แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 757 คิดถึงจนอ้วนขึ้นเลย



บทที่ 757 คิดถึงจนอ้วนขึ้นเลย

หลังจากที่นรมนกับบริศ ฝากท้องที่บ้านพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ ธนแล้ว นรมนก็ตัดสินใจไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของให้พวก เด็กๆ

“ครั้งนี้กลับมาอย่างเร่งรีบเกินไป เลยลืมซื้อของขวัญมาให้ พวกเด็กๆ พวกเราไปหาซื้อของทดแทนที่ห้างกันเถอะ” นรมนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

บริศร์ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธอยิ่ง ดังนั้น ของที่จะให้ พวกเด็กๆฉันก็ซื้อเอาไว้แล้ว เธอไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว

“ให้ตายสิ คุณไปซื้อของขวัญตอนไหนกัน ? ทำไมฉันอยู่กับ

คุณตลอดเวลา ฉันถึงไม่รู้เลยว่าคุณไปซื้อของขวัญตอนไหน ?”

นรมนรู้สึกว่าตัวเองจะต้องความจำเสื่อมแน่ๆ ไม่อย่างนั้นอยู่ กับบุริศร์ตลอดทั้งวัน ทำไมถึงไม่เห็นว่าบุริศร์ไปซื้อของฝากให้ พวกเด็กๆกับคุณพ่อคุณแม่ตอนไหน

บริศร์หัวเราะแล้วลูบหัวเธอพร้อมพูดว่า “ฉันมีวิชาแยกร่างไง

“บ้าบอ พูดให้มันจริงจังหน่อย ! ออกไปซื้อตอนไหน ?” “ตอนที่ฉันออกไปจัดการเรื่องของอุดม ขากลับก็เลยแวะซื้อ ระหว่างทาง”

พอได้ยินบริศ พูดแบบนั้นแล้ว นรมนก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
ตอนที่บริศ ไปสถานีตำรวจเพื่อตามหาอุดมก็ยังจำได้ว่าต้อง อของขวัญมาให้พวกเด็กๆและพวกผู้ใหญ่ในบ้าน แต่เธอกลับ ลืมมันไปได้

“มีคุณนี่ดีจัง”

“ใช่ไหม ? ตอนนี้รู้หรือยังว่ามีฉันแล้วมันดี”

แน่นอนว่าบริศ นั้นชอบให้นรมนพูดชมเชยตัวเอง “แต่ว่าถ้าเธออยากไปเดินช็อปปิ้ง พวกเราก็ออกไปเดินเล่นกัน สักหน่อยก็ได้”

“ช่างเถอะๆ กลับบ้านดีกว่า คิดว่าเด็กๆก็คงรอกันแย่แล้ว”

ที่นรมนอยากไปห้างสรรพสินค้าก็เพราะมีเป้าหมายที่จะไปซื้อ ของให้พวกเด็กๆ แต่ในเมื่อตอนนี้บุริศร์ซื้อไว้หมดแล้ว เธอก็ไม่ ไปแล้ว ยังไงก็รีบกลับไปดูพวกลูกๆดีกว่า

บริศ เห็นนรมน ใจลอยไปหาบ้าน ก็เลยพาเธอไปขึ้นรถพร้อม กัน จากนั้นก็กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลโตเล็ก

เมื่อกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลโตเล็กอีกครั้ง ความรู้สึกของนร มนนั้นซับซ้อนมาก

ตอนที่ออกไปจากที่นี่ เธอเคยคิดว่าตลอดชีวิตจะไม่กลับมา เหยียบที่นี่อีก ถึงขั้นรู้สึกว่าวาสนาระหว่างเธอกับบริศร์นั้นจบสิ้น ลงแล้ว แต่ว่าตอนนี้เธอกลับมายืนอยู่ที่นี่อีกครั้ง มองไปที่อาคาร เก่าแก่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแห่งนี้ นรมนก็คิดถึงคุณนาย ตระกูลโตเล็กขึ้นมา
ตอนนี้หญิงชราคนนี้ไม่อยู่แล้ว แต่ว่าเธอก็ยังคงมีความรู้สึก ว่าที่นี่มีร่องรอยและเงาของเรณุกาอยู่ทั่วทุกที

บริศ เห็นนรมนหยุดอยู่ที่ตรงนั้น ก็รู้ว่าในใจของเธอมีปมอยู่

“ไม่อย่างนั้นพวกเราย้ายไปอยู่ที่วิลล่าหลังอื่นเถอะ”

“ไม่ต้อง จะช้าหรือเร็วก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่ ฉันไม่เป็นไรหรอก” นรมนหันไปยิ้มให้บริศร์

บริศร์ดออก ว่ารอยยิ้มของเธอแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและ เหนื่อยล้า

“วางใจเถอะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่มีใครทำร้ายเธอได้อีก เขาตายไปแล้ว”

“ฉันรู้”

นรมนจับมือของบุริศร์ จากนั้นก็ก้าวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์

ตระกูลโตเล็ก

ทุกอย่างที่นี่ยังคงคุ้นเคยเหมือนเมื่อก่อน แม้กระทั่งแปลง ดอกไม้ที่เรณุกาชอบก็ยังคงมีคนคอยดูแลอยู่

นรมนมักจะรู้สึกว่าเรณุกานั่งอยู่ที่แปลงดอกไม้แล้วคอยจัด แต่งพวกดอกไม้ใบหญ้า

เธอรู้ดี ว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่สิ่งที่ติดอยู่ในใจของตัวเอง

“แด๊ดดี้ หม่ามี้! กลับมากันแล้ว
กมลออกมาจากห้องนอน ตอนที่เห็นบุริศร์กับนามน ก็ดีใจ มากแล้ววิ่งเข้ามาหาพวกเขาทันที

บริศ อุ้มกมลขึ้นมา

“ลูกรักของพ่อ คิดถึงแด๊ดดี้ไหม ?”

“ต้องคิดถึงอยู่แล้ว หนูปวดใจปวดฟันปากก็ปวด ดูหนูสิ คิดถึงจนอ้วนขึ้นเลย”

กมลพูดด้วยหน้าตาใสซื่อ

นรมนหัวเราะออกมาทันที

“ลูกอ้วนเพราะกินเยอะไม่ใช่เหรอ ?”

“ก็ใช่น่ะสิ หนูคิดถึงพวกคุณ พอคิดถึงพวกคุณหนูก็เสียใจ พอ เสียใจหนูก็จะอยากกินอาหาร ดูสิหนูอ้วนขึ้นอีกแล้ว”

ตรรกะแบบนี้ของกมลทำให้นรมนรู้สึกพึงพอใจเหมือนกัน

บุริศร์บีบแก้มน้อยๆของกมล หัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร เจ้า

หญิงน้อยของพ่อไม่อ้วน กำลังพอดีเลย

“จริงเหรอคะ ?”

“ต้องจริงอยู่แล้ว!”

“แด๊ดดี้ดีที่สุดเลยค่ะ!”

กมลกอดบุริศ เอาไว้แน่น

นรมนมองดูท่าทางมีความสุขของลูกสาว ก็อดยิ้มตามไม่ได้
กิจจายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง มองดูความเคลื่อนไหวของนร มนกับบุริศร์และกมล ก็รู้สึกเศร้าอยู่บ้าง

นรมนสัมผัสถึงตำแหน่งที่อยู่ของกิจจา ตอนที่มองไปทางกิจจา ใจของเธอก็อดเจ็บปวดขึ้นมาไม่ได้

“กิจจา มาน หม่ามีอุ้มหน่อย ช่วงนี้ไม่ได้เจอกันเลย หม่ามีขอดู

หน่อยว่าลูกคิดถึงหม่าจนอ้วนขึ้นบ้างหรือเปล่า”

คำพูดของนรมนทำให้กิจจารู้สึกเกรงใจขึ้นมาเล็กน้อย

“เปล่าครับ น้ำหนักผมยังเท่าเดิม แต่ว่าผมก็คิดถึงแด๊ดดี้กับ หม่ามี้จริงๆ”

“เด็กโง่ รีบมาเร็วมาให้หม่ามีอุ้มหน่อย

นรมนดึงกิจจาเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง

กิจจาตัวแข็งทื่อเล็กน้อย แต่ก็ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว

เขาเกาะอยู่ที่ไหล่ของนรมน แล้วพูดเสียงเบาว่า “หม่า ยินดี ต้อนรับกลับบ้านครับ”

ใจของนรมนอ่อนปวกเปียกทันที

“เด็กโง่ หม่ามี้คิดถึงลูกจริงๆ คิดถึงมากๆ ครั้งหน้าพวกเราทั้ง ครอบครัวออกไปเที่ยวด้วยกันดีไหม ?”

“ครับ”

กิจจานั้นเงียบขรึมมาก
ตั้งแต่หายจากอาการออทิสติก เด็กคนนี้ก็ดูเติบโตขึ้น ในชั่ว ข้ามคืน เหมือนลูกคนโตของบ้านมาก ไม่ว่าอะไรก็จะคิดเผื่อน้อง ชายน้องสาวเสมอ และสงบนิ่งขึ้นมาก ตรงกันข้ามกับกานต์ที่ เดิมที่เป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย แต่ตอนนี้กลับร่าเริงแจ่มใสขึ้นมาไม่ น้อย

ในใจของนรมนนั้นเป็นห่วงกิจจา

เด็กคนนี้เดิมที่สามารถเติบโตได้อย่างไร้ข้อกังวล แต่ตอนนี้ กลับต้องมาแบกรับอะไรหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย

“กิจจา แด๊ดดี้ซื้อของขวัญมาให้ลูก ลูกเดาดูสิว่าของขวัญคือ อะไร ?”

พอกิจจาได้ยินนรมนถามแบบนี้ ก็หันไปมองบุริศร์อย่างดอก

ดีใจ

บุริศร์วางกมลลง บีบแก้มของกิจจาพร้อมรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “ลองเดาดูสิ”

“ผมเดาไม่ออกครับ”

กิจจานั้นเดาไม่ออกจริงๆ

บุริศร์ยิ้มแล้วพูดว่า “ยังจำได้ไหมว่าลูกเคยขออะไรกับพ่อ

ไว้ ?”

กิจจาส่ายหน้า

เดิมที เขาเคยเป็นเด็กคนเดียวของตระกูลโตเล็ก เป็นไข่มุกในมือของบุริศร์ และยังมีหม่ามีคอยให้ความรักอยู่ข้างๆ ดังนั้นเขา อยากได้ดวงดาวบนท้องฟ้าก็ย่อมได้ แต่ว่าตอนนี้……..

แววตาของกิจจานั้นหมองลงอย่างอดไม่ได้

บริศร์กับนรมนดีกับเขามาก แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่า ติดค้างพวกเขามาก ถึงขั้นที่มีความรู้สึกละอายใจว่าตัวเองแย่ง เอาความรักของพ่อแม่ไปจากกานต์และกมล

นรมนเห็นกิจจาก้มหน้าลงอีกครั้ง ความรู้สึกในแววตาทำให้ หัวใจของเธอเหมือนถูกบีบรัดจริงๆ

“กิจจา ลูกเป็นส่วนหนึ่งในบ้าน ต่อไปห้ามคิดอะไรไปเรื่อย เปื่อยอีกเข้าใจไหม ?”

“ครับ”

กิจจาพยักหน้า

กิจจาที่เชื่อฟังขนาดนี้ทำให้นรมนรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อย

บุริศร์เองก็ปวดใจ แต่กลับหัวเราะแล้วพูดว่า “จำได้ไหม ? ลูก เคยบอกพ่อว่า พอโตขึ้นแล้วอยากไปอวกาศ ไปดูว่าดวงดาวที่ อยู่บนฟ้าจะเหมือนกับที่พวกเรามองเห็นกันอยู่ในตอนนี้ไหม

กิจจาอดชะงักไปไม่ได้ จากนั้นก็พูดอย่างดีใจว่า “แด๊ดดี้ซื้อ กล้องโทรทรรศน์ให้ผมเหรอครับ ?”

“ใช่ กล้องโทรทรรศน์ เดี๋ยวพ่อไปติดตั้งให้ในห้องของลูก ไหม ?”
“ครับ !”

กิจจาตื่นเต้นขึ้นมาทันที

การเป็นนักบินอวกาศเคยเป็นความฝันของเขา

กมลรีบเข้าไปลากชายเสื้อของบริศ เอาไว้เบ้ปากน้อยๆแล้ว พูดว่า “แด๊ดดี้ แล้วของขวัญของหนูคืออะไรคะ ? เอาอะไรมาฝาก หนูเหรอคะ ?”

“เด็กดี ไปถามหม่ามี้เลย”

บุริศร์ลูบหัวของกมล จากนั้นก็อุ้มเธอไปให้นรมน

“แด๊ดดี้ไม่รักหนูแล้วใช่ไหมคะ ? หม่า แดดไม่หยิบของ ขวัญให้หนูด้วยตัวเองเลย”

กมลพูดอย่างหดหู่เล็กน้อย

นรมนยิ้มแล้วพูดว่า “กมลอย่าพูดไปเรื่อยสิคะ แด๊ดดี้ชอบหนู กับชอบพี่กิจจาเหมือนๆกัน เพียงแต่กล้องโทรทรรศน์ของพี่กิจจา จําเป็นต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนติดตั้งให้

“แล้วของขวัญของหนูคืออะไรเหรอคะ ?”

“ลูกเดาดูสิคะ ?”

ถึงแม้นรมนจะพูดแบบนั้น แต่ในใจเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่า ของขวัญคืออะไร เพราะว่าเธอไม่ใช่คนซื้อ แต่ว่าตอนอยู่ต่อหน้า กมลเธอพูดไม่ได้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนเลือกของขวัญ นี่ถือเป็นเรื่อง ที่น่าหนักใจจริงๆ
“เอาแบบนี้ดีไหมคะ พวกเราไปดูที่กระโปรงหลังรถของแด๊ดดี้ กันว่ามีของดีอะไรบ้าง ตอนนี้กานต์ยังไม่กลับมา กมลของพวก เราชอบอะไร ก็รีบหยิบไปก่อน ที่เหลือค่อยให้กานต์ดีไหมคะ ?

จู่ๆนรมนนรมนก็เสนอความคิดแผลงๆออกมา

กมลเลยตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“ดีค่ะๆๆ ! พวกเรารีบไปกันเถอะ !”

กมลลากนรมนไปที่กระโปรงหลังรถของบุริศร์ ในนั้นมีตุ๊กตาที่ ตัวโตพอๆกับกมลตัวหนึ่ง

ตุ๊กตาตัวนี้ยังเป็นแบบAIด้วย และสวยงามมาก

กมลรู้สึกชอบทันทีที่ได้เห็น “ว้าว นี่ให้หนูเหรอคะ ? นี่เป็นของหนูใช่ไหม ? หม่าม หม่ามี้ กับแด๊ดดี้ใจดีจังเลย ! หนูรักพวกคุณ”

ขณะพูด เธอก็ไม่รอให้นรมนพูดอะไร ตัวเองก็รีบปีนขึ้นไปใน กระโปรงหลังรถ กอดตุ๊กตาอย่างดีอกดีใจ

แต่เรื่องที่น่าเศร้าก็คือ กมลลงมาไม่ได้แล้ว

“หม่ามี้! ช่วยหนูด้วย!

กมลนั่งอยู่ในกระโปรงหลังรถ กอดตุ๊กตาแล้วมองนรมนอย่าง หัวเสีย ทำให้นรมนรู้สึกมีขบขันมาก

“ปีนขึ้นไปเองได้ ทำไมถึงปืนลงมาไม่ได้ล่ะคะ ?”
“มันไม่เหมือนกัน ตอนเข้าไปมีหนูคนเดียว แต่ตอนนี้มีสองคน แล้ว ก็ต้องออกไม่ได้เป็นธรรมดา!

กมลปั้นนําเป็นตัว

นรมนอุ้มเธอกับตุ๊กตาขึ้นมา แล้วมองดูของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ อยู่ในกระโปรงหลังรถ ถูกห่อไว้อย่างมิดชิด จนดูไม่ออกเลยว่า เป็นอะไร

ไม่แปลกใจเลย กมลจะไม่สนใจ

“หม่ามี้ หนูอุ้มตุ๊กตากลับไปเล่นที่ห้องได้ไหมคะ ?”

กมลเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องนรมนตาแป๋ว

“ได้แน่นอน แต่ว่าลูกอย่าทําสกปรกนะคะ”

“ไม่หรอกค่ะ หนูจะอาบน้ำด้วยกันกับเธอ!”

กมลอุ้มตุ๊กตาเข้าไปในห้องอย่างดีอกดีใจ

นรมนรู้สึกแปลกใจกับของขวัญของกานต์มาก เธออยากจะ เปิดดู แต่คิดไปคิดมา ก็อดกลั้นเอาไว้

นี่เป็นของขวัญที่บุริศร์มอบให้ลูกชาย ถ้าตัวเองแอบเปิดคง เสียมารยาทแย่

พอคิดถึงตรงนี้ นรมนก็ยอมแพ้ไป

เธอปิดกระโปรงหลังรถลง จากนั้นก็คิดขึ้นมาได้ ป้องกับกานต์ จองตั๋วเครื่องบินกลับมาก่อนพวกเขา แล้วทำไมตอนนี้ยังไม่ถึง บ้านอีก ?
นรมนูรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาป้อง แต่ว่าโทรศัพท์ของป้อง อยู่ในสถานะปิดเครื่อง เธอก็เลยโทรไปหากานต์ โทรศัพท์ของ กานต์เองก็ปิดเครื่อง

หรือว่าพวกเขายังอยู่บนเครื่องบิน ?

นรมนคิดอยู่แบบนั้น แต่ในใจก็รู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่ก็ทำได้ แค่บอกตัวเองว่าอย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน

เธอกลับเข้าไปในบ้าน หยิบโทรศัพท์ออกมาตรวจสอบข้อมูล ไฟลต์บินของป้องและกานต์ ที่น่าเสียดายก็คือ ตอนนี้บนเครื่อง บินที่กำลังบินมาที่เมืองชลธี ไม่มีไฟลต์บินไหนที่มีเงาของป้องกัน กานต์อยู่เลย

นรมนก็เลยเริ่มไม่สบายใจขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ