แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 882 เธอฉันอีกแล้วนะ



บทที่ 882 เธอฉันอีกแล้วนะ

นรมนกับเนตราถือว่าเป็นปรปักษ์ต่อกัน

เดิมที่เธอเห็นแก่หน้าของแม่นรมนจึงไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย กับเธอเกินไป ใครจะคิดว่าเนตราจะยั่วโมโหเธอไม่นึกว่าจะรน หาที่ตาย นรมนรู้สึกว่าถ้าเธอยังยั่วโมโหอีก เธอจะโยนเนตรา ออกไปทันที

แต่ในสายตาของนรมน เนตราตื่นตระหนกตกใจ

“เชอะ ไม่ฟังก็ไม่ฟัง ดุขนาดนี้ทำไม ไม่รู้ว่าบุริศร์ถูกใจเธอ ตรงไหน?”

เนตราพูดจบก็กลับห้องไป เพียงแต่ปิดประตูซะดังลั่น

นรมนหงุดหงิด อึดอัดใจมาก

กานต์ยื่นหัวออกมาดู แล้วถามขึ้น “หม่าม ให้ผมโยนเธอออก ไปไหมครับ?”

“ไม่เป็นไรจ๊ะ เราเล่นต่อเถอะ หม่าจะออกไปเดินเล่นหน่อย” นรมนเดินออกไปจากบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็ก

ลมที่ด้านนอกปะทะเข้ามาที่ใบหน้าของเธอ ทำให้อารมณ์ของ เธอคลายความอึดอัดลงไปได้บ้าง

การออกแบบเมื่อครูที่โดนแทรกแซง ตอนนี้ก็ไม่ง่ายเลยที่จะ ปะติดปะต่อขึ้นมาอีกครั้ง นรมนจึงถือโอกาสไม่คิดแล้ว กลับอยากจะไปหาพวกผมทิพย์หน่อย

แม้คมทิพย์จะบอกว่าไม่อยากเจอตนเอง แต่เธอก็ไม่สบายใจ อีกอย่างเรื่องตอนนี้มีเบาะแสเพิ่มเติมนิดหน่อยแล้ว เธอรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคนทิพย์ยังสามารถแก้ไขได้

นึกถึงตรงนี้ นรมนจึงขับรถไปที่ย่านโคมแดงด้วยตนเอง ตอนที่พฤกษ์เห็นเธอมาก็ชะงักเล็กน้อย แล้วถามขึ้นเบาๆ “คุณนาย พวกเขาไม่อยู่ที่นี่ครับ ผมกลับมาเก็บของ

“ไปไหนกันเหรอ?”

“อยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด หมอผ่าตัดได้อย่างราบรื่น แต่ว่า วันนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เธอแนะนำให้พวกเรารออยู่ที่โรง พยาบาลน่ะครับ”

ได้ยินพฤกษ์พูดอย่างนี้ นรมนจึงเป่าปากคลายกังวลลง

“ค่าผ่าตัดของปัญญ์..……..

“ผมกำชับไปแล้วครับ คุณนายวางใจได้ นี่คุณมาหาคมทิพย์ กับปัญญูเหรอครับ?”

“อื้ม แต่ตอนนี้ฉันไม่ไปแล้ว ถ้าอยู่ที่โรงพยาบาล ความกังวล ของทิพย์จะกระตุ้นความสนใจของคนอื่นๆได้ง่าย ถึงตอนนั้นจะ ทำให้พวกเขามีอันตรายก็คงไม่ดีแน่ ช่วยฉันดูแลพวกเขาเป็น อย่างดีด้วยนะ”

จริงๆนรมนอยากจะไปหาพวกเขามากๆ แต่ต้องอดกลั้นเอาไว้
“ครับ”

พฤกษ์พยักหน้า

นรมนจึงหมุนตัวเดินกลับไป

ตั้งแต่ตระกูลเจริญไชยเกิดเรื่องเธอก็นึกถึงลวดลายดอกฝิ่น แล้วก็นึกถึงภาริชกับคุณอารอง เอาแต่รู้สึกว่าข้างในยังมีบางจุด ที่ไม่เข้าใจ

ถ้าภาริชเป็นผู้คิดค้นดอกฝิ่นจริงๆ ทำไมถึงยอมรับอย่าง รวดเร็วขนาดนั้นล่ะ? อีกอย่างไม่นานมานี้ยังเรียกตนเองว่าพี่ สะใภ้อยู่เลย จุดนี้ทำให้เธอประหลาดใจมาก

ตอนนี้บุริศร์ยังไม่กลับ เธอก็ไม่รู้ว่าตนเองควรจะไปดูหน่อย

ไหม

นรมนขับรถไปตามถนนใหญ่ด้วยความวุ่นวายใจ ในทันทีเธอก็เห็นพ่อนรมนกำลังถือภาพวาดไปที่โรงรับจำนำ

ในใจของนรมนชะงักเล็กน้อย

ภาพวาดของพ่อนรมนค่อนข้างมีมูลค่า เคยมีคนขอซื้อด้วย เงินก้อนใหญ่แต่เขาก็ไม่ยอมขาย ไม่นึกว่าจะถือมาที่โรงรับจำนำ นี่ธุรกิจของตระกูลธนาศักดิ์ธนมีปัญหางั้นเหรอ?

นรมนจึงรีบตามไปอย่างรวดเร็ว

พ่อนรมนถือภาพวาดเข้าไปในโรงรับจำนำ เห็นได้ชัดว่าค่อน ข้างฝืนใจและตัดใจทิ้งไม่ลง
นโมนพอจะมองออก เขาตัดใจทิ้งไม่ลงจริงๆ ในดวงตาที่มี รอยน้ำตาเล็กน้อยนั้น บีบหัวใจของ นรมนจนเจ็บปวด

“คุณท่านธนาศักดิ์ธน นี่คุณ…….

เจ้าของโรงรับจำนำเห็นพ่อนรมน จึงรีบออกมาต้อนรับ

พ่อนแมนพูดขึ้นอย่างอึดอัด: “ผมอยากจะนำภาพวาดสอง ภาพนี้ คุณประเมินราคามาได้เลย

แค่พูดออกไป อีกฝ่ายก็ชะงักเล็กน้อย แล้วถามขึ้นอย่างเหลือ เชื่อ: “คุณท่านธนาศักดิ์ธนครับ คุณอยากจะนำภาพวาดของ ตนเองจริงๆเหรอครับ? คุณทราบไว้ด้วยนะครับ ว่าที่ผมนี่มีวัน หมดเขต ภายในระยะเวลาที่กำหนดถ้าคุณเอาคืนไปไม่ได้ ภาพ วาดพวกนี้ก็จะเป็นของผม

พ่อนรมนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

“ผมทราบ รบกวนคุณประเมินราคาหน่อยแล้วกัน”

เจ้าของโรงรับจํานำค่อนข้างรอบคอบ

“ผมจะไปเชิญผู้เชี่ยวชาญมาประเมินนะครับ ไม่อยากให้คุณ เสียเปรียบ”

พ่อนโมนพยักหน้า

นรมนเห็นเจ้าของโรงรับจำนำเข้าไปข้างใน เธอจึงเข้าไปทาง

ประตูหลัง

“เจ้าของคะ ปรึกษาสักเรื่องค่ะ”
ตอนที่เจ้าของโรงรับจำนำเห็นนรมนก็ชะงักเล็กน้อย

“คุณนายบุริศร์ นี่คุณกับคุณท่านธนาศักดิ์ธน…….

“พ่อฉันน่าจะกำลังเผชิญอยู่กับปัญหา ลำบากใจที่จะเอ่ยปาก กับพวกฉัน เอาอย่างนี้ค่ะ ภาพวาดที่เขาจำนำ เดี๋ยวคุณเอาใบ เสร็จมาให้ฉัน ราคาเท่าไหร่ฉันเป็นคนจ่าย เข้าใจความหมาย ของฉันไหมคะ?”

นรมนูพูดอย่างนี้ เจ้าของร้านก็เข้าใจแล้ว

“ได้ครับ ผมยังคิดจะหาเงินสักก้อน แต่ในเมื่อคุณนายบุริศร์ เอ่ยปากแล้ว ผมก็ต้องให้เกียรติคุณอยู่แล้วครับ”

“คุณหักค่านายหน้าออกได้เลย ไม่เป็นไรค่ะ พ่อฉันเป็นคนมี ศักดิ์ศรี คุณอย่าบอกว่าฉันเป็นคนซื้อก็พอ”

นรมนพูดจนถึงตรงนี้ เจ้าของร้านจึงเข้าใจอย่างสมบูรณ์แล้ว

“ได้ครับ ขอบคุณคุณนายบุริศร์มากครับ”

เจ้าของร้านออกไปตามคนมาประเมินราคา นรมนมองจาก ด้านในก็เห็นพ่อนรมนเปิดภาพวาดอย่างตัดใจไม่ได้ ลูบไปลูบ มาครั้งแล้วครั้งเล่า

สรุปว่าเกิดเรื่องอะไรที่ต้องใช้เงินกันแน่? ไม่นึกว่าจะทำให้พ่อ นรมนยอมตัดใจทิ้งไปเช่นนี้

นรมนไม่รู้ แต่เธอก็รู้ ต่อให้เธอถาม พ่อนรมนก็อาจจะไม่บอก เจ้าของร้านพาผู้ประเมินไปที่ด้านหน้า ปรึกษากับพ่อนรมนอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่นานตกลงราคาภาพภาพเจ็ดล้าน

เจ้าของร้านใบเสร็จรับเงินพ่อนรมน แล้วมอบเงินให้ นรมนถือใบเสร็จกับเงินไว้ แล้วมองภาพอีกครั้งอย่างไม่จึงก้าวไปจากร้าน

นรมนเห็นน้ำตา

เจ้าของเอาใบเสร็จนรมน

“คุณนายบุริศร์ครับ คุณท่านธนาศักดิ์ธนขายเลยนะครับ

อะไรนะ?”

โรงรับจํานําการนำแล้วค่อยมาไถ่คืนกับการจํานำไว้เลย การแล้วค่อยมาไถ่คืนวันจำกัด เพียงแค่เวลาที่กำหนด ก็เอาของไปได้เหมือนเดิม ส่วนการ นำไว้เลยเท่าการขายทิ้งไป

นรมนมาโดยตลอดว่าพ่อนรมนภาพวาดของตนเอง ขนาดนั้น คงไม่นำเอาเลยเด็ดขาด คิดไม่ถึงเขาจะ จํานําเอาเลย อีก

ให้คุณสิบเอ็ดล้าน เอาสามล้านไปให้พ่อฉัน ที่เหลืออีกหนึ่ง

มนหยิบบัตรแบล็คการ์ดออกมารูด
เงินจึงเข้าบัญชีเจ้าของร้านทันที

“ได้ครับ คุณนายบุริศร์ คุณรอสักครู่”

เจ้าของร้านถือเงินตามพ่อนรมนออกไปด้วยตนเอง

นรมนเห็นพ่อนรมนโดนเจ้าของร้านตามออกไป มอบเช็คที่ เหลือเงินอีกสามล้านให้ สีหน้าท่าทางก็สับสนขึ้นมาทันที

เขาเคยเป็นคนที่ไม่ยอมทิ้งสิ่งของที่ตนเองรักเพื่อเงินอย่างเด็ด ขาด ตอนนี้ไม่นึกว่าจะถือภาพวาดของตนเองมาจำนำ นี่เกิดเรื่อง อะไรขึ้นกันแน่?

ในใจของนรมนร้อนรน เก็บภาพวาดอย่างระมัดระวัง แล้วจึง ตามพ่อนรมนไป

แค่เห็นว่าพ่อนรมนถือเงินเอาไว้ไม่ได้กลับบ้าน แต่เข้าร้านเปีย

โนเพื่อไปเลือกไวโอลิน

นรมนไม่รู้ว่าใครเล่นไวโอลินเป็น เธอจับตาดูต่อไปด้วยความ สงสัย สุดท้ายแล้วพบว่าพ่อนรมนเสียเงินแปดล้านเพื่อไวโอลิน ตัวหนึ่ง พากลับบ้านด้วยความระมัดระวัง

แม่นรมนสีไวโอลินไม่เป็น พ่อนรมนยิ่งไม่เป็น ส่วนเธอเคย เรียนแค่เปียโนกับกู่เจิง แล้วไวโอลินในวันนี้ซื้อให้ใครล่ะ?

ในหัวของนรมนมีใบหน้าของเนตราลอยออกมา คนหยาบคายคนนั้นไม่นึกว่าจะเล่นไวโอลินเป็น คำตอบนี้ไม่มีใครพอจะบอกนรมนได้
นรมนเห็นที่บ้านไม่มีปัญหาอะไร จึงขับรถกลับบ้านใหญ่ ตระกูล โตเล็ก

ตอนที่กลับมา บุริศร์กลับมาแล้ว กำลังจะโยนเนตราออกไป ข้างนอก

“นรมน เธอกลับมาพอดี นี่พวกเธอหมายความว่าไง? ฉันจะ

โทรบอกแม่ฉัน!”

เนตราพูดแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาจริงๆ แต่ไม่ได้รีบร้อนโทร ออกไป เธอกำลังมองนรมน รอให้ นรมนโต้ตอบกลับมา

บุริศร์เห็นนรมนกลับมาแล้ว จึงรีบเข้าไปใกล้ๆ ถามอย่างเป็น ห่วง: “คุณไปไหนมา? กานต์บอกว่าคุณออกไปข้างนอกคนเดียว ในบ้านก็มีคนเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง เธอเป็นใคร?

“คุณไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่กลับไล่เธอออกมาข้างนอกเนี่ย

นะ?”

นรมนรู้สึกว่าบุริศร์ก็เย็นชาใช้ได้เลย

“นี่เป็นบ้านของเรา เธอวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในบ้านของเรา ที่ผม ไล่เธอออกไปถือว่าเบาแล้วนะ”

บุริศร์ไม่ไว้หน้าเนตราสักนิดเลย เนตราเบ้ปากด้วยความ โมโห แต่ไม่กล้าปฏิบัติกับบุริศร์เหมือนที่ทำกับนรมน อันที่จริงบุ ริศร์ก็เป็นคนใหญ่คนโตของเมืองชลธี

ความกลัดกลุ้มตลอดช่วงบ่ายของนรมนผ่อนคลายลงไปในทันที
“ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนให้เธออยู่เอง

“คุณ?”

“เธอเป็นลูกสาวแท้ๆของพ่อแม่ฉันเนตรา พ่อแม่ฉันจะตกแต่ง ห้องใหม่ จึงให้เธอมาอยู่ที่นี่ชั่วคราวไม่กี่วันหรอก”

“พ่อแม่กลับมาแล้วเหรอ?”

“อื้ม กลับมาตอนบ่าย ออกไปสักพักแล้ว

นรมนส่งกุญแจรถให้บริศร์ แล้วหันไปมองเนตราที่กำลัง เดือดดาลแต่ไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้าของบริศร์ จู่ๆก็นึกถึงเรื่อง ไวโอลิน

“เธอเล่นไวโอลินเป็นเหรอ?”

เนตราชะงักเล็กน้อย พูดจาไม่ค่อยรื่นหูสักเท่าไหร่: “ฉันเล่นไม่ เป็นก็ไม่มีสิทธิ์เรียนงั้นเหรอ? ฉันให้พ่อไปลงทะเบียนคลาสเรียน ไวโอลินให้แล้ว ตามที่พ่อบอกเขาจะเชิญอาจารย์ที่เก่งที่สุดมา สอนฉัน ชื่ออะไรสักอย่าง”

นรมนแค่ได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

“กวินทร์”

“ใช่ๆๆ กวินทร์คนนั้นแหละ ตามที่เคยได้ยินมีหลายคนที่ อยากเรียนดนตรีกับเขา แต่กลับไม่มีโอกาส แต่พ่อฉันมีความ สามารถพอที่จะจัดการให้ฉันได้

เนตราพูดอย่างภาคภูมิใจ แต่นรมนกลับโมโหเล็กน้อย
“เธอตั้งใจเรียนไวโอลินให้เต็มที่จะดีที่สุด ไม่งั้น…….

“ทําอะไร? เธอ ฉันอีกแล้วนะ? ระวังฉันจะฟ้องพ่อ อย่าคิดว่า พ่อเอ็นดูเธอ แล้วเธอจะรังแกฉันได้ ฉัน…..”

“ถ้ายังพูดจาไม่มีกาลเทศะกับภรรยาของฉันอีก เชื่อไหมว่าฉัน จะโยนเธอไปอยู่ในกรงหมาไปอยู่เป็นเพื่อนหมาซะ

บริศ เอ่ยปากอย่างเย็นชา ทำให้เนตราปิดปากได้สําเร็จ

ในใจของนรมนมีความไม่สบายใจอัดอั้นอยู่ พูดกับบุริศร์ “ตอนเย็นฉันไม่กินข้าวนะ จะขึ้นไปนอนแล้ว

“งั้นเราออกไปกินข้าวข้างนอกกันดีกว่า”

บุริศร์รู้ว่านรมนอึดอัดใจ เพราะพ่อแม่ของตระกูลธนาศักดิ์ธน เธอจึงปฏิเสธไม่ได้ ทำให้ไม่สบายใจจนทนไม่ไหวจริงๆ

แต่นรมนกลับส่ายหน้า: “เหนื่อยนิดหน่อย ไม่อยากออกไป คุณพากานต์ออกไปเถอะ

“ช่างเถอะ คุณขึ้นไปพักผ่อนข้างบน อาหารเสร็จแล้วผมจะยก ขึ้นไปให้ เดี๋ยวผมไปจัดการเรื่องนิดหน่อยในห้องหนังสือก่อน

บริศ เห็นนรมนไม่สนใจ จึงไม่ออกไปแล้ว

คำพูดของทั้งสองคน ลืมเนตราไปโดยสิ้นเชิง

เนตราอยากจะเตือนหน่อยว่าตนเองยังอยู่ตรงนี้ แต่เธอเพิ่งจะ อ้าปาก สายตาที่เย็นชาของบุริศร์ก็สาดเข้ามาทันที ราวกับดาบ น้ำแข็งอย่างนั้น เธอจึงต้องปิดปากด้วยความตกใจ
“อยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ไม่อนุญาตให้รบกวนการพักผ่อนของภรรยา ฉัน ยิ่งไม่อนุญาตให้ยั่วโมโหภรรยาฉัน ไม่งั้นฉันจะไม่สนใจว่า เธอเป็นลูกสาวของใคร แล้วจะจัดการเธอเหมือนเดิม

บริศ พูดจบ ก็โอบไหล่ของนรมนขึ้นไปชั้นสอง ไม่เห็นสายตา อึมครึมคู่นั้นของเนตราที่จ้องเขม็งไปในรมน อยากจะใช้สายตา เชือดคอเธอเหลือเกิน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ