แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1051 คุณทำอะไรก็อร่อยหมด



บทที่ 1051 คุณทำอะไรก็อร่อยหมด

วินเซนต์จากโรงพยาบาลไปแล้ว กานต์ก็จากไปแล้วเช่นกัน แต่ว่าตอนที่แยกย้ายกันที่หน้าประตูโรงพยาบาล วินเซนต์ปราย ยตามองกานต์แวบหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำๆ ตอนนี้หนูทำงานใน ค่ายทหารเหรอ”

“ใช่ ดังนั้นคุณอย่าได้ให้ผมจับผิดคุณได้แล้วกัน”

กานต์พูดเบาๆ อารมณ์ที่ไม่ชัดเจนในแววตา

“เชี่ย!

วินเซนต์สบถคําหยาบออกมา

“ผมเป็นเพื่อนที่แกร่งที่สุดของพ่อหนูนะ”

“อย่าพูดมั่ว แด๊ดดี้ผมเป็นนักธุรกิจที่ซื่อสัตย์ซื่อตรง จะเป็น เพื่อนคุณที่อยู่จอมฉวยโอกาสได้อย่างไร ไม่มีธุระอะไรก็อย่า เที่ยวไปเที่ยวมาหาสู่แด๊ดดี้ผม อย่ามาทำลายชื่อเสียงแด๊ดดี้ของ ผมให้ป่นปี้

กานต์พูดจบก็ก้าวเท้าขึ้นรถไป

วินเซนต์โกรธจนอัดอั้นอยู่ในอก ขึ้นก็ไม่ได้ลงก็ไม่ได้

นี่มันเด็กเวรอะไรกัน

ให้ตายเหอะใจร้ายเหมือนบุริศร์ไม่มีผิด
นี่เขามากตรากตรำเพื่อใครกัน

ตอนนี้กลับถูกเปิดโปงด้วยลูกชายของบุรีศรี

วินเซนต์มองตามทิศทางที่กานต์จากไปแล้วชูนิ้วก้อยขึ้นเชิง

กานต์มองเห็นจากกระจกมองหลัง แล้วเปิดปากขึ้นเบาๆ

“นิสัยเด็กๆ”

ใบหน้าเล็กๆของเขายกรอยยิ้มขึ้น

นรมนไม่รู้เรื่องนี้เลย หวังเพียงแต่ให้โสธรจะสามารถนำ หนังสือโบราณกลับมาได้

หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป ป้องเดินเป็นบริศร์ออกมา

“เป็นอย่างไรบ้าง”

นรมนรีบกระโจนเข้าไป

ป้องถอดหน้ากากออก พูดเบาๆ “ไม่เป็นอะไรแล้ว อาการ กำเริบครั้งนี้ค่อนข้างอันตราย แต่ว่านี่เป็นเพียงการรักษาที่ปลาย เหตุไม่ใช่ที่ต้นเหตุ ผมเองก็ไม่มีวิธีที่ดีที่สุด ตอนนี้ทำได้แค่ ควบคุมอารมณ์ของเขา อย่าให้ต้องเหนื่อยเพลียเกินไป พยายามทำให้จิตใจผ่อนคลาย

นรมนมองบริศ ด้วยความเป็นห่วง
สีหน้าของบุรีศร์ได้กลับมาเป็นปกติ เมื่อเห็นนมันเป็นเช่นนี้ก็ รู้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองได้ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก จึงรีบยิ้ม แล้วพูดขึ้น “ผมไม่เป็นไร แค่นี้เอง

“คุณหุบปาก”

นโมนจ้องเขาเขม็งตึง แต่ก็ก้าวไปข้างหน้าพยุงเขาด้วยความ เป็นห่วง

“พวกเราต้องพักที่โรงพยาบาลหรือเปล่า”

ป้องโบกมือปัดแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง พักอยู่ที่โรงพยาบาลก็ เปลืองเตียงผู้ป่วยเปล่าๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้

“ค่ะ”

ขณะที่นรมนพยุงบุริศร์เดินจากไปนั้น ฉับพลันป้องได้เอ่ยปาก ขึ้น” พี่รอง อินทรีกลับมาแล้วหรอ

อินทรีอะไร พี่ไม่รู้”

บุริศร์สีที่หน้าท่าทางมึนงง

ป้องจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างละเอียด เห็นแววตาของเขา ที่แจ่มใสชัดเจน ในใจไม่เข้าใจจริงๆว่าเขานั้นไม่รู้จริงๆหรือว่า แกล้งไม่รู้

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าหากว่าพี่รองเจออินทรี หวังว่าจะบอกกับ เฮียสักคํา”

ป้องทิ้งประโยคนี้ไว้ บริศพยักหน้าเบาๆ
“ไปกันเถอะ ผมยังรู้สึกเจ็บหัวนิดหน่อย

นรมนรีบพยุงบุริศร์เดินออกจากโรงพยาบาลทหาร

* อินทรีคือใครกัน

วินเซนต์

คำพูดของบริศทำให้นรมนระวังตัวขึ้นทันใด

– ป้องเห็นอะไรบางอย่างเหรอ”

ผมปวดเส้นประสาทขึ้นอย่างกะทันหัน วินเซนต์คงหลบ ไม่ทัน คุณส่งตำแหน่งไปให้เขา เมื่อเขามาถึงทางนี้ย่อมเห็นเป็น ธรรมดา ตอนนั้นป้องก็เป็นทหารเช่นกัน ก็ย่อมจะเห็นถึงอะไร บางอย่าง”

บุริศร์คิ้วขมวดขึ้น

“อย่างนั้นทำอย่างไรดี

นรมนรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมบุริศร์ถึงได้อยู่ด้วยกันกับจอม ฉวยโอกาส แต่ว่าตอนนี้เป็นแบบนี้ไปแล้ว เธอไม่ต้องการให้ ระหว่างป้องกับบุริศร์เกิดความบาดหมางกัน

บริศ พูดเสียงเบาๆ คงต้องให้เขาจากที่นี่ไปก่อนแล้วค่อยว่า กันอีกที”

“เขาจากไปแล้ว”
บรมนบอกเรื่องที่ตัวเองให้โสธรไปตามหาหนังสือโบราณกับ

บุรีศร์ถอนหายใจโล่งอก

“เป็นเช่นนี้ดีที่สุด”

ทั้งคู่สนทนากันแล้วก็ขึ้นรถไป

นรมนมีบางอย่างไม่ค่อยเข้าใจจึงได้ถามขึ้น “คุณกับวินเซนต์ แท้ที่จริงแล้วยังไงกัน ฉันเห็นป้องดูโกรธมากเมื่อเอ่ยถึงอินทรีชื่อ

บริศ ทอดถอนใจแล้วพูดขึ้น อินทรีเคยเป็นนักบินที่เก่งที่สุด ในค่ายทหาร เคยได้อันดับที่สองจากเข้าร่วมการแข่งขันทหาร โลก อยู่ในกองกำลังพิเศษเดียวกันกับพวกเรา”

“วินเซนต์เป็นทหารกองกำลังพิเศษเหรอ”

นรมนรู้สึกประหลาดใจ

ดูอย่างไรไอพิฆาตบนตัวของวินเซนต์ก็ร้อนแรง ทำให้คนรู้สึก ตัวสั่นสะท้าน เธอไม่เคยคิดว่าคนแบบนี้จะเคยเป็นทหารมาก่อน

นัยน์ตาของบุริศร์ดูขรึม ถึงขั้นประกายความเสียดายขึ้น

“เขาเป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง ถ้าหากไม่มีอุบัติเหตุครั้งนั้น บางทีเขาอาจจะกลายเป็นดวงดาวที่ส่องประกายในค่ายทหาร น่าเสียดายจริงๆ บางครั้งโชคชะตาของคนเราก็ช่างแตกต่างกัน จริงๆ”
“มีเรื่องเล่าเหรอ”

นรมนเกิดอาการอยากรู้ขึ้นมาทันที

บริศพยักหน้า

“วินเซนต์มีคู่หมั้นคู่หมายกันมาตั้งแต่เด็กคนหนึ่ง และเหมาะ สมเข้ากับครอบครัวของเขาเป็นคนในค่ายทหารเช่นกัน ครั้ง หนึ่งในการปฏิบัติภารกิจสายลับแล้วถูกศัตรูจับได้ จึงเสียชีวิตลง อย่างอนาถ ตอนนั้นผู้ก่อการร้าย โยนศพแฟนสาวของเขากลับ มา ด้วยร่างที่ถูกแยกส่วนออกเป็นชิ้นๆ ถือเป็นการท้าทายยั่ว โมโหทางฝั่งพวกเรา เหตุการณ์ครั้งนี้สะเทือนจิตใจวินเซนต์ อย่างมาก เขาต้องการนำกำลังไปสู้ ต้องการจัดการผู้ก่อการร้าย เหล่านั้นให้สิ้นซาก แต่ทางการทหารมีระเบียบแนวทางของทหาร เรื่องนั้นจึงไม่ได้ให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบ ต่อให้เป็นความรับผิด ชอบของทีมเขา ตามกฎระเบียบแล้วเขาก็ไม่สามารถเข้าร่วม ปฏิบัติการได้”

“ตอนนั้นวินเซนต์แทบจะเป็นบ้า หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยื่น เรื่องโยกย้ายสายงาน แต่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติ จนเรื่องนี้ยืดเยื้อ นานกว่าครึ่งปี วินเซนต์อยู่ในค่ายทหารจึงเริ่มทำตามอำเภอใจ ไม่กระตือรือร้นในฝึกซ้อม ท้ายที่สุดละเมิดกฎระเบียบข้อบังคับ ของทหารจนถูกบังคับโยกย้ายสายงาน

“เมื่อโยกย้ายสายงานแล้ววินเซนต์ฉับพลันก็เปลี่ยนไปราวกับ คนละคน ได้ไปรวบรวมพัวพันกลุ่มอันธพาลกลุ่มหนึ่งในสังคม ข้างนอก แล้วไปหากลุ่มผู้ก่อการร้ายเพื่อแก้แค้น ครั้งนั้นแทบจะพ่ายแพ้ยับเยิน ถึงแม้ว่าวินเซนต์จะสังหารหัวโจกของอีกฝ่ายได้ สําเร็จ แต่เขาเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอด เป็นตายเท่ากัน บังเอิญ ที่ผมในขณะนั้นกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ตรงนั้นพอดี จึงได้ช่วยเขา ไว้ แต่ว่าเขานั้นไม่ใช่สหายร่วมรบของผมอีกแล้ว ดังนั้นผมจึง ต้องแอบซ่อนตัวเขาไว้แล้วดำเนินการรักษา

“เรื่องราวครั้งนั้นส่งผลกระทบที่ไม่ค่อยดีต่อวินเซนต์ ทางการ ทหารได้จัดประชุมขึ้นครั้งใหญ่ ผลสรุปสุดท้ายคือไล่เขาออกจาก กองทัพทหาร อีกทั้งให้ชื่อของเขาติดในบัญชีดำ ป้องที่อยู่ห้อง พักเดียวกับเขา ตอนนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกันเลยทีเดียว ดัง นั้นอารมณ์ของเขาถึงได้เป็นเช่นนี้ ที่ทั้งรักทั้งเกลียด

นรมนฟังเขาพูดจนจบ แล้วถามขึ้นเบาๆ “อย่างนั้นต่อมาเขาก็ เลยตั้งสหภาพQTขึ้น

“ถือว่าผมร่วมหุ้นกับเขาสองคน ตอนแรกเขาอยากได้เงินแต่ ไม่มีเงิน อยากได้คนแต่ไม่มีคน ผมก็เลยเสนอให้เขาส่วนหนึ่ง การบาดเจ็บในครั้งนั้นทำให้เขานอนโทรมอยู่บนเตียงถึงครึ่งปีก ว่าถึงได้ฟื้นขึ้นมา ผมกับเขาเคยร่วมปฏิบัติภารกิจกันมา ผมทน เห็นสหายร่วมรบหมดสภาพไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ อีกอย่างถึง แม้ว่าหัวโจกคนนั้นจะตายไปแล้ว แต่ว่าลูกน้องเหล่านั้นยังคงอยู่ เพื่อแก้แค้นให้ลูกพี่ของพวกเขา พวกเขาจึงคอยหาเรื่องสร้าง ปัญหาให้กับวินเซนต์ไม่หยุดหย่อน ตอนนั้นเขาไม่สามารถกลับ ไปที่ค่ายทหารได้แล้ว ดังนั้นผมจึงให้เขาสร้างกองกำลังสีเทา ของตัวเองขึ้น ใช้ความรุนแรงต่อกรกับความรุนแรง

“เรื่องนี้คุณปิดบังคุณชายทั้งสามในเมืองชลธีมาโดยตลอดเหรอ”

นรมินคาดเดา

“ก็ไม่ใช่ว่าปิดบังทั้งหมดหรอก ปิดบังแค่เฮียกับป้องเท่านั้น ส่วนอรรณพนั้นรู้เรื่องดี เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพญาหัวมังกร ของอาณาจักรมืด เพื่อกันไม่ให้คนของตัวเองทำร้ายคนของตัว เอง ผมจึงได้บอกกับอรรณพตั้งแต่เนิ่นๆ อรรณพเข้าใจเรื่องนี้ดี และพวกเขาสองคนก็ร่วมมือกันหลายครั้ง วินเซนต์ที่ตอนนี้คอย เอาแต่ถากถางไม่เคารพสังคม ความจริงคือใจได้ตายด้านไป แล้ว ตั้งแต่ที่จัดการคนกลุ่มนั้น เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีชีวิตอยู่ไป เพื่ออะไร ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่ามีพรรคพวกพี่น้องของ สหภาพQT บางทีอาจจะไม่อยากมีชีวิตต่อไปจริงๆ

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวเหล่านี้ ในใจของบุริศร์คงยังเจ็บปวด ทรมาน

เมื่อก่อนนรมนไม่เข้าใจวินเซนต์ ตอนนี้เมื่อได้ยินบุริศร์พูดถึง เรื่องเหล่านี้ รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ตรงไปตรงมาในกว้างรักพวกพ้อง

“ฉันเห็นแววตาของเขานั้นน่ากลัวมาก ฉันกลัวแม้กระทั่งว่า เขาจะทําร้ายคุณในขณะที่อาการป่วยของคุณกำเริบ

“ไม่มีทางหรอก วินเซนต์คนนี้ผมรู้จักดี ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้จะ คลุกคลีปนเปื้อนกับเรื่องเทาๆ แต่เขาก็ไม่มีทางทิ้งจิตใจดวงเดิม วางใจเถอะ วินเซนต์เป็นคนที่เชื่อใจได้

“ขอให้เป็นอย่างนั้น
นรมนไม่กล้าพูดมากเกินไป

หลังจากที่ทั้งคู่กลับไปถึงบ้านแล้ว บุริศร์ถึงนึกขึ้นเรื่องที่ตัวเอง

ได้จองโต๊ะอาหารไว้ “ทําไมพวกเราถึงกลับบ้านมาแล้วล่ะ ผมได้จองโต๊ะที่ร้าน อาหารไว้ไปตอนนี้ยังทันนะ

บริศ พลางพูดพลางมุ่งเดินออกไปข้างนอก แต่กลับถูกนรมน รั้งไว้”

“ช่างเหอะ ทานที่บ้านแล้วกัน ตอนนี้ฉันก็ไม่มีอารมณ์ทาน

อาหารตะวันตกแล้ว”

บุริศร์รู้สึกผิดเล็กน้อย

“ขอโทษ จะทานอาหารตะวันตกดีๆสักครั้งกลับถูกผมทำให้ เสียการหมด”

“คุณปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุด คุณดูสิ พักนี้ถ้าไม่ใช่คุณก็ เป็นฉันที่เข้าออกโรงพยาบาล ฉันว่านะคุณลงทุนเปิดโรง พยาบาลเหอะ จะได้ไม่ต้องนำเงินไปให้โรงพยาบาลทุกวัน”

นรมนพูดด้วยความหงุดหงิด

บุริศร์ยิ้มขมขื่นเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น คำพูดนี้ทำให้ผมรู้สึกว่า ทำไมตัวเองไร้ความสามารถจัง”

“ก็ไม่มี อยากทานอะไรฉันจะไปทำให้คุณ

นรมนถอดเสื้อคลุมออก
บริศ เป็นแบบนี้แล้ว จะให้เขาทำอาหารให้ตัวเองทานคงไม่ ได้ แม้ว่าพ่อบ้านกับคนรับใช้จะอยู่ แต่ว่าบรมนเกิดอารมณ์ที่ อยากจะทําอาหารขึ้น

“คุณทำอะไรก็อร่อยหมด

การพูดอวยของบริศ ทำให้คนฟังรู้สึกดีมีความสุขจริงๆ

นรมนจึงยกมุมปากยิ้มขึ้นทันใด

“รอนะ”

“ครับผม”

บุริศร์พักสายตาพิงอยู่ที่โซฟา กลับได้รับข้อความทางวีแชท เขาเหลือบมองห้องครัวแวบหนึ่ง จากนั้นก็กดเปิด เป็นวินเซนต์ที่ส่งมา

“ผมไปยูนนานแล้ว เนตราจู่ๆไตวายเฉียบพลัน อาการสาหัส จะทำอย่างไรดี จะช่วยหรือไม่ช่วยดี”

บุริศร์ขมวดคิ้วขึ้นทันที

ไตวายเฉียบพลัน

เป็นไปได้อย่างไร

“เกิดขึ้นกะทันหันเหรอ”

“อืม น่าจะเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนไตไม่ค่อยดี แต่ว่าผมเองก็ ไม่ใช่หมอ ดูไม่เป็น ถ้าหากว่าคุณอยากรู้สาเหตุก็ให้คุณหมอมาตรวจเช็คเธอดู แต่ทว่าส่งไปโรงพยาบาลตอนนี้ ผมกลัวว่าเธอจะ ใช้โอกาสนี้ในการหลบหนี ตอนที่ป้องมาที่วิลล่านั้นถึงแม้จะไม่ เห็นผม แต่ว่าน่าจะเดาออกว่าผมได้มาถึงเมืองชลธีแล้ว เพราะ ฉะนั้นถ้าเนตราทําการหลบหนี ผมคิดว่าจะลงมืออีกครั้งไม่ได้ อีก”

วินเซนต์บอกเรื่องราวอย่างละเอียด

บุริศร์คิ้วขมวดขึ้นอีกครั้ง

ไตวายเฉียบพลันไม่ใช่เรื่องตลก เขาจะต้องคิดให้ดีๆ

“คุณจากเมืองชลธีไปก่อนถือเป็นเรื่องที่ดี หากมีเรื่องติดต่อมา หาผมได้ทุกเมื่อ ทางนี้ผมจะจัดการเอง ผมจะหาคนรับเรื่องของ เนตราต่อ คุณให้คนของคุณแยกย้ายกันไปก่อน ทางที่ดีให้คน ของคุณออกจากเมืองชลธีไปก่อนก่อนที่ป้องจะลงมือ

“รับทราบ คุณเองก็ดูแลตัวเองให้ดีๆ โรคปวดเส้นประสาท ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ว่าจะมองข้ามไม่ได้ เฮีย วางใจเหอะ ผมจะ ต้องช่วยคุณน่าหนังสือโบราณมาให้ได้”

คำพูดของวินเซนต์ทำให้หัวใจบริศร์รู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย

“ดูแลตัวเองด้วย”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ลง บุริศร์คิดอยากจะโทรศัพท์หาชัย ยศ แต่กลับพบว่านรมนไม่รู้มายืนอยู่ข้างหลังตัวเองตั้งแต่เมื่อ ไหร่ มองเขาด้วยใบหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้

ทันใดนั้นบุริศร์จึงชะงักงันไปชั่วครู่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ