แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 690 ฉันเต็มใจที่จะรักคุณ



บทที่ 690 ฉันเต็มใจที่จะรักคุณ

นรมนกลัวว่าเจตต์จะทำอะไรเกินไปกับนิตาและวิ่งออกจากห้องผู้ ป่วยอย่างรวดเร็ว กลับพบว่าเจตต์กำลังนิตาไว้กับกำแพง

ไม่ต้องพูดถึง ร่างกายราวร้อยแปดสิบห้าที่มาจับคู่เข้ากับส่วน สูงร้อยห้าสิบของนิตา ความสูงแตกต่างกันมาก แต่สายตาที่ไม่ ยอมแพ้ของนิตาเหมือนกับหมาป่าที่ยากจะเชื่องตัวหนึ่ง ทำให้ คนอดไม่ได้ที่เกิดความรู้สึกอยากจะเอาชนะให้ได้

ทันใดนรมนก็รู้สึกว่า เจตต์กับนิตาค่อนข้างเหมาะสมกัน

ความรู้สึกนี้ทำให้เธอหยุดชะงักการกระทำของตัวเองชั่วคราว ยืนอยู่ตรงหน้าประตู มองดูการกระทำของทั้งสองคน

นิตาผลักเจตต์ไม่ออก

“คุณปล่อยฉันนะ!”

“ไม่ใช่ว่ามีฝีมือเหรอ? ไม่ใช่ว่าแรงเยอะเหรอ? ไม่ใช่พูดว่าผม เป็นไอ้ไก่อ่อน ไม่ใช่ผู้ชาย? จะผลักผมออกไปด้วยตัวเองไม่ใช่?”

เจตตถากถางทุกประโยค

ผู้หญิงตัวเล็กที่สูงไม่พ้นไหล่เขา ยังจะสั่งสอนเขา??

น่าขัน

ใบหน้าของนิตาเป็นสีแดง
ผู้ชายคนนี้น่ารังเกียจ

ทันใดเธอก็ยืนเขย่งเท้าขึ้น และกัดไปตรงไหล่ของเจตต์

“โอ้ย แม่ง! เธอเป็นหมาเหรอ?”

เจตต์ไม่ทันตั้งตัว เจ็บจนรีบก้าวไปข้างหลัง

นิตาฉวยโอกาสจากช่องว่างนี้ยกเท้าขึ้นเตะผ่าลูกหมากของ

เจตต์

“โอ๊ย!”

เจตต์โอบไปตรงที่จุดตรงนั้น โกรธจนหน้าแดง

“เธอ… …

เจตต์เจ็บจนอยู่ไม่สุข

ผู้หญิงคนนี้ลงมือได้โหดร้ายเป็นพิเศษ

นโมนสั่นไปทั้งตัว

เธอตกใจและเจ็บแทนเจตต์

ตายแล้ว เจตต์น้อยจะแตกไหม ?

นิตาไม่สนใจท่าทางที่เขาร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด กลับ พูดอย่างฉุนๆว่า “ต่อไปนายกล้ารังแกผู้หญิงอีก ฉันจะตัดมันไม่

ให้สืบพันธ์ต่อได้อีกเลย!”

พูดจบ นิตาก็หันหลังเดินกลับไปโดยไม่เหลียวตามองเจตต์
“เธอผู้หญิงคนนี้ ฉันจำเธอได้แล้ว แม่งเอ๊ย!” เจตต์ปวดจนเหงื่อเย็นๆไหลออกมา

นโมนอยากหัวเราะ แต่ไม่กล้า เธอรีบก้าวไปข้างหน้าก่อนท ภาษามือถาม “ต้องการให้ฉันไปตามหมอให้ไหม?”

เจตต์มองไปยังท่าทางปากและตาที่อมยิ้มของนรมน อดไม่ ได้ที่จะจิตใจห่อเหี่ยวเล็กน้อย “นรมน คุณไม่เป็นห่วงบ้างเหรอ? ผมเป็นแบบนี้ ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก? นี่คุณใจจืดใจดำตั้งแต่ เมื่อไหร่กัน?”

เจตต์สูดหายใจเข้าลึกหลายครั้งติดต่อกันด้วยความเจ็บปวด แม่งเอ๊ย นี่ถ้าหากว่าเกิดปัญหาจริงๆ เขาต้องดูเจ้าตัวเล็กคน นั้นให้ดี

เจตต์มองไปยังทิศทางที่นิตาเดินจากไป พลางคิดอย่างโกรธ

เคือง

นรมนกลับทําท่าทางมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และ ทำภาษามือพูดไปว่า “เฮ้ย บุริศร์ของเรายังดีนะ โดนคนไม่ดี หยิกไม่กี่ครั้ง คุณนี่สิ ถ้าหากถูกทำลายแล้ว ความสุขของชั่ว ชีวิตนี้คงเสียแล้ว รีบไปให้หมอรักษาเถอะ ฉันดูท่าแรงเตะของนิ ตาคงไม่เบา”

“นิตา ใช่ไหม? โอเค ฉันจำได้แล้ว”

เจตต์ยังคงกังวลเล็กน้อย และรีบเดินโซซัดโซเซไปหาคุณหมอ
อารมณ์ของนรมนดีขึ้นมาก

เธอกลับไปที่วอร์ด หยิบผ้าขนหนูออกมาเช็ดมือให้บุริศร์ ใช้ โปรแกรมแปลงเสียงพูดกับเขา “บุริศร์ คุณคิดว่าคู่เจตต์กับนิตา เป็นอย่างไรบ้าง? ฉันคิดว่าค่อนข้างดีนะ เจตต์น่ะ มีคนจัดการ เขาได้ขนาดนี้ ”

บริศร์ยังคงนอนอยู่ที่นั่นโดยไม่มีปฏิกิริยาใดตอบสนอง นรมนก็คุ้นชินแล้ว

ความเจ็บปวดเสียใจตั้งแต่ครั้งแรก จนกระทั่งตอนนี้ที่ยอมรับ ได้สบายใจ ความเปลี่ยนแปลงของจิตใจชุดนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะ เข้าใจได้

สําหรับเขา ตราบใดที่บุริศร์ยังมีชีวิตอยู่ แม้เพียงจะนอนอยู่ บนเตียงในโรงพยาบาลแบบนี้ทุกวัน โดยไม่ต้องพูดอะไร เธอ รู้สึกว่าเธอมีที่พึ่งพา รู้สึกว่ายังมีบ้าน มีคนอยู่

ป้องยังโทรหาเธอหลายครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ล้วน แล้วไม่ใช่ข่าวดี

นรมนก็ฝากฝังคนให้หาหมอทางด้านนี้ แต่คำตอบของทุกคน ที่ให้เธอคือให้เธอเตรียมใจเอาไว้

เธอมองไปที่บุริศร์

เขาผอมลงอีกแล้ว

หากไม่มีอาหารประคับประคอง มีเพียงแค่ให้อาหารผ่านของเหลว กล้ามเนื้อไม่หดตัวลงก็เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์แล้ว

เธอกังวลมาก แต่กลับไม่รู้จะทำอย่างไร

กานต์เคยเร่งรัดถามเธอหลายครั้งแล้ว ถามว่าเมื่อไหร่พวก เขาจะกลับ นรมนไม่รู้จริงๆว่าจะตอบเด็กๆว่ายังไง

โดยเฉพาะกิจจา

ไม่ง่ายที่เขาจะออกมาจากภาวะออทิสซึม ถ้าเขารู้ว่าบุริศร์ กลายเป็นแบบนี้อีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

นรมนรู้สึกว่าภาระในร่างกายของเธอหนักขึ้นอย่างกะทันหัน

เธอมองไปที่บุริศร์ ก่อนพูดด้วยเสียงต่ำ “คุณรีบดีขึ้นเถอะ ไม่ อย่างนั้นฉันจะแบกรับไม่ไหวแล้วนะ บุริศร์ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว คุณยอมได้เหรอที่เห็นฉันเป็นทุกข์คนเดียวบุริศร์?”

ถ้าเป็นตามปกติ บุริศร์ต้องพูดแน่ว่าไม่ แต่ตอนนี้เขาเหมือน กับคนที่ความรู้สึกทั้งห้าขัดข้อง ไม่ได้ยิน เคลื่อนไหวไม่ได้ นอน อยู่ตรงนี้ทําให้คนรู้สึกปวดใจ

แพทย์และพยาบาลยังคงมาตรวจร่างกายเขาตามปกติ

นรมนถามแพทย์เกี่ยวกับอาการของบริศร์ และคำตอบของ แพทย์ก็คงจะเหมือนเดิม เธอพออ่านออกด้วยตัวเอง

จู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ส่งเสียงร้องขึ้น นรมนมองไปยังโทรศัพท์ เป็นปัญญ์และคมทิพย์ที่โทรมา เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกไปข้างนอก
เมื่อรับสายแล้ว เสียงของคมทิพย์ก็ลอยเข้ามา

“นรมน พวกเราถึงแล้วนะ ตามเบาะแสของคนที่จ้างมา พบ ร่องรอยของชยนต์แล้ว เธอไม่ต้องกังวลกับพวกเรา มีข่าวอะไร พวกเราจะบอกเธอทันทีเลย”

บรมนวางสาย ก่อนจะส่งข้อความผ่าทางวีแชทไปหาพวกเขา

“พวกเธอต้องระวังความปลอดภัย ถ้าหากไม่โอเค ถึงจะปล่อย ให้ชยนต์ไม่ปรากฏตัว และอย่าให้เกิดเรื่องกับตัวเองนะ ได้ไหม? เพื่อนของฉันมีไม่เยอะ พวกเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ฉันไม่ ต้องการให้เกิดเรื่องอะไรก็ตามกับพวกเธอ”

“รู้แล้วน่าวางใจเถอะ พวกเราไม่ได้โง่นะ ปัญญ์กำลังขับรถ อยู่ คุยกับเธอไม่ได้ จริงสิ บุริศร์เป็นยังไงบ้าง?”

คมทิพย์กลัวว่านรมนจะไม่สามารถแบกรับไว้คนเดียวได้

“เขายังเหมือนเดิม ป้องมาหาแล้ว ไม่มีความมั่นใจอะไร พวก เรายังคงหาแพทย์เฉพาะทาง เรื่องนี้รีบไม่ได้ ต้องค่อยๆรอ กลัว แค่ว่าจะซ่อนมันจากกานต์ไม่ได้แล้ว”

นรมนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“ถ้าหากไม่โอเค เธอก็พาบุริศร์ไปเมืองชลธีหรือไม่ก็เมืองB เถอะ ที่นั่นไม่ว่ายังไงก็มีคนคอยดูแล พฤกษ์จะได้ช่วยเธออีก แรง”

เมื่อเห็นคมทิพย์พูดแบบนี้ นรมนตอบไปว่า “ไม่ได้หรอก ตลอดปีมา บริษัท กรุ๊ป จํากัดยังไม่มั่นคง ฉันไม่รู้ว่ามีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากมายเพียงใด แม้ว่าพฤกษ์จะเป็นผู้รับผิดชอบใน ตอนนี้ แต่ฉันได้ยินมาว่าภาระของพฤกษ์ไม่ใช่น้อยๆ และดู เหมือนว่าจะมีการถกเถียงกันภายในบริษัท ตอนนี้ถ้าพวกเขารู้ว่า บริศ กลายเป็นแบบนี้ ยังไม่แน่ว่าบริษัทจะดำเนินต่อไปได้หรือ ไม่ ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ปัจจุบันของบุริศร์ก็ไม่เหมาะสำหรับ การเปลี่ยน โรงพยาบาล

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถอยู่ตรงนั้นคนเดียวได้นะ เธอไม่ คุ้นชินกับผู้คนที่นี่ แถมเธอยังไม่หาคนมาช่วยอีก ฉันกับปัญญ่ไม่ สบายใจ”

คมทิพย์นึกขึ้นมาได้ว่านรมนอยู่คนเดียวที่นี่ จะวางใจได้ อย่างไร

นรมนรีบพูดอย่างเร็ว “เจตต์มาแล้ว วางใจเถอะ เขาอยู่ที่นี่ไม่

กี่วันมานี้ เหมือนว่าจะมีเรื่องงานอะไรสักอย่างที่ต้องมาจัดการที่

นี่ มีเขาอยู่ พวกเธอสบายใจเถอะนะ”

คมทิพย์รู้สึกโล่งใจที่ได้ยินว่า เจตต์อยู่ข้างกายนรมน

“โอเค มีเรื่องอะไรก็ตามโทรหาฉันนะ พวกเราจะรีบกลับไป

นรมน เธออยู่แปลกที่ ยังไงก็ห้ามไปยุ่งกับเรื่องอะไรที่ไม่ใช่เรื่อง

ตัวเอง รู้ไหม? พวกเราไม่อยู่ ถึงแม้จะมีเจตคอยดูแลเธอ แต่ก็

ยังต้องอยู่เงียบๆ รอให้อาการป่วยของบุริศร์ดีขึ้น พวกเราจะ

กลับไป

“โอเค”

นรมนคุยเล่นกันกับคมทิพย์สักพัก ก่อนจะวางโทรศัพท์
“คุยกับใครอยู่? ทำไมไม่ไปดูแลบุริศร์?”

เมื่อเจตต์ปรากฏตัวต่อหน้านามนอีกครั้ง ร่างกายก็ดีกว่าเมื่อ ครูมาก

นรมนยิ้มพลางทำภาษามือส่งไปให้เขา “คุยกับคมทิพย์ จริงสิ คุณมีธุรกิจอะไรที่ต้องมาจัดการที่นี่หรือ?”

“ดูพูดเข้าสิ ฉันมาเยี่ยมเธอเป็นหลัก ส่วนเรื่องงาน จะทำหรือ ไม่ ก็ค่อยหาคนมาทำก็พอแล้ว”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เจตต์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“หาใคร?”

“นักออกแบบอัญมณีคนหนึ่ง ว่ากันว่าได้มาตั้งรกรากที่นี่ แต่ ไม่พบตำแหน่งที่อยู่ที่แน่นอน แต่ผมไม่รีบร้อน ผมเปิดร้านขาย เครื่องประดับแห่งใหม่ซึ่งเชี่ยวชาญในการขายเครื่องประดับ ตอนนี้หยกเป็นที่นิยมอย่างมากที่นี่ ผมวางแผนที่จะมาดูมัน สามารถซื้อสินค้าจำนวนหนึ่งกลับไปได้ไม่เลวเลย ในช่วงไม่กี่ปีที่ ผ่านมา ทุกคนให้ความสำคัญกับหยกและขี้ผึ้งมาก เป็นที่ ต้องการในตลอด ผมมีอัญมณี ต้องการนักออกแบบมาออกแบบ และขัดเงา นี่ไม่ใช่แค่เพิ่งเริ่มต้น ยังหาคนไม่เจอ คุณบอกตอน แรกคุณว่าคุณเรียนออกแบบรถยนต์อะไรนะ คุณเรียนออกแบบ เครื่องประดับ ตอนนี้ผมจะได้ไม่ต้องไปหาคนแล้ว? แค่ดึงคุณเข้า มาก็ทําได้แล้ว

เจตต์พูดเสียงดัง
บรมนยิ้ม สายตามองไปยังทิศทางของห้องผู้ป่วย ครั้งแรกที่เธอเรียนรู้การออกแบบรถยนต์ แต่ทั้งหมดเป็น เพราะบุริศร์

“ถ้ามีธุระก็ไปทำ ไม่ต้องมาดูแลฉันทั้งวัน ฉันไม่เป็นไรน่า สบายใจได้ ไม่ว่าบุริศร์จะกลายเป็นยังไง ฉันก็จะดูแลเขาอย่างนี้ คุณไม่ต้องมาเสียเวลาเพราะเรื่องของฉัน แล้วก็นะ เจตต์ อายุคุณ ก็ปูนนี้แล้ว ควรสร้างครอบครัวได้แล้ว ถ้าหากมีผู้หญิงที่เหมาะ สมสักคน คุณอย่าพลาดโอกาสไปเลย”

นรมนท์ภาษามือ พูดเกลี้ยกล่อม

สีหน้าของเจตต์ไม่น่าดูเท่าไหร่

“ความรักตลอดชีวิตของฉันอยู่ที่ไหนเหรอ? คุณไม่รู้เหรอ? นรมน คุณต้องโหดร้ายขนาดนี้เลย? ไม่แต่งงานกับผมก็ไม่ เป็นไร ตอนนี้ยังผลักไสผมไปให้ผู้หญิงคนอื่น คุณคิดว่าผมขาดผู้ หญิงนักหรือไง?”

“ฉันรู้ว่าคุณไม่ขาดผู้หญิง แค่ไม่อยากให้คุณต้องมาเสียเวลา อยู่ข้างฉันอีก คุณก็รู้ว่าตลอดชีวิตของฉันนี้ นอกจากบุริศร์ ใคร ก็ไม่อยากได้แล้ว ถึงแม้จะผ่านอะไรมามากมาย ฉันยังคงมีได้แค่ เขา”

คำพูดของนรมนทำให้เจตต์รู้สึกหดหู่เล็กน้อย

“หุบปาก! ผมต้องทำอย่างไร จะรักใครคุณไม่ต้องมายุ่ง คุณก็ แค่รักบุริศร์ของคุณไปก็ดีแล้ว จะมายุ่งเรื่องของผมทำไม? ผมยินดีที่จะรักคุณ ผมยินดีที่จะไม่แต่งงาน ผมยินดีที่จะอยู่คนเดียว แล้วมันยังไง? รักผมไหม? รักผมจริงก็มาแต่งงานผมเสียสิ

“เจตต์หยุดเสียงดัง”

นรมนถอนหายใจ และทำภาษามือ “คิดถึงแม่ของคุณ ฉันคิด ว่าเขาต้องหวังที่จะเห็นคุณแต่งงาน ไม่แน่คุณแต่งงานมีลูก อาการป่วยของแม่คุณก็จะหายดี

เมื่อพูดถึงแม่ของเจตต์ แววตาของเจตต์มีความเศร้า แต่เสียง เขากลับต่ำ “คุณไม่ต้องกังวลกับเรื่องของผม เรื่องที่ผมตัดสินใจ แล้วตลอดชีวิตนี้จะไม่เปลี่ยน คนที่ผมกำหนดไว้ชัดเจนแล้วจะไม่ ปล่อยมือ นรมน ตลอดชีวิตนี้อย่าคิดที่จะหลุดไปจากผมได้

“มันไม่คุ้มเลยที่จะทำอย่างนี้

“ผมเต็มใจ!”

เจตต์พูดจบก็หันหลังเดินจากไป แต่คนตรงหน้าที่เดินเข้ามาก ลับทำให้สีหน้าเขาดูไม่ดูขึ้นมาอีกครั้ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ