แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1062 มีภรรยาแบบนี้ สามีก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว



บทที่ 1062 มีภรรยาแบบนี้ สามีก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

ในสมองนรมนอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงสภาพกิมจิที่ถูกหักมือ

หักขา

ครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นกิมจิเป็นคนของตัวเองจริงๆ เชื่อใจด้วย ใจจริง ผลสุดท้ายก็ไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก แต่กิมจิก็น่า

สงสาร

นรมนเงียบ ความคิดในใจก็ซับซ้อน

พฤกษ์ก็ไม่ได้เร่งเธอ รออย่างอดทน

ผ่านไปนานมาก นรมนถึงเอ่ยปาก

“ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?

“ถึงแขนจะหาคนมาเชื่อมต่อแล้ว แต่ขาสองข้างพิการ ตอนนี้

นั่งรถเข็นครับ”

คำพูดของพฤกษ์ทำให้ในใจนรมนยิ่งไม่สบอารมณ์

จริงๆ แล้วให้อภัยหรือไม่ก็แค่ประโยคเดียวของเธอ เธอก็รู้ เช่นกันว่ากิมจิก็รอประโยคหนึ่งจากเธอ

คิดอยู่นานมาก นรมนถึงได้พูดเสียงทุ้ม “บอกเขา ฉันให้อภัย เขาแล้ว”

“ครับ”
พฤกษ์ก็เป็นคนฉลาด

นรมนพูดแบบนี้แล้ว แน่นอนว่าตกลงที่เขาจะไปหากิมจิเพื่อยืม

คน

หลังจากวางสายไป ดวงตานรมนมีความเศร้าโศก

จริงๆ แล้วกิมจิสามารถมีอนาคตที่ดีได้ แต่ตอนนี้กลับกลาย เป็นคนพิการ และถือเป็นการสิ้นสุดของทุกอย่างในอดีตที่ผ่าน มา

ก็หวังว่าการให้อภัยของเธอจะสามารถทำให้กิมจิทิ้งความ หมกมุ่นและความรู้สึกผิดไปได้ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

นรมนหายใจเข้าลึกๆ เก็บชุดราตรี รู้ว่าบุริศร์ออกแบบให้เธอ ในใจเธอก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก

เธอหาของสองสามชิ้นในห้องเก็บของแล้วน้ำมันออกมา จาก

นั้นก็ขับรถไปโรงพยาบาล

ขวัญตากำลังป้อนข้าวให้เจตต์อยู่ เห็นนรมนมาแล้ว ก็รีบยิ้ม ขณะลุกขึ้น

“น้องมาแล้ว รีบนั่งสิ

นรมนมองเจตต์ด้วยใบหน้าไม่ชอบใจแล้วพูดขึ้น “ฉันจำได้ว่า พี่บาดเจ็บที่ขา ทำไม? ตอนนี้ใช้มือกินข้าวไม่ได้แล้วเหรอ?”

ใบหน้าขวัญตาแดงขึ้นมาทันที

เจตต์กลับพูดอย่างหน้าด้าน “ความรักสามีภรรยาของเรามันขัดขวางเธอเหรอ?”

“ขัดขวางสิ ก็สามีฉันไม่อยู่ พวกพี่แสดงความรักต่อหน้าฉัน ฉันจะเสียใจ”

นรมนพูดขึ้นด้วยท่าทางธรรมชาติ

เจตต์ตัดด้วยการพูดขึ้น “เธอเสียใจก็ไปหาบุริศร์” “พี่สะใภ้ พี่ดูสิ ตอนนี้พี่ฉันมีคุณแล้วก็ไม่รักฉันแล้ว เมื่อก่อน เขาไม่เป็นแบบนี้”

นรมนรีบฟ้องขวัญตา

ขวัญตาผลักเจตต์ทันที

“พูดอะไรน่ะ? อยากวุ่นวายเหรอ?”

เจตต์ถูกภรรยาผลัก ก็ขมวดคิ้วพูดขึ้น “นี่เธอช่วยหล่อนหรือ ช่วยฉัน?”

“แน่นอนว่าต้องช่วยน้องสิ เธอเป็นแม่สื่อของฉัน”

คำพูดของขวัญตาทำให้นรมนมีประโยชน์อย่างมาก

“พี่สะใภ้ยังคงนิสัยดี อะ พี่สะใภ้ ให้คุณค่ะ”

นรมนนําของในมือส่งให้

ขวัญตาตกตะลึงเล็กน้อย หยิบมันมาดู ก็อึ้งทันที

“นี่ฉันไม่กล้ารับหรอก”
พูดจบเธอก็เอาให้เจตต์ทันที

เจตต์มองไปก็รู้ว่าคือโฉนดบ้าน แต่ก็เอามาดูสักหน่อย ไม่คิด ว่าจะเป็นโฉนดบ้านย่านการค้าใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง

เขายิ้มขณะพูดขึ้น “ยังไงเนี่ย? ตั้งใจจะแบ่งทรัพย์สินตระกูล โตเล็กครึ่งหนึ่ง ให้ฉันเหรอ?”

“พี่ดูถูกตระกูลโตเล็กเกินไปแล้ว ของแค่นี้มันก็แค่ขนเส้นเดียว บนวัวเก้าตัว อีกอย่าง ก็ไม่ได้ให้พี่สักหน่อย ฉันให้พี่สะใภ้

นรมนพูดเรียบๆ แล้วนั่งลงข้างเจตต์ทันที

“จริงสิ คุณตาให้บ้านหลังหนึ่งพวกพี่ด้วย ให้ฉันเอามา แต่ฉัน ไม่ได้เอามา วันหลังเขาจะเอามา โดยเฉพาะ คุณตาบอกว่า เรื่อง งานแต่งของพี่เขาจะดูแลให้

คำพูดนรมนทําให้เจตตกตะลึงเล็กน้อย ถามอย่างค่อนข้าง

เหลือเชื่อ “คุณตา? คุณท่านตนวร?

“ไม่งั้นจะเป็นใคร? พี่มีคุณตาคนไหนอีกเหรอ?”

นรมนกลอกตาใส่เขาหนึ่งที รู้สึกเจตต์เกิดอุบัติเหตุรถยนต์จน สติปัญญาโง่หมดแล้ว

ขวัญตาพูดขึ้นอย่างทนไม่ค่อยได้ “นรมน อย่าไปทำให้เขา หงุดหงิดแบบนี้ เขาแค่ปรับตัวไม่ค่อยได้กับไม่กล้าคิด

เจตต์หัวเราะขมขื่นทันที

“เดิมทีแล้วแม่ฉันกับคุณท่านตนวรไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันก็ไม่ถือว่าเป็นหลานชายเขา

“เจตต์ พี่เติบโตหน่อยได้ไหม? คุณตาบอกแล้วว่าพี่เป็นหลาน ชายเขา ก็เป็น อีกอย่างเรามีคุณยายคนเดียวไม่ใช่เหรอ? คุณ ตาฉันก็มีคุณยายเป็นภรรยาคนเดียวไม่ใช่เหรอ? คิดอะไรน่ะ? คุณตาก็พูดแล้ว พ่อของพี่เป็นคนไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นเรื่องงาน แต่งเดี๋ยวเขาจะจัดการให้พี่เองทั้งหมด ยังไง? พี่ยังไม่พอใจเห รอ?”

แน่นอนว่านรมนรู้ว่าในใจเจตต์ยินดี และซาบซึ้ง แต่รู้สึกไม่ สบอารมณ์ เธอทำได้แค่กระตุ้นเขาอย่างหนักหน่วงแบบนี้เท่านั้น

ดวงตาเจตต์มีความอบอุ่นเล็กน้อย

“ฉันจะไม่มีความสุขได้ยังไง? ฉันโคตรดีใจเลย

“งั้นพี่ก็ดูแลบาดแผลให้เต็มที่ ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ แล้ว เตรียมงานแต่ง อย่าคิดขี้เกียจ ให้ฉันทำล่ะ ฉันจะบอกให้ ฉันจะ ออกไปเที่ยวกับบริศร์ของเรา อย่าทำให้เราเสียเวลาเที่ยวรู้ ไหม”

คำพูดนรมนทำให้เจตต์ยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ขวัญตามองนรมน พูดขึ้นอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณนะ นรมน ถ้า ไม่ใช่เธอ ฉันอาจจะไม่บรรลุสิ่งที่ต้องการได้”

“เพราะพี่ชอบเขา ก็ต้องแต่งงานกับเขา ต่อไปถ้าเขาทำไม่ดี กับพี่ พี่บอกฉันนะ ดูสิฉันจะจัดการเขายังไง”

นรมนจับมือขวัญตาไว้
ถึงผู้หญิงคนนี้แข็งกร้าวอยู่บ้าง แต่เธอก็มองออกว่าหล่อน กับเจตต์ด้วยใจจริง นี่อาจจะเป็นความโชคดีที่เจตต์ทำไว้เมื่อ ชาติก่อน

“เอาล่ะ ฉันมีธุระต้องไปก่อนแล้ว

“ฉันจะไปส่งเธอ”

นรมน โบกมือให้เจตต์ จากนั้นก็ปล่อยให้ขวัญตาไปส่งเธอ ออกไปจากห้องผู้ป่วย

“เอาล่ะ พี่สะใภ้ พี่กลับไปเถอะ อาการบาดเจ็บเขาไม่ได้ร้าย แรงอะไร ช่วงนี้พี่ก็ไปเตรียมชุดแต่งงานและเรื่องอื่นๆ ของตัวเอง สักหน่อย”

คำพูดของนรมนทำให้ขวัญตาพยักหน้า

เธอเหลือบมองด้านในห้องผู้ป่วย พบว่าเจตต์ไม่ได้สนใจทาง ด้านนี้ ถึงถามขึ้นเสียงทุ้ม “ฉันได้ยินว่าอรอุรชาไปหาเรื่องเธอที่ บริษัทเหรอ?”

“พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ระดับอย่างเธอนั้นทำร้ายฉันไม่ได้ ตอนนี้ ริศ หาคนไปกักขังแล้ว ข่มขู่อะไรฉันไม่ได้”

นรมนเห็นขวัญตาเป็นห่วงตน ก็ดีใจมาก

“กลัวพี่ฉันรู้เหรอคะ?”

นรมนยกริมฝีปาก

ขวัญตาถอนหายใจก่อนพูดขึ้น “อรอุรชาแสร้งทำเป็นเชื่อฟังต่อหน้าผู้ชาย ผู้ชายก็เสร็จอุบายเธอหมด ฉันก็กลัวทะเลาะกับ เจตต์โดยไม่จําเป็นน่ะ? เลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่า ทะเลาะกับสามี เพื่อผู้หญิงที่มีแผนการในใจแบบนี้ มันไม่คุ้ม

นโมนเห็นเธอเป็นคนมีความคิดชัดเจนและรู้จักระดับความ จริงจัง ดีกับเจตต์ในช่วงเวลาวิกฤติ ในใจเธอก็ยิ่งพึงพอใจ ขวัญตามากขึ้น

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ถึงฉันจะทำให้อร อุรชาตายไป พี่ดูสิว่าเจตต์จะกล้ามาตามหาฉันสุดชีวิตใหม

คำพูดของนรมนทำให้ขวัญตายิ้มขึ้นมาทันที

“เขาไม่กล้าหรอก”

“พี่สะใภ้มีวิธีจัดการเวลาสามีต่อต้าน

นรมนพูดล้อเล่น

“อย่ามาล้อเล่น ฉันเห็นดวงตาเธอมีความหดหู มีเรื่องอะไรใช่ หรือเปล่า? ถึงฉันจะไม่ได้มีอำนาจเท่าคุณชายบุริศร์ แต่ฉันก็ช่วย บางเรื่องได้นะ ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เจตต์รักเธอ เหมือนแก้วตาดวงใจ แน่นอนว่าฉันก็เห็นเธอเป็นน้องสาวแท้ๆ ถ้ามีเรื่องอะไรเธอไม่ต้องเกรงใจฉันเลยนะ อะไรที่พี่สะใภ้ สามารถช่วยได้ จะช่วยเธอจนถึงที่สุดแน่นอน

ขวัญตาเป็นคนที่ใส่ใจ

นรมนชะงักไปเล็กน้อย คิดสักพักก่อนพูดขึ้น “มีเรื่องอยากให้ พี่สะใภ้ช่วยจริงๆ ค่ะ”
“เธอว่ามาเลย”

“ฉันตั้งใจจะจัดการชาวี ฉันสืบได้ว่าเขากับคุณลุงมีการติดต่อ ธุรกิจกัน ฉัน…….

นรมนก็เพิ่งทราบว่าเรื่องนี้ช่วยไม่ได้

ไม่คิดว่าการค้าทางทะเลของชาวจะสำเร็จและเจริญรุ่งเรือง ทางด้านนภดลไม่มีทางลอบกัดได้ พอสืบไปแล้วก็รู้ว่ามีความ สัมพันธ์ร่วมมือกับตระกูลปวนะฤทธิ์จริงๆ

ขวัญตายิ้มขึ้นมาทันที

“ชาวคนเดียวมีค่าอะไร? ตระกูลปวนะฤทธิ์ของเราเป็นเจ้าแห่ง ทะเล ขาดคนร่วมมือเหรอ? เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวฉันกลับ ไปหาพ่อฉัน เธอรอข่าวฉันได้เลย ฉันรับประกันว่าจะให้พ่อฉัน ติดต่อเรื่องการร่วมมือกับเขาภายในหนึ่งชั่วโมง

นรมนก็ตกตะลึงทันที

ระหว่างตระกูลปวนะฤทธิ์กับชาวีร่วมมือกันมาหลายปี มีผล ประโยชน์พัวพันกันและกัน ถ้าเวลานี้ตระกูลปวนะฤทธิ์ปลีกตัว ออกมา จะต้องสูญเสียเงินจำนวนมากแน่นอน หลักๆ ที่สุดคือใช่ ว่าคุณท่านขันธ์ชัยจะยอมทำให้ชาวขุ่นเคือง

เธอสามารถกวาดเรียบชาวไม่ให้เหลือในครั้งนี้ได้ก็ดี ถ้าทำ ไม่ได้ ก็เท่ากับเป็นการฝังภัยอันตรายซ่อนไว้ให้กับตระกูลปวนะ ฤทธิ์

เสี่ยงมากขนาดนี้ไม่คิดว่าขวัญตาจะตอบตกลงทันที นรมนบอกว่าไม่ประทับใจก็เป็นการโกหก

“พี่สะใภ้ ถ้าลำบากใจพี่ไม่ต้องตกลงกับฉันก็ได้นะคะ ฉันรู้ เรื่องนี้สำหรับตระกูลปวนะฤทธิ์มัน…….

“ครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจหรอก เธอเป็นน้องสาวสามี ฉันไม่ใช่เหรอ? ใครในตระกูลปวนะฤทธิ์หาเงินไม่ได้บ้าง? หรือ กลายเป็นคนขี้งกเงินไม่สนใจน้องสาวสามี? เอาล่ะ ฉันเข้าไป บอกเจตต์ก่อนแล้วค่อยไป เธอกลับไปรอข่าวจากฉันก่อน

ขวัญตาตบบ่านรมน และไม่รอให้เธอพูดอะไรอีกก็เข้าไปใน ห้องผู้ป่วยแล้ว

นรมนเห็นสิ่งที่ขวัญตาแสดงออก แอบสาบานว่าจะปฏิบัติดีกับ ตระกูลปวนะฤทธิ์สักหน่อย อย่างน้อยจะให้ตระกูลปวนะฤทธิ์รู้สึก ว่าช่วยตนมันคุ้มค่า ในขณะเดียวกันเธอก็รู้ ครั้งนี้จะต้องขุดราก ถอนโคนชาวีให้ได้

หลังจากขวัญตาเข้าไปก็บอกเจตต์ ก็หาพยาบาลพิเศษมาดูแล เจตต์ ตัวเองหันร่างจะจากไป แต่ถูกเจตต์คว้าแขนเอาไว้

“เกิดอะไรขึ้น? เธอยังมีธุระเหรอ?”

สายตาของขวัญตาชัดเจน

ทันใดนั้นเจตต์ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ได้รับการดูแลจาก สวรรค์จริงๆ มีภรรยาแบบนี้ สามีก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

“ขับรถช้าหน่อยนะ ถ้าพ่อตาไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร เธออย่าไป บังคับ”
“ฉันรู้แล้ว ฉันยังอยากเป็นเจ้าสาวนายนะ รู้ว่าต้องทำยังไง ฉัน ไปก่อนล่ะ”

ขวัญตายิ้มเหมือนได้รับทั่วทั้งโลก รอยยิ้มดีใจนั้นกระตุ้นเส้น ประสาทของเจตต์อย่างลึกซึ้ง

นี่คือภรรยาของเขาล่ะ! ผู้หญิงที่จะใช้ชีวิตในอนาคตร่วมกัน เธอบริสุทธิ์และงดงามแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกค่อนข้างละอายใจตัว เอง

นรมนออกจากโรงพยาบาลมาไม่ได้กลับบ้าน แต่ตรงไปที่

สนามบิน

นภดลและปาณีขึ้นเครื่องไปแล้ว ถ้าหากไม่มีอุบัติเหตุ อีกหนึ่ง ชั่วโมงก็จะถึง ตอนนี้เธอไปก็มารับพวกเขาทันพอดี

หลังจากนรมนมาถึงสนามบิน เที่ยวบินของพวกนภดลก็ยังไม่

ถึง

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาบุริศร์ โทรศัพท์ยังคงปิด เครื่อง

นี่หมายความว่าบุริศร์ยังอยู่บนเครื่องบิน และไม่รู้ว่ากิจจาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว

นรมนกระวนกระวายใจ เป็นห่วงแทบแย่ แต่ติดต่อกิจจาไม่ได้ ความรู้สึกแบบนี้มันเลวร้ายเกินไปแล้ว

ถ้าหากครั้งนี้กิจจากลับมาได้อย่างปลอดภัย เธอไม่มีทางอนุญาตให้เขาออกไปจากเมืองชลธีอีกเด็ดขาด นรมนกำลังคิดไตร่ตรอง ก็ได้ยินสนามบินมีเสียงออกอากาศ เที่ยวบินนภดลและปาณีถึงแล้ว

นรมนลุกขึ้นไปที่ประตูผู้โดยสารขาเข้า เห็นปาณีแบกกระเป๋า เดินทางเดินมาข้างหน้าจากไกลๆ และนภดลสวมแว่นกันแดด อย่างเย็นชาเดินตามหลัง ทั้งสองห่างกันระยะเมตรกว่าๆ ถ้าไม่รู้ จักพวกเขา คงนึกว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า ไม่รู้จักกันจริงๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ