แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 726 ผมจะดีกับคุณทั้งชีวิต



บทที่ 726 ผมจะดีกับคุณทั้งชีวิต

นรมนคิดไม่ตกว่า นี่มีอะไรที่พูดไม่ได้กันล่ะ?

โสธรคิดไปครู่หนึ่ง “พี่สาวของผมไม่เห็นด้วยที่ผมจะย้ายป้าย วิญญาณของพ่อแม่กลับมา เธอบอกว่าที่นี่ไม่มีใครแล้ว ย้ายกลับ มาก็ไม่มีความหมายอะไร และที่สำคัญเรื่องของพ่อแม่ผมก็ยัง ยากนิดหน่อย พี่สาวของผมอยากจะให้พวกท่านตั้งอยู่ที่สุสาน วีรชนผู้กล้า”

นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง

สําหรับเรื่องประวัติครอบครัวของนิตา ก็เพราะว่าเรื่องของเจต เธอถึงได้ไปสืบค้นมานิดหน่อย เธอรู้เพียงแค่ว่าพอแม่ของนิตา นั้นเสียชีวิต ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ถ้าพูดตามหลักแล้วก็น่าจะถือ ได้ว่าเป็นการพลีชีพ

“พ่อแม่ของนายไม่ควรจะเป็นวีรชนผู้กล้าเหรอ?”

“ก็น่าจะใช้ แต่ว่าเงินที่เอามาแลกเปลี่ยนตอนนั้นมันได้หายไป แล้ว ตอนนี้เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้บทสรุป แน่นอนว่าพวกท่านก็ยังไม่ สามารถฝังอยู่ในสุสานวีรชนผู้กล้าได้ ในจุดนี้พี่สาวของผมก็ โมโหมาก และหวังว่าจะทำสามารถให้พ่อแม่ได้รับความเป็น ธรรม ผมรู้ เธอเองก็หวังดีกับพ่อแม่ แต่ว่ามีบางครั้งผมก็อยากจะให้พวกท่านได้กลับคืนสู่ภูมิลำเนาเดิม ไม่ว่าโลกภายนอกจะพูดยังไง พวกท่านก็ยังเป็นพ่อแม่ของผม อยู่ดี”

ท่าทีของโสธรมีความหงอยเหงาเล็กน้อย

นโมนสามารถเข้าใจเขาได้ แล้วก็ตบบ่าของเขาเบา ๆ แล้วพูด ว่า “ฉันรู้แล้ว นายวางใจได้เลย ฉันไม่มีทางบอกเธอหรอก

“ขอบคุณมากครับ คุณนายบุริศร์”

“พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่?

บุริศร์เพิ่งทำการฝังเข็มเสร็จและเดินมาพอดี ก็เห็นพวกเขา กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาคำ หนึ่ง

นรมนบอกสถานะของโสธร ให้กับบริศร์รู้ และในเวลาเดียวกัน

ก็บอกเรื่องของนิตากับเจตต์ออกไปด้วย

พอโสธรได้ยินว่าพี่สาวหาแฟนได้แล้ว ก็อดที่จะดีใจขึ้นมาไม่ได้

“พี่สาวของผมนี่ก็จริง ๆ เลย มีแฟนแล้ว เรื่องดีแบบนี้ ทำไมถึง ไม่บอกกับผมสักคำเลย?”

“อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขายังไม่ได้ยืนยันความสัมพันธ์ให้ แน่ชัด แต่ว่าผู้ชายคนนั้นไม่เลวจริงๆ นะ เอาพี่สาวของนายมอบให้กับเขาสามารถวางใจได้ แน่นอน”

คำพูดของนรมนทำให้โสธรยิ่งรู้สึกมีความสนใจต่อเจตต์มาก

ขน

“มีรูปถ่ายไหม?”

“มี นายลองดูซิ”

นรมมหารูปของเจตต์ออกมาแล้วส่งให้กับโสธร

บริศ เห็นว่าพวกเขาพูดคุยกันได้อย่างออกรสมาก ก็เลยยิ้ม แล้วส่ายหัวและเดินจากไป

พอป้องเห็นท่าทางเขาเป็นแบบนี้ ก็แตะข้อศอกของเขาที่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ทิ้งแล้วเหรอ?”

“ฉันจะมาถึงอะไรกับเด็กคนหนึ่ง?”

บุริศร์นั่งลงอีกข้างหนึ่ง

ป้องก็นั่งลงตรงข้าง ๆ ของเขา

“พูดตามความจริง ช่วงที่ผ่านมานรมนต้องเปลืองใจไปกับ เรื่องนายไม่น้อยเลย คนที่สามารถตามหาได้บนโลกใบนี้เธอก็ แทบจะไปหามาจนหมดแล้ว แต่น่าเสียดายสุดท้ายแล้วอาการ ป่วยของนายก็ยังคงไปจบลงที่มือของป้าโอ บางทีนี่อาจจะเป็น ชะตากรรมที่กำหนดไว้แล้วและไม่มีใครคาดถึง พอป้าโอจากไปแล้ว ฉันรู้ว่าในใจนายนั้นรู้สึกเป็นทุกข์ แล้วก็เข้าใจความรู้สึก ระหว่างนายกับป้าโอ ไม่ว่าเธอเคยทำเรื่องที่เกินเลยไปมากแค่ ไหน แต่สําหรับนายแล้ว เธอก็ยังเป็นแม่ของนายอยู่ดี ตอนที่เธอ มีชีวิตอยู่นายจะไม่ให้อภัยเธอก็ได้ แต่พอคนตายไปแล้ว นาย ให้อภัยทุกอย่างเอง แต่ว่าบุริศร์ ตัวนายคือตัวนาย และตัวนรมน ก็คือนรมน ทุกอย่างที่ป้าโอทำกับนรมนไว้ บางทีนายอาจจะให้ อภัยได้ แต่ว่าชาตินี้นรมนคงจะไม่มีโอกาสได้เป็นแม่คนอีกแล้ว ตรงจุดนี้เธอไม่สามารถที่จะผ่านมันไปได้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่านาย จะโศกเศร้าก็ดี หรือว่าทุกข์ใจก็ดี ให้มันเป็นแค่พอประมาณ พอแล้ว คนเรานั้น ยังไงก็จะต้องคิดวิเคราะห์เพื่อคนเป็นให้ มากกว่าไม่ใช่เหรอ?”

พอได้ยินคำพูดของป้องแล้ว บุริศร์ก็พยักหน้าเล็กน้อย

“ฉันรู้ ฉันเสียใจต่อการตายของป้าโอเป็นอย่างมาก แต่ว่าสิ่ง ที่ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจนั้นไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ ที่ฉันซื้อที่นี่ไว้ และ ปรับปรุงซ่อมแซมที่นี่ใหม่นั้นไม่ใช่แค่เพราะป้าโอเท่านั้น ก่อนที่ เธอจะตายได้พูดกับฉันไว้ว่า ที่เส้นเสียงของนรมนเสียหายนั้น ถ้า อยากจะรักษาให้หายขาด ก็จะต้องหาหญ้าชนิดหนึ่งที่ชื่อหญ้าดาวสีฟ้าจากที่นี่ เธอบอกว่ามันจะขึ้นอยู่ข้างพื้นที่สุสาน ๆ และ ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิตด้วยมั้ง ฉันก็เลยซื้อ ที่นี่ไว้ แล้วก็จะซ่อมแซมให้ดี ๆ สักหน่อย ถ้าหากสามารถมีลูก หลานมาดูแลที่นี่ได้ งั้นก็จะดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากว่าไม่มี ฉันก็ จะจ้างคนมาดูแลรักษาที่นี่เป็นประจำ ที่นี่เป็นแหล่งรวมยา สมุนไพร ใครจะไปรู้ว่าจะมียาสมุนไพรที่มีมูลค่าสูงอยู่ที่นี่ไหม ถ้า มี ฉันก็อยากจะเก็บรักษาเอาไว้ แล้วก็จะพัฒนาที่นี่ให้เป็นฐาน วิจัยพัฒนายาสมุนไพรไปเลย ต่อไปถ้ามีอะไรที่ต้องใช้ก็จะได้ไม่ ต้องวิ่งไปอ้อนวอนขอร้องคนอื่นไปทั่ว

คำพูดของบุริศร์ทำให้ป้องอึ้งไปครู่หนึ่ง

“นายบอกกับนรมนหรือยัง?”

“ฉันว่าผู้ชายอย่างนายทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้? นายทำเพื่อ เธอ แล้วถ้านายไม่พูดออกไปเธอจะรู้ได้ยังไง?

ป้องรู้สึกไม่พอในความไม่เอาไหนแบบนี้จริง ๆ เลย บุริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ระหว่างพวกเราไม่ต้องการของแบบนี้ หรอก”
“พูดไปเรื่อยซิ ระหว่างสามีภรรยาจำเป็นจะต้องพูดคุยกันที่สุด จะต้องให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจความตั้งใจของซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ คนทุกคนจะเข้าใจนาย แล้วก็อย่าไปคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเทพเจ้า ที่ แค่สายตาของนายมองไปแวบเดียวอีกฝ่ายก็จะเข้าใจแล้วว่า นายคิดอะไรอยู่? พูดไปเรื่อยๆ ถึงจะเชื่อใจซึ่งกันและกันมันก็ ไม่ใช่แบบนี้นะ!”

ป้องรู้สึกว่านิสัยแย่ ๆ แบบนี้ของบุริศร์นั้นแก้ไม่ได้แล้ว

บริศพยักหน้าเล็กน้อย

“เดี๋ยวฉันไปบอกเธอเอง

“แบบนี้ ถึงจะถูก”

ทั้งสองคนพูดคุยกันไปอีกพักหนึ่ง นรมนก็ดินเข้ามา

“บุริศร์ คุณจะอยู่ที่นี่อีกหลายวันไหมคะ?”

“ใช่ มีอะไรเหรอ?”

นรมนครุ่นคิดไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันอยากไปเยี่ยมนิตา สักหน่อย พี่สาวของโสธรน่ะ เธอต้องมาบาดเจ็บเพราะว่าเจตต์ และเป็นเพราะว่าฉันเป็นคนส่งเธอไปถึงได้ได้รับบาดเจ็บด้วย หมอบอกว่ามดลูกของเธอได้รับความเสียหาย ไม่แน่ว่าจะหายดีเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ตอนที่วันภพอยู่ที่เมืองหลวงก็รีบร้อน กลับมา ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้างแล้ว ถึงแม้จะได้ยินเสียง ที่เธอคุยโทรศัพท์กับโสธรเมื่อกี้ก็ยังดี ๆ อยู่ แต่ว่าใครจะไปรู้ล่ะ ว่าจะแกล้งทำออกมาหรือเปล่า? ฉันอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยอยากจะไปดูสักหน่อย”

ป้องมองเธอที่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “นายยังเวลาฝังเข็มอีกหนึ่ง วัน รอให้พรุ่งนี้ฝังเข็มเสร็จแล้วค่อยไปก็ได้”

“ก็ดีเหมือนกัน”

นรมนพยักหน้าเล็กน้อย

โสธรตัดสินใจอยู่ช่วยเหลือที่นี่ต่อ ช่วงหลายวันมานี้ก็ไม่มี เรียนอะไร ถือว่าเป็นช่วงเวลาปิดเทอม

บุริศร์พานรมนมาถึงพื้นที่สุสานด้านหลัง

ที่นี่เป็นที่ฝังศพมานานหลายปีของคนที่เสียชีวิตไปแล้วของ

หมู่บ้าน

นรมนถามขึ้นอย่างรู้สึกสงสัยว่า “คุณพาฉันมาทำอะไรที่นี่ คะ?”

“ป้าโอบอกว่าคอของคุณถ้าอยากจะให้หายขาดก็จะต้องใช้ยาสมุนไพรอย่างหนึ่ง ไม่งั้นเส้นเสียงของคุณก็จะเจ็บตอน พูดอยู่ตลอด และจะเป็นอย่างนี้ไปตลอดชีวิตของคุณ

นรมนนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดขึ้นว่า “สามารถเปิดปากพูดได้อีกครั้ง ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่ง่ายแล้วจริง

“แต่ว่าผมไม่อยากให้เสียงของคุณแฝงไปด้วยความเจ็บปวด ป้าโอบอกกับผมว่า ที่นี่มีหญ้าชนิดหนึ่งชื่อว่าหญ้าดาวสีฟ้า สามารถรักษาเส้นเสียงคุณให้หายขาดได้ แล้วยังมีอีกคือ พื้นที่ ด้านหลังของสุสานนี้ เป็นพื้นที่ผืนหญ้านานาพันธุ์ผืนหนึ่ง เป็น พื้นที่สวนสมุนไพรที่คนหลายต่อหลายรุ่นของตระกูลป้าโอบำรุง รักษาต่อกันมา เวลาผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ ถึงแม้ว่าที่นี่จะ รกร้างไปแล้ว แต่ว่าของพวกยาสมุนไพรนี้เวลายิ่งนานก็จะยิ่งดี เพราะฉะนั้นที่ผมซื้อที่นี่เอาไว้ไม่ได้เพื่อแค่ป้าโอเท่านั้น ยังหวัง ว่าจะสามารถทำให้สวนยาสมุนไพรพวกนั้นกลายมาเป็นของตัว ผมเองด้วย ผมยังจำท่าทางที่ต้องไปขอร้องอ้อนวอนขุนอินเพื่อ ช่วยคุณได้ดี ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่อยากให้คนในครอบครัวของ ผมต้องสูญเสียโอกาสในการรักษาไปเพราะว่าไม่มียาสมุนไพร อีกแล้ว แล้วนี่ถึงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงที่สุดของผม
พอได้ยินบุรีศร์พูดมาแบบนี้ นรมนก็อึ้งไปทันทีเลย

“ฉันไม่รู้เรื่องเลย ถึงแม้ว่าคุณจะทำเพื่อป้าโอ ฉันก็จะไม่โกรธ หรอก ในเมื่อเธอคลอดและเลี้ยงดูคุณมา ถึงแม้ว่าในใจของฉัน จะโกรธเกลียดเธอ แต่ว่านี่ก็ไม่ได้กระทบต่อความรู้สึกที่ฉันมีต่อ คุณ และฉันก็จะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับความกตัญญูที่คุณมีต่อเธอ อย่า มองฉันว่าเป็นคนใจแคบมากนักซิ”

คำพูดของนรมนทำให้จิตใจของบุริศร์รู้สึกซาบซึ้งมาก เขากอดเธอไว้แน่น แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ผมจะดีกับคุณทั้ง ชีวิตเลย”

“คุณกล้าไม่ดีกับฉันเหรอ?”

“ไม่กล้าหรอก!”

บุริศร์รีบพูดต่อทันที

นรมนรู้สึกว่าวินาทีนี้ช่างมีความสุขมากจริง ๆ

ลมพัดกิ่งไม้เกิดเสียงซู ๆ นรมนคลอเคลียอยู่กับอกของบุริศร์ แล้วฟังเสียงหัวใจที่เต้นอย่างแข็งแกร่งของเขาอยู่ และรู้สึกว่า วินาทีนี้โลกช่างรักใคร่ปรองดองและสงบสุขจนแทบไม่ไหวแล้ว

ตอนทกานต์มาถึงนั้น แล้วเห็นท่าทางแบบนี้ของพวกเขา จึงเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ

เขาทนทําใจรบกวนพวกเขาไม่ได้

พอโสธรเห็นกานต์กลับมาแล้ว ก็ถามขึ้นว่า “เป็นยังไง? หา พวกเขาไม่เจอเหรอ?”

“อ้ายหยา คุณไม่ต้องหาพวกเขาแล้ว ไปเถอะ พวกเราสองคน ไปเล่นกันดีกว่า”

กานต์พูดแล้วก็ดึงมือของโสธรมาแล้วเดินออกไปข้างนอก “เอ๋? พวกเราจะเล่นอะไรกันล่ะ?”

“เฮ้ย อย่าดูถูกคนซิ เดี๋ยวผมจะให้คุณเล่นเกมเกมหนึ่ง ถ้าคุณ สามารถผ่านด่านได้ ก็ถือว่าผมแพ้

คำพูดของกานต์ทำให้โสธรรู้สึกอยากจะหัวเราะขึ้นมา

“เกมของนายที่เป็นแค่เด็กคนหนึ่งจะไปยากสักแค่ไหน? มาซิ

ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันจะเล่นสู้นายไม่ได้”

โสธรโดนกานต์ลากมาถึงใต้ต้นไม้ข้าง ๆ แล้วนั่งลงไป กานต์เอาเกมที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาส่งให้กับโส“สิบห้านาทีจะสามารถผ่านด่านได้ไหม?”

“นี่มันจะไปยากอะไร? แค่เกมมือถืออันหนึ่งเท่านั้น”

โสธรรับมา แล้วก็เริ่มเล่นอย่างมีความมั่นใจมาก ๆ แต่ว่าพอ เล่นไปเล่นไป หัวคิ้วของเขาก็ขมวดเข้ามาอยู่ด้วยกันแน่น เล่นไป เล่นไป เขาก็เริ่มครุ่นคิดอย่างหนักขึ้นมา

กานต์ยืนกอดอกอยู่อีกข้างหนึ่ง และมองดูวิวทิวทัศน์ที่ สวยงามของที่นี่ แล้วก็ค่อย ๆ ยิ้มขึ้นมา

สิบห้านาทีผ่านไป โสธรก็พูดขึ้นอย่างรู้สึกพ่ายแพ้ว่า “ของอัน นี้มันไม่มีทางผ่านด่านได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

“คุณโง่เองก็บอกว่าตัวเองโง่ อย่างมาหาข้ออ้างเยอะขนาด นั้น ไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณสอบติดมหาวิทยาลัยได้ยังไงกัน ถ้า

มหาวิทยาลัยสอบเข้าง่ายขนาดนี้ ผมก็ทำได้เหมือนกันนะ”

กานต์เอาโทรศัพท์มือถือมาจากมือของโสธร จากนั้นก็เริ่มต้น เล่นเกมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ฝีมือของเขานั้นเร็วมาก โสธรมองจนตาลายและมึนหัวไปเลย

“ติ๊ง” ดังขึ้นคําหนึ่ง กานต์ผ่านด่านแล้ว

ตัวโสธรอ้าปากค้างไปทั้งหน้า ยังไงก็ไม่กล้าเชื่อว่านี่คือเรื่อง

จริง

“นายคงจะไม่ได้เพิ่มปลั๊กอินหรอกใช่ไหม?

“ล้อเล่นนะ ผมเล่นเกมไม่เคยเพิ่มปลั๊กอินอยู่แล้ว คุณกำลัง เหยียดหยามความฉลาดของผมอยู่?”

แววตาที่ดูถูกของกานต์ทำให้โสธรรู้สึกสะเทือนใจ

นรมนกับบุริศร์กลับไม่รู้เหตุการณ์ทางด้านกานต์เลย ทั้งสอง คนไหว้ทำความเคารพให้กับผู้เสียชีวิตครั้งหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มต้น ตามหาหญ้าดาวสีฟ้ากับบุริศร์ขึ้นมา

“คุณรู้ว่าอะไรคือหญ้าดาวสีฟ้าเหรอคะ? หน้าตามันเป็นยังไง

คะ? ป้าโอเคยบอกไว้หรือเปล่าคะ?”

“เคยบอกมาบ้าง ผมจะต้องหาดูดี ๆ สักหน่อยก่อน ป้าโอบอก ว่าหญ้าชนิดนี้ขึ้นอยู่ในดินที่เปียกชื้นตามข้าง ๆ สุสาน เพราะ ฉะนั้นเราจะต้องสังเกตดูดี ๆ สักหน่อย”

บุริศร์พูดไปด้วยเดินไปด้วย ยังคอยหันกลับมามองนรมนว่า ตามมาทันด้วยหรือเปล่า
ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาช่วงบ่าย ที่แดดกำลังแรง แต่ว่านรมนก็ยัง รู้สึกว่ามันอึมครึมอยู่ดี

“บุริศร์ ฉันรู้สึกกลัวนิดหน่อย

นรมนจับแขนของตัวเองเอาไว้ แล้วก็รู้สึกว่าขนลุกขึ้นมาหมด แล้ว

ที่นี่ถือเป็นพื้นที่ที่อยู่ใต้ร่มเงาไม้ไม่ค่อยมีแดดเท่าไหร่ แล้วก็มี หลุมฝังศพเยอะขนาดนี้ ใจของนรมนกำลังเต้นเหมือนตีกลอง เลย

บริศร์จับมือของเธอไว้แน่นแล้วพูดขึ้นว่า “เดินตามผมมา ไม่มี อะไรหรอก ถ้าหาหญ้าดาวสีฟ้าเจอเราก็กลับกันได้แล้ว”

“อืม”

ถึงแม้ว่านรมนจะพูดแบบนี้ แต่ว่าก็ยังคงมีความลังเลอยู่ดี

ทั้งสองคน คนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งอยู่หลังก้มๆ เงย ๆ เดินไป ตามทางข้าง ๆ สุสาน นรมนมักจะรู้สึกว่ามีลมหนาวพัดผ่านมา อยู่ตลอด จนเธอต้องคอยชะเง้อมองไปหลังอยู่ตลอด

บางทีอาจจะเป็นเพราะคิดไปเอง เธอมักจะรู้สึกว่ามีคนคอย ตามตัวเองอยู่ตลอด แต่ว่าตอนที่หันหลังไปกลับมองไม่เห็นอะไรเลย
บุริศร์จับมือของนรมนเอาไว้ สายตาก็คอยสอดส่องไปรอบสี่ ทิศ คอยมองหาร่องรอยของหญ้าดาวสีฟ้าไป

“อ่า!”

อยู่ ๆ เท้าของนรมนก็ก้าวพลาด แล้วตัวทั้งตัวก็ล้มลงไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ