แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 164 ตอนหม่ามี้แก่ ผมก็จะดูแลหม่ามื้อย่างนี้



บทที่ 164 ตอนหม่ามี้แก่ ผมก็จะดูแลหม่ามื้อย่างนี้

“คุณหมอ ลูกของผมไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

บุริศร์จูงมือนรมน ก้าวเดินเร็วๆมาหยุดอยู่ตรงหน้าคุณ หมอ

หมอมองมาที่บุริศร์กับนรมน แล้วพูดเสียงเบาว่า “ตอนนี้ กิจจาไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ว่าการดูดซึมสารเข้าไปใน ร่างกายครั้งนี้รุนแรงมาก จนกระตุ้นให้สารพิษในร่างกาย ของกิจจาปะทุออกมา ถ้าพามาส่งโรงพยาบาลไม่ทัน ตอนนี้ก็คงหยุดหายใจไปแล้ว ของแบบนี้เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมี คนใช้กันแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ใช้ใน สงครามทั้งนั้น ผมล่ะสงสัยจริงๆ ต้องเป็นคนยังไงถึง ได้ใจดำอำมหิตทำกับเด็กตัวเล็กๆถึงเพียงนี้?”

ดวงตาของบุริศร์เยือกเย็นมากกว่าเดิม

“ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”

“ตอนนี้เอาอยู่แค่ชั่วคราว แต่ว่าช่วงนี้ต้องคอยดูแล ร่างกายดีๆ ทางที่ดีควรรีบทำการถ่ายเลือดให้เร็วที่สุด เด็กอายุยังน้อย ถ้าปล่อยให้ตะกั่วอยู่ในร่างกายของเด็ก นานเกินไป มันไม่ส่งผลดีต่อร่างกายเขาแน่”

คำพูดของหมอทำให้สีหน้าของบุริศร์เคร่งขรึม

“ผมเลือดกรุ๊ปเดียวกับเขา ใช้เลือดผมได้ไหม?” นรมนเริ่มเครียดขึ้นมาทันที
หมอสายหน้าแล้วพูดว่า “ประธานบุริศร์ ผมรู้ว่าคุณร้อน ใจ แต่ว่าสภาพร่างกายของคุณตอนนี้ไม่ถึงเกณฑ์ที่พวก เราต้องการโรงพยาบาลของเราไม่สามารถช่วยชีวิตอีกคน ด้วยการเอาชีวิตของอีกคนมาแลก ตระกูลโตเล็กร่ำรวยมี อำนาจขนาดนั้น ถ้าจะหาหมู่เลือดอาร์เอชลบ ผมว่า ประธานบุริศร์หาได้แน่ๆ เพียงแต่คงต้องเร็วหน่อย!”

คำว่า “เร็ว” เหมือนภูเขาลูกใหญ่หล่นทับที่หัวใจของบุริ ศร์

เขาใช้อำนาจในการหาหมู่เลือดได้อย่างที่ว่ามาจริงๆ แต่ ถ้ามีการถ่ายเลือด ความเสี่ยงในการผ่าตัดก็เยอะมาก เหมือนกัน

เขาเริ่มกังวลว่ากิจจาจะไม่ไหวเอา

นรมนกุมมือของบุริศร์เบาๆแล้วพูดว่า “เชื่อกิจจา และ เชื่อตัวคุณนะ พวกคุณทำได้! สายเลือดตระกูลโตเล็ก ไม่ใช่คนอ่อนแอ” เมื่อบุริศร์เห็นความหนักแน่นในดวงตาของนรมน จู่ๆก็

รู้สึกว่าตัวเองเก่งไม่สู้แม้แต่ผู้หญิง

เขาพยักหน้า มองไปยังกิจจาที่ถูกเข็นออกมา

เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกเลยว่ากิจจาจะตัวเล็กขนาดนี้ ภาพที่ เขานอนอยู่บนเตียง ดูตัวเล็กเหมือนแมวตัวน้อยๆที่น่า สงสารและอ่อนแอ

บุริศร์รู้สึกสงสารเจ็บใจ

“คุณหมอ ไม่ว่าจะต้องใช้กำลังคนและกำลังทรัพย์มากเท่าไหร่ ผมก็หวังว่าเขาจะดีขึ้น”

“วางใจได้เลยครับ พวกเราจะยายามให้เต็มที่!”

ในตอนนี้เองกานต์กับธรณีก็กลับมาแล้ว

เมื่อกานต์เห็นกิจจาก็เดินให้เกิดเสียงเบามากที่สุด จาก นั้นก็ถามขึ้นเสียงเบาว่า “หม่ามี้ กิจจาไม่เป็นอะไรใช่ ไหม?”

“ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ว่าช่วงนี้ห้ามเล่นแรงๆกับเขานะ ร่างกายของกิจจาไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

กานต์พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

กิจจาถูกย้ายมาที่ห้องพักฟื้นเดี่ยว โดยมีคนของตระกูล ทวีทรัพย์ธาดากับตระกูลโตเล็กผลัดกันมาเฝ้า

บุริศร์ไม่ได้พูดขอบคุณธรณีที่ยื่นมือมาช่วย แต่แววตาก็ ยังมีแววขอบคุณอยู่

การที่คนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาช่วยเหลือเรื่องห้อง พักฟื้นพิเศษ มันก็มากพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าตระกูลทวี ทรัพย์ธาดาปกป้องตระกูลโตเล็ก ไม่ว่าจะเป็นเพราะ สาเหตุอะไร น้ำใจนี้บุริศร์ก็คงต้องรับเอาไว้

“คุณชายธรณี ขอบคุณนะ”

“ไม่เป็นไร ยังไงผมก็ไม่ได้ทำเพื่อคุณ”

ราวกับธรณีไม่อยากเห็นบุริศร์อารมณ์ดี จึงพูดประโยค ข้างหลังออกมาอย่างมีนัย ถึงขนาดที่ส่งสายตามองไป

ทางนรมน
บุริศร์ไม่พอใจ แต่กลับยิ้มแล้วพูดว่า “ของของผมยังไงก็ เป็นของของผม ไม่ใช่ของคุณ เพ้อพร่ำรำพันไปก็ไร้ ประโยชน์ คุณชายธรณี ผมขอแนะนำคุณว่า ยังมีคนอื่น อีกมากมายรอคุณอยู่นะ”

“แต่ผมชอบแค่คนเดียวนี่ครับ ประธานบุริศร์ไม่ต้องพูด อะไรให้มากความหรอก”

คำพูดคุมเชิงของบุริศร์และธรณี สูสีพอๆกัน

ผู้ชายทั้งสองคนหันหน้าหนีทางใครทางมัน อยู่กันคนละ

ทิศละทาง ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่กลับต้องมาเกี่ยวข้องกัน

เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง นรมนอยู่กับกิจจาและกานต์ในห้องพักฟื้นตลอด

ตอนนี้เขมิกาไม่อยู่ ถ้าเธอไม่อยู่กับกิจจาตอนนี้ กิจจา ก็คงน่าสงสารเกินไป

กานต์เริ่มหิว บุริศร์จึงจะพาเขาออกไปกินข้าว ด้านนร มนยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ บุริศร์จึงไม่ได้บังคับอะไร

เมื่อในห้องเหลือเพียงนรมน เธอก็มองไปยังกิจจาที่นอน อยู่บนเตียง พร้อมกับความรู้สึกสงสาร

แม้ว่าอุณหภูมิร่างกายของกิจจาจะลดลงแล้ว แต่ว่าก็ยัง มีเหงื่อออกทั้งตัว

นรมนจึงหาผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้กิจจาเบาๆ เพื่อให้เขา รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง

กิจจาละเมอหาผู้เป็นแม่อย่างน่าเวทนา
นรมนไม่รู้ว่าถ้าเขมิกาได้มาเห็นภาพนี้จะเป็นยังไง แต่ตัว เธอแทบใจสลาย

เด็กคนนี้น่าสงสารมาก

นรมนขยับขึ้นไปบนเตียง แล้วโอบกอดกิจจาเอาไว้

เมื่อกิจจาได้กลิ่นที่คุ้นเคย เขาถึงได้ค่อยๆสงบลง

ในตอนที่บุริศร์พากานต์กลับมา ก็เห็นกิจจานอนหลับปุ๋ย อยู่ในอ้อมกอดของนรมน

แขนของนรมนเริ่มเหน็บชา แต่พอจะผละออกกิจจาก็จับ ชายเสื้อของเธอเอาไว้โดยอัตโนมัติ จึงไม่สามารถผละ ออกไปได้ เพื่อให้กิจจาอุ่นใจ นรมนจึงปล่อยให้เขานอน หนุนอยู่อย่างนั้นจนอาการเหน็บชาทำให้เธอไม่รู้สึกอะไร แล้ว

เมื่อกานต์เห็นกิจจานอนอยู่ในอ้อมกอดของนรมน ก็เริ่ม รู้สึกไม่ชอบใจ แต่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดชั่วแวบเท่านั้น

เขานึกถึงอาการป่วยของกิจจา นึกถึงความเป็นพี่น้อง

ของตัวเองกับกิจจา เขาเคยพูดเอาไว้ ว่าจะดูแลกิจจาให้

ดี การแบ่งปันความรักและความดูแลของหม่ามีให้กิจจา

ด้วย ก็ถือเป็นการแบ่งปันความสุขอย่างหนึ่งนี่เนาะ?

เมื่อกานต์ปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองเสร็จ จากนั้นก็ มานั่งลงข้างๆนรมน แล้วยื่นกล่องอาหารไปให้

“หม่าม หิวไหม? ให้ผมป้อนหม่ามีไหม?” “ไม่ต้องหรอก กานต์ลูก หม่ามี้ยังไม่หิว รอให้กิจจาตื่นก่อนหม่ามค่อยกินก็ได้ ลูกกับแด๊ดดี้พากันกลับไปก่อน เถอะ”

นรมนรู้ว่าบุริศร์เป็นห่วงกิจจา แต่ว่าในสถานการณ์ตอนนี้ เขาอยู่ไปก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร อีกอย่างบุริศร์ต้องรีบ ไปหาหมู่เลือดให้กิจจาด้วย

บุริศร์รู้ตัวว่าในเวลานี้ตัวเองควรทำอะไร แต่ว่าพูดยังไง กานต์ก็ไม่ยอมกลับไปด้วย

เมื่อเห็นกานต์ยืนกรานจะอยู่ให้ได้ บุริศร์จึงพูดเสียงเบา ว่า “งั้นก็ให้เขาอยู่เถอะ คงต้องลำบากคุณหน่อย”

“ไม่หรอก กิจจาเป็นเด็กน่าสงสาร การที่ไม่มีแม่อยู่คอย อยู่ข้างๆน่ะ ฉันว่ามันทุกข์ใจมากนะ”

คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์นนึกถึงเขมิกา

เขาไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เขมิกาจะตัดสินใจยังไง แต่ในตอนนี้ไม่ จำเป็นต้องเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้ให้นรมนฟังหรอก

“ผมจะให้พฤกษ์มาเฝ้า ถ้ามีเรื่องอะไรคุณก็สั่งกับเขา

ได้”

อืม”

“อย่าปล่อยให้ตัวเองหิว ไม่อย่างนั้นผมจะป้อนคุณด้วย

ตัวเอง”

บุริศร์มองของกิน พร้อมกับมองเธอด้วยความเป็นห่วง

“รู้แล้ว เดี๋ยวฉันกิน”

นรมนยิ้มบาง แต่กลับยังไม่ปล่อยกิจจา
บุริศร์มองกิจจาอีกครั้ง จากนั้นถึงได้หันหลังเดินออกไป

กานต์ไม่งอแง แล้วก็ไม่ถามอะไรมาก เขานั่งเล่น โทรศัพท์อยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง

นรมนเหลือบมอง มีแต่รหัสที่เธออ่านไม่ออกทั้งนั้น

นรมนรู้สึกอับอายนิดหน่อย

เทียบกับลูกชายแล้ว เธอช่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ

เวลาผ่านไปทุกวินาที ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง

กานต์เล่นจนเหนื่อย เมื่อเห็นว่ากิจจายังไม่ยอมปล่อยนร มน ก็พูดเสียงเบาว่า “หม่าม กินอะไรก่อนเถอะ”

เมื่อนรมนเห็นลูกชายแทบจะลืมตาไม่ขึ้น แต่ก็ยังไม่ลืม เตือนให้เธอกินข้าว ในใจของนรมนก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา

“ได้สิ แต่ว่าหม่ามี้กินไม่สะดวกเลย หนูป้อนหม่าม หน่อยได้ไหม?”

“ได้ครับ!”

กานต์ปีนขึ้นมานั่งบนเตียง แล้วถือกล่องอาหารมาตรง หน้านรมน จากนั้นก็ค่อยๆป้อนนรมนอย่างช้าๆ เหมือนที่ นรมนเคยป้อนตัวเองเมื่อยังเป็นเด็ก

นรมนอบอุ่นใจเป็นอย่างมาก

โชคดีที่ตอนนั้นเธอเก็บเด็กทั้งสองคนไว้ ไม่อย่างนั้นเธอ

คงเสียใจมากแน่ๆ

กานต์หยิบทิชชูเปียกมาค่อยๆใช้น้ำซุปออกจากมุมปากให้นรมน จากนั้นก็พูดว่า “หม่ามี้ ตอนหม่ามแก่ ผมก็จะ ดูแลหม่ามื้ออย่างนี้”

“ดีเลย! ลูกของแม่กตัญญูที่สุดในโลกแล้ว!”

ภาพกตัญญูของลูกสลักลึกอยู่ในหัวใจของนรมน

เมื่อกานต์ป้อนข้าวนรมนอย่างรู้ความเสร็จ ดวงตาของ เขาก็แทบจะปิดอยู่รอมร่อ

นรมนรู้ว่าเขาเหนื่อย จึงพูดกลั้วยิ้มว่า “มานี่มา มานอน ข้างหม่าม คืนนี้เราสามคนนอนเบียดกันบนเตียงนี่แหละดี

ไหม?”

“ดีครับ ! แต่ว่าหม่ามี้จะไม่เมื่อยใช่ไหม?”

กานต์เริ่มเป็นห่วงนรมน

จริงๆแขนของนรมนชาจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่ก็ยัง

หัวเราะออกไปแล้วพูดว่า “หม่ามี้เป็นคนแข็งแรง ไม่เมื่อย “หม่ามีโกหก คุณครูบอกว่า คนเราเมื่อยกันหมดทุกคน

หรอก”

ถ้าหม่ามันเมื่อยก็พักนะ ปล่อยกิจจาไว้ก็ได้”

“ไม่เป็นไร หม่ามทนได้ รีบนอนเถอะ หนูไม่ได้นอนกับ หม่ามี๊นานแล้วนี่ใช่ไหม? เป็นไง? อยากให้หม่ามี้เล่านิทาน ให้ฟังก่อนนอนหรือเปล่า?”

“ไม่ต้องครับ ผมโตแล้ว หม่ามี้เองก็เหนื่อยมากแล้ว ผม จะนอนหลับเอง”

กานต์ถอดรองเท้าแล้วปีนขึ้นเตียง จากนั้นก็นอนลงข้างๆนรมนอย่างเงียบๆ

ด้านนรมนก็ปลื้มใจที่ลูกชายรู้จักความเป็นที่สุด

เธอใช้แขนข้างหนึ่งดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้กานต์ จากนั้นก็ ตบตูดกล่อมกานต์เบาๆ ริมฝีปากฮัมเพลงกล่อมนอนที่ กานต์ชื่นชอบไปด้วย

หนังตาของกานต์หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เข้าสู่ ห้วงนิทราไป

นรมนแย้มยิ้มอย่างรักใคร่ พอหันหน้ากลับมาก็พบว่า กิจจาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดวงตากลมโตกะพริบ ปริบๆมองมาที่นรมน ดวงตาคู่นั้นใสแจ๋ว ทำให้เธออด เอ็นดูไม่ได้

“ตื่นแล้วเหรอ? รู้สึกยังไงบ้าง? ให้น้าเรียกคุณหมอมา ให้ไหม?”

นรมนพูดเสียงอ่อนโยน

กิจจารีบส่ายหน้า พูดเสียงเบาว่า “คุณน้า เพลงที่คุณน้า ร้องให้เฮียฟังเมื่อกี้คือเพลงอะไรเหรอครับ? เพราะจังเลย”

“เพลงกล่อมนอนจ้ะ เอาไว้ร้องก่อนนอน หม่ามี้ของหนู ไม่เคยร้องให้หนูฟังเลยเหรอ?”

กิจจาส่ายหน้า แล้วพูดออกมาอย่างหงอยๆว่า “หม่ามึ้ยุ่ง มาก ตั้งแต่เล็กจนโตคนที่อยู่กับผมส่วนใหญ่ก็มีแต่คนรับ ใช้ หม่าม้จะอยู่กับผมแค่เฉพาะตอนที่แด๊ัดดี้กลับมา เวลา อื่นหม่ามีก็ไม่อยู่เลย ยิ่งเพลงกล่อมนอนยิ่งไม่ต้องพูดถึง เลยครับ คุณน้า ผมรู้สึกเฮียโชคดีมากๆเลย ถ้าคุณน้าเป็นแม่ผมก็คงดี”

คำพูดของเขาทำให้หัวใจของนรมนเจ็บแปลบ

“เด็กดี หนูเก่งขนาดนี้ เทวดาต้องคอยดูแลหนูแน่”

“ผมอยากให้คุณน้าดูแลผม ได้ไหมครับ?”

กิจจานอนซบอยู่ในอ้อมกอดของนรมน รู้สึกได้ว่ากลิ่น กายของเธอไม่เหมือนกับเขมิกา กลิ่นของเธอไม่แสบจมูก เป็นกลิ่นอ่อนๆ เหมือนกลิ่นสบู่ แต่กลับทำให้กิจจาชื่น ชอบเป็นอย่างมาก

“คุณน้า คุณน้าอยู่กับผมตลอดได้ไหมครับ?”

อาจเป็นเพราะป่วย กิจจาจึงอ่อนแอเป็นพิเศษ ตอนนี้จึง มองนรมนเป็นเหมือนกับที่พึ่งสุดท้าย แววตาอยากพึ่งพา และคาดหวังของเด็กน้อย ทำให้นรมนไม่สามารถพูด ปฏิเสธอะไรออกมาได้

“ได้สิ น้าจะอยู่กับหนูเอง แต่ตอนนี้หนูต้องเป็นเด็กดี นอนกับกานต์ไปก่อนนะ น้าจะไปอาบน้ำสักหน่อย โอเค ไหม?”

นรมนรู้สึกว่าครึ่งตัวของเธอถูกตะคริวกินไปแล้วจริงๆ

กิจจาพยักหน้าอย่างรู้ความ ขยับออกจากอ้อมกอดของ นรมน แล้วมานอนเงียบๆอยู่ข้างกานต์

ในตอนนี้เอง เสียงโทรศัพท์ของนรมนก็ดังขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ