แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 910 ฉันคือภรรยาเขา



บทที่ 910 ฉันคือภรรยาเขา

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหาใครคะ?”

อีกฝ่ายที่รับสายคือผู้หญิง

วนโมนขมวดเล็กน้อย

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะวางสายทันที แต่ตอนนี้เธอยังค่อน ข้างใจเย็น

“บุริศร์ล่ะ? ฉันคือภรรยาเขา

เสียงนรมนไม่ดังไม่เบา แต่เหมาะสมกำลังพอดี

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายตกตะลึงสักพัก จากนั้นก็ได้ยินทางด้านนั้น ตะโกน “บุริศร์ โทรศัพท์จากภรรยาคุณ

ไม่นานนัก บุริศร์ก็วิ่งมา

“นโมน”

บริศ หายใจหอบ

ความคิดของนรมนยังคงอึดอัดเนื่องจากผู้หญิงคนนี้

“เธอเป็นใคร?”

เมื่อเอ่ยปาก นรมนก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนสาวน้อยขี้หึง แต่เธอ ไม่อยากอดทน เธอจึงแล้ว!
บริศ ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบมองคนข้างๆ พูดเสียง ทุ่ม “เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของที่นี่ เมื่อกี้เสื้อผ้าฉันเปียก โทรศัพท์วางไว้ข้างนอก ไม่ได้ตั้งใจไม่รับสายคุณนะ”

“อ๋อ”

เสียงนรมนยืดยาวมาก แต่ไม่พูดอะไรอื่นๆ อีก

บุริศร์รู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่าเธออารมณ์ไม่ดี

เขาหยิบโทรศัพท์เดินออกมาจากห้องไปด้านนอกที่ค่อนข้าง สงบ พูดขึ้นเสียงทุ้ม “เราวิดีโอคอลกัน

“โอเค”

สุดท้ายนรมนก็ไม่พูดอะไรอีก

เมื่อบริศ วิดีโอคอลมา นรมนก็รับสายทันที

เห็นบุริศร์สวมเสื้อแขนสั้น ถึงกล้ามหน้าอกแกร่งจะมีเสื้อผ้ากัน อยู่ แต่ยังคงเห็นได้อย่างชัดเจนมาก สีหน้านรมนก็ไม่ค่อยดี

“เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคสวยไหม? อีกอย่าง คุณทำอะไรมา? ทำไมเสื้อผ้าเปียก? หม?”

คิ้วนโนนขมวดเล็กน้อย การแสดงออกตอนถามทำให้บริศร์

ยิ้มขึ้นมาทันที

“หึงเหรอ?”
นรมนยอมรับอย่างมั่นใจ เธอไม่อยากไร้เหตุผล

รอยยิ้มบุรีศร์ยิ่งกว้างขึ้น

“ฉันดีใจมาก”

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ” นรมนเบ้ปากอย่างไม่ใจเย็นแล้ว

บริศร์รีบหันมุมวิดีโอนิดหน่อย จากนั้นก็เห็นผู้หญิงตัวสูงใหญ่ แต่ละคนอยู่ข้างๆ กำลังคอยชี้แนะเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคเคาะ คอมพิวเตอร์

นรมนตกตะลึงเล็กน้อย อาจจะไม่คิดว่าบุริศร์จะตรงไปตรงมา แบบนี้ เมื่อเห็นว่าผู้หญิงหน้าตาไม่ใช่แบบที่บุริศร์ชอบ ก็โล่งอก

“ทําไมเสื้อผ้าถึงเปียก?”

“ฝนตกน่ะที่รัก ไม่ได้พกร่ม”

บริศ ตอบอย่างจริงจังมาก

นรมนถึงได้พยักหน้า

“โอเค ฉันจะยกโทษที่คุณให้ผู้หญิงคนอื่นรับสาย แต่ฉันไม่ อยากให้มีครั้งต่อไป ไม่งั้นฉันจะให้คุณลองได้รับความรู้สึกเวลา โทรศัพท์ฉันมีผู้ชายคนอื่นรับสายบ้าง

“ไม่เอา!”

บุริศร์ประหม่าขึ้นมาทันที
“ฉันรับประกัน คราวหน้าถึงโทรศัพท์จะเปียกฝน ฉันก็จะไม่ให้ ผู้หญิงคนอื่นแตะต้องโทรศัพท์ของฉัน

“ก็พอได้อยู่นะ”

นรมนถึงได้โล่งอก

หลังจากสอบสวนเสร็จแล้ว นรมนก็พูดเสียงทุ้ม “ฉันคิดถึงคุณ คุณจะกลับมาเมื่อไร?”

“น่าจะประมาณหนึ่งวันถึงจะจัดการเรื่องทางนี้เสร็จ ฉันยังหา พ่อคมทิพย์ไม่เจอเลย สถานการณ์ทางนี้มันซับซ้อนกว่าที่ฉันคิด ไว้เยอะ”

บริศร์รู้ความสัมพันธ์ของนรมนและคมทิพย์ แน่นอนว่าค่อน ข้างพยายามเต็มที่กับเรื่องนี้

เห็นบริศร์ยุ่งแบบนี้ เธอก็รีบพยักหน้าพูดขึ้น “โอเค คุณระวัง

ความปลอดภัยหน่อยนะ ฉันจะรอคุณกลับมา”

“ได้ อยู่คนเดียวเบื่อมากก็กลับบ้าน ไม่ต้องไปสนใจว่าสื่อจะ พูดยังไง ยังไงแล้วถึงตอนนั้นเรื่องราวของเชษฐ์ถูกเปิดโปง ทุก อย่างมันก็ผ่านไปหมดแล้ว อีกอย่างก็ยังมีฉันไม่ใช่เหรอ?”

บุรีศร์รู้ว่านรมนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ให้เธอแกล้งป่วยอยู่โรง พยาบาลทั้งวัน มันทำให้เธอรู้สึกแย่จริงๆ

นรมนพยักหน้าพูดขึ้น “แม่ให้ฉันไปกินข้าว งั้นฉันไปอยู่บ้าน คุณตาสักสองวันแล้วกัน”
“กิตินะ”

บริศ ได้ยินว่านรมนจะไปที่บ้านคุณท่านตระกูลพรโสภณ แน่นอนว่าดีใจ อย่างไรแล้วความปลอดภัยของลานเขตทหารนั้น รับประกันได้มาก มีญาติคอยอยู่เป็นเพื่อน คนเหล่านั้นที่ไม่มี ความจําเป็นก็จะรังควานได้น้อยลง

นรมนนึกถึงธิดา ก็พูดเสียงทุ้ม “ธิดากลับมาแล้ว ฉันให้เธออยู่ ที่คฤหาสน์หลังเก่าตระกูลโตเล็ก”

บริศ เงียบไปสักพักหนึ่งก่อนพูดขึ้น “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้อภัย เธอง่ายๆ”

“แล้วแต่คุณ ยังไงก็เป็นน้องสาวคุณ คุณจะไม่ยอมรับเธอไป ตลอดชีวิต ฉันก็ไม่มีปัญหา

บริศร์รู้ว่านรมนกำลังกระตุ้นตน ก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ก่อนพูดขึ้น “คุณน่ะ อดทนกับคนในครอบครัวฉันตลอดเลยนะ คุณรู้ไหม คุณเป็นแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกปวดใจมากจริงๆ ครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ คุณจะทนกับความกดดันมากขนาดนี้ได้ยัง ไง? ได้รับความทุกข์มากขนาดนี้ได้ยังไง?”

“แต่ฉันก็ไม่เป็นอะไรนี่หน่า และในทางกลับกันเพราะเธอเรา ถึงได้กำจัดเชษฐ์ทิ้งได้ ก็ดีกว่ามีคนจับจ้องเราอยู่ด้านหลัง วางแผนใส่เราตลอดเวลา ใช่ไหม? อีกอย่าง ตอนนี้เธอท้องแล้ว ต้องรักษาอารมณ์ให้ดี ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กกำพร้ามา ตลอด แม่ที่ปรารถนามากที่สุดก็ไม่ได้เจอ มีแค่พี่ชายอย่างคุณ แต่ก็ไม่สามารถยอมรับได้ จริงๆ แล้วเธอก็ใช้ชีวิตยากลำบากมากเหมือน

ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ บุริศร์ก็ถามเสียงทุ้ม หมดรอ

อืม นาวินบอกฉันหมดแล้ว ยังไงเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มันง่าย

บุริศร์ครุ่นคิดไม่นาทีแล้วพูดขึ้น “ฉันคิดก่อนแล้วกัน ถ้า คุณอยากอภัยฉันไม่ปัญหา นายตระกูลโตเล็ก คุณเธอกลับไปก็เป็นมิตรภาพซึ่งกัน และกัน ไม่แต่คุณ ไม่ปัญหาทั้งหมด

พูดอะไรน่ะ”

นรมนจ้องมองเขาทําเป็นงอน

บริศร์รู้สึกร่างกายตัวเองจะปวกเปียกหมดแล้ว

ที่รัก เวลาสามเดือนมันนานมากจริง

ตอนแรกนรมนไม่เข้าใจความหมายเขา ความปั่นป่วนในตาบุริศร์ ยิ้มขณะขึ้น “แล้วทำยังไงเด็กน้อยถึงเดือนเลย หมอบอกว่า ช่วงเวลาเป็นเวลาอันตราย งั้นมาลองไหมล่ะ?

“ช่างเด็กน้อยคุณสำคัญที่สุด

บริศ ถอนหายใจยอมรับชะตากรรม
ไม่ง่ายเลยที่จะเอาใจภรรยาได้อย่างเต็มที่ ตอนนี้มีเด็กน้อย เพิ่มมาอีก เอาใจไม่ได้แล้ว

ทรมานอ่าทรมาน

ทั้งคู่กะหนุงกะหนิงกันสักพัก นรมนก็วางสายไป ห้องผู้ป่วยเดิมทีที่ถูกทิ้งร้าง ตอนนี้รู้สึกอบอุ่นไม่น้อย

กานต์และธรรคผลักประตูเข้ามาแล้ว “หม่าม คุณยิ้มอะไรนะ? ยิ้มหวานเชียว? คุยโทรศัพท์กับคุณบุ ริศ เหรอ?”

เมื่อกานต์เข้ามาก็เห็นนรมนยิ้มเหมือนคนโง่ จึงรีบถาม ใบหน้าเล็กของนรมนแดงเล็กน้อย

“เจ้าเด็กแสบ ตั้งแต่เมื่อไร มาล้อแม่เหรอ? หม?” ธรรศก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูออกว่าเรื่องราวคงคุยกันจบแล้ว “คุยจบแล้วเหรอ?”

“มีกานต์อยู่ มันก็จําเป็น ไม่กี่เดือนข้างหน้ากานต์ก็อาจจะยุ่ง

มาก”

คำพูดของธรรคทำให้นรมนชะงักไป

เขารีบพูดอธิบาย “โครงการนี้อีกฝ่ายระบุว่าต้องการให้กานต์ เข้าร่วม ฉันก็ทำได้แค่โทรหาเบื้องบนขอคำแนะนำ ไม่คิดเลยว่า เบื้องบนจะตอบตกลงทันที และเบื้องบนสัญญาด้วยว่า ตราบใดกานต่ต้องการเป็นสมาชิกพาร์ทไทม์ 158 ก็สามารถใช้ตัวตน ของเขตทหารเข้าร่วมได้โดยตรง อีกฝ่ายก็ตอบตกลง

นรมนูยิ้มขึ้นมาทันที

“อาสาม แผนการดีมาก แบบนี้ประเทศเราก็ลงนามผูกพัน กับ158ได้แล้ว ถึงตอนนั้นต้องการข้อมูลหรือความช่วยเหลือ อะไร กานต์ก็แค่พูดประโยคเดียวใช่ไหม? กานต์ของเราต้อง เหนื่อยมากแน่ๆ ต้องดูแลเขตทหารไปพร้อมๆ กัน ต้องทำงาน พาร์ทไทม์กับ158 ต้องมาแบกรับทำงานหนักตั้งแต่เด็กๆ

“ไม่เอาหน่า หลักๆ กานต์อยู่ที่เขตทหาร ทางด้าน158แค่ไป รายงานตัวเป็นครั้งคราวก็พอ อีกอย่าง นี่เป็นโอกาสของกานต์ มี158คอยสนับสนุนด้านหลัง สถานะของกานต์ที่เขตทหารก็ไม่มี ใครกล้าไปสั่นคลอน อนาคตของเด็กคนนี้อาจจะสูงกว่าฉัน

ธรรศมีความเย่อหยิ่งและภูมิใจเต็มเปี่ยมในดวงตา ราวกับ กานต์เป็นลูกชายของเขา กานต์ยักไหล่อย่างไม่แยแสแล้วพูดขึ้น “แค่ทำให้หม่ามีและ

คุณสามอารมณ์ดีก็พอแล้วครับ ยังไงผมก็ไม่มีปัญหาอะไร คำพูดนี้ไม่ได้พูดอย่างกำเริบเสืบสานและกวนตีนธรรมดาๆ

มุมปากนรมนกระตุก

ธรรศยิ่งมองกานต์ก็ยิ่งเจริญตาขึ้นเรื่อยๆ อยากจะอุ้มเด็กคนนี้ กลับบ้านไปเลี้ยงเป็นลูกชายตัวเอง

นรมนส่ายหน้าถอนหายใจขณะพูดขึ้น “อาสาม คุณรีบไปแก้ไขปัญหาส่วนตัวให้เร็วหน่อยได้ไหม? คุณสามสิบหกแล้วนะ ถ้ายังไม่แต่งงานอีกก็จะแก่แล้ว

“ใครว่า? ผู้ชายสี่สิบขึ้นไปจะยิ่งมีเสน่ห์ ฉันไม่รีบหรอก”

ธรรคโบกมือ ไม่รีบร้อนสักนิด

“อาสาม”

นรมนค่อนข้างหดหูแล้ว

“เอาล่ะๆ ฉันรู้แล้ว ไว้ค่อยว่ากัน ฉันพากานต์กลับไปรายงานที่ เขตทหารก่อนนะ ทางด้านเธอมีเรื่องอะไรก็ไปหาอาเล็กของเธอ ได้ทันที เขาว่างไม่มีอะไรทํา

สามารถบอกว่าผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่งว่างไม่มีอะไรทำได้ ก็มี แค่ธรรศพี่ชายแท้ๆ คนนี้แหละ

นรมนกอดกานต์ พูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “อย่าเหนื่อยเกินไปนะ คิดถึงหม่ามีก็กลับมา

“ครับ”

กานต์กอดนรมนกลับ แล้วถามขึ้น “คุณบุริศร์ใกล้จะกลับมา แล้วใช่ไหมครับ?”

“ใกล้แล้ว น่าจะอีกวันหนึ่ง แม่ตั้งใจว่าหลังจากพวกคุณไป แล้วจะไปเยี่ยมที่บ้านคุณยายลูกสักหน่อย”

“คุณยายตระกูลธนาศักดิ์ธนเหรอครับ?”

กานต์เผลอถามโดยไม่รู้ตัว อย่างไรแล้วในใจเขา นรมนถูกเลี้ยงโดยพ่อแม่บุญธรรมตั้งแต่เล็กจนโต แน่นอนว่ามีความรู้สึก ลึกซึ้ง ในขณะนี้ได้ยินนรมนบอกว่าจะไปหาคุณยาย ก็นึกว่า หมายถึงแม่นรมน

นรมนชะงักไป

จนถึงตอนนี้ ข่าวที่เธอโดนแทงน่าจะรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว เธอไม่เชื่อว่าแม่นรมนไม่เห็นข่าว แต่อีกฝ่ายไม่โทรมาแม้แต่สาย เดียว ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียว ถ้าบอกว่าไม่ผิดหวังขมขื่น เป็นการโกหก แต่ต่อหน้าลูก นรมนก็ยังยิ้มขณะพูดขึ้น “ไม่ใช่ไป บ้านคุณยายคิมของลูกน่ะ เธอป่วย

“ผมไปเยี่ยมคุณยายกับหม่ามแล้วค่อยกลับเขตทหารได้ไหม ครับ?”

กานต์รีบหันศีรษะไปถามธรรศ

ธรรศรู้สภาพร่างกายของคิม ตอนนี้ได้ยินกานต์ขอแบบนี้ ก็ ครุ่นคิดสักพักก่อนพูดขึ้น “ได้ เธอไปเถอะ ตอนกลางคืนกินข้าว

เย็นเสร็จฉันจะมารับเธอ”

“หม่าม ผมไปกับหม่ามีนะ

กานต์ยิ้มมีความสุข

นรมนพยักหน้าให้ธรรคอย่างซาบซึ้ง เก็บของสักพัก ก็พา กานต์ออกไปจากโรงพยาบาล

ประตูทางเข้าโรงพยาบาลยังคงมีนักข่าวรออยู่ เห็นนรมนออก มา ก็ชะงักอย่างอดไม่ได้ รีบก้าวไปข้างหน้าด้วยความใจกล้า
“คุณนายบุรีศร์ ได้ยินว่าคุณโดนแทงบาดเจ็บสาหัส นี่เพิ่งสอง วัน ทำไมคุณออกมาได้แล้วล่ะ? แล้วคุณจะไปไหน?”

อีกฝ่ายพูดจาเฉียบคม แววตาเป็นประกาย ถึงจะถามอยู่ แต่ก็ ขวางทางนรมนไว้อย่างชาญฉลาด ท่าทางนั้นให้ความรู้สึกหลีก เลี่ยงไม่ได้

คิ้วบรมนขมวดเล็กน้อย แววตาก็หลง

เธอสางผมยาวของตัวเอง ยิ้มเรียบๆ แต่รอยยิ้มไม่ถึงดวงตา แค่ถาม นว่า “เธอเป็นนักข่าวมาจากบริษัทไหน?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ