แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 725 โลกนี้ช่างแคบเหลือเกิน



บทที่ 725 โลกนี้ช่างแคบเหลือเกิน

“กานต์!

นรมนตะโกนแล้วรีบวิ่งเข้าไป

กานต์หันมามอง เห็นว่านรมนกำลังรีบวิ่งมา จึงสงสัย

“หม่ามี้ ช้าหน่อย เดี๋ยวล้มหรอก”

กานต์รีบวิ่งเข้าไปรับ

นรมนดึงกานต์มาไว้ด้านหลังตัวเอง จ้องไปที่รถจี๊ปคันนั้น แล้ว ถามขึ้น “พวกนายเป็นมาทำอะไรที่นี่?”

อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่ม มองดูท่าทีที่นรมนปกป้องกานต์ก็รู้สึก ตกใจ จากนั้นรีบอธิบาย “คุณอย่าเข้าใจผิด ผมแค่มาดูเท่านั้น” “ดูอะไร? ที่นี่ร้างหมดแล้ว มีอะไรน่าดูเหรอ?”

นรมนพูดอย่างระมัดระวัง

ชายหนุ่มยิ้มแล้วพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด “ผมรู้ว่าบ้านแถวนี้ ร้างหมดแล้ว ผมแค่อยากกลับมาดู ตอนเด็กๆผมเคยได้ยินพ่อ กับแม่เล่าให้ฟัง ว่าที่นี่คือบ้านเกิดของพวกเขา ผ่านไปแล้วหลาย

ปี ผมอยากมาดูที่ที่พ่อและแม่ผมเติบโตมา”

“พ่อแม่นาย?”

นรมนนิ่งอึ้งไป
ไม่ใช่มีคนบอกว่าที่นี่เกิดเรื่องแปลกๆจนคนตายไปหมดไม่ใช่

เหรอ?

ทำไมยังมีคนที่ยังมีชีวิตรอดล่ะ?

“ใช่ครับ พ่อแม่ผมจากที่นี่ไปตั้งแต่อายุ 18 ปี จนถึงตอนอยาก จะกลับมา ที่นี่ก็ไม่มีเสียแล้ว”

ชายหนุ่มลงจากรถ ยืนนิ่งอยู่ซักพัก เขาดูโศกเศร้า

นรมนเพิ่งได้สติขึ้นมา

ดูท่าที่นี่ยังมีผู้เหลือชีวิตรอดอยู่

“นายยังจําชื่อของคุณปู่ได้ไหม?”

“คุณปู่ของผมชื่อ ราเชน”

สิ่งที่ชายหนุ่งพูดออกมา ทำเอานรมนอึ้งนิ่งไป

เมื่อตอนที่เธอทำความสะอาดศาลเข้า เหมือนจะเห็นชื่อนี้

“ที่นี่ถูกพวกเราซื้อเอาไว้แล้ว จากนี้ไปะเป็นที่ส่วนบุคคล แต่ ในเมื่อนายมาแล้ว ก็มาดูเถอะ สามีฉันกำลังความสะอาดศาล เจ้าอยู่พอดี เตรียมจะฟื้นฟูซ่อมแซม”

“ฟื้นฟู ?”

ชายหนุ่มสงสัย แต่ก็รู้สึกดีใจลึกๆ

“สวัสดีครับคุณนาย ผมชื่อโสธร ผมจะเอาป้ายของพ่อและแม่ มาไว้ที่นี่ด้วยได้ไหมครับ? คุณวางใจได้ เดี๋ยวผมจ่ายเงิน ไม่ว่าจะเท่าไหร่ก็ตาม ผมจะพยายามหามาให้ได้ อย่างไรซะทีนี่ก็เป็น บ้านเกิดของพ่อและแม่ ผมอยากให้พวกเขาได้อยู่ในที่ที่จากมา

โสธรมองนรมนด้วยความมุ่งมั่น

นรมนครุ่นคิด แล้วจึงตอบเขา “นายไปถามสามีฉันเถอะ แม่ ของเขาเป็นคนที่นี่ จากไปแล้วหลายปี ตอนนี้ตายแล้ว ก็อยากให้ กลับมาอยู่ในที่ที่จากมาเช่นกัน

“จอบคุณครับ ขอบคุณมากจริงๆครับ”

โสธรเดินตามนรมนเข้าไปด้วยความดีใจ

ระหว่างทาง นรมนจับมือของกานต์แน่น ราวกับกลัวเขาจะ

หายไป

กานต์สัมผัสได้ว่านรมนกำลังตื่นเต้น จึงเดินตามนรมนอย่าง

เงียบๆ

เมื่อมาถึงศาลเจ้า บุริศร์ยังคงทำความสะอาดอยู่

โสธรเห็นว่าศาลเจ้าที่นี่ทรุดโทรมหมดแล้ว แต่ป้ายต่างๆยัง เรียงเรียบร้อย ทำให้เขาน้ำตารื้นขึ้นมา

“บุริศร์ จะบอกอะไรบางอย่างกับนาย

นรมนนำคำพูดของโสธรมาพูดซ้ำอีกครั้ง

บริศร์มองดูเขา แล้วพูดเสียงเบา “ถ้าเป็นคนตระกูลดารายน รีบลงมือช่วยเร็ว”

“ฮะ? ครับ”
โสธรตอนแรกยังไม่รู้ตัว จนเขาได้สติขึ้นมา จึงรีบเข้าไปช่วย นรมนเห็นบุริศร์ใจจดใจจ่อ จึงไม่เข้าไปรบกวนเขา จึงพา กานต์เดินกลับมายังที่พัก

ป้องตามมา พบว่านรมนยังอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว

“นายมาได้ยังไง?”

“ฉันมาได้ยังไง? เธอสองคนแปลก ต้องฝังเข็มครอบแก้วทั้ง คู่ ตอนนี้จะไปก็ไป ยังไม่บอกผมอีก ยังไงกัน? ไม่รักชีวิตกันแล้ว เหรอ? ผมเป็นคนเลวตั้งแต่เกิด ตัวเองต้องทิ้งลูกเมียตามพวก คุณมาเนีย”

ป้องพูดเจืออารมณ์โมโห

นรมนูพูดตอบด้วยความรู้สึกผิด “นายก็รู้นิสัยของบุริศร์ดี ป้า โอเป็นปมในใจของของเขา ถ้าไม่แก้มันออก เขาก็คงไม่มีความ สุข”

“อย่างนั้นก็ไม่เอาชีวิตตัวเองแล้ว ผมบอกคุณให้นะ พวกคุณ ทั้งสองคน ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่มาหรอก โพนี่เพิ่งจะตั้งท้อง ผมจะ ให้เกิดเรื่องผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด”

“อะไรนะ? นายบอกว่าโพนี่ท้องแล้ว? เธอไม่ใช่…” นรมนรีบหยุดพูดลง

ป้องปัดมือขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ “ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร ร่างกายของโพนี่เพราะผมเธอจึงไม่สามารถตั้งท้องได้ ผมยังคิดว่าชาตินี้จะไม่มีลูกแล้ว แต่สวรรค์เห็นใจ เป็นโชคดีของเรนนี่ เช้า วันนี้โพนี่ตรวจพบว่าท้องแล้ว ดังนั้นพวกคุณทั้งสองต้องเชื่อฟัง ผม รีบรักษาให้หายดี ผมจะกลับไปอยู่กับเมียผม

ป้องพูดพลางยิ้มขึ้นมาด้วยความดีใจ

นรมนก็รู้สึกดีใจเช่นกัน

กานต์ยิ้มแล้วพูดขึ้น “เรนนี่จะมีน้องแล้วเหรอ?”

“ใช่”

“หม่ามี้ เมื่อไหร่จะมีน้อง ให้ผมกับกมลบ้างครับ?”

นรมนไม่รู้จะตอบอย่างไร

ชีวิตนี้เธอยังมีโอกาสมีลูกได้อีกเหรอ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นรมนก็นึกถึงป้าโอขึ้นมา แต่ว่าทุกอย่างผ่าน ไปหมดแล้ว เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องรู้สึกอย่างไรกับป้าโอกัน แน่

“นายมีน้องสาวแล้ว เลิกงอแง”

“แต่ผมอยากมีน้องชายด้วย! มีน้องชายอีกคน!!

สิ่งที่กานต์พูดทำให้นรมนรู้สึกโหวงเหวง

ป้องจึงรีบพูดขึ้น “เอาล่ะ ทำไมนายโลภแบบนี้ล่ะ? รอคุณน้า โพนี่คลอดน้องออกมาดีกว่า นายต้องช่วยดูแลน้องด้วยนะรู้ ไหม?”
“ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว!”

กานต์ดีใจมาก

นรมนมองป้องอย่างรู้สึกขอบคุณ จากนั้นป้องก็เริ่มการรักษา

ฝังเข็มครอบแก้ว

บุริศร์และโสธรทำกันอยู่ซักพัก ก็มานั่งพักลงด้วยกัน “ทำไมถึงอยากกลับมาที่นี่ล่ะ?”

บริศ ชวนคุย

โสธรชะงักไป แล้วจึงตอบ “ป้ายของพ่อและแม่ผมไม่มีที่ไว้

“ไม่มีที่ไว้หมายความว่ายังไง?

“พวกเขาตายในหน้าที่ เกิดเรื่องผิดพลาดระหว่างนั้น ตอนนี้ กระดูกและป้ายของพวกเขาเข้าไปในที่เดิมที่พวกเขาเคยอยู่ไม่ ได้ ผมจึงต้องส่งพวกเขาไปอยู่ที่อื่น แต่ก็ไม่ใช่บ้านของตัวเอง ผม จึงอยากมาดูที่นี่ ถ้าหากเป็นไปได้ ก็จะเอากระของพวกเขากลับ มา”

โสธรพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาก็เริ่มรู้สึกแย่

บุริศร์ไม่ได้ถามมาก จึงค่อยๆพูดขึ้นมา “ฉันจะหาคนมาซ่อมที่ นี่ ประมาณหนึ่งอาทิตย์ นายลองดู ถ้าทันนายก็พาพ่อแม่นายมา บอกตามตรง ฉันมาที่นี่เพราะเพื่อฝั่งแม่ของฉันเหมือนกัน”

“ขอบคุณครับ คุณบุริศร์”

โสธรรีบพูดขอบคุณ
“นายทำงานอะไร?”

“ผมยังเรียนไม่จบ แต่ตอนนี้ทำงานพาร์ทไทม์อยู่ คุณวางใจได้ ผมมีเงินจ่ายค่าที่ป้ายของพ่อแม่

โสธรคิดว่าบุริศร์จะคิดว่าเขาไม่มีเงินจ่าย จึงรีบพูดขึ้นมา

บริศร์ส่ายหัว “เงินอะไรกัน คนกันเองทั้งนั้น นายเรียนเอก อะไร?”

“การจัดการการเงินครับ

“เรียนจบแล้วมาหาฉันที่เมืองชลธี

บุริศร์ยื่นนามบัตรของตัวเองให้กับโสธร

เมื่อโสธรรับนามบัตรมาจากบุริศร์ ก็อึ้งไป

บริษัทฮัวยูกรุ๊ปจํากัดเป็นบริษัทดังเขารู้ดี เขาไม่เคยคิดว่าตัว เองจะมีโอกาสเข้าบริษัทนี้เลย

“คุณเป็นประธานบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจํากัด?”

“ใช่ แต่บ้านเกิดก็คือที่นี่เหมือนกัน แค่ผลงานดีก็พอแล้ว บริษัทฮัวยูกรุ๊ปจํากัดจะมีตำแหน่งรอสำหรับนาย

“ขอบคุณมากครับคุณบุริศร์ ขอบคุณครับ”

โสธรตื้นตันจนน้ำตารื้น

ตอนที่นรมนกลับมานั้น พวกเขากำลังคุยกันอยู่

“คุยกันอะไรกันหน่ะ? ไม่กินข้าวกันแล้วเหรอ?”
นรมนเดินถืออาหารเข้ามา เดินตามมาด้วยป้อง

นายมาได้ยังไง?”

บุริศร์แปลกใจที่เจอป้อง

“พวกนายสองคนที่นะ ถามอะไรแต่ละอย่าง มาได้ยังไง? ไม่ พอใจที่ฉันมาเหรอ? อาการเจ็บประสาทของนายต้องได้รับการ รักษา! ถ้าเมียนายทำเป็นแล้ว ฉันก็ไม่มาหรอก”

ป้องบ่นด้วยความไม่พอใจ

บริศ พลันนึกถึงอาการป่วยของตัวเองขึ้นมา

จึงพูดเสียงเรียบ “ฉันไม่เป็นอะไร

“ตอนนี้ไม่เป็นอะไร หลังจากนี้ก็จะเป็นอะไรแล้ว รีบกินข้าว เหอะ กินเสร็จฉันจะฝังเข็มครอบแก้วให้นาย

ป้องรู้จักบุริศร์ดี จึงเบื่อที่จะต่อรองกับเขา

โสธรเจอกับคนแปลกหน้าที่มาใหม่ จึงรีบลุกขึ้นมาแล้วพูดขึ้น “ผมกับเก็บกวาดก่อน”

“กินข้าวก่อนสิ”

นรมนเห็นว่าชายหนุ่มชื่อมาก จึงรั้งเขาไว้

“กินเถอะ กินหมดแล้วจะมีแรงทำงาน

เมื่อเห็นท่าทางของเขา โสธรนั่งลงด้วยความเขินอาย
“ขอบคุณครับ!”

“รีบกินเถอะ”

พวกเขาพอจะคุยเข้ากันได้ดี

หลังจากที่กินข้าวเรียบร้อย บุริศร์จึงรับการรักษา โสธรกำลัง คิดจะกลับไปทำอะไรซักอย่าง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา

โสธรดูเบอร์ที่โทรมาบนหน้าจอ จึงยิ้มแล้วกดรับสาย

“พี่ ไม่โทรหาผมนานเลยนะ”

“ใช่สิ เป็นยังไงบ้าง? สบายดีไหม?”

“สบายดีอยู่”

โสธรชินกับการคุยโทรศัพท์แบบเปิดลำโพง

ตอนที่นรมนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังออกมานั้น ก็รู้สึกตกใจเล็ก

น้อย

เธอมองโสธรไปตรงๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น โสธรคุยกับพี่สาวไม่กี่คำ พอจะดูออกว่าพวกเขาสนิทกันมาก

พี่กลัวว่าโสธรจะไม่กล้าใช้เงิน จะลำบากตัวเองเวลาอยู่ข้าง นอก จึงเอาแต่จะส่งเงินมาให้โสธรใช้

ไม่ว่าจะพูดอย่างไรโสธรก็ไม่เอา

“ผมจะหาเงิน พี่ ผมจะตั้งใจเก็บเงิน เป็นสินสอดให้พี่ไง”
“เจ้านี่, พี่แกเพิ่งอายุเท่าไหร่? ไม่เอาสินสอด

* โอเค ไม่คุยกับเธอแล้ว ฉันอยู่ข้างนอก เดี๋ยวโทรกลับ”

หลังจากที่โสธรวางสาย เขาก็ฉีกยิ้มขึ้นมาด้วยความร่าเริง นรมนถามโสธรหลังจากที่เขาวางสาย “โสธร พี่สาวของนาย คือนิตา ใช่ไหม?”

“เอ๊ะ? คุณนาย รู้จักพี่สาวของผมเหรอครับ?”

โสธรทำให้นรมนรู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างแคบเหลือเกิน

ทําไมเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่านิตาเป็นคนจากที่นี่ และเธอพบ กับโสธรน้องชายของนิตา

นโมนพยักหน้า “ใช่ ตอนนี้พี่ของนายทำงานอยู่บริษัทท่อง เที่ยว เธอเป็นคนที่ใช้ได้เลยแหละ”

“จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นรบกวนให้คุณนายช่วยดูแลพี่สาวของ ผมด้วยครับ พี่ของผมคนนี้ ทำอะไรโผงผาง บางครั้งก็ทำตัวไม่ ถูก บางครั้งก็พูดตรงเกินไป แต่เธอจิตใจดี

โสธรเอาแต่พูดถึงข้อดีของนิตา ทำให้นรมนรู้สึกอิจฉาความ สัมพันธ์ของสองพี่น้องนี้มาก

“ไม่มีทาง เธอสบายดี วางใจเถอะ ตอนนี้พี่สาวของคุณอยู่ที่ สิบสองปันนา ถ้ามีเวลาอยากจะเจอไหมล่ะ?”

“อย่า อย่าบอกพี่ฉันเป็นอันขาดว่าฉันกลับมาที่นี่

การกระทําของโสธรทำให้นรมนตกตะลึง
“เพราะอะไร?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ