันจะบอกแกเอาไว้ก่อน ว่าแกห้ามกวนประสาท

“เพราะคุณชายรองของตระกูลรัตติกรวรกุลกลับมานี่เอง มิน่า ถึงได้คึกคักเชียว ฉันบอกแล้วว่าเด็กที่แม่ไม่รัก พ่อไม่เอ็นดู อย่างผม กลับมาบ้านจะจัดงานใหญ่โตเช่นนี้ได้ยังไงกัน ใช่ไหม? คุณนายรัตติกรวรกุล ?”

ค่าเย้ยหยันของเจตต์ทำให้คุณนายรัตติกรวรกุล ลำบากใจ

“ไม่ใช่แบบนั้น พฤกษ์กลับมาเพราะเธอไม่ใช่เหรอ? ฉันคิดว่า พวกเธอ…..”

“คิดว่าฉันยอมรับลูกชายเธอแล้ว? ยอมรับเธอแล้ว? อย่าฝัน ไปหน่อยเลย!”
เจตสบถ โยนเสื้อคลุมลงบนโซฟา ก่อนที่จะพับแขนเสื่อมุ่ง เข้าไปในครัว

คุณท่านรัตติกรวรกุลสายตาหลักแหลมเล็งเห็นบาดแผลบนหัว ไหล่ของเขา

“แกออกไปก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว? ถึงได้กลับมาด้วยสีสันแบบนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าแก แต่ยังไงแกก็เป็นผู้สืบทอดของตระกูลรัต กรวรกุล เป็นลูกชายของฉัน แกเลิกขายขี้หน้าฉันบ้างได้ไหม? ไม่ใช่เอาแต่ดื่มก็มัวแต่พนัน คราวนี้ไปรบกับใครมาอีก? ได้ก่อ เรื่องอะไรไหม? อย่าให้ฉันต้องคอยตามเช็ดตูดแกในภายหลัง อีก!”

พรรษา โกรธจนคว้าที่เขี่ยบุหรี่ขึ้น โยนไปทางเจตต์

พอดีกับที่พฤกษ์ออกมา เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์เข้า ชายหนุ่ม เดินขึ้นมาปกป้องเขาจากที่เขี่ยบุหรี่ แต่แขนของตนกลับโดนเข้า

เต็มๆ

คุณนายรัตติกรวรกุล ร้องอุทานออกมา

“พฤกษ์ เป็นยังไงบ้าง? ทำไมถึงได้ออกมากะทันหันล่ะ? เจ็บ

ไหม?”

พรรษาไม่คิดว่าจะโดนลูกชายเข้า ทำให้เขาเป็นกังวลอยู่ไม่

น้อย

“ทำไมถึงจะโผเข้ามากะทันหันแบบนั้น? แถมยังจะปกป้องได้ หมอนี่อีก! ฉันจะบอกให้ ชีวิตนี้เขาเกิดมาเพื่อที่จะต่อต้านฉัน ไม่เคยทำเรื่องดีๆ สักอย่าง เมื่อไหร่ที่เขาทำให้ฉันคลั่งตายก็จบเห่

“คุณท่านรัตติกรวรกุล ทำไมถึงได้ลงมือโดยที่ไม่ถามเหตุผล เลยล่ะ? บาดแผลของเจตต์ไม่ใช่ได้การจากทะเลาะวิวาท แต่ เขา…..”

“พอได้แล้ว พฤกษ์ ไม่มีใครให้แกแสดงละครพี่น้องที่รักใคร ต่อกัน ฉันไม่ต้องการ เห็นไหม ในสายตาตาแก่ ฉันก็แค่คนไม่ เอาไหน แกรีบกลับมาซะ แกกลับมาไม่แน่เขาอาจจะมีความหวัง ขึ้นมาบ้าง อาจจะยกสมบัติทุกอย่างของตระกูลให้กับแก ส่วนลูก อกตัญญูอย่างฉัน อาจจะถูกขับไล่ออกไปทุกเมื่อใช่ไหม?”

เจตต์ไม่แยแสพฤกษ์แม้แต่น้อย เรื่องแบบนี้ช่างปกติเหลือเกิน แต่เล็กจนโต พรรษาเคยฟังคำอธิบายของเขาซะที่ไหนกัน?

ทีแรกเขารู้สึกเสียใจ อยากจะอธิบายเพื่อตัวเอง แต่ยังอธิบาย พรรษาก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาหาข้ออ้างต่อต้านเขา อาจจะถูกลงโทษ หนักกว่าเดิม

นานวันเข้า เจตต์ก็ไม่พูดอะไรอีก

พฤกษ์จับจ้องเจตต์ด้วยสายตาที่ซับซ้อน เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเจต จะมีสภาพเช่นนี้ในบ้าน

ด้านนอกมีชื่อเสียง ผู้ไม่เกรงกลัวใครอย่างเจตต์ ในบ้านเขา จะทนทุกข์ถึงเพียงนี้

พฤกษ์รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมามากกว่าเก่า
เมื่อพรรษาได้ยินเจ พูดแบบนั้น เขากันอย่างโมโห “น้อง ขายแกหวังดีกับแก แกยังไม่รับอีก ฉันไม่เข้าใจจริงๆ โลกนี้มีคน อกตัญญูอย่างแกอยู่ได้ยังไง! เหมือนกับแม่ของแกไม่ผิดเพี้ยน!

“จะว่าผมก็ว่าผมคนเดียว คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าแม่ผม

สีหน้าของเจตต์หมองขึ้นมาในทันที

พรรษาเห็นว่าเขาต่อต้านตนเองต่อหน้าพฤกษ์ กำลังจะเอ่ย อะไรบางอย่าง แต่กลับได้ยินประโยคของพฤกษ์ขัดขึ้นเสียก่อน “ผมมีธุระต่อ ไม่รบกวนดีกว่า คุณต้องการจัดการเรื่องภายใน ครอบครัว คนนอกอย่างผมคงจะไม่เหมาะหากอยู่ต่อไป เพียงแต่ คุณท่านรัตติกรวรกุล ลูกชายเป็นของคุณ คุณสูญเสียไปแล้วหนึ่ง คน หรือว่าคุณอยากจะสูญเสียไปอีกคน? บางเรื่องลูกชายคุณไม่ ได้เป็นอย่างที่ตาเห็น แม้ว่าเจตต์จะต่อต้านผม ไม่ถูกกับผม แต่ ผมนับถือในตัวผู้ชายคนนี้

จบ า พฤกษ์เดินออกไปทันที

พรรษานิ่งอึ้งไป

คุณนายรัตติกรวรกุล กลับเกาะแขนของพฤกษ์เอาไว้พร้อม ร้องห่มร้องไห้ “ลูกแม่ ทานข้าวที่บ้านสักมื้อเถอะนะ มื้อเดียวก็ พอได้ไหม? อยู่กับแม่ อยู่กับแม่เถอะนะ ได้ไหม?”

“คุณนายรัตติกรวรกุล ต้องขออภัย ผมมีธุระต่อจริงๆ ประธานบริศร์ไม่อยู่ ความปลอดภัยของคุณนายอยู่ในความรับ ผิดชอบของผม ลาก่อน”
เขาสลัดแขนตนเองจนหลุดออก ก่อนจากไปโดยไม่แม้แต่จะ หันกลับไปมอง

เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับครอบครัวนี้ได้ ไม่สามารถเผชิญ หน้ากับพ่อแม่แบบนี้ ยิ่งไม่สามารถเผชิญหน้ากับเจตต์ที่เป็นแบบ นี้ได้

พฤกษ์รู้สึกว่าเพราะการปรากฏตัวของเขา ทำลายทุกสิ่ง ทำ ให้เจตต์ถูกครอบครัวกีดกัน ทำให้คุณท่านรัตติกรวรกุลไม่ชอบ เขา

หากไม่ใช่เพราะเขา ไม่ใช่เพราะมารดาของเขาทำลาย ครอบครัวของคนอื่น ตระกูลรัตติกรวรกุลและเจตต์จะไม่เป็น อย่างทุกวันนี้

เจตต์เพียงแค่นิ่งไปสักพัก เขาไม่คิดว่าพฤกษ์จะช่วยเขาพูด อะไรแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่มุ่งตรงไปใน ครัว

สักพัก เสียงดังออกมาจากในครัว ควันไฟกลุ่มหนึ่งแผ่เอาไป ทั่วทุกทิศ คนที่อยู่ด้านในต่างไอแค่วิ่งออกมา เจตต์เองก็วิ่ง ออกมาด้วยใบหน้าที่ด่าเมื่อม

เจตจ้องมองภาพเหตุการณ์ ด้วยความโมโหจนตัวสั่น

“แกทําอะไรอีกแล้ว? จะจุดไฟเผาบ้านหรือไง? ห้ะ?!”

เจต ไม่อยากจะแยแสเขา กระทั่งคนใช้ในบ้านตับไฟลงถึงไป มุ่งเดินเข้าไปอีกครั้ง
ไม่นาน โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ หัวของเจตต์ถูก เผาจนไหม้

“แค่ แค่ แค่ก!”

เจต ไอไม่หยุด

หัวหน้าแม่บ้านหลิวเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “คุณชายใหญ่คะ อยากจะทานอะไร ให้ดิฉันทำให้ได้ไหม? นิ้วมือของคุณชายไม่ เคยแตะต้องสิ่งพวกนี้มาก่อน คิดจะทำอาหารขึ้นมากะทันหัน คุณชายกำลังทำอาหารซะที่ไหน คุณชายคิดจะเอาชีวิตชัดๆ”

เมื่อเจตต์เห็นความอนาถตรงหน้า เขาหย่อนกันนั่งลงกับพื้น พร้อมเอ่ย “แคทําอาหารทําไมถึงได้ยากเย็นนัก? ฉันทำตามขั้น ตอนทีป้าหลิวบอกแล้วนี่นา”

แม่บ้านหลิวอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ไม่มีน้ำตาแล้วจริงๆ

“คุณชายใหญ่ ทำไมถึงได้สนใจในด้านอาหารขึ้นมาล่ะคะ? หากคุณชายชอบจริงๆ จะไปเข้าคอร์สไหม ให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน อาหารสอนคุณชาย ดีกว่านั่งคลอยู่ที่นี่เยอะเลย

“ผมไม่ไปหรอก อย่างผมนี่นะ หากให้ไปแล้ว ก็เสียชื่อคุณชาย

รัตติกรวรกุลหมดสิ?”

เจต ไม่เข้าใจ

เขาแต่จะทําอาหารที่อร่อยส่งไปให้กับนรมนเท่านั้นเอง ท่าไม ถึงได้ยากเย็นอะไรแบบนี้
ทำไมไอ้บุรีศร์นั้นจึงได้ทำอะไรอร่อยออกมาได้กันนะ?

คงไม่ใช่นโมนตั้งใจโกหกเขาหรอกนะ

ใช่แล้ว!

ต้องเป็นเพราะนรมนโกหกเขาแน่

คนที่อยู่สูงศักดิ์อย่างบุริศร์ จะเข้าห้องครัวที่เต็มไปด้วยกลิ่น น้ำมันได้ยังไงกัน?

เจตต? ยิ่งคิดยิ่งไม่อยากจะเชื่อ

เขาลูปใบหน้าของตนเอง ทันใดนั้นเขาก็ได้พบกับเส้นผมที่ถูก เผาไหม้ติดมากับมือ จึงร้องอุทานออกมาเสียงหลง

“เอ๊ะ! ผมของฉัน!”

เจตต์ดีดตัวลุกขึ้น วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยความเร็วที่แม้แต่ มองไม่เห็นพรรษาที่เป็นลมล้มไป

เมื่อเห็นโศกนาฏกรรมของตนเองในกระจก เจตร์อุทานออก มาอีกครั้ง

“จบกัน จบกัน ไม่มีความสำเร็จแต่แรกอยู่แล้ว คราวนี้นรมน ต้องไม่ชอบฉันเข้าไปใหญ่ ผมของฉัน! จะให้ฉันหัวโล้นไม่ได้ หรอกนะ”

เจตตาให้จนน้ำตาเหือดแห้ง พร้อมกับลูปไล้ขมับที่โล้น เกลี้ยง ด้วยความอยากจะเป็นลมไปซะเดี๋ยวนี้เลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ