แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 161 ขอบคุณเธอที่ยอมปล่อยรเมศไป



บทที่ 161 ขอบคุณเธอที่ยอมปล่อยรเมศไป

“รู้เบอร์โทรศัพท์ของตระกูลวัชโรทัยไหม?” นรมนคิดว่าตัวเองควรพูดกับคุณนายวัชโรทัยให้ดีๆ เลขาลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็จำต้องให้เบอร์โทรศัพท์กับ นรมนไป

นรมนรู้ว่าถ้าไม่ใช่เจตนารมของคุณนายวัชโรทัย เลขา ก็คงไม่กล้าหลุดปากบอกหมายเลขโทรศัพท์ของตระกูล วัชโรทัยมาแน่ๆ ส่วนที่เธอลังเล ก็เพราะคิดว่ารเมศห้ามไม่ ให้เธอพูดก็เท่านั้น

รเมศไม่เคยคิดอยากให้คำวิจารณ์และอุปสรรคจาก ตระกูลวัชโรทัยมากดทับนรมน

ชาตินี้ทั้งชาติเธอคงไม่สามารถรักรเมศได้ เพราะเขาแสนดี อบอุ่น และมีน้ำใจมากเกินไป จนหาข้อ เสียไม่เจอ ทำให้เธอเคารพและไม่กล้าดูหมิ่น

ผู้ชายแบบนี้คู่ควรกับผู้หญิงที่รักเขาอย่างสุดหัวใจ ไม่ คู่ควรกับผู้หญิงมีลูกติดและในใจยังรักคนอื่นอยู่อย่างเธอ

นรมนมองเบอร์โทรศัพท์ในมือ จากนั้นก็สูดลมหายใจ เข้าลึกๆ แล้วกดโทรออก

สายโทรศัพท์ถูกรับโดยคนรับใช้

เมื่อนรมนบอกชื่อของตัวเองออกไป อีกฝ่ายก็ทำ โอนสาย รอไม่นาน เสียงเคร่งขรึมก็ดังขึ้นมา

การ
“คุณนรมน ฉันเองคุณนายวัชโรทัย”

คุณนายวัชโรทัยให้ความรู้สึกเข้มงวด เย็นชาเหมือนกับ คนของเธอ แต่กลับเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามที่ไม่ควร ท้าทาย

นรมนสูดลมหายใจเข้าแล้วพูดว่า “คุณย่าวัชโรทัย ฉัน โทรมาเพราะเรื่องของรเมศค่ะ”

“เธอน่าจะรู้ถึงความรู้สึกที่รเมศมีต่อเธอ เธอรั้งเขาไว้ห้า ปี หลานชายของฉันไม่ใช่เด็กๆแล้ว ปีนี้เขา29 ไม่นานก็ จะสามสิบ แม้ว่าลูกหลานของตระกูลวัชโรทัยจะมีอยู่ มากมาย แต่คนที่อนาคตไกลก็มีแค่รเมศ คุณนรมน เธอ เข้าใจที่ฉันจะบอกใช่ไหม?”

แต่ไหนแต่ไรนรมนไม่เคยรู้สึกอับอายเลย เธอคิดมา ตลอดว่าตัวเองอาศัยความสามารถของตัวเองเลี้ยงชีพ ถึง รเมศจะเต็มใจช่วยดูแล แต่ตัวเธอเองก็ทุ่มเทเต็มที่เพื่อให้ คู่ควรกับหน้าที่และเงินเดือนที่รเมศให้มา แต่ในวินาทีนี้ การเค้นถามของคุณย่าวัชโรทัยกลับทำให้นรมนรู้สึกขาย หน้าขึ้นมาทันที

“ขอโทษค่ะ คุณย่าวัชโรทัย”

“ฉันไม่ได้อยากฟังคำขอโทษจากเธอ ห้าปีก่อน รเมศรั้น จะพาเธอกลับมาให้ได้ ตอนนั้นทั้งตัวเธอมีแต่แผล แถม ในท้องยังมีลูกของคนอื่นอยู่ด้วย ตระกูลวัชโรทัยไม่เห็น ด้วยกับการที่เธอจะคบหากับรเมศ ถึงยังไง ตระกูลวัช โรทัยก็มีชาติสกุล ว่าที่ภรรยาของรเมศต้องเป็นลูกสาว ของตระกูลดัง ไม่ว่ามองยังไงผู้หญิงอย่างเธอก็ไม่คู่ควร”
นรมนอับอายจนเงยหน้าไม่ขึ้น

ช่วงที่ตกอับที่สุดเมื่อห้าปีก่อน รเมศให้ที่หลบภัยแก่เธอ และลูก แต่นั่นกลับทำให้ตระกูลวัชโรทัยไม่พอใจ จึงเป็น เหตุผลที่ทำให้รเมศอาศัยอยู่ในตระกูลวัชโรทัยอย่างไม่มี ความสุข แต่เขากลับไม่เคยพูดต่อหน้าเธอเลย ยังคงดีต่อ เธอเหมือนเมื่อห้าปีก่อนเสมอมา

น้ำใจที่มีมากมายขนาดนี้ นรมนคงชดใช้คืนไม่ไหว เธอ คิดอยู่ตลอดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะชดใช้ให้สมกับที่รเมศ ดีต่อเธอ แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคิดไม่ออก

นรมนไม่ได้ปริปากพูดอะไร คุณย่าวัชโรทัยจึงพูดต่อว่า “รเมศเป็นคนหัวรั้น ห้าปีมานี้เขาทำอะไรเพื่อเธอไปบ้าง เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกของเธอ ถึงขนาดที่ปฏิเสธคู่ดูตัว ทุกคน ห้าปีมานี้ฉันเองก็ได้เห็นความพยายามของเธอ และฉันก็ดูออกว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเกาะคนอื่นกิน แม้ว่าฉัน จะไม่ชอบใจที่เธอมีลูกติดตั้งสองคน แต่ว่ารเมศก็อายุไม่ ใช่น้อยๆ ฉันเองก็แก่แล้ว ฉันเลยจะถามเธอว่า ถ้าหากร เมศขอเธอแต่งงาน เธอจะยินยอมไหม?”

คำพูดของคุณย่าวัชโรทัยทำให้นรมนนิ่งอึ้ง

นี่มันอะไรกัน?

ไม่ใช่ว่าตระกูลวัชโรทัยกำลังกดดันรเมศอยู่เหรอ? แล้วทำไมถึงได้ถามแบบนี้ออกมา?

“คุณย่าวัชโรทัย ฉัน..”

“ไม่ต้องรีบตอบ ฉันรู้ว่าเธอกลับมาเพราะอะไร เธอกลับ1 มาเพราะลูกของเธอ และฉันก็รู้ว่าเธอสามารถทำได้ทุก อย่างเพื่อลูก แต่ว่านะนรมน ตอนนี้ฉันยอมรับเธอได้ แต่ก็ ไม่ได้แปลว่าฉันจะรับได้ที่เธอยังยุ่งกับผู้ชายคนอื่น ฉันไม่ สนว่าเมื่อก่อนเธอเคยอะไรยังไงกับใคร แต่ถ้าหากเธอดี กับหลานชายของฉัน และอยากจะคบหากับหลานชาย ของฉันจริงๆ เธอก็ควรกลับไปคิดให้ดีๆ ตระกูลของเรา สามารถให้เธอได้ทุกอย่าง แม้แต่ไขกระดูกที่ลูกสาวของ เธอต้องการ ต่อให้ต้องทุ่มทุนทั้งตระกูลพวกเราก็จะช่วย หาไขกระดูกที่เข้ากับลูกสาวของเธอมาให้ แต่มีข้อแม้ว่า เธอต้องให้คำตอบที่ชัดเจนกับฉัน เธอต้องบอกฉันมา ว่าที่เธอกลับไปครั้งนี้ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับผู้ชายคนนั้น ใช่ไหม?”

คำถามไม่มีปีไม่มีขลุ่ยของคุณย่าวัชโรทัยทำให้เธอตั้ง ตัวไม่ทัน แต่นรมนรู้ดีว่า คุณย่าวัชโรทัยอ่อนข้อให้เธอ สุดๆแล้ว

เป็นเวลาห้าปี ในที่สุดตระกูลวัชโรทัยก็ยอมรับตัวตน ของเธอ ถึงขนาดที่ยอมให้เธอเป็นนายหญิงของตระกูล แต่สำหรับนรมนแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลย สักนิด

นรมนรู้ว่าห้าปีมานี้รเมศพยายามมากแค่ไหน และเธอก็รู้ ถึงขนาดที่ว่ารเมศอยากให้เธอตอบตกลงเขาจนแทบจะ อดทนรอไม่ไหว แต่นรมนไม่สามารถหลอกหัวใจของตัว เองได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่สามารถหลอกรเมศได้

เธอสูดลมหายใจแล้วเอ่ยว่า “คุณย่าวัชโรทัย ขอโทษนะคะ ฉันรู้ว่าที่รเมศทำดีกับฉัน ชาตินี้ทั้งชาติฉันคงชุดใช้ไม่ หมด แต่ว่าฉันมองเขาเป็นแค่พี่ชายคนสนิท รเมศเป็นคน ที่ดีพร้อมทุกอย่าง ถ้าคนอย่างฉันไปยืนข้างๆ ฉันก็คง เปรียบเสมือนจุดด่างพร้อย ที่คอยทำลายความสมบูรณ์ แบบของเขา เขาคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้”

ตอนที่พูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมา นรมนรู้ดี ว่าตัวเองกับร เมศคงเดินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

เธอทำใจไม่ได้ มันทำใจยากมากๆ

ห้าปีมานี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่รเมศทำเพื่อเธอและลูก มัน มากมายกว่าใครๆ มากกว่าบุริศร์ที่เป็นพ่อแท้ๆด้วยซ้ำ!

แต่ทว่าเธอรักเขาไม่ได้จริงๆ

เมื่อคุณย่าวัชโรทัยได้ยินที่นรมนพูด ก็พูดนิ่งๆว่า “คุณ นรมน เธอเป็นคนปล่อยโอกาสนี้ไปเองนะ แต่ยังไงฉันก็ ต้องขอบคุณเธอ ที่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับฉัน และก็ต้อง ขอบคุณเธอที่ยอมปล่อยรเมศไป ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอก็ ยังเป็นดีไซเนอร์ของบริษัท และสามารถร่วมทำโปรเจ็ค ต่อไปได้ ส่วนเรื่องที่ลูกสาวของเธอต้องนอนโรงพยาบาล ฉันก็ยังจะช่วยเหลือเหมือนเดิม แต่ฉันแค่หวังว่าตั้งแต่นี้ เธอจะไม่ติดต่อกับรเมศอีก ในเมื่อเธออยากให้อิสระกับ เขา ได้โปรดปล่อยมือจากเขาให้ถึงที่สุด ถ้าทำได้ยายแก่ อย่างฉันจะขอบคุณเธอมาก!”

จู่ๆนรมนก็อยากปล่อยโฮ

“คุณย่าวัชโรทัย ขอโทษนะคะ ฉันขอโทษจริงๆ”
“เดินไปตามทางที่ตัวเองเลือกดีๆ ในเมื่อเลือกแล้ว ก็ อย่าเสียใจที่หลัง ถึงฉันจะไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น แต่ฉัน ได้ยินมาว่า เขาเองก็นับได้ว่าเป็นผู้มีอำนาจ คุณนรมน ฉันไม่อยากให้ตระกูลของฉันกับตระกูลโตเล็กแห่งเมือง ชลธีบาดหมางกันเพียงเพราะมีสาเหตุมาจากเธอหรอกนะ เข้าที่ฉันพูดใช่ไหม?”

แน่นอนว่านรมนเข้าใจ

ความหมายของคุณย่าวัชโรทัยเข้าใจง่ายซะขนาดนั้น

เธอมันตัวต้นเหตุของปัญหา

เป็นไปได้ว่ารเมศอาจจะเล่นงานตระกูลโตเล็กเพราะเธอ ปฏิเสธเขา ถึงตอนนั้นบุริศร์จะเลือกทำยังไงล่ะ? เขาก็จะไม่เล่นงานตระกูลวัชโรทัยเหมือนกันเหรอ?

แต่ไหนแต่ไรบุริศร์ก็ไม่ใช่คนใจดี ยิ่งตอนนี้เขาเป็นผู้นำ ตระกูลโตเล็ก คิดว่าเขาจะยอมถอยให้เพียงเพราะเห็นแก่ เธอเหรอ?

ในใจของนรมนสับสน และขัดแย้งกันไปหมด “คุณย่าวัชโรทัย ช่วยห้ามรเมศได้ไหมคะ อย่าให้เขาหา

เรื่องตระกูลโตเล็ก”

“เธอคิดว่ารเมศจะฟังฉันหรือไง? ถ้าเขาฟังฉัน ตอนนี้ก็ คงไม่วุ่นวายถึงขนาดนี้หรอก คุณนรมน เธอลองขอด้วย ตัวเองสิ”

คุณย่าวัชโรทัยพูดจบก็ตัดสายไป
นรมนเจ็บปวดเป็นที่สุด

คนหนึ่งคือคนที่เธอรัก อีกคนคือคนที่เธอสนิทใจที่สุด ตลอดหลายปีมานี้ ถ้าพวกเขาบาดหมางกันเพราะมีเธอ เป็นสาเหตุแล้วจะทำยังไงดี?

นรมนทรุดตัวนั่งบนเตียง

จากนั้นก็โทรหาบุริศร์ ทว่าก็ยังโทรไม่ติดเหมือนเคย

เธออยากบอกทุกอย่างกับบุริศร์!

รวมไปถึงเรื่องของกมล และจุดประสงค์ที่กลับมาในครั้ง

นี้!

นรมนวิ่งลงมาชั้นล่างด้วยความรวดเร็ว ทว่ากลับเห็น พฤกษ์เดินอย่างเร่งรีบเข้ามาเสียก่อน

“คุณผู้หญิง แย่แล้วครับ ไข้ของนายน้อยกิจจาไม่ลดลง เลยครับ ตอนนี้ตัวเริ่มซีดแล้วด้วย”

“ว่าไงนะ?”

จิตใจของนรมนแทบแตกสลาย

เป็นไปได้ยังไง?

ไม่ใช่ว่ากิจจาอยู่ในความดูแลของคุณหมอแล้วเหรอ? ไม่ใช่ว่ามีคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาคอยช่วยเหลือ อยู่หรือไง?

ใครก็ไม่สามารถเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยได้ถ้าไม่ได้มีคำ สั่งจากคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่ใช่เหรอ?
แล้วทำไมตอนนี้กิจจาถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะ?

“รีบเตรียมรถไปที่โรงพยาบาล!”

นรมนจำต้องพับเก็บเรื่องของกมลไว้ก่อน แล้วรีบไปช่วย

ชีวิตกิจจาโดยด่วน

ไม่นานรถก็มาถึงเขตโรงพยาบาล ธรณีมาถึงที่นี่ก่อน

แล้ว

“คุณชายธรณี เกิดอะไรขึ้น?”

นรมนไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิหรือซักถาม มีแต่ความเครียด

ล้วนๆ

เมื่อกานต์เห็นนรมนมาถึง ก็รีบวิ่งเข้ามาหา แล้วจับมือ ของนรมนเอาไว้แน่น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกังวล

“หม่าม กิจจาจะเป็นเหมือนกมลหรือเปล่าครับ?”

“ไม่มีทาง! กานต์อย่าคิดอะไรเพ้อเจ้อสิ”

นรมนรู้ว่ากานต์มีความหลังกับโรงพยาบาลและห้อง ผ่าตัด แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่เพื่อกิจจา มันมากพอที่ ทำให้มองออกว่ากิจจาสำคัญกับเขาพอสมควร

กานต์นิ่งอยู่ในอ้อมกอดของนรมน ทันใดนั้นก็ถามขึ้นมา ว่า “คุณบุริศร์ล่ะ? กิจจาเป็นถึงขนาดนี้ ทำไมคุณบุริศร์ไม่ มาล่ะ?”

นรมนไม่รู้ว่าควรตอบคำถามนี้ยังไงดี

เรื่องระหว่างเธอกับบุริศร์เธอไม่สามารถพูดมันกับกานต์ ได้ แต่ตอนนี้เธอเองก็หวังว่าบุริศร์จะสามารถอยู่เคียงข้างเธอได้จริงๆ

ถึงเธอจะใจเย็นขนาดไหน แต่ยังไงเธอก็แค่ผู้หญิงคน หนึ่ง ที่หวาดกลัวและต้องการพึ่งพาใครสักคน

เมื่อนรมนไม่ได้พูดอะไร กานต์ก็เริ่มคิดไปต่างๆนานา

“คุณบุริศร์รังแกหม่ามีใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นปกติเขาคง เกาะติดหม่ามหนีบแล้ว แล้วทำไมเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้กับ กิจจา เขายังไม่โผล่มาอีกล่ะ?”

กานต์ฉลาดและความรู้สึกไว

พอเจอลูกชายโหมดนี้ นรมนก็ไม่รู้จริงๆว่าควรอธิบายยัง

ในตอนนี้เอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมาตามทางเดิน จากนั้น

ไง

เสียงของบุริศร์ก็ลอยตามมาด้วย

“กิจจาเป็นยังไงบ้าง?”

เมื่อพฤกษ์เห็นบุริศร์มา ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก

เมื่อได้ยินเสียงของเขานรมนก็หันไปมอง วินาทีที่เห็นบุรี ศร์ จู่ๆเธอก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา

หนวดเคราของบุริศร์เริ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ค่อย ได้ดูแลตัวเองเท่าไหร่ ความรู้สึกเจ็บจี๊ดแล่นเข้ามาในหัวใจ นรมนหันหน้าหนี

อย่างอดไม่ไหว น้ำตาแทบจะไหลออกมา บุริศร์มองมาที่นรมนเป็นอันดับแรก เมื่อเห็นท่าทาง น้อยใจของเธอ จู่ๆตัวเขาเองก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาเหมือนกัน
เธอหลอกใช้เขา โกหกเขา ตอนนี้ทำไมกลับทำเหมือน เขารังแกเธออย่างนั้นล่ะ

พฤกษ์บอกเรื่องอาการป่วยกะทันหันของกิจจาให้บุริศร์

ฟัง

จากนั้นบุริศร์ถึงได้พบว่านรมนมาที่นี่ทั้งๆที่ยังไม่ใส่ รองเท้า

ตอนนี้หลังเท้าขาวๆของเธอเย็นจนกลายเป็นสีแดงเถือก รวมถึงปลายจมูกที่เริ่มแดง กับดวงตาที่เริ่มร้อน ถึงแม้ใน

ใจบุริศร์อยากจะโกรธสักแค่ไหน ก็ทำใจโกรธไม่ลง

เขาเดินมานั่งยองๆลงตรงหน้าของนรมน แล้วยกเท้า ของเธอขึ้นมาเบาๆ หันไปพูดกับพฤกษ์ที่อยู่ด้านข้างว่า “ไปซื้อรองเท้าผ้าฝ้ายมาคู่หนึ่ง”

“ไม่ต้องมายุ่ง!”

ตอนบุริศร์ยังไม่พูดยังดีๆอยู่หรอก แต่พอเขาพูดออกมา เท่านั้นแหละความน้อยใจทั้งหมดของนรมนจึงทะลักออก มา เธอชักเท้าตัวเองกลับ แต่เพราะออกแรงมากเกินไป จึงทำให้บุริศร์หงายหลังลงกับพื้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ