แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 541 คุณอย่าแช่งเธอได้ไหม



บทที่ 541 คุณอย่าแช่งเธอได้ไหม

“ก็แค่ความหมายตามตัวอักษร ยังจะมีความหมายอะไรได้อีก ผมบอกให้เร็วหน่อยได้ไหม นรมนเป็นลมไปตั้งนานแล้ว

ตอนนี้เจตต์ไม่มีเวลาคุยเล่นกับ โพนี่

โพนมองหน้าเขา แล้วรีบถอดเสื้อคลุมของนรมนอย่างรวดเร็ว เลือดซึมถึงเสื้อตัวในแล้ว เลือดแดงฉาน

“คุณออกไปก่อนเถอะ ฉันจะถอดเสื้อผ้านรมนผ่ากระสุนออก โพนี่เพิ่งพูดจบ เจตต์ก็เป็นกังวลทีเดียว

“เอากระสุนออกทำไมต้องให้ผมออกไป ผมไม่แอบดูตรงที่ไม่

ควรดูหรอก อีกอย่าง เธออ่อนแอขนาดนี้

อยากให้เธอตายหรือไง!”

คุณจะเอากระสุนออก

“เธอตายหรือไม่ฉันเป็นคนตัดสิน คุณเป็นหมอหรือฉันเป็น หมอ สภาพร่างกายของนรมนเป็นยังไงคุณไม่รู้หรือ เธออ่อนแอ อยู่แล้ว ตอนนี้เลือดออกมากขนาดนี้ ฉันไม่ช่วยเธอผ่ากระสุน ออก จะรอให้อักเสบจนทำให้เธอโรคกำเริบหรือไง”

โพนมองค้อนเจตต์ รีบลุกขึ้นไปหยิบกล่องยา เจตต์พูดไม่ออก แต่ยิ่งรู้สึกผิดอยู่ข้างใน

ถ้าหากเขาดูแลนรมนดีกว่านี้ ก็คงไม่ทำให้นรมนเป็นอย่าง ตอนนี้ เขาถอนหายใจ จะเดินออกไป แต่เมื่อถึงหน้าประตูก็ชะงัก ฝีเท้า
“โพนี่ผมขอร้องคุณ ต้องรักษาเธอให้รอด ชีวิตนี้เธอลำบากมา มากแล้ว

“ฉันรู้แล้วค่ะ”

โพนี่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา จึงไม่เห็นสายตารู้สึกผิดและกังวลที่ ฉายชัดในดวงตาของเจตต์ หลังจากฉีดยาชาให้นรมน โพนี่ก็ไม่ รอช้ารีบเร่งทำงานของเธอ

ระหว่างรับการรักษานรมนอยู่ในสภาวะไม่รู้สึกตัว แต่สมอง หยุดไม่ได้ ทำไมกิมจิต้องการสังหารเธอ

ดูแล้วไม่เหมือนล้อเล่นสักนิด เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แล้วบุรี ศ หายไปไหนกันแน่

อารมณ์ของนรมนแปรปรวนมาก โพนระมัดระวังเต็มที่ ระหว่างขั้นตอนผ่าตัด เธออยากเรียกนรมนให้ตื่น ตอนนั้นรมน ไม่รับรู้โลกภายนอก ทำได้แต่มองเธอเจ็บปวดทรมาน

“นรมน เธอปล่อยวางทุกอย่าง วางใจให้ฉันรักษาเธอ ได้ยิน ฉันไหม” แม้ โพนี่ไม่ตั้งความหวังอะไร แต่ยังคงกระซิบข้างหูของ บรมน

แน่นอนว่านรมนย่อมไม่ได้ยิน และไม่รู้สึกตัวที่เลือดไหลไม่ หยุด ยิ่งไม่รู้สึกถึงร่างกายที่อ่อนแอ เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละ วินาที สีหน้าของ โพนี่เคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ

ร่างกายของนรมนเลือดไหลเร็วมาก ชดเชยความต้องการของ ร่างกายไม่ได้ สถานการณ์เช่นนี้ บรมนต้องนอนพักฟื้นเต็มที่ แต่นรมนจะทําได้หรือ

สถานการณ์ตระกูล โตเล็กตอนนี้ บุริศร์เองก็ไม่รู้หายไปไหน บรมนจะนอนพักผ่อนสงบๆ ได้อย่างไร

โพนี่ถอนหายใจ พยายามช่วยชีวิตนรมนอย่างเต็มกำลัง

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย โพนี่รู้สึกอ่อนล้าทีเดียว ท้องฟ้าเริ่มมืด มิตลงแล้ว

ขณะที่เปิดประตูห้องออกมา เจตต์และกิจจากำลังรออยู่ มอง เธอสีหน้าวิตกกังวล

“กมลล่า”

โพนี่ถามเมื่อไม่เห็นกมล

กิจจารีบตอบ “กมลหลับไปแล้ว กินข้าวแล้วด้วยครับ คุณน้า โพนี่ ไม่ต้องห่วง หม่าเป็นยังไงบ้างครับ

เจตต์ แม้จะไม่ได้ถาม แต่สีหน้าที่มอง โพนี่เป็นกังวล

โพนี่ถอนหายใจตอบ “หม่ามีเธอไม่เป็นไรแล้ว แค่เสียเลือด เยอะ ก็เลยเพลียมาก ตอนนี้หลับแล้ว รอพรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าไปดู ตอนนี้เธอเองก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ อย่าทำให้หม่าเป็นห่วง

เธอลูบหัวกิจจา น้ำเสียงอ่อนโยนมาก

กิจจาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง กระซิบถาม “ผมเข้าไปดูหม่ามิได้ ใหมครับ

“ได้สิจ้ะ แต่ต้องเบาเสียงหน่อยนะ ตอนนี้หม่ามต้องการความสงบ รู้มั้ย

“อืม ผมเข้าใจ ขอบคุณครับ คุณน้าไหน” กิจจารีบเข้าไปใน

ห้อง

เจตต์อยากจะตามเข้าไปด้วย แต่ถูกโพนี่ห้ามไว้

“คุณเข้าไปไม่ได้”

“ทำไมผมเข้าไปไม่ได้ โพนคุณหมายความว่าไง

เจตต์รู้สึกผิดมากเพราะเรื่องของนรมนอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูก โพนี่ขวางอีก เป็นธรรมดาที่จะหงุดหงิด

โพนี่ไม่ตอบอะไร แต่ลากเจตต์ออกไประเบียงข้างนอก เพื่อไม่ ให้เด็กๆ ได้ยิน เห็นเธอระมัดระวังอย่างนี้ สีหน้าของเขาก็ เคร่งขรึมมาก เจตต์ทันใดนั้น ใจเต้นเร็ว

“ว่าไง นรมนอาการไม่ค่อยดีหรือ

“แทบจะควบคุมไม่ได้แล้วจริงๆ”

คำพูดของ โพนี่ทำให้เจตต์หน้าเปลี่ยนสี

“คุณเป็นหมอฝีมือดีไม่ใช่หรือ คุณร่วมมือกับป้องไม่ได้หรือ

“ฉันเคยบอกแล้วไง อาการป่วยของนรมนเหมาะกับการพัก ฟันสงบๆ ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เธอไม่ได้พักผ่อน อารมณ์ แปรปรวนอีก ที่สำคัญที่สุดก็คือตอนนี้ยังถูกยิงอีก เคราะห์ กรรมซัด ฉันพยายามควบคุมอาการป่วยของเธอสุดความ สามารถแล้ว ฉันไม่กล้ารับปากเธอจะทนไหวไหม คุณก็รู้นี่คะ ใจของนรมนอยู่ที่บริศร์ ตอนนี้บริศร์หายตัวไป เป็นตายไม่รู้เธอ ไม่มีทางรักษาตัวและพักฟื้นได้สบายใจแน่ อีกอย่างตอนนี้ ตระกูลโตเล็กวุ่นวายมาก ต้องมีคนดูแล นรมนทนไม่ไหวแล้ว นอกจากพวกคุณจะอยากเห็นเธอตายจริงๆ

ได้ยิน โพนี่พูดอย่างนี้ เจตต์ รีบพูด “ผมช่วยเธอได้ ไม่ใช่ หรือ ผมจับเขามาสั่งสอนหน่อยก็ได้แล้ว”

“อย่าพูดเป็นเด็กๆ ไป เรื่องของตระกูลโตเล็กไม่เหมาะที่คุณ จะยื่นมือเข้ามา อีกอย่างคุณกับฉัน และยังมีป้อง ไม่มีใครรู้เรื่อง เบื้องหลังของตระกูลโตเล็กคืออะไร ถ้าคุณเป็นห่วงนรมนจริงล่ะ ก็ตอนนี้ฉันหวังว่าคุณจะช่วยหาตัวบุริศร์ให้เจอ

โพนี่พูดเช่นนี้ สีหน้าของเจตต์ยุ่งยากใจ

“ทำไมต้องให้ผมเป็นคนไปหาบุริศร์ คุณก็รู้ เขาเป็นศัตรูหัวใจ ของผม ผมอยากให้เขาไม่กลับมาอีกใจจะขาด ต่อให้เขาไม่กลับ มา ผมก็ดูแลเด็กๆ กับนรมนได้

“มันไม่เหมือนกัน เจตต์ ฉันรู้คุณรู้สึกยังไงกับนรมน ฉันเชื่อว่า คุณจริงจัง แต่ถึงยังไงคุณก็มาช้าไป ใจคนเล็กนิดเดียว นรมน เคยให้ใจบุริศร์ไปแล้ว ยากที่จะเหลือที่ให้คุณ

“ผมไม่อยากฟัง!”

เจตต์ ไม่อยากฟังมากที่สุดก็คือเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ โพนี่ยังพูด ต่อหน้าเขา ถ้าไม่เป็นเพราะเห็นแก่เธอต้องรักษานรมน เจตต์ ไม่ ถือสาที่จะตบเธอสักฉาด
แน่นอนว่า โพนี่เข้าใจอารมณ์ของเจตต์ดี เห็นเขาอดกลั้นไม่ ระเบิดออกมา รู้ว่าเขาเห็นแก่หน้าของนรมน จึงพูดต่อไป “ไม่ว่า คุณอยากจะฟังหรือไม่ นี่เป็นความจริง คุณไม่อยากให้ลมหายใจ สุดท้ายของนรมนยังเหลือความเสียใจใช่ไหม

“คุณพูดบ้าอะไร นรมนยังดีๆ อยู่ คุณอย่าแช่งเธอได้ไหม เจด ตอนนี้อ่อนไหวมาก โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่านรมนอาจจะ ตาย ยิ่งร้อนรนแทบทนไม่ไหว ความรู้สึกไม่ต่างจากตอนที่รู้ว่า แม่ของตัวเองเป็นบ้าไปแล้ว

โพนี่เห็นเจตต์หน้าซีด ก็พูดช้าๆ “ฉันไม่ได้พูดเกินจริง ถ้ายัง ไม่มีคนมาแก้ไขปัญหาของตระกูลโตเล็ก อาศัยแค่ตัวนรมน เธอ ทานทนไม่ไหวจริงๆ เลือดของผู้หญิงสำคัญมาก แต่ตอนนี้ ร่างกายเธอเหลือเลือดแค่ไม่กี่กรัมแล้ว ถึงฉันจะถ่ายเลือดให้เธอ ได้ แต่ก็ยังต้องพักฟื้นเต็มที่ เธอเป็นคน ไม่ใช่เทพนะ แค่รับเลือด แล้วจะกลายเป็นซูเปอร์เกิร์ล เจตต์ ถ้าคุณชอบนรมนจริงๆ อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเธอ ฉันขอร้องคุณไปตามหาตัวบุรี ศร์กลับมา ในบรรดาทุกคน คุณมีฝีมือดีที่สุด ธรณีจะเคลื่อนไหว เองก็ไม่ถนัด ใช้ลูกน้องไปทำก็ไม่สะดวก คุณเข้าใจไหม

เจตต่เงียบขรึม

เขามองไปทางห้องของนรมน รู้สึกอยากจะสูบบุหรี่ขึ้นมา “คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าผมจะสูบสักมวน

เขาถาม โพนี่อย่างสุภาพบุรุษ
โพนี่ที่จริงไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ แต่เพื่อให้เจตต์ผ่อนคลายอารมณ์ เธอจึงพยักหน้า เจตจุดบุหรี่สูบ แต่นิโคตินยังคงไม่อาจทำให้ สมองของเขาสงบลงได้

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เขาทนดูนมนตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาต้องไปหาตัวบุรีศร์กลับมาจริงๆ หรือ

สวรรค์รู้ดี ตอนนี้คือโอกาสเหมาะที่สุดที่เขาจะแย่งตัวนรมนไป และเป็นตอนที่นรมันต้องการคนดูแลมากที่สุดไม่ใช่หรือ แต่เมื่อ นึกถึงสายตาเศร้าโศกเสียใจของนรมน เจตต์ก็รู้สึกหงุดหงิด กลัดกลุ้ม

โพนีไม่บังคับเขา เพียงแต่พูดเรียบๆ “ความสามารถการทด ตัวของมดลูกของนรมนตอนนี้แย่มาก ต่อให้ฉันฉีดยาเร่งการหด ตัวแล้ว แต่ยังได้ผลไม่ค่อยมาก ถ้าต้องผ่าตัดจริงๆ คุณ ฉัน หรือ ธรณีก็ไม่มีสิทธิ์เซ็นชื่อในหนังสือยินยอมของญาติ กมลกับกานต์ ก็ยังเล็ก ตอนนี้ตนท์ก็เป็นอย่างนี้อีก ส่วน คุณนายตระกูลโตเล็ก ตอนนี้ดูแลตัวเองยังไม่ไหว คุณบอกฉันหน่อยสิ นอกจาก บุริศร์ มีใครจะช่วยให้นรมนยืนหยัดต่อไปได้

“ไม่ต้องพูดแล้ว”

เจตต์ขัด โพนี่ที่กำลังพูด ในใจขัดแย้งสับสนมาก เขาใช้นิ้วขบุหรี่ ความร้อนของควันบุหรี่สัมผัสผิวของเขา แต่ เหมือนเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดสักนิดเดียว

หัวใจบีบแน่นสุดจะทน
หรือว่าชาตินี้เขาไม่มีวาสนากับนรมนจริงๆ หรือ

เมื่อรู้ว่าบุริศร์หายตัวไปไร้ร่องรอย เขาเคยแอบดีใจ คิดว่า สวรรค์เปิดโอกาสให้เขาแล้ว แต่นึกไม่ถึงจะต้องเผชิญหน้ากับ ทางสองแพร่งอย่างนี้

โพนี่เห็นเขาลังเล ก็พูดต่อไป “ในฐานะหมอ ฉันจำเป็นต้องพูด จิตใจสำคัญมากกับการฟื้นตัวของคนไข้ เมื่อจิตใจดี อาการป่วย ก็จะควบคุมได้ หรือกระทั่งเปลี่ยนร้ายให้เป็นดี ฉันไม่ได้พูดเกิน จริง แต่มีหลักฐานเหตุผลค่ะ”

“ไม่ต้องพูดแล้ว”

เจตต์ขมวดคิ้วแน่น

เขาเสียดาย

เสียดายที่จะทิ้งโอกาสทองไป นี่อาจเป็นโอกาสเดียวในชีวิตนี้ ของเขาที่จะได้ตัวนรมน แต่เขาเสียใจมากกว่า

เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นนรมนทนทุกข์ทรมาน ทนไม่ได้ที่นรมน วิตกกังวลเพราะไม่ได้ข่าวของบุริศร์ จนมีผลต่ออาการป่วย ไม่มี ใครรู้เรื่องร่างกายของนรมนดีไปกว่าเขา เธออ่อนแรงเต็มที่แล้ว การถูกยิงวันนี้ยิ่งทำให้เธออาการหนักขึ้น ในใจของเจตต์สับสน ขัดแย้งเหลือเกิน

เขาคิดถึงเรื่องที่นรมนเคยช่วยชีวิตเขา คิดถึงตอนเด็กๆ ที่รอย ยิ้มของนรมน ให้กำลังใจเขา นึกถึงทุกเรื่องราวในช่วงวันเวลาที่ เขาอยู่กับนรมน เจตต์ก็รู้สึกเจ็บปวด
ตลอดหลายปีมานี้เขาไม่เคยจริงจังกับผู้หญิง คิดมาตลอดว่า ตัวเองไร้หัวใจ ถึงกับยอมให้คนอื่นเรียกเขาเป็นเพลย์บอยใน เมืองชลธี แต่นึกไม่ถึงครั้งแรกในชีวิตที่ตัวเองรู้สึกหวั่นไหว จนกลับเป็นโศกนาฏกรรม ตอน

ดวงตาของเขามีน้ำตารื้น ดวงตาแดงก่ำ แต่รีบหันไปอีกทาง เหม่อมองท้องฟ้ามืดหม่น ช่างคล้ายกับจิตใจของเขาในตอนนี้ เหลือเกิน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ