แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1281 ทันใดนั้นเธอก็ใจอ่อนแล้ว



บทที่ 1281 ทันใดนั้นเธอก็ใจอ่อนแล้ว

“เป็นยังไงบ้าง? ประธานบริศร์ต้องตรวจสอบที่นี่สักหน่อย ไหม? ดูว่ามีอะไรให้พบได้บ้าง? ฉันตรวจสอบที่นี่มาคืนหนึ่งแล้ว ก็พบมีดสั้นอันนี้ แต่ก็ไม่สามารถลบความเป็นไปได้ที่อีกฝ่าย จงใจเอามีดสั้นของหัวหน้าคริชณะมาทำให้เราสับสน

พ่อปีวรามีแนวความคิดที่ชัดเจนมาก

บริศร์ก็เคยเดาแบบนี้เช่นกัน อย่างไรแล้วถ้าต้องการปกปิด การสอดแนมจากเขาและป้องทั้งหมดจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมี ความสามารถมากนัก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งว่าคน อื่นจะนําพวกเขาไปยังทิศทางอื่นให้เกิดความสงสัย

“ฉันจะดูอีกทีแล้วกัน คุณกลับไปก่อนเถอะ สุขภาพภรรยาคุณ ไม่ค่อยดี ไปดูเร็วหน่อยดีกว่า ภรรยาและลูกของฉันก็อยู่ใน หมู่บ้านล้อมรั้ว เมื่อกี้มีทหารรับจ้างมาโจมตีหมู่บ้านล้อมรั้ว บ้าน พวกคุณถูกทำลายแล้ว ตอนนี้อยู่อาศัยไม่ได้ ฉันจะสั่งคนจอง โรงแรมให้พวกคุณ

คำพูดบริศ ทําให้พ่อปีวราส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ไม่ ต้องลําบากหรอก เราไปอยู่บ้านไหนก็ได้สองสามวัน ฉันคือ เจ้าของหมู่บ้านน้ำใส เรื่องเล็กแบบนี้ขัดขวางเราไม่ได้ อีกอย่าง ยังมีห้องโถงบรรพบุรุษ ถ้าไม่ได้เราก็ไปอาศัยในห้องโถง บรรพบุรุษ”

“คุณคือเจ้าของหมู่บ้านน้ำใสเหรอ?”
บุรีศร์ค่อนข้างประหลาดใจ

พ่อ วราพูดขึ้นอย่างอายๆ เล็กน้อย “ใช่ ฉันคือเจ้าของ หมู่บ้านน้ำใส ปีวราเพิ่งอายุยี่สิบสองปี เป็นลูกสาวคนเดียวของ ฉัน”

“ขอโทษด้วยครับ

บริศร์รู้กฎของที่นี่ ที่นี่คือหมู่บ้านล้อมรั้วที่ปกครองตัวเอง ดัง นั้นพ่อปีวราคือจักรพรรดิของหมู่บ้านน้ำใสอย่างแน่นอน

เมื่อเข้าใจในจุดนี้อย่างถ่องแท้แล้ว บุริศร์ก็ไม่ทำความชั่วด้วย

เจตนาที่ดีแล้ว

พ่อวราตามพวกปีวราลงภูเขาไป บุริศร์และบอดี้การ์ดของ ตัวเองอยู่เพื่อหาเบาะแสต่อไป

หลังจากปีวราพาแม่ลงภูเขาไปแล้ว กิจจากทำการตรวจและ รักษาให้คุณนายใจภักดิ์ทันที และฉีดเซรั่มให้ แต่เพื่อความ ปลอดภัย เขาก็ยังพูดด้วยเสียงทุ้ม “ตอนนี้หารถพาเธอไปส่งโรง พยาบาลเพื่อตรวจดีกว่า”

“ไม่ต้องหรอก เธอคงเป็นลูกหลานของหมู่บ้านดารายนใช่ ไหม?”

ดวงตาพ่อปีวราค่อนข้างโหดร้าย แค่จากฝีมือการช่วยเหลือ ของกิจจาก็มองออกว่ากิจจาคือผู้สืบทอดหมู่บ้านดารายน

“คุณรู้เหรอครับ?”
กิจจาค่อนข้างประหลาดใจ

พ่อปีวราพยักหน้า ยิ้มขณะพูดขึ้น “ภรรยาฉันเป็นคนใน

หมู่บ้านดารายน แน่นอนว่าฉันคุ้นเคย

“พ่อ ฉันไปทําอาหารให้แม่ก่อนนะคะ

ปีวรารีบพูดขึ้น

“โอเค”

“ฉันจะไปหาพี่ปีวรา

กมลก็ตามปีวราไปที่ห้องครัว

ตอนนี้พวกเขาอาศัยในบ้านของชาวบ้านครอบครัวหนึ่ง พื้นที่ ในบ้านของชาวบ้านครอบครัวนี้ค่อนข้างใหญ่ สามารถรองรับ ครอบครัวพวกเขาสามคนได้

กมลไม่คิดเลยว่าปีวราที่อายุสามสิบกว่าจู่ๆ จะกลายเป็นวัยรุ่น และหน้าตาก็ดีมากด้วย สิ่งสำคัญคือตอนที่เธอยิ้มยังมีลักยิ้ม สองข้าง มันน่าสนใจมากจริงๆ

“ดูไม่ออกเลยนะว่าคุณมีเทคนิคเปลี่ยนแปลงโฉมด้วย

“ก็ไม่ถือว่าเป็นเทคนิคเปลี่ยนแปลงโฉมหรอก แค่เทคนิคการ แต่งหน้าเท่านั้น”

ปีวรายิ้มเรียบๆ ในใจค่อนข้างมีความสุข ได้รับคำยกย่องจาก คุณหนูใหญ่คนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ

กมลกลอกตา จู่ๆ ก็ยิ้มขณะพูดขึ้น “พี่ปีวรา”
นี่เป็นการเรียกชื่อที่สนิทสนม แต่ปีวรากลับตัวสั่นทันที

“เธออย่าเรียกฉันแบบนี้ มันน่ากลัวมาก เธอคิดจะทําอะไร อีก?”

“อย่าพูดแบบนี้สิ ฉันแค่รู้สึกว่าพี่ปีวราคุณหน้าตาสวยมาก นิสัยก็ดี มีเทคนิคการแต่งหน้าด้วย สอนฉันหน่อยได้ไหม?”

ในดวงตากมลเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและบ้าคลั่ง

ปีวราเข้าใจอย่างชัดเจนทันที

เธอยิ้มขณะพูดขึ้น “ได้ ก็แค่เทคนิคการแต่งหน้าไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวฉันจะสอนเธอ

“จริงเหรอ?”

กมลรู้สึกไม่คาดคิดนิดหน่อย

“จริงสิ มันไม่มีอะไร และเธอก็เป็นเด็กผู้หญิง ในอนาคต โตขึ้น จะได้แต่งตัวเองให้สวยๆ ก็จะดีมาก

ปีวรายิ้มขณะพูดขึ้น

กมลถึงพบว่าปีวรานิสัยดีจังเลย เมื่อก่อนเธอรังแกหล่อนลงได้ อย่างไร?

“พี่ปีวรา ฉันสาบานต่อไปฉันจะไม่ล้อเลียนคุณ และไม่รังแก คุณอีก”

ท่าทางตัวเล็กจริงจังของกมลทำให้ปีวรายิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ ลูบศีรษะเธอแล้วพูดขึ้น “เธอน่ารักจริงๆ เดิมทีแล้วฉันควรมีพี่ชาย น่าเสียดายปีนั้นแม่ฉันเกิดอารมณ์สะเทือนใจมากเกินไป เก็บเด็กไว้ไม่ได้ หลังจากนั้นหลายปีแม่ฉันก็ไม่สามารถมีลูกได้ อีก หลายคนในหมู่บ้านล้อมรั้วอยากให้พ่อฉันเปลี่ยนภรรยา ใหม่ แต่ไม่ว่ายังไงพ่อฉันก็ไม่เห็นด้วย ต่อมาก็เลยมีฉัน”

ปีวรารู้สึกค่อนข้างเศร้า

“เฮ้อ ฉันพูดเรื่องนี้กับเธอทำไมเนี่ย? เอาล่ะ ในนี้มีกลิ่นควัน กับน้ำมันเยอะ เธอออกไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวฉันจะสอนเธอแต่ง หน้า รับรองว่าไม่เสียใจภายหลัง

กมลถูกปีวราผลักออกมา

เธอเดินไปหากิจจาด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย เห็นกิจจายัง ตรวจร่างกายคุณนายใจภักดิ์อยู่ ก็ถามขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “พี่ กิจจา พี่ช่วยตรวจเธอให้ดีได้ใช่ไหม?”

“อืม ได้สิ”

ท่าทางของกิจจาค่อนข้างเข้มงวด

พ่อปีวราไปหมู่บ้านล้อมรั้วเพื่อเอาใจชาวบ้านสักหน่อย จาก นั้นก็เดินกลับมา เขากระตือรือร้นกับกิจจาอย่างมาก แววตาก็ไม่ เหมือน ทำให้กมลรู้สึกอิจฉาทันที

“ลุงเตชิต ทำไมคุณดีกับพี่กิจจาขนาดนี้ล่ะคะ?”

“นั่นเพราะเขาคือลูกหลานของหมู่บ้านดารายน ภรรยาฉันคือ ครอบครัวฝ่ายหญิงของหมู่บ้านดารายน ตอนนี้หมู่บ้านดารายน ไม่มีแล้ว ตราบใดที่เป็นลูกหลานหมู่บ้านดารายนฉันก็จะดูแลอย่างใกล้ชิด เถ้าภรรยาฉันฟัน จะต้องยิ่งดีใจแน่

ในคำพูดพ่อวราล้วนเป็นความรักที่มีต่อคุณนายใจภักดิ์

กมลเบ้ปากพูด น “ถ้าพูดแบบนี้ คุณก็ต้องดีกับฉันและแด๊ดดี้ หม่ามฉันมากขึ้นเหมือนกัน”

“ทําไมล่ะ?”

“เพราะแด๊ดดี้ฉันคือเจ้าของหมู่บ้านดารายนคนปัจจุบันน่ะสิคะ

ย่า นคือโอ”

เมื่อกมลพูดคำนี้ออกไป พ่อวราก็ตกตะลึงทันที

“เธอว่าไงนะ? ย่าของเธอคือใครนะ?”

“โอค่ะ”

กมลพูดอย่างราบเรียบ

สีหน้าพ่อปีวราเปลี่ยนไปกะทันหัน

“เธอหมายถึงโอที่เป็นเจ้าของหมู่บ้านดารายน?”

“ไม่งั้นล่ะคะ? มีโอคนที่สองไหม?”

กมลรู้สึกค่อนข้างสงสัย

นโมนจัดการบอดี้การ์ดเสร็จแล้วก็เดินเข้ามา ก็ได้ยินกมลถาม

แบบนี้ จึงชะงักไปอย่างช่วยไม่ได้ “กมล พูดแบบนี้ได้ยังไง? ชื่อของย่า ลูกเรียกตามใจชอบได้เหรอ?”
“หม่ามี้ ก็ลงเตซิตถามหนู

กมลแลบลิ้นออกมาอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย

พ่อปีวราเห็นนรมน ก็รีบถามขึ้น “คุณนายบุรีศรี ประธานบริศร์ คือลูกชายของป้าโอที่เป็นลูกพี่ลูกน้องคนโตจริงๆ เหรอ?”

“ลูกพี่ลูกน้องคนโต?”

นรมนค่อนข้างประหลาดใจ

พ่อปีวรารีบพูดอธิบาย “คืออย่างนี้ครับ ภรรยาฉันชื่อใจภักดิ์ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับโอแม่สามีคุณ พวกเธออายุห่างกันสิบปี มี ความสัมพันธ์ที่ดีกันตั้งแต่เด็ก

นรมนไม่คิดเช่นกันว่าใจภักดิ์แม่ของปีวราคือลูกพี่ลูกน้องของ

ป้าโอ

นี่มันบังเอิญเกินไปไหม?

“ฉันได้ยินมาว่าใจภักดิ์ภรรยาคุณในปีนั้นเพราะมีความรักกับ คนนอกหมู่บ้านล้อมรั้วจึงถูกไล่ออกจากหมู่บ้านล้อมรั้ว แต่ถ้า พวกเธอสองคนอายุห่างกันสิบปี ตอนที่ใจภักดิ์ออกไปจาก หมู่บ้านดารายนก็ยังเป็นเด็กใช่ไหม?”

แนวความคิดของนรมนชัดเจนอย่างยิ่ง ถูกจุดสำคัญของ เบาะแสที่ถูกละเลยออกมาได้

พ่อปีวราตกตะลึงเล็กน้อย ทันใดนั้นแววตาที่มองนรมนก็ไม่ ค่อยเหมือนเดิม พูดอย่างค่อนข้างชื่นชม “ใช่ ตอนแรก ใจภักดิ์ไม่ได้ถูกไล่ออกจากหมู่บ้านล้อมรั้วเพราะมีความรัก เป็นการ หาเหตุผลให้เธอออกไปจากหมู่บ้านล้อมรั้ว

“หมายความว่ายังไง?

นรมนไม่ค่อยเข้าใจ

พ่อปีวราถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ใจภักดิ์ไม่ชอบเรียนแพทย์ และควบคุมกู่ แต่สิ่งที่บรรพบุรุษของหมู่บ้านดารายนทิ้งไว้ให้เธอ ไม่ยอมรับและไม่เรียน ตั้งแต่เด็กจนโต ใจภักดิ์ปฏิเสธมันมา ตลอด ถึงขนาดอดทนในการโดนทำร้ายมาไม่น้อยเพื่อสิ่งนี้ ความปรารถนาของเธอคือออกไปจากหมู่บ้านล้อมรั้วเพื่อมองดู ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ข้างนอก อยากไปดูว่าคนข้างนอกใช้ชีวิต กันยังไง ดังนั้น ในปีนั้นเธอก็วางแผนแอบหนีออกไปให้ไกลๆ จากหมู่บ้านล้อมรั้ว แต่ไม่คิดว่าหมู่บ้านดารายนจะเกิด โศกนาฏกรรมขึ้น”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าพ่อวราก็มีความปวดใจ

“ฉันยังจำตอนที่เก็บใจภักดิ์มาจากข้างถนนได้ เธอร้องไห้จน

เป็นลมไป เธอขอร้องให้ฉันพาเธอกลับไปหมู่บ้านดารายน แต่

เมื่อเรากลับไปถึง ที่นั่นก็กลายเป็นซากปรักหักพังตั้งนานแล้ว ใจ

ภักดิ์เสียใจกับการจากมาของตัวเอง เธอไม่เจอหน้าพ่อแม่พี่สาว

น้องสาวครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ ก็กลายเป็นเด็กกำพร้า ตั้งแต่นั้นมา

ใจภักดิ์ก็เปลี่ยนไป ไม่โวยวายต้องการออกไปมองดูโลก

ภายนอกอีก เธออยู่ในซากปรักหักพังนั้นเหมือนสูญเสียจิต

วิญญาณ จับแมลงพิษฝึกทุกวัน อ่านหนังสือการแพทย์เรียนการแพทย์ แต่เมื่ออยากเรียนก็ไม่มีใครสอนเธอแล้ว สิ่งของเหล่านั้น ในหมู่บ้านดารายนล้วนเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ จากรุ่นสู่รุ่น ใจภักดิ์ไม่ได้ฟังคำแนะนำจากพ่อ แน่นอนว่าจึงอยู่ระดับครึ่งๆ เธอร้องไห้และตะโกน แต่ไม่ว่าจะตะโกนอย่างไรญาติตัวเองก็ไม่ กลับมา”

คิดถึงช่วงเวลาในปีนั้น ดวงตาของพ่อวราก็มีประกายความ ปวดใจและรู้สึกแย่ ถึงจะผ่านมาหลายปีแล้ว เขาก็ยังจำลักษณะ ซึมเศร้าของใจภักดิ์ในปีนั้นได้

“ต่อมาล่ะคะ? ต่อมาเธอกลายเป็นภรรยาคุณได้ยังไง?” นรมนถามเสียงทุ้ม

ใบหน้าของพ่อวรามีรอยยิ้มเพิ่มขึ้น

“ใจภักดิ์ไม่มีบ้านให้กลับไป ฉันพาเธอกลับมา หมู่บ้านล้อมรั้ว ของเราไม่มีกฎแต่งงานกับหมู่บ้านข้างนอก พ่อแม่ฉันเห็นฉันพา ผู้หญิงคนหนึ่งกลับมา แน่นอนว่าก็ดีใจมาก ฉันเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ฉันเลี้ยงเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง เราก็รู้สึกรักกัน และกัน จากนั้นก็คบกันอย่างเป็นธรรมชาติ”

นรมนก็ค่อนข้างพึงพอใจ

เด็กกำพร้าคนหนึ่งที่บ้านแตกสาแหรกขาด ได้พบความสุขที่ เป็นของตัวเองได้ก็ถือว่าพระเจ้าปฏิบัติด้วยเป็นอย่างดี

ทันใดนั้นเธอก็ทนไม่ค่อยไหวแล้ว

ถ้าซักถามใจภักดิ์เกี่ยวกับเรื่องหมู่บ้านดารายน มันต้องเปิดแผลเป็นของเธอ ทําให้ความเจ็บปวดในอดีตของเธอเจ็บปวดอีก ครั้ง นี่มันโหดร้ายสําหรับใจภักดิ์

แต่ถ้าไม่ถาม พวกเขาก็ไม่มีทางรู้ว่าในปีนั้นพิรุณเข้ามา หมู่บ้านดารายนได้อย่างไร? และการฆ่าล้างตระกูลในหมู่บ้านดา รายนยังมีความจริงอะไรที่ซ่อนอยู่กันแน่?

ในเวลานี้ นรมนรู้สึกลังเล

พ่อวราเห็นนรมนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก็ไม่สะดวกที่ จะรบกวน จึงเดินออกไป

กมลกำลังมองนรมน และพูดเสียงทุ้ม “หม่ามี้ หนูอยากเรียน อะไรบางอย่างกับพี่ปีวรา หนูไปก่อนได้ไหมคะ?”

“ได้จ้ะ”

นรมนพยักหน้า

ภายในห้องเหลือเพียงนรมนและกิจจา และใจภักดิ์ที่หมดสติ ไป กิจจาพูดเสียงทุ้ม “หม่าม คุณกำลังกลัวเธอเสียใจรู้สึกแย่ใช่ ไหมครับ?”

นรมนตกตะลึงเล็กน้อย สบตาใสคู่นั้นของกิจจา ถอนหายใจ อย่างช่วยไม่ได้ขณะพูดขึ้น “หมู่บ้านดารายนเป็นแค่ชื่อหมู่บ้าน ล้อมรั้วสําหรับพวกเรา แต่สำหรับผู้รอดชีวิตอย่างเธอ นั่นคือ ความเจ็บปวดตลอดชีวิต”

“แต่เพราะเธอเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ความจริงในตอนนั้น ถ้าไม่ ถามบางทีเราอาจจะไม่รู้ค่าตอบไปตลอดกาล คุณย่ากับอาจารย์ผมทํามาเยอะมาก ยังมีบางคนที่มีชีวิตอยู่รอดจากหมู่บ้านตา รายบ พวกเขาไม่ควรรู้ความจริงเหรอครับ?” ทันใดนั้นนามนก็รู้สึกว่าบางครั้งตัวเองก็คิดไม่ทะลุปรุโปร่ง

เหมือนเด็กคนหนึ่ง

“หม่ามรู้แล้ว ขอบคุณนะ กิจจา

“ไม่เป็นไรครับ”

กิจจาเก่าศีรษะอย่างเขินอาย จู่ๆ โทรศัพท์นรมนก็ดังขึ้น เบอร์ แปลกทำให้คิ้วนรมนขมวดเล็กน้อย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ