แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1112 ดูเหมือนแกจะหยิ่งไปหน่อยนะ



บทที่ 1112 ดูเหมือนแกจะหยิ่งไปหน่อยนะ

“กานต์ นี่ลูกกำลังปลอบโยนหม่ามีอยู่เหรอ? ”

นโมนจําเป็นต้องถามออกมา

“ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ? ”

กานต์รู้สึกว่านรมนถูกคุณบุริศ เอาใจจนสมอง ใช้งานไม่ได้ แล้ว คำถามง่ายๆ แบบนี้ยังต้องถามออกมา?

นรมนูถูกเหยียดหยามอีกครั้ง

วันนี้ไม่มีทางคุยกันรู้เรื่อง

“หม่ามี้จะไปนอน ลูกเล่นไปคนเดียวเถอะ”

นรมนเดินออกมาจากห้องหนังสือด้วยความหดหู่ใจ

กานต์รู้สึกว่าการเป็นตนเองนั้นยากเหลือเกิน

เขายินดีที่จะวางตัวตนอัจฉริยะของตนเองลงเพื่อเล่นRovกับ หม่าม กลับถูกหม่ามทำให้เสียอารมณ์

เฮ้อ ผู้หญิงนี่นะ

การเลี้ยงดูคนถ่อยกับผู้หญิงนั้นยากพอกันอย่างที่คิดเอาไว้

จริง ๆ

เขาส่ายหน้า จากนั้นไปด้านข้างและเริ่มป้อนโปรแกรมของตนเองต่อ
นรมมหดหู่ใจจริงๆ แต่หลังจากกลับไปถึงห้องก็เป็นห่วงบุรีศร

เขาไปเขตทหารนานแล้วทำไมยังไม่กลับมาอีก?

หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

นรมนคิดจะโทรหาบุริศร์ แต่คิดไปคิดมา ก็ไม่โทรดีกว่า บุริศร์ จะได้ไม่คิดว่าตนเองกลัวว่าเขาจะอยู่ในเขตทหาร

เธอไม่อยากรบกวนการตัดสินใจของบุริศร์

ถ้าบุริศร์ต้องการอยู่ในเขตทหารจริงๆ เธอก็จะทำใจให้ชินกับ การเป็นเมียทหาร แต่ถ้าบุริศร์อยากจะกลับมา เธอก็จะดีใจมาก นโมนคิดไปคิดมาแล้วง่วงน้อยเล็กน้อย เธอฟังหัวเตียง ไม่นานก็หลับไป

เมื่อบุริศร์กลับมา มองเห็นกมลกับกิจจากำลังเล่นอยู่ในห้อง รับแขก และเดาว่ากานต์อยู่ในห้องหนังสือ แต่กลับไม่เจอนรมน

“กมล กิจจา หม่ามี้ล่ะ? ”

บริศ ถอดเสื้อโค้ตวางเอาไว้โถงทาง

เขาอุ้มเธอขึ้นมาอย่างอ่อนโยน

เดิน

“โอ้โห เจ้าหญิงน้อยของบ้านเราดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ”

คําพูดของบุริศ ทำให้กมลหน้างอ

“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้จะบอกว่าหนูอ้วนใช่ไหมคะ? ”
“เปล่านะ แด๊ด แค่บอกว่าเจ้าหญิงน้อยของบ้านเราโตแล้ว”

บริศ พูดอย่างเอาตัวรอดสุดๆ กมล มขึ้นมาอย่างมีความสุขทันที

“แด๊ดดี้น่ารักที่สุด”

“แน่นอน หม่าล่ะ? ”

“กลับห้องไปแล้วค่ะ เดาว่าคงจะโกรธพี่ชาย

กมลรีบรายงาน

มุมปากของกิจจายกขึ้นเล็กน้อย เห็นว่ากมลใส่ร้ายกานต์แล้ว

รู้สึกดีจริงๆ

บริศแปลกใจนิดหน่อย

“กานต์ยั่วโมโหหม่ามีเหรอ? เพราะอะไร?

“ใครจะไปรู้ล่ะ”

กมลยักไหล่

บุริศร์รีบวางกมลลง ลุกขึ้นเดินตรงไปที่ห้องนอนชั้นสอง

กิจจากระซิบถาม “กมล ช่วงนี้น้องมีอะไรไม่พอใจกานต์หรือ

เปล่า? ”

กมลไม่ปิดบังสักนิด
กิจจางงงวย

กมลกล่าวเสียงเบา “เขาออกไปเที่ยวไม่ยอมพาฉันไปด้วย แต่ ก่อนเป็นเพราะฉันไม่แข็งแรง แต่ตอนนี้ร่างกายของฉันแข็งแรง แล้ว เขาออกไปเที่ยวก็ยังคงไม่พาฉันไปเหมือนเดิม อย่าคิดว่า ฉันไม่รู้นะ พวกพี่ทั้งสองคนไปต่างประเทศมาใช่ไหม? นี่มันมาก เกินไป! คิดไม่ถึงว่าพวกพี่จะไม่พาฉันไปเที่ยวด้วย

กมลยิ่งพูดยิ่งโมโห

กิจจากลุ้มใจทันที

“พวกเราไม่ได้ไปเที่ยว พวกเราออกไปจัดการธุระ

“ใช่ ๆ พวกพี่ออกไปจัดการธุระ ส่วนฉันออกไปเที่ยว ถึง อย่างไรเสียพวกพี่ก็เป็นอัจฉริยะ ฉันมันก็แค่คนเห็นแก่กิน พวกพี่ พูดอะไรก็มีเหตุผล”

กมลไม่ได้รู้สึกงอน แต่คำที่พูดออกมาทำให้กิจจาไม่สบายใจ

“กมล ครั้งหน้าพี่จะพาเธอไปด้วยตกลงไหม? ”

“ค่อยว่ากัน”

กมลรู้สึกไม่ค่อยสนใจ

กิจจากลับคิดว่าเธอโกรธจึงรีบพูดขึ้น “พี่มีธุระต้องออกไปข้าง นอกจริงๆ เธอทำกับกานต์แบบนี้ แล้วกับพี่ก็จะมีอุบายอะไรหลัง จากนี้ใช่ไหม? ”
“ไม่มี”

ในขณะที่กิจจาคิดว่าเมลจะต้องตอบว่าใช่ แต่เธอตอบว่าไม่มี ทันที กลับทำให้กิจจาแปลกใจ

“เพราะอะไร? ”

“เพราะอะไรคืออะไร?

“เพราะอะไรเธอถึงต้มกานต์ซะเปื่อยแบบนี้ แต่กลับไม่ทํากับ

กิจจารู้สึกไม่ค่อยสบายใจทันที

การปฏิบัติที่แตกต่างทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนถูกคนทิ้ง เอาไว้ข้างนอก

ถึงแม้กมลจะเป็นคนเห็นแก่กิน แต่ความรู้สึกค่อนข้างไว เมื่อ เธอได้ยินกิจจาถามเธอว่าเพราะอะไร เธออยากจะตอบออกไป ทันทีว่าเพราะเขาคือพี่กิจจา เขาผ่านอะไรมาเยอะ เธอจะทำไม่ดี ต่อเขาได้อย่างไร?

แต่เมื่อเธอเห็นแววตาที่เจ็บปวดของเขา จึงกลืนคำพูดกลับลง

ไปทันที

เธอยิ้มตาหยี “เพราะฉันชอบพี่ไงล่ะ”

กิจจาก็ไม่คิดว่าเมลจะตอบแบบนี้ จึงอึ้งไปอย่างอดไม่ได้

“ชอบพี่เหรอ? น้องไม่ได้ชอบกานต์หรอกเหรอ? กมลยังคงยิ้มหวาน “ชอบ แต่พี่ชายอยู่กับฉันน้อยเกินไป พี่กิจจาอ่านนิทานให้ฉันฟัง แถมยังเล่นพับกระดาษเป็นเพื่อนฉัน แต่พี่ชายของฉันกลับคิดว่าการเล่นพับกระดาษเป็นเรื่องของเด็ก น้อยที่ยังไม่ประสีประสาต่อโลก ไม่ว่าอย่างไรฉันก็เทียบเขาไม่ได้ เขาเป็นอัจฉริยะ ส่วนฉัน ชอบเป็นคนธรรมดา โดยเฉพาะอย่าง ซึ่งเป็นคนธรรมดาที่ที่กินของอร่อยได้ทั่วโลก

ความเคลือบแคลงและความทุกข์ทั้งหมดในใจของกิจจา มลายหายไปทันที

เขาสัมผัสได้ว่ากมลชอบและต้องการพึ่งพาเขาอย่างชัดเจน น คือความรู้สึกของครอบครัวที่เรียกว่าเลือดข้นกว่าน้ำ ทำให้เขา ค่อยๆ ลืมว่าตนเองไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ของพวกเขา

“ขอบคุณนะ กมล”

กิจจาชอบกมลมากจริงๆ ถึงแม้เธอจะกินเก่ง แต่เธอสนใจ ความรู้สึกของเขามากกว่าใคร

ความรู้สึกเช่นนี้ปะทะเข้าใส่ กิจจาคิดว่าชีวิตนี้เขาจะต้องเป็น ที่พักพิงให้แก่กมล ทำให้เธอมีความสุขกว่าใคร วันข้างหน้าเขา จะเป็นพี่ชายและที่พักพิงที่เข้มแข็งที่สุดของกมล

กมลไม่รู้ว่าตอนนี้กิจจากำลังคิดอะไรอยู่ เพียงแค่รู้สึกว่ากิจจา อารมณ์ดีมาก จึงรู้สึกสบายใจไม่น้อย

“พี่กิจจา พี่คิดว่าแด๊ดดี้จะลงโทษพี่ชายของฉันไหม?

“ไม่หรอก”

กิจจาหัวเราะ เขาลูบศีรษะของกมลอย่างเอ็นดูและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รอ เรียนจบหมอ พี่จะผลิตยาชนิดหนึ่งออกมา เพื่อ พยายามลดการปฏิเสธของร่างกายเธอ”

ถึงแม้การผ่าตัดปลูกถ่ายของกมลจะประสบความสำเร็จ แต่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะต้องกินยาลดการปฏิเสธของร่างกาย ตลอดทั้งปี นี่เป็นความทรมานอย่างหนึ่งของกมล

เมื่อกิจจาค่อยๆ พบว่าเป้าหมายของการเรียนแพทย์ของ ตนเองอยู่ตรงไหน ดังนั้นจึงขยันอย่างมาก

หลังจากกมลได้ยินก็รู้สึกซาบซึ้งใจ

“ขอบคุณค่ะพี่กิจจา แต่พี่อย่าหักโหมมากเกินไป ทุกวันสาม ทุ่มครึ่งก็ต้องนอนได้แล้ว ฉันได้ยินหม่ามีบอกว่าพี่เอาแต่ท่อง หนังสือ แบบนี้จะไม่ดีต่อสายตา ฉันไม่อยากให้สายตาของพี่ กิจจาเสีย สุขภาพคือสิ่งที่สำคัญมากนะคะ”

กมลพูดอย่างใส่ใจ

กิจจานิ่งไปสักพัก จากนั้นจึงพยักหน้า “ได้ พี่จะพยายามนะ”

“งั้นพวกเราเล่นกันต่อเถอะ

กมลจูงมือกิจจาหันไปเล่นเกมต่อ

บุริศร์เห็นฉากนี้จากข้างบน จึงอดเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อลูกสาว ของตนเองไม่ได้

ยัยเด็กคนนี้เป็นเหมือนคม ในฝักจริงๆ

คนทั่วไปไม่สังเกตเห็นความฉลาดและมีวิสัยทัศน์ของกมลส่วนกมลเองก็ไม่ต้องการให้เห็นความแตกต่างของตนเอง แต่ หลักในการในการปฏิบัติต่อกิจจาและเรื่องอื่นๆ บริศ ค่อยๆ ต้น พบว่าลูกสาวของตนเองแตกต่าง

ยัยเด็กคนนี้ซ่อนเอาไว้ลึกมากพอ

บุริศร์ยิ้มอย่างปลื้มใจ จากนั้นเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง

นอน

นรมนยังคงหลับอยู่ และกำลังหลับฝันหวาน

บริศ ไม่รู้ว่าเธอกำลังฝันถึงอะไร คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น อด รู้สึกสงสารไม่ได้

ผู้หญิงคนนี้กำลังฝันถึงอะไรอยู่นะ?

เขาก้าวเข้าไป กำลังคิดจะกอดนรมน ก็ได้ยินเสียงเบาๆ จาก ประตู จึงหยุดลงโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อหันไปดู ก็พบว่ากานต์ยืนอยู่ ที่ประตู มองเขาอย่างเย็นชา

“มีเรื่องอะไรเหรอ? ”

“ดูเหมือนผมจะทำให้หม่ามไม่พอใจ

กานต์คิ้วขมวด เพียงแต่ยังคงพูดออกมา

“หือ? ”

บุริศร์หันตัวนั่งลงไป และให้กานต์เดินเข้ามานั่งตรงข้าม

“เกิดอะไรขึ้น? ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ดูเหมือนผมจะดูถูกหม่ามี

กานต์เล่าให้บริศ ฟังเรื่องที่นรมนหวังดีจะเล่นเกมเป็นเพื่อน ตนเองและตนเองพูดอย่างไรออกไป

มุมปากของบริศ กระตุก

“กานต์ ดูเหมือนแกจะหยิ่งไปหน่อยนะ”

“ใช่ ผมยอมรับว่าผมหยิ่งไปหน่อย ผมผิดไปแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้ เป็นต้นไปผมจะพยายามทำตัวให้เหมาะสมกับอายุของผม” กานต์มีท่าทางสำนึกผิดมาก แต่กลับทำให้บริศร์แปลกใจ “หลังจากกลับมาคราวก่อนแกได้ไปหาจิตแพทย์หรือยัง? บริศร์ยังคงจําสีหน้าและท่าทางของกานต์หลังจากยิงปืนได้ ร่างกายของกานต์กระตุกทันที จากนั้นจึงตอบเสียงเบา “เปล่า ครับ ไม่อยากไป

“ทำไมถึงไม่อยากไป? กานต์ นี่ไม่ได้หมายความว่าแกมี ปัญหาสุขภาพจิตนะ แต่ทุกคนที่ยิงปืนเป็นครั้งแรกจะมีความ ฝังใจ แกจําเป็นต้องได้รับคำปรึกษาทางสุขภาพจิต

บริศร์คิ้วขมวดแน่น

กานต์พยายามดิ้นรน จากนั้นกล่าวว่า “ไม่อยากไปทำไปมา แล้วครั้งหนึ่ง แต่ทุกครั้งที่รู้สึกถูกสะกดจิต ความรู้สึกที่ต้องเข้าไป อยู่ในนั้นทำให้ผมอึดอัด

เขาไม่ได้ปิดบังบุริศร
บริศ เป็นทหารมานาน และยิ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของตนเอง ไม่ว่า จะพูดอะไรก็ไม่มีทางทำร้ายตนเอง

ได้ยินกานต์พูดแบบนี้ สีหน้าของบริศร์ตึงเครียด

สะกดจิต? ทําไมจิตแพทย์ต้องสะกดจิตแกด้วย? แกไม่ให้ ความร่วมมือเหรอ? ”

คือคําอธิบายเดียว ไม่อย่างนั้นจิตแพทย์คงไม่ต้องใช้วิธีการ สะกดจิต

กานต์เงียบไม่พูดจา แต่ได้ตอบคำถามออกมาทางสีหน้าและ แววตา

หัวใจของบริศ กระตุก

ในกรณีที่กานต์ปฏิเสธจิตแพทย์นั่นหมายความว่าเด็กคนนี้มี ความกดดันทางจิตใจค่อนข้างสูง และข้างในอาจยังมีส่วนที่ ความหวาดกลัวอยู่

แค่คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อกานต์ใน อนาคตค่อนข้างมาก บุริศร์ก็รู้สึกกังวลเป็นพิเศษ

“กานต์ เดี๋ยวฉันจะอาป้องมาเป็นจิตแพทย์ให้แกดีไหม? ”

จิตแพทย์ของเขตทหารเป็นผู้เชี่ยวชาญ กานต์อาจจะไม่ค่อย ชิน ความตั้งใจของบุริศร์คือการหาคนที่ค่อนข้างคุ้นเคยมารักษา อาจจะดีขึ้นสักหน่อย

ถึงแม้กานต์จะยังคงไม่ยอมรับเหมือนเดิม แต่คิดถึงป้อง เขานิ่งไปสักพัก จากนั้นถามว่า “ให้ปรามาอยู่เป็นเพื่อนผมได้

ไหม?

“ฉันจะลองถามให้ดูนะ”

บุริศร์ไม่ให้คำตอบที่แน่นอนกับเขา แต่ก็รู้ว่ากานต์ยอมรับข้อ เสนอของตนเอง

เขาก็ไม่กล้าล่าช้า รีบโทรหาป้องทันที

เมื่อป้องได้ฟังเรื่องนี้ ก็ไม่กล้าบ่ายเบี่ยง และยังถามความคิด เห็นของปวีรา ถึงจะตอบกลับไป และนัดวันพรุ่งนี้มาให้คำ ปรึกษา

กานต์เห็นว่านัดเวลาเรียบร้อย จึงพูดกับบริศร์อีกไม่กี่คำและ ออกไปจากห้อง

ทันทีที่กานต์ออกไปจากห้อง นรมนลืมตาขึ้นทันที

“กานต์ลูกคนนี้จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ”

เสียงของนรมนไม่ดัง แต่บุริศร์กลับได้ยินชัดเจน

เขาค่อยๆ หันหน้ามา มองเห็นแววตาสดใสของนรมน จึงรู้ว่า เธอตื่นนานแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ