แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1227 เด็กดี ชอรางวัลหน่อยสิ



บทที่ 1227 เด็กดี ชอรางวัลหน่อยสิ

ตู้เซฟปกติแล้วใช้เก็บของมีค่ามาก

ข้างในไม่ใช่เงินก็คือเอกสารหรือหลักฐานสำคัญเป็นพิเศษ ดวงตาวินเซนต์ฉายแววตื่นเต้น

“หาคนมาเปิดตู้เซฟ ฉันต้องรู้ให้ได้ข้างในมีอะไรกันแน่ หลังจากวินเซนต์สั่งแล้ว ลูกน้องก็รีบเดินเข้ามา เริ่มลองเปิดตู้ เซฟ

ใช้เวลาเปิดตู้เซฟประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อตู้เซฟเปิดออก ประกายแสงทองคำข้างในก็ส่องตาทุกคนจนแทบตาบอด

“โอ้โห ปองภพมีเงินขนาดนี้เชียว เก็บทองคำตั้งเยอะแยะ

จํานวนมากทีเดียว เอาทองไปแลกเงินเพิ่มมูลค่าได้ ฉลาดที่

เดียว”

คำพูดของลูกน้องทำให้วินเซนต์ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง เบื้องหน้ามีทองคำแท่งสิบกว่าก้อน ดูแล้ววางเป็นระเบียบ ยุคนี้ไม่ค่อยมีใครเก็บทองคำในบ้านแล้ว นึกไม่ถึงปองภพจะ ทําอย่างนี้

คนที่ทำอย่างนี้มีความเป็นไปได้แค่สองอย่าง

ข้อแรกก็คือคนนี้ชอบทองมาก
และข้อสองก็คือคนนี้ไม่สะดวกเก็บเงิน

ยุคสารสนเทศอย่างทุกวันนี้ แค่บัตรประชาชน ใบหนึ่งกับมือ

ถือเครื่องหนึ่งก็พกพาเงินได้แล้ว ทำไมปองภพต้องเปลี่ยนเป็น

ทองคำแท่งเก็บไว้ในบ้านกันล่ะ และตอนนี้ทองคำยังอยู่ ส่วนคนหนีไปแล้ว เห็นได้ว่าปองภพ

รีบร้อนแค่ไหนตอนหนีไป

วินเซนต์ใช้นิ้วจับคางเบาๆ สายตาครุ่นคิด

ทําไมล่ะ

ในหัวทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้น

วินเซนต์เงยหน้าขึ้นอย่างเร็ว สั่งลูกน้อง “ไปค้นบัตรประชาชน ปองภพ แล้วก็ข้อมูลส่วนตัว เริ่มจากที่เมืองชลธียี่สิบกว่าปีก่อน

ลูกน้องชะงักนิดหนึ่ง

“ลูกพี่ สงสัยปองภพคือชื่อปลอมหรือครับ”

“ถ้าใช่ชื่อจริงจะไม่มีบัตรประชาชนไม่มีบัญชีธนาคารหรือ ทองคำเยอะขนาดนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นเงินจะหนีง่ายขนาดไหน ทำไม ต้องเก็บในบ้าน นอกจากเขาไม่มีบัตรประชาชนและไม่มีบัญชี ธนาคาร ไปตรวจสอบรายชื่อคนตายของเมืองชลธียี่สิบกว่าปี ก่อน อีกอย่าง ตรวจสอบที่นี่ให้ละเอียด แก้วยาสีฟันแปรงสีฟัน อะไรก็ได้เอาไปส่งตรวจให้หมด หาดีเอ็นเอ จากนั้นก็ส่งไปเทียบ ข้อมูลประจำตัวกับคลังข้อมูล
วินเซนต์เมื่อเจอทางเข้าแล้วก็รีบดำเนินการอย่างรวดเร็วเด็ด

ขาด

ทุกคนไปทำตามที่วินเซนต์กำชับ

เจต ย่อมนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะเรื่องผลตรวจร่างกาย คนเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบก็คือนรมน

นรมนมีความสุขตื่นเต้นคุยกับเพื่อนๆ อยู่นาน จากนั้นก็เห็นนิ้ว เรียวยาวจับมือถือของเธอ เธอยังอยากคุยต่อก็ถูกแย่งไปแล้ว

“ฉันยังไม่ได้บอกลาพวกเขาเลย

นรมนรู้สึกเซ็ง

บุริศร์กลับไม่ยอมประนีประนอม “ดึกมากแล้ว รีบนอนเร็ว พรุ่งนี้เราถ่ายรูปสระมังกรให้เรียบร้อยด้วย จากนั้นค่อยไปที่อื่น

นึกถึงพรุ่งนี้ถ้าหากเริ่มถ่ายรูปแล้ว จะต้องมีกิจกรรมมาก นร

มนก็ไม่ดึงดันแล้ว

“คุณหาสตูดิโอถ่ายภาพได้เร็วขนาดนี้เลยหรือคะ”

บุริศร์ส่ายหน้า “ทำไมต้องหาสตูดิโอถ่ายภาพ ใช่ว่าในมือผม ไม่มีทีมถ่ายภาพ แค่โทรไปหาให้พวกเขามาพรุ่งนี้ก็ได้แล้ว แถม ไม่ต้องเขินด้วย”

“กคะ”

นรมนชอบข้อเสนอนี้มาก
บุริศร์จู่ๆ ก็เข้ามาใกล้ ยิ้มเจ้าเล่ห์ “งั้นคุณมีรางวัลให้หน่อย มั้ย”

“บุริศร์ ตกลงกันแล้วคืนนี้พักรบไง”

นรมนรู้สึกเซ็ง

ผู้ชายคนนี้ไม่รู้จักเหนื่อยหรือไง

เห็นภรรยาตัวเองตกใจขนาดนั้น บุริศร์ก็หัวเราะออกมา

“ผมแค่อยากจูบเอง ที่รัก คุณคิดไปถึงไหนแล้ว”

ใบหน้าของนรมนแดงเรือขึ้นมา

ผู้ชายบ้า!

เขาต้องตั้งใจแน่ๆ!

นรมนทำปากจู๋น่ารักมาก บุริศร์จูบที่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ถูกนรมน ผลักออกอย่างรังเกียจ

“ฉันจะนอนแล้ว ไม่ต้องรบกวนฉัน”

เธอพูดท่าทางดุมาก

“โอเค”

บุริศร์ยิ้มพยักหน้า

เดิมทีนรมนพลิกตัวคิดจะงอนบุริศร์ แต่เตียงอบอุ่นมาก อุณห ภูมิรอบๆ ก็อบอุ่น ทำให้หนังตาเธอหนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็หลับ ไป
ในความฝันบริศร์จูงมือเธอเดินเล่นท่ามกลางแสงดาว มีเก้า มังกรลากรถ ภาพนั้นอลังการมาก

นรมน ในความฝันหัวเราะออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่บุริศร์เห็นนรมนมีความสุขอย่างนี้ แม้แต่นอน หลับยังยิ้มอย่างมีความสุข

เขาอยากให้นรมนเป็นอย่างนี้ตลอดไป

มุมปากของเขายิ้มออกมา ยื่นแขนยาวซ้อนนรมนเข้ามาใน อ้อมกอด จากนั้นก็ดมกลิ่นหอมจากตัวเธอนอนหลับไป

เช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่ตื่นขึ้นมา ข้างกายนรมนไม่มีบุริศร์แล้ว

เตียงหินอบอุ่นทำให้นรมนไม่อยากลุกขึ้น

เธอพยายามอยู่ครู่หนึ่ง ได้ยินเสียงสดใสของกมลดังมาจาก ข้างนอก ถึงค่อยลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า แล้วเปิดประตูเดินออกไป

ไม่รู้ว่าที่นี่มีชิงช้าตั้งแต่ตอนไหน

กมลนั่งบนชิงช้า บุริศร์แกว่งชิงช้าเบาๆ อยู่ข้างหลัง เสียง หัวเราะใสเหมือนระฆังดังไปทั่ว ทำให้นรมนรู้สึกอบอุ่นใจ มุม ปากอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“หม่ามี้ อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

กมลเรียบร้อยมากขึ้นแล้ว เธอ โบกมือให้นรมน
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”

นรมนยิ้มตอบ เห็นดวงตาอ่อนโยนของบุริศร์มองมาทางเธอ

“ที่รัก อรุณสวัสดิ์ครับ”

“ที่รัก อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

เสียงที่นรมนเรียกที่รักหวานมาก บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองจะละลาย แล้ว

กมลสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วบรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนไป เธอพูดขึ้น “หนูไปดูก่อนพี่ๆ ไปว่ายน้ำกลับมาแล้วหรือยัง”

พูดจบก็กระโดดลงจากชิงช้าวิ่งไป

เด็กหญิงที่คอยตัวติดกับบุริศร์ ในที่สุดก็โตแล้ว รู้จักให้เวลา

พ่อแม่สวีทกัน

เธอธรรมดาหรือ

กมลเบะปากวิ่งออกไป

นรมนหน้าแดง

“ฉันไปดูกมลนะคะ”

นรมนพูดแล้วจะเดินออกไปข้างนอก แต่ถูกบุริศร์กอดแน่น

“เห็นผมจะหลบทำไม ผมจะกินคุณหรือยังไง”

นรมนหน้าแดงแปร๊ด
“ดูเหมือนจะเคยกินตั้งหลายที เธอพึมพำเสียงเบา แต่บุริศร์ก็ยังได้ยิน

บุริศร์ยิ้มร่าเริง

“ผมชอบกินคุณ สักร้อยครั้งก็ไม่เบื่อ

นรมนรู้สึกว่าถูกเขาแกล้งแต่เช้า ความรู้สึกนี้ไม่สนุกเอาเสีย เลย

ทันใดนั้นเสียงแซะทำให้เธอชะงัก เงยหน้าขึ้นทันที ก็เห็นช่าง ภาพไม่รู้เข้ามาตอนไหน จับภาพได้ตอนที่นรมนหน้าแดงเขินอาย จ้องมองบุริศร์

“ทำไมไม่บอกก่อนล่ะ เมื่อต้องน่าแย่ ไม่เอาถ่ายใหม่ เถอะ”

นรมนอยากจะเดินเข้าไปลบรูปนั้น ก็ได้ยินบริศร์พูด “ถ่ายรูป ท่องเที่ยวหลักๆ ก็คือถ่ายรูปเป็นธรรมชาติหน่อย ขอแค่แสดง ความรู้สึกที่แท้จริง คุณจะสนใจทำไมถ่ายออกมาเป็นยังไง ทั้งหมดก็เป็นความทรงจำของเราสองคนไม่ใช่หรือ”

ได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ นรมนรู้สึกมีเหตุผลมาก

“โอเค เชื่อคุณค่ะ”

“เด็กดี! ขอรางวัลหน่อยสิ”

บุริศร์มองนรมนอ่อนโยนเหมือนน้ำ แล้วก้มหน้าจูบเธอดูดดื่ม
ช่างภาพรับกครัวชัตเตอร์

ทุกท่าทางของสองคนนี้ล้วนเป็นความรู้สึกเสน่หา ท่าทางที่ เปี่ยมด้วยความรักลึกซึ้งทำให้เขาบ้าคลั่ง เอาแต่ถ่ายรูป

นรมนเห็นบุริศร์เป็นอย่างนี้ ก็ไม่รู้สึกเก้อเขินและทำตัวไม่ถูก สองคนจูงมือกันออกไปข้างนอก

หลังจากเดินผ่านน้ำตก นรมนถ่ายรูปที่น้ำตกอีกหลายรูป ถึง กับอัดคลิปด้วย เดิมทีคิดจะลงในโซเชียลมีเดีย แต่คิดๆ แล้วไม่ ดีกว่า

เล่นที่น้ำตกพักหนึ่ง นรมน ให้เด็กๆ กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แห้ง แล้วค่อยไปกินมื้อเช้ากับบริศร์

บุริศร์บอกว่าเป้าหมายวันนี้คือปืนขึ้นไปถึงยอดเขา

กมลเห็นยอดเขาสูงเสียดฟ้า ทันใดนั้นก็ร้องคร่ำครวญอย่าง

หมดหวัง

กานต์กับกิจจาไม่มีปัญหา จูงมือกผลซ้ายขวาปีนขึ้นไปข้างบน

วันนี้นรมนสวมรองเท้าส้นแบน เห็นยอดเขาสูงตระหง่านก็ถาม ขึ้น “คุณคงจะไม่ได้ปีนขึ้นไป ถ่ายรูปยอดเขาสูงหรอกนะคะ”

“คุณชอบหรือครับ”

บริศร์ย้อนถามทำให้นรมนรีบพยักหน้า

“แน่นอนค่ะ”

“งั้นไปกันเถอะ”
สมาชิกครอบครัวทั้งห้าเริ่มปีนเขา

เดินไปได้ครึ่งทาง กมลไปต่อไม่ไหวแล้ว ทำให้กานต์ เหน็บแนม

“เธอทำอะไรก็ไม่ไหว กินอะไรก็ไม่เหลือ น่าห่วงจริงๆ ต่อไป ผู้ชายคนไหนจะอยากได้เธอ

“ฉันไม่อยากแต่ง ฉันจะอยู่บ้านให้พี่เลี้ยง ให้พี่เหนื่อยตายเลย กินให้พี่จนเลย!!!

กมลเอาแต่ใจอย่างนี้ทำให้กานต์ยิ้มที่มุมปาก

เธอคือกมลสไตล์จริงๆ

“ขึ้นมาสิ พี่จะแบกเธอเอง”

กานต์ถอนหายใจ เห็นท่าทางกมล โกรธจนหอบ ก็อดคิดขึ้นมา ไม่ได้หลังกมลเกิดเคยต้องอยู่โรงพยาบาลอาศัยออกซิเจนถึง รอดชีวิตมาได้

เขารู้สึกเป็นห่วง ย่อตัวลงตรงหน้ากมล ใบหน้ายับยู่ยีของกมลก็คลี่คลายแล้ว

“พี่ชาย ดีที่สุด” ”

พูดจบเธอก็กระโดดขึ้นหลังกานต์ และกอดคอของเขาแน่น กานต์ยืนขึ้นสบายๆ พูดอย่างรักใคร่ “ตอนนี้เรียกฉันเป็นพี่ ชายดีที่สุดอีกแล้วหรือ
กมลทำไมจะฟังน้ำเสียงเหน็บแนมของกานต์ไม่ออก แต่ไม่ เป็นไร เธอต้องการแค่สบายตอนนี้ก็พอแล้ว

นรมนเห็นเด็กๆ ช่วยเหลือกัน ก็อดยิ้มไม่ได้

“เหนื่อยมั้ย มาเร็ว ผมแบกคุณเอง”

บุริศร์ทำเหมือนกานต์นั่งลงตรงหน้านรมน

นรมนจู่ๆ ก็ใจเต้นเร็ว

ความทรงจําในอดีตแวบขึ้นมาในสมอง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บุริศร์แบกเธอ แต่เธอยังคงตื่นเต้นดีใจ ความรู้สึกที่มีคนทะนุถนอมนั้นวิเศษจริงๆ

นรมนปืนหลังบุริศร์ ซบไหล่เขามีความสุข

หนทางยังอีกยาวไกล และเส้นทางยังขรุขระ แต่ตอนนี้ทุกคนมี ความสุขเบิกบานใจ กิจจามองบุริศร์กับนรมนแวบหนึ่ง รอยยิ้ม ปรากฏที่มุมปาก

ช่างภาพที่ตามมาข้างหลังรีบถ่ายภาพไว้ เสียงชัตเตอร์แชะๆ ดังก้องป่า ฟังแล้วเพราะมาก

ขณะที่วินเซนต์ก็มีความคืบหน้าแล้ว

“พี่วินเซนต์ ได้ข้อมูลแล้วครับ ปองภพคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่วินเซนต์ละเอียดรอบคอบ พวกเราบางทีคงยัง สืบหาไม่เจอความจริงหมอนี่เป็นใครกันแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ