แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 586 ฉันก็คือสวรรค์ ฉันก็คือกฎ



บทที่ 586 ฉันก็คือสวรรค์ ฉันก็คือกฎ

บุรีศร์ยิ้มอย่างมีลับลมคมในเล็กน้อย แล้วก็บอกให้นมนตั้งใจ กินข้าวไป

มาถึงขั้นนี้แล้ว นรมนเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากแล้ว หลังจากที่ กินข้าวอย่างเงียบ ๆ เสร็จแล้ว บุริศร์ก็อุ้มเธอขึ้นไปบนรถ แล้วก็ เปิดฮัตเตอร์ในรถขึ้น

“เป็นยังไงบ้าง? ยังหนาวอยู่ไหม?”

ต้นเหตุเพราะว่าร่างกายของนรมนเมื่อก่อนหน้านี้ จนมาถึง ตอนนี้ บุริศร์ก็ยังคงไม่กล้าให้เธอต้องหนาว

บรมนายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่หนาวแล้ว”

“ใส่เสื้อเยอะ ๆ หน่อย ៗ

พูดแล้ว เขาก็ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก แล้วก็เอาไปคลุมไว้ บนไหล่ของนรมน

ในจมูกอบอวลไปด้วยกลิ่นเฉพาะที่เป็นบริศร์เท่านั้น พอนรม นรู้สึกถึงความอบอุ่น ในตอนนี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะอยากให้เวลา เดินช้าลงหน่อย

“คุณจะพาฉันไปไหนเหรอคะ?”

“ไปถึงคุณก็จะรู้เอง”

บุริศร์ดูมีลับลมคมในเป็นอย่างยิ่ง
แล้วนรมนก็ไม่ถามต่ออีก นั่งฟังอยู่กับที่นั่ง และจ้องมองบุรีศร ที่ขับรถไปด้วยตัวเอง และก็ไม่ได้พูดอะไร

ที่จริงแบบนี้ก็ดีมากเลยนะ

ถ้าหากว่าต่อไปทั้งชีวิตสามารถเป็นอย่างนี้ได้ นรมนก็พึง พอใจแล้ว เธอไม่ได้เรียกร้องสูงจริง ๆ นะ

รถถูกขับออกไปจากบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็ก

นรมนรู้สึกว่าถนนเส้นนี้นั้นคุ้นเคยมาก หัวคิ้วของเธอขมวด เข้าหากันเล็กน้อย

นี่มันคฤหาสน์ เธอโดนเลิฟลักพาตัวมาขังไว้ไม่ใช่เหรอ?

นรมนมองไปทางบุริศร์

เขาจะพาเธอไปที่คฤหาสน์ของเลิฟเหรอ?

ไปทําอะไร? ไปเจอประธานเคนเหรอ?

หรือว่าจะให้เธอมาดูว่าของที่บุริศร์ฝากประธานเคนไว้ว่าคือ อะไรเหรอ?

ใจของนรมนคาดเดาไม่ถูก เธอจ้องมองบุริศร์ แล้วพบว่า สีหน้าของบริศร์นั้นเรียบเฉยเป็นอย่างมาก จนทำให้คนดูไม่ออก ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน

โดยปกติถ้าเป็นสถานการณ์อย่างนี้ ก็สามารถพูดได้ว่าบุริศร์ นั้นอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

คนอื่นไม่รู้ก็ช่างเถอะ แต่เธอรักบุริศร์มากขนาดนี้ แน่นอน

ว่าจะต้องรู้นิสัยของเขาอยู่แล้ว สำหรับคนนอกมาพูดแล้ว บุริศ เป็น คนที่เคร่งขรึมเยือกเย็นมาตลอดอยู่แล้ว แต่ว่านรมน ถ้าเขายิ่ง โกรธ ก็จะยิ่งเงียบขรึม และก็ยิ่งดูเหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไร

และ ก็พูดได้ว่าตอนนี้บุรีต กำลังโกรธอยู่

เพราะอะไรล่ะ?

เขากำลังโกรธอะไรอยู่?

โกรธเลิฟ ลักพาตัวตัวเองเหรอ? หรือว่าโกรธหมอประจำบ้าน คนนั้นที่วางยาแบบนั้นกับตัวเองเหรอ?

อยู่ ๆ นรมนก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาแล้ว

“บริศร นี่คุณจะไป..….……..

บริศร์หันหน้ามาหานรมนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ผมกำลังขับรถอยู่ อย่าเพิ่งคุยกับผม รอไปถึงที่แล้วค่อยพูดนะ

นรมนนิ่งอึ้งไปทันทีเลย

เขายิ้มให้เธอ ในแววตาดูอ่อนโยนยิ่งนัก หรือว่าตัวเองจะดูผิด ไปแล้ว คิดผิดไปแล้วเหรอ? ที่จริงบุริศร์ไม่ได้โกรธเหรอ?

นรมนเดาไม่ออกแล้ว

เธอไม่พูดอะไรอีก แล้วก็ตามบุรีศร์ไปถึงประตูหน้าคฤหาสน์ อย่างกระวนกระวายใจอยู่แบบนั้น
เห็นได้ชัดว่า คนของที่นี่เปลี่ยนเป็นคนของบุรีศร์ไปหมดแล้ว หลังจากที่รถจอดสนิทแล้ว บุริศร์ถึงลงจากรถ และมาเปิด ประตูออก แล้วอุ้มบรมนลงมา

“ฉันเดินเองได้ค่ะ”

ภายใต้แววตาของผู้คน เธอรู้สึกว่าเป็นอายขึ้นมาจริง ๆ ถึง แม้ว่าร่างกายจะยังอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ว่าก็ยังสามารถฝืนเดิน ต่อไปได้อยู่

บุริศร์กลับพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ผมชอบอุ้มคุณไว้

ถึงแม้ว่าจะพูดอย่างนี้ แต่ว่าการกระทำของเขากลับอ่อนโยน เป็นอย่างมาก อย่างกับกลัวว่าจะแตะโดนแผลของนรมนเข้า ท่าทางที่ระแวดระวังแบบนี้ ทำให้ใจของนรมนรู้สึกอบอุ่นมาก

เธอโดนบุริศร์อุ้มลงมาจากรถ จากนั้นก็อุ้มเข้าไปในคฤหาสน์

ในคฤหาสน์ยังคงเหมือนกับก่อนหน้านั้นที่เธอมา แต่ว่าสิ่งที่ ไม่เหมือนเดิมแล้วคือ บอดี้การ์ดของที่นี่เปลี่ยนคนแล้ว เปลี่ยน เป็นคนของบริศ หมดแล้ว

พอนรมนเห็นพฤกษ์อยู่ที่นี่ เธอก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “พฤกษ์? คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วคมทิพย์ล่ะ?”

พฤกษ์รีบพูดขึ้นว่า “เธอมีธุระจะต้องจัดการอยู่นิดหนึ่ง คุณ วางใจเถอะ ผมได้จัดให้คนอยู่ข้างกายเธอแล้ว ไม่เป็นอะไร หรอก”
“อย่างงั้น ”

พอได้ยินว่าคนทิพย์ไม่เป็นอะไร นานถึงได้โล่งใจได้เปลาะ

หนึ่ง

เธอสามารถแบกรับทุกอย่างเพื่อบริศรได้ แต่ว่าจะให้เพื่อน สนิทของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้

บรมนโตนบุริศร์อุ้มเข้าไปในคฤหาสน์

ในส่วนของคฤหาสน์มีคนนั่งอยู่มากมาย

พอนรมนลองมองดูดี ๆ แล้ว นี่ไม่ใช่พวกบอดี้การ์ดเก่าของ คฤหาสน์หรอกเหรอ?

“บุริศร์ นี่มันเรื่องอะไรกันคะ?”

“ไม่มีอะไร เดี๋ยวค่อยพูดนะ พวกเราเข้าไปกันก่อน ข้างนอก หนาวเกินไปแล้ว”

บริศร์อุ้มนรมนเข้าไปข้างใน แล้วให้คนเอาพรหมมาไว้ที่ โซฟาอันหนึ่ง จากนั้นจึงได้วางนรมนลงไปบนนั้น และยังหา ผ้าห่มมาห่มให้เธออีกผืนหนึ่ง

นรมนรู้สึกว่านี่มันมากเกินไปแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย

“เพิ่งผ่าตัดมา จะไม่อ่อนแอได้ยังไงกัน? ผมรู้ว่าเวลาแบบนี้พา คุณออกมาด้วยมันไม่ดี แต่ว่าทิ้งคุณไว้ที่บ้านคนเดียวผมก็ไม่ วางใจ ก็เลยให้คุณตามมาด้วย ถ้าหากว่าการตัดสินใจของผมทำร้ายโดนคุณ ผมก็จะไม่มีทางให้อภัยตัวเองแน่ ๆ พอได้ยินบริศ พูดอย่างนี้ บรมนก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไร แล้วจริง ๆ

หลังจากที่บุริศร์จัดแจงให้นมันเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้นั่งลง ข้าง ๆ นรมน และก็ยังเอาน้ำร้อนมาให้นรมนด้วยกระดิกหนึ่ง ด้วย

แล้วพฤกษ์ก็พาตัวคนเข้ามา นรมนอึ้งไปเล็กน้อย นี่มันเลิฟไม่ใช่เหรอ? เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร เลิฟก็โดนพฤกษ์เตะจนล้มลงไปบน

“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ?”

นรมนรู้สึกมึนงงไปหมดแล้ว

เลิฟเป็นคนของประธานเคน แล้วประธานเคนก็เป็นพันธมิตร มานานปีของบุริศร์ แต่ตอนนี้พฤกษ์กลับปฏิบัติอย่างนี้กับเลิฟ นี่ ตกลงมันเรื่องอะไรกัน?

บุริศร์ให้สัญญาณกับนรมนว่าให้รอสักครู่ไม่ต้องเป็นกังวลไป และมองไปที่เลิฟที่อยู่บนพื้น ยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “เลิฟ ไม่เจอกัน นานเลยนะ”

“คุณชายบุริศร นี่คุณจะทำอะไรกันครับ?

ในตอนแรกเลิฟยังขัดขืนอยู่ แต่พอตอนที่เห็นบุริศร์ก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเป็นปืนใบหน้าให้ยิ้มขึ้นมาทันที คนที่สามารถเปลี่ยนปฏิกิริยาได้เร็วขนาดนี้ภายในระยะเวลา ที่สั้นแบบนี้ จะต้องไปใช่คนดีแต่อะไรแน่

อยู่ ๆ บรมนก็เข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว

ในมือของบุริศร์กำลังเล่นนิ้วมือของนรมนอยู่ แล้วก็พูดต่อไป ว่า “ท่าอะไรเหรอ? ฉันนึกว่านายจะรู้แล้วซะอีกว่าฉันจะทำ อะไร?”

ระหว่างที่พูด พฤกษ์ก็รุกหน้าเข้ามา แล้วก็ล้วงมืดสั้นออกมา แล้วก็แทงไปที่น่องขาของเลิฟเลย

เลิฟตกใจจนรีบกลิ้งไปกับพื้น แล้วหลบมีดสั้นของพฤกษ์ไปได้ และถามขึ้นอย่างสีหน้าขาวซีดว่า “คุณชายบุริศร์ ผมเป็นคนของ ประธานเคนนะ ถ้าคุณจะทำอะไรผมก็ควรจะคุยกับประธานเป็น สักค้าก่อนไหม?”

“นายยังรู้ว่านายเป็นคนของประธานเคนอีกเหรอ ฉันนึกว่า นายเป็นคนของตนท์ไปแล้วซะอีก!!

คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง หมายความว่าไง? คนของครินท้เหรอ? หรือว่าเลิฟกับครินทเขาจะเป็น………

แล้วอยู่ ๆ เธอก็ลืมตาโตขึ้นมาทันที
บุรีศร์กลับตบหลังมือของเธอเบา ๆ แล้วพูดไปว่า “อย่างอื่น เต้น ดูเรื่องสนุก ๆ ไปก็พอแล้ว”

เด็ก มอบให้เป็นหน้าที่ผมนะ”

บริศ มองนรมนอย่างรักใคร่อยู่ครู่หนึ่ง จนทำให้เธอลุ่มหลง กับรอยยิ้มของเขาไปชั่วขณะหนึ่ง และก็ไม่ได้สังเกตว่าบุริศรพูด อะไรไปบ้าง

พฤกษ์เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่ง แล้วก่อนที่เลิฟจะทันได้ขัดขืน ควบคุมตัวเขาไว้ก่อน แล้วพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “ยังไม่พูดความ จริงออกมาอีก? กะว่าจะให้ฉันทำให้นายพิการก่อนจริง ๆ ใช้ ไหม?”

“นายกล้าเหรอ!”

เลิฟลองขัดขืนดู แต่กลับไม่สำเร็จ

บริศร์ให้คนยกองุ่นมาจานหนึ่ง แล้วก็เด็ดออกมาเบา ๆ แล้วก็ ปอกเปลือกออก จากนั้นก็ยื่นไปที่ปากของนรมน และพูดอย่าง อ่อนโยนขึ้นว่า “อ้าปาก”

อยู่ ๆ นรมนก็รู้สึกเขินอายจนลนลานขึ้นมา

ในห้องรับแขกนี้ยังไงก็มีคนอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเป็นคนของ บุรีศร์ทั้งหมด แต่ว่าเธอโตขนาดนี้แล้วยังจะให้บริศร์มาป้อนอีก นี่มันช่างน่าอายมากเลยไม่ใช่เหรอ?
และที่สำคัญเขายังเป็นยมทูตหน้าเย็นชาในสายตาของคนอื่น อีก แล้วถ้าถูกพูดออกไปล่ะ?

“ฉันกินเองได้ค่ะ”

สีหน้าของนรมนแดงขึ้นมาทันที

พอบริศ เห็นแก้มแดงของเขาแล้ว ถึงได้ยิ้มออกมา

“จะอายทําไม เป็นคู่สามีภรรยาเก่าแก่กันแล้ว ผมอยากป้อน คุณก็จะป้อน เอ้า อ้าปาก

แววตาที่เอาอกเอาใจของบุริศร์ที่แทบจะทำให้คนที่ถูกเอาใจ หลอมละลายตายไปเลย มันทำให้นรมนทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ

“แค่ก แค่ก!”

เธอแกล้งไอค่าหนึ่งเพื่อปิดบังความลำบากใจของตัวเอง แต่ แล้วก็ยังอ้าปากออกอย่างเชื่อฟัง

พอบริศ เห็นเธอยอมกินแล้ว ถึงได้พูดขึ้นว่า “พฤกษ์ ชักช้า เกินไปแล้ว ถ้าภายในสามวินาทีถ้าเขายังไม่สารภาพออกมาละก็ ทำให้ขาเขาพิการไปซะ ด้านประธานเคนเดียวฉันไปคุยเอง

“ครับ คุณชายบุรีศร์”

พฤกษ์พูดแล้วก็จะเอามีดสั้นที่ทหารใช้ไปวางไว้ตรงเส้นเลือด

ใหญ่ตรงน่องขาของเลิฟ

“ถ้าเปิดตรงนี้ออกสักแผล นายก็รู้นะ เลือดออกที่เส้นเลือด ใหญ่นั้นสามารถถึงตายได้เลยนะ
คําพูดของพฤกษ์ ทำให้เลิฟหน้าขาวซีดขึ้นมาทันทีเลย

“คุณชายบุรีศร์ ที่นี่เป็นสังคมที่มีกฎหมาย คุณมาทำแบบนี้มัน ผิดกฎหมายนะ!”

“ฉันคิดมาตลอดว่าในเมืองชลธีนี้ ฉันก็คือสวรรค์ ฉันก็คือกฎ หรือว่านายไม่ได้รู้สึกอย่างงั้นเหรอ?”

บุรีศร์พูดไปอย่างโอ้อวดมาก

แล้วเลิฟก็หงอยไปทันทีเลย

“สาม!”

บุริศร์นับเลขไป แล้วก็ปลอกองุ่นป้อนนมันไปด้วย อย่างกับ ว่าไม่ได้สนใจ วิตของเลิฟเลยแม้แต่นิดเดียว

เลิฟถึงได้รู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ

“คุณชายบุริศร์ คุณทำไม่ได้นะ……

“สอง!”

บริศร์ไม่ได้ฟังที่เขาพูดไร้สาระอะไรเลยสักนิด

เหงื่อเย็น ๆ ของเลิฟไหลลงมาตามหน้าผาก

เขาสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว แล้วก็รีบพูดขึ้นเมื่อตอนที่บุริศร์ ตะโกนคำว่า “หนึ่ง” ออกมาว่า “ผมสารภาพ ผมจะสารภาพหมด เลย! ใช่! ผมร่วมมือกับตรินท์เอง”

พอคำพูดคำนี้พูดออกมาแล้ว สีหน้าของนรมนก็ดูไม่ดีขึ้นมาเลย

“คุณเป็นคนของครินท์เหรอ?”

ดวงตาของนรมนตรีลงมาทันที

บุริศร์กลับพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “อย่าอารมณ์ขึ้น ทำลายสุขภาพ

ตัวเองเพื่อคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งมันไม่คุ้ม ผมให้คุณมาดูเรื่องสนุก

เฉย ๆ นะ ไม่ได้ให้คุณมาโกรธ ผมบอกแล้วไงว่าทุกอย่างมอบ ให้ผมจัดการเอง?” นรมนจ้องมองดวงตาของบุริศร์ แล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกสบายใจขึ้น

มา

เธอรู้ ถ้าเลิฟเป็นคนของตนท์จริง ๆ ละก็ อย่างงั้นเธอก็คงจะ อารมณ์เสียมากจริง ๆ แล้ว

เลิฟเป็นคนที่กิมจิจัดแจงให้เข้าไปในลานเขตทหาร แต่ครินท์

กลับเข้าไปไม่ได้

เลิฟสามารถเข้าออกลานเขตทหารได้อย่างอิสระ แล้วลูกสาว ของเธอและกิจจาก็อยู่ในนั้น ถ้าเกิดว่าตนท์อยากจะจับตัวกมล ไปจริง ๆ ละก็ เธอก็คงจะตามแทบไม่เห็นฝุ่นแล้วจริง ๆ

แต่ในเมื่อบริศร์บอกว่าให้ทุกอย่างให้มอบเป็นหน้าที่ของเขา เขาก็น่าจะจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วมั้ง?

“พวกกมลเขา……”

“ไม่เป็นอะไร คุณวางใจเถอะ”
พอได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้แล้ว นรมนถึงได้วางใจลงได้ ตอนนี้เลิฟไม่ขัดขืนอะไรแล้ว

เขาจ้องมองบุริศร์ แล้วพูดขอร้องอย่างจริงใจขึ้นว่า “คุณชาย บุริศร์ ถ้าผมสารภาพเอง คุณจะยอมปล่อยผมไปได้ใช่ไหม ครับ?

“ลองสารภาพมาดูก่อน

บริศ ไม่ได้รับปากอะไรเขา แต่ว่าท่าทางที่เอาแน่เอานอนไม่ ได้แบบนี้ กลับยิ่งทำให้เลิฟไม่กล้าไม่พูดความจริงเลย

ในเมื่อเขาเป็นคนของประธานเคน และติดตามประธานเคน มาก็หลายปีแล้ว ก็รู้ดีว่าบุริศร์เป็นคนยังไงและมีหลักการการ ทํางานยังไง

คนในวงการธุรกิจของเมืองชลธีต่างก็เรียกบริศร์ว่ายมทูต หน้าเย็นชา แต่ว่าเลิฟยังรู้มาว่าก่อนที่บริศร์จะปลดประจำการนั้น มีสมญานามอยู่วันหนึ่ง เรียกว่าเทพเจ้าแห่งความตาย

บริศ ไม่เคยอ่อนข้อให้กับศัตรู แต่เขากลับโง่เขลาที่เลือกมา เป็นศัตรูกับบริศร์

เลิฟถอนหายใจทีหนึ่ง เมื่อรู้ว่าตัวเองหลบหนีไม่พ้นแล้ว แล้ว ถึงได้พูดเรื่องที่ตัวเองร่วมมือกับตรินท์ยังไงออกมาจนหมด

ตอนที่นรมนได้ยินเขายอมรับออกมานั้น ทันใดนั้นก็มีความ รู้สึกอัปยศอดสู โดนคนหลอกเล่นพุ่งเข้ามาในจิตใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ