แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 664 ฟังคุณภรรยา



บทที่ 664 ฟังคุณภรรยา

บุรีศร์มองนรมน และตอบด้วยรอยยิ้ม แต่ก่อนคุณอยากไปที่ไหน พวกเราจะไปที่นั่น เพียงแต่พวกเราจะไปกันเอง”

“เพราะอะไรเหรอ? ”

นรมนสงสัยมาก

ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่เมืองชลธี ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลที่มี ทรัพยากรมากมาย พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ที่ไหน ดังนั้นจึง เลือกใช้บริษัททัวร์

ตอนนี้บริศร์บอกว่าพวกเขาจะไปกันเอง นรมนจึงไม่เข้าใจ

บุริศร์อธิบายเสียงเบา ถ้าไม่ได้บังเอิญเจอนลิน พวกเราจะทำ อะไรก็ได้ แต่บังเอิญเจอนลินไปแล้ว พวกเราต้องเตรียมป้องกัน สักหน่อย เธอทําบริษัททัวร์ ต้องมีการติดต่อกับบริษัททัวร์เหล่านี้ แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบื้องบนสนับสนุนการพัฒนาการ ท่องเที่ยวของที่นี่ เธอผ่านเบื้องบนได้หรือเปล่าก็ไม่รู้เหตุการณ์ เมื่อสักครู่ รถเสียจริง หรือพวกเขามีอุบายอะไร พวกเราเองก็ไม่รู้ แน่ชัด การหลีกเลี่ยงอันตรายเป็นหนทางเดียวที่ดีที่สุดของพวก เรา”

ได้ฟังบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนถึงจะเข้าใจ อยู่ข้างกายบริศ นรมนเคยชินกับการไม่ใช้ความคิดไปแล้ว
เอ้อ!

นี่เป็นนิสัยที่ไม่ดีเลย!

นโมนแอบคิดในใจ

เสียงด้านล่างค่อยๆ เบาลง จนสุดท้ายก็เงียบไป

บางทีคนพวกนั้นอาจคิดไม่ถึงว่าบุริศร์กับนรมนจะขึ้นมาบน ภูเขา หรือพวกเขาอาจไม่คาดหวังให้การเดินทางล่าช้า ไม่ว่า อย่างไรก็ตามพวกเขาไปแล้ว

นรมนหิวน้ำ แต่เมื่อจะหยิบน้ำขึ้นมาก็นึกได้ว่า กระเป๋าวางอยู่ บนรถ ตอนนี้พวกเขาไม่มีอาหารและน้ำ อยู่ห่างไกลจากผู้คน ควรจะ

ทําอย่างไรดี?

บริศ มองริมฝีปากแห้งของนรมน จึงหยิบน้ำขวดเล็กออกมา จากกระเป๋าและส่งให้

“ดื่มสักหน่อย เติมน้ำให้ร่างกาย

นรมนอึ้งไปหมด

ทําไมเขาถึงมีน้ำดื่ม?

ทันใดนั้นนรมนจำได้ว่าหลังจากเจอนลิน ตอนที่กำลังจะขึ้นรถ บริศ ซื้อน้ำสองขวด

และเธอดื่มหมดไปขวดหนึ่งแล้ว เธอไม่เห็นของบุริศร์ คิด ว่าเขาใส่ไว้ในกระเป๋า หรืออาจจะดื่มหมดแล้ว นึกไม่ถึงว่าบุริศร์จะเก็บไว้ในกระเป๋า

สามารถพูดได้ว่า ตั้งแต่ตอนนั้น บุริศร์ก็เตรียมป้องกันไว้แล้ว

นรมนศรัทธาในความรอบคอบของบริศ เป็นอย่างยิ่ง

เห็นบุริศร์ก็มีท่าทางกระหายน้ำ นรมนจึงส่งขวดน้ำให้แก่เขา

คุณแบกฉันขึ้นภูเขา เสียพลังงานไปมากกว่านั้น และยังสูญ เสียน้ำไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย คุณดื่มเถอะ”

มองเห็นภาษามือของนรมน บุริศร์ตอบด้วยรอยยิ้ม ผมไม่ดื่ม คุณดื่มเถอะ เส้นทางแค่นี้สำหรับผมไม่มีปัญหา นรมนรู้ บริศร์กำลังปลอบโยนเธอ

ตอนนี้มีน้ำเพียงขวดเดียว ถ้าลงไป ยังไม่รู้ว่านานแค่ไหนถึงจะ เจอรถผ่านมาแถวนี้ ถ้าพวกเขาเดินเท้า น้ำขวดนี้จะมีค่าอย่างยิ่ง

บริศ ต้องการประหยัดเพื่อให้เธอดื่มแน่นอน

นรมนเปิดขวดน้ำออกอย่างดื้อรั้น จากนั้นจึงวางไว้ที่มุมปาก ของบุริศร์ ความหมายชัดเจนคือ ถ้าบุริศร์ไม่ดื่ม เธอก็ไม่ปล่อย มือ

เห็นนรมนยืนกรานเช่นนี้ ในใจของบุริศร์รู้สึกอบอุ่น สุดท้าย จึงยอมดื่มหนึ่ง และส่งให้ กล่าวว่า “เอาล่ะ คุณรีบดื่มเถอะ ดื่ม หมดก็ไม่เป็นไรนะ ผมดูแผนที่บนมือถือแล้ว มีร้านค้าอยู่ไม่ไกล พวกเราสามารถไปซื้อน้ำดื่มที่นั่นได้

ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ ถึงนรมนจะดื่มเข้าไปหลายคำ เพียงแต่เพราะร้อนอบอ้าวเกินไป ดื่มไปหลายคำก็ไม่มีประโยชน์

เธอกลับเก็บขวดน้ำลง

“เป็นอะไรไป กระหายน้ำก็ดื่มไปสิ ไม่ได้บอกคุณแล้วหรือไง? ไม่ไกลจากนี้มีร้านค้า ถึงแล้วค่อยซื้ออีก”

นรมนกลับส่ายหน้าและกล่าวด้วยภาษามือว่า”เหลือไว้เถอะ คุณก็พูดเอง ไม่ไกลจากนี้มีร้านค้าอยู่ ดังนั้นอดทนสักหน่อย ก็ได้”

บริศร์รู้ นรมนเหลือเอาไว้เพื่อเป็นทางหนีทีไล่ของพวกเขา เขาหัวเราะ และไม่พูดอะไร จากนั้นจึงแบกนรมนลงไป นรมนต้องการเดินเอง แต่บุริศร์ไม่เห็นด้วย หลังจากทั้งสองลงมาจากภูเขา บุริศร์หอบแฮกๆ นรมนเห็นรถทัวร์ขับออกไปนานแล้ว ตรงนี้ไม่มีอะไรเหลืออยู่ เลย บนถนนก็ว่างเปล่าไม่มีรถสักคัน

เธอรีบหยิบมือถือออกมาต้องการดูว่าที่นี่คือที่ไหน เมืองที่อยู่ ใกล้ที่สุดห่างออกไปไกลแค่ไหน แต่เมื่อหยิบมือถือออกมาเธอ พบว่าสัญญาณที่นี่ไม่ค่อยเสถียร

ดังนั้นบุริศร์พูดได้อย่างไรว่าดูจากแผนที่ในมือถือมีร้านค้าอยู่ ห่างออกไปไม่ไกล

ในใจของนรมนรู้สึกเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข แต่กลับมีความ ขมขื่นและปวดใจอยู่ด้วย
โชคดีที่เธอไม่ได้ดื่มน้ำไปจนหมด มิฉะนั้นยังไม่รู้ว่าจะเป็น อย่างไร

เห็นนโมนสบตาของตนเอง และเห็นมือถือในมือของนรมน บุรี ศร์จึงรู้ว่าเธอรู้ว่าตนเอง โกหกเธออีกครั้ง

เขากลับกล่าวอย่างไม่รู้สึกผิดสักเล็กน้อย คุณจะฉลาดไป

ทำไมเมื่ออยู่ต่อหน้าผม? ให้คุณดื่มก็ดื่มไป

นรมนถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ กล่าวด้วยภาษามือ ว่า ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร?

“หาที่รอสักพัก หรือจะเดินดูไปเรื่อยๆ คุณตัดสินใจได้เลย ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนรู้ว่า เขาให้อำนาจการตัดสินใจ แก่ตนเองอีกครั้ง

นี่เป็นเพราะเธอเลือกบริษัททัวร์ ตอนนี้บุริศร์กับเธอจึงอยู่ใน สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ ถ้าให้บริศร์ตัดสินใจ เดาว่าตั้งแต่แรกบริศ คงเช่ารถขับเที่ยวเองไปแล้ว

นรมนมองบุริศร์ ในแววตามีความละอายใจ

บุริศร์เป็นคนที่ช่างละเอียดเหลือเกิน เห็นนรมนเป็นเช่นนี้ จึง กล่าวด้วยรอยยิ้ม“นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย พวกเราออกมา เที่ยวกัน มีความไม่แน่นอนทุกรูปแบบ ขับรถเที่ยวเองก็มีข้อดี ของมัน เกี่ยวกับทัวร์ก็มีข้อดีของมัน เพียงแต่เพราะผมค่อนข้าง ระมัดระวัง บางทีทั้งหมดนี้ผมอาจคิดมากไปเองก็ได้? ตอนนั้น อาจเป็นเพราะผมคิดเยอะไปจึงทำให้คุณต้องมาลำบากอย่างนี้
นรมนกลับไม่เห็นด้วยกับคําพูดของเขา

ไกด์คนนั้นมีปัญหาจริงๆ มิฉะนั้นทำไมถึงมองพวกเขาด้วย สายตาแปลกๆ ?

ราวกับว่าพวกเขาเป็นปลาตัวอ้วน

นรมนก็ไม่โต้เถียงบุริศร์ เธอชี้ไปที่ถนนเบื้องหน้า และกล่าว ด้วยภาษามือ พวกเราเดินดูไปเรื่อย ๆ ดีกว่า พระอาทิตย์ที่นี่ยิ่ง ขึ้นสูงเรื่อยๆ การรอไม่ใช่วิธีที่ดี เดินไปข้างหน้าพวกเราอาจจะ เจออะไรก็ได้”

“ครับ ฟังคุณภรรยา ”

บุริศร์ไม่เห็นต่างแม้แต่เล็กน้อย

ในครั้งนี้ นรมนไม่ต้องให้เขาแบกแล้ว

ทั้งสองจูงมือกันเดินไป เหมือนกับเดินเล่นสุด ๆ

ในความเป็นจริงหากทิ้งทุกอย่างไป ทิวทัศน์ที่สวยงามมาก จริง ๆ แถมอากาศยังดีอีกด้วย นรมนรู้สึกว่าเดินจูงมือกับบริศร์ ลงไปแบบนี้ก็ไม่เลว จนเธอเกิดภาพลวงตาขึ้นด้วยซ้ำ เหมือนว่า แบบนี้จะสามารถเดินไปถึงวันที่โลกสิ้นสุด จนถึงชั่วฟ้าดินสลาย

ไม่มีเรื่องอื่นมารบกวน มีเพียงแค่พวกเขาแค่สองคน พาความ รักของพวกเขาไปข้างหน้า

บุริศร์เห็นนรมนูท่าทางมีความสุข อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างสุขใจ ตราบใดที่นรมนมีความสุข ให้เขาทำอะไรก็ยอม
ทั้งสองคนเดินไปแบบนั้น เดินไปได้ชั่วโมงกว่า ก็ยังคงอยู่บน ทางหลวง เพียงแต่พวกเขากลับเห็นคนจํานวนหนึ่งอยู่ข้างหน้า

คนพวกนั้นถือกระเป๋าใบเล็ก ใบใหญ่ พูดไปด่าไป

บริศร์กับนรมนมองหน้ากันและเดินเข้าไป นึกไม่ถึงว่าพวกเขา จะเป็นนักท่องเที่ยวที่อยู่บนรถทัวร์คันเมื่อสักครู่นี้

“พวกคุณมาทําอะไรกันตรงนี้? ”

นรมนไม่สะดวกพูด บุริศร์จึงเอ่ยถามขึ้นมาก่อน และยังดึงนร มนไปด้านหลังเพื่อปกป้องอย่างแนบเนียน

นักท่องเที่ยวเห็นนรมนกับบริศร์ ก็รู้สึกทั้งแปลกใจและดีใจขึ้น มาทันที

“พวกคุณมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง? ไกด์ตามหาพวกคุณแทบคลั่ง

คิดไม่ถึงว่าพวกคุณจะเดินมาตรงนี้เอง”

บุริศร์กลับตอบด้วยรอยยิ้ม “พวกเราลงรถไปเข้าห้องน้ำ มอง เห็นทิวทัศน์แถวนี้ไม่เลว จึงตัดสินใจไปถ่ายภาพสักรูปสองรูป ใครจะไปรู้ว่าตอนลงมาพวกคุณจะไปกันแล้ว พวกเรายังหวังว่า จะตามทัน กระเป๋าของพวกเราก็ยังอยู่บนรถ

ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ นักท่องเที่ยวสาวคนนั้นก็เอ่ยขึ้นมา อย่างโมโห“โชคดีที่พวกคุณลงจากรถ มิฉะนั้นคงเหมือนกับพวก เรา”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? “
บุริศร์ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นสุด ๆ ส่วนนรมนก็ตั้งใจ ฟัง

นักท่องเที่ยวสาวตอบด้วยความโมโหจนหายใจแทบ ไม่ทัน ไกด์กับคนขับรถคนนั้นชั่วร้ายเหลือเกิน พวกเขาขับรถมา ถึงตรงนี้ ห่างไกลจากผู้คนแทบจะไม่มีอะไรเลย และให้พวกเรา จ่ายเงินจํานวนหนึ่ง บอกว่าเป็นค่าบัตรผ่านประตูสำหรับจุดชม วิวถัดไป แต่ตอนพวกเราขึ้นรถก็บอกชัดเจนแล้วว่า เงินที่จ่ายไป รวมค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ไม่ต้องจ่ายแยกอีก พวกเรา โต้เถียงกันสักพัก ก็ถูกพวกเขาทุบตี และไล่พวกเราลงจากรถ ไม่ สนใจความเป็นความตายของพวกเรา”

นรมนอึ้งไปหมด

บริศร์รู้ว่าเธอคิดจะถามอะไร จึงรีบถามว่า “แล้วนักท่องเที่ยว คนอื่นจ่ายเงินไหม? ”

“จะไม่จ่ายได้ไงล่ะ? ถ้าไม่จ่ายก็คงจะเป็นเหมือนกับพวกเรา ถูกทุบตีและโดนทิ้ง ตอนนี้จะทำอะไรได้บ้าง? พวกเขาเอาน้ำ และอาหารของพวกเราไป พวกเราไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปไหน และ อีกนานแค่ไหนถึงจะเจอคน คนกลุ่มนี้น่าเกลียดมากเกินไป!

นรมนฟังถึงตรงนี้ ก็รีบถามด้วยภาษามือว่า “ทำไมพวกคุณถึง ไม่แจ้งความ? พวกเขาไม่สนใจเหรอ?

นักท่องเที่ยวหลายคนเห็นนรมนเป็นเช่นนี้ ก็แปลกใจทันที เพราะหลังจากขึ้นรถมานรมนเอาแต่เงียบตลอด บุริศร์เป็นฝ่าย ทำให้แทน พวกเขาจึงไม่รู้ว่านรมนพูดไม่ได้ วันนี้เห็นเธอทำภาษามือ จึงเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

“คุณเป็นใบ้เหรอ? ”

สีหน้าของบุริศร์บึ้งตึงฉับพลัน

“ภรรยาของผมแค่ไม่มีเสียงชั่วคราว เที่ยวเสร็จแล้วพวกเราจะ ไปผ่าตัด”

“อ๋อ ๆ ๆ ”

คนคนนั้นอาจจะรู้สึกว่าตนเองปากไวเกินไปหน่อย จึงเกา ศีรษะอย่างเกรงใจ

นรมนกลับไม่ได้สนใจ ยังคงถามต่อไป

บุริศร์จำเป็นต้องแปลคำถามของเธอให้คนอื่นฟัง

นักท่องเที่ยวสาวคนหนึ่งหลังจากฟังเสร็จก็ยิ่งโมโห

“อย่าพูดถึงเลย พวกเราโทรหาสำนักงานการท่องเที่ยวแล้ว และยังต้องโทรติดต่อสำนักงานการท่องเที่ยวในพื้นที่ของพวก เรา ปล่อยให้พวกเขาปรึกษาหารือ จากนั้นรอผล บอกว่าที่นี่เป็น ของชนเผ่าที่ปกครองตนเอง พวกเขาไม่สามารถแทรกแซงได้ โดยตรง ทําได้เพียงเจรจาหารือ ตอนนี้ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่มีข่าวคราวเลยสักนิดเดียว คุณว่ามันน่าโมโหไหม? ถ้ารู้ว่า เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก พวกเราคงไม่มาเที่ยวที่นี่หรอก”

ได้ฟังพวกเขาพูดแบบนี้ ในที่สุดนรมนจึงเข้าใจความหมาย ของคำพูดก่อนหน้านี้ที่บุริศร์พูดกับเธอ
แต่เดิมการแก้ปัญหาเรื่องที่เกิดเรื่องขึ้นที่นี่ค่อนข้างยุ่งยาก และยังต้องประสานกัน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตราบใดที่คนของที่นี่ต้องการคดโกง ไม่ ต้องการจัดการปัญหา คนอื่นก็ทำอะไรไม่ได้

นรมนรู้สึกไม่สบายใจทันที

พวกเขาจะสามารถผ่านพ้นวันคืนเหล่านี้ในยูนนานไปได้หรือไม่?

นลินจะปล่อยพวกเขาไปหรือไม่?

และทั้งหมดนี้เป็นเหตุการณ์ปกติของที่นี่หรือมีความเกี่ยวข้อง กับนลิน?

คําถามมากมายประดังขึ้นมาในสมองของนรมน แต่กลับไม่

สามารถได้คำตอบที่แน่ชัด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ