แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 89 เธอยังมีโอกาส



บทที่ 89 เธอยังมีโอกาส

บทที่ 89 เธอยังมีโอกาส

“เรื่องนี้ให้ฉันตัดสินใจเอง เธอกำลังน้อย อย่าไปแข็งข้อกับ บุริศร์ เรื่องนี้ฉันกลัวว่าจะทำให้เธอเดือดร้อน รอกลับไปที่ เมืองชลธี คมทิพย์เธอไปหางานอย่างอื่นทำเถอะ ฉันกลัวเขา จะลงมือกับเธอ”

นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่นรมนเป็นห่วง

คมทิพย์กลับยิ้มแย้มพูดว่า” ฉันไม่กลัวเขาหรอก อย่างมาก ก็แค่เอาชีวิตฉันไป ในเมืองชลธีไม่ใช่ว่าเขาพูดอะไรก็ถูกต้อง ไปหมด”

พอเห็นคมทิพย์ไม่สนใจเลยสักนิด นรมนก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี แต่ว่าคมทิพย์กลับไม่ให้เธอพูดต่อแล้ว

ปลดล็อกสำเร็จ ใช้า 15เหรียญทอง “เอาหล่ะ เราสองคนเป็นอะไรก นตอนที่ฉันเรียน

มหาลัยหากไม่ได้เธอสนับสนุนฉัน ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองจะไปลำบากลำบนอยู่ที่ไหน ไม่มีเธอก็ไม่มีคมทิพย์ใน วันนี้ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไร แค่เธอ อยู่อย่างสบายดี ฉันก็พอใจแล้ว”

นรมนซาบซึ้งขึ้นมาทันที

ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงาน อยู่บ้านตระกูลธนศักดิ์ธนเธอก็ ถือว่าเป็นลูกผู้ดีมีสกุล ตอนนั้นเธอเห็นว่าคมทิพย์ลำบากจึง ช่วยเธอ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชาตินี้จะได้เพื่อนที่ดีที่สุด

หากไม่ได้เป็นเพราะเธอไปหลงรักบุริศร์ หากไม่ใช่เรื่อง

อับอายเมื่อแปดปีก่อน ทำให้บ้านตระกูลธนศักดิ์ธนต้องอับอายขายหน้าจนหมดสิ้น เธอก็จะไม่ถูกบ้านตระกูลธนศักดิ์ ธนไล่ออกมาจากบ้าน หลังแต่งงานมาที่บ้านตระกูลโตเล็กก็ จะไม่เหงาและไร้ที่พึ่งขนาดนี้

ตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้ว

ที่บ้านตระกูลธนศักดิ์ธนไม่มีที่ซุกหัวนอนให้กับเธออีกต่อ

ไปแล้ว

ไฟไหม้ห้าปีก่อนทำให้เธอกับบ้านตระกูลธนศักดิ์ธน ขาดกันติดต่อไปอย่างหมดสิ้น ตอนนี้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา นร มนก็ปวดใจแสนสาหัส

เมื่อก่อนทำเพื่อความรักเธอจึงยอมทอดทิ้งทุกอย่าง ตอนนี้ ไม่เหลืออะไรสักอย่าง ยังทำให้เด็กต้องเสียสุขภาพอีกด้วย เธอเสียใจจะแย่อยู่แล้ว

คมทิพย์จับมือของเธอไว้แน่นๆ พูดเสียงต่ำว่า” อย่าเสียใจ เลย ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดถึงบ้านตระกูลธนศักดิ์ธน ความจริง พ่อแม่เธอก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำอะไร ไฟไหม้ห้าปีก่อนทั้งเมือง ชลธีตกตะลึงมาก แต่ว่าสิ่งที่เป็นข่าวใหญ่ก็ยังเป็นเรื่องที่เธอ หนีตามไปกับผู้ชาย และข่าวที่เธอถูกเผาตายที่กองไฟ ถึง แม้พ่อเธอได้ประกาศทางหนังสือพิมพ์ว่าตัดความสัมพันธ์พ่อ ลูกกับเธอไปแล้ว แต่ว่าหลายปีมานี้พวกเขาไปที่สุสานบ่อย มาก ฉันได้ยินมาว่าพ่อแม่ของเธอซื้อที่ดินสำหรับฝังศพ เพื่อ สร้างสุสานให้กับเธอ ทุกปีจะไปไหว้ หลายปีมานี้พวกเขาก็ แก่มากแล้ว หากมีโอกาสเธอก็ไปเยี่ยมพวกเขาบ้างเถอะ”

น้ำตาของนรมนกลั้นไม่อยู่แล้วจริงๆ อยู่ต่างประเทศห้าปีที่ผ่านมานี้ เป็นห้าปีที่เธอไร้ที่พึ่งที่สุดความจริงคนที่เธอคิดถึงที่สุดก็คือแม่ของเธอนี่แหละ

เธอเคยเป็นคุณหนูใหญ่ที่บ้านตระกูลธนศักดิ์ธน ตั้งแต่เด็ก ก็ถูกพ่อแม่ตามใจมาตลอด แต่ว่างานเลี้ยงครั้งนั้นข่าวของ เธอกับบุริศร์ที่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันก็ได้ถูกเผยแพร่ ออกมาจึงทำให้เธอหมดโอกาสใกล้ชิดกับพวกเขา

บ้านตระกูลธนศักดิ์ธนเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง เป็นตระกูลที่ มีความรู้ จะให้ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นนี้ได้อย่างไร เธอ เข้าใจพ่อแม่ดี แต่ก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้

หากเธอรู้แต่แรกว่าความรักที่เธอยึดมั่นนั้นมันจะเป็นผล เช่นนี้ ยังไงซะเธอก็จะไม่ดื้อรั้นที่จะแต่งงานเข้าไปที่บ้าน ตระกูลโตเล็กเด็ดขาด

ตอนนี้ความเสียใจทั้งหมดก็ทดแทนความรู้สึกที่ถูกทำร้าย ของพ่อแม่เธอไม่ได้

นรมนกอดคมทิพย์ร้องไห้จนใจจะขาด

“คมทิพย์ ฉันคิดถึงพวกเขา คิดถึงพวกเขาจริงๆ แต่ว่าเธอดู ฉันในสภาพตอนนี้สิ ต่อให้ฉันยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา พวก เขาก็จำฉันไม่ได้ ฉันเป็นลูกอกตัญญู พ่อแม่ฉันมีฉันเป็นลูก คนเดียวเท่านั้น แต่ฉันกลับทำให้พวกเขาต้องมารับความเจ็บ ปวดที่ว่าคนผมหงอกต้องมาเผาศพให้กับคนผมดำ คนอย่าง %3D ฉันไม่คู่ควรเป็นลูกใครทั้งนั้น”

“อย่าพูดเช่นนี้ นรมน เธอยังมีโอกาส ตอนนี้เธอก็ได้กลับ มาแล้วไม่ใช่หรือ? ถึงแม้จะใช้ฐานะของนรมนมาดูแลพวกเขา ไม่ได้ เธอก็ใช้ฐานะของแคทเธอรี และฐานะที่เป็นเพื่อนของ นรมนมาดูแลพวกเขาได้ไม่ใช่หรือ? ”
คมทิพย์ปลอบใจนรมน

นรมนได้แต่พยักหน้า แต่กลับพูดอะไรไม่ออกอีกเลย

ตอนที่กานต์พานรมนมา ก็ถูกแชมป์เรียกตัวไปแล้ว ได้ยิน ว่ายังมีโครงการฝึกซ้อมที่ยังทำไม่เสร็จ จึงทำให้เขาไม่ได้ เห็นสีหน้าที่ร้องไห้อย่างทรมานของนรมน มิเช่นนั้นเด็กซน คนนี้ไม่รู้จะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก

นรมนกอดคมทิพย์ร้องไห้ได้สักพัก ถึงเงียบสงบลงไป คมทิพย์ตบหลังมือเธอเบาๆพูดว่า” ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

“อืมอืม ฉันไปถ่ายรูปของกานต์ส่งให้กับกมล หลายวันมา นี้เธอคงเป็นห่วงแย่เลย อยู่บ้านตระกูลโตเล็ก ฉันไม่กล้าวีดี โอคอลกับกมล ฉันกลัวบุริศร์จะรู้ตัวตนของกมล ร่างกายของ กมลทนรับกับความเคลื่อนไหวไดๆของบุริศร์ไม่ไหวจริงๆ”

ได้ยินนรมนลำบากถึงเช่นนี้ คมทิพย์ก็ยิ่งเกลียดบุริศร์ 2 เข้าไปใหญ่

ทั้งสองคนไปที่ค่าย

กานต์กำลังฝึกซ้อม

เดิมทีนรมนคิดว่าหลังกิจจาถูกกานต์ซ้อมจะขอลาพักผ่อน คิดไม่ถึงเขาก็อยู่ ที่สำคัญฝึกซ้อมอยู่ข้างหลังกานต์อย่าง เคร่งครัด

สำหรับกิจจา นรมนไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรดี

คมทิพย์มองไปทางสายตาที่นรมนกำลังมองอยู่ พูดเสียง ต่ำว่า”กิจจาแตกต่างจากบุริศร์ เด็กคนนี้ตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาใน อนุบาลก็สังเกตเห็นแล้ว จิตใจดีมาก แต่เขาอาจเก็บตัวบ้างไม่ใช่ใครก็เป็นเพื่อนเขาได้ ที่สำคัญฉันเคยเห็นแล้ว เด็กคน นี้ฉลาดมาก แต่ว่าไม่มีพรสวรรค์ของบุริศร์ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ แม่เขารึเปล่าที่ทำให้อีคิวเขาต่ำ แต่ว่าเขาขยันมาก จุดเด่นนี้ ครูทุกคนเห็นอยู่ต่ำตา เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นทายาทของ บ้านตระกูลโตเล็กก็ทำตัวเอาแต่ใจ หลังกานต์มา ความ สัมพันธ์พวกเขาก็ดีมาก ถึงแม้กานต์ตีตัวออกห่าง เขาก็ไม่ แคร์ ยังอุตส่าห์ไปเข้าใกล้ ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับสายเลือดเดียว กันหรือไม่?”

นรมนก็ไม่อาจอธิบาย แต่สำหรับเด็กคนนี้เธอเกลียดไม่ลง

จริงๆ

” เรื่องนี้ให้กานต์กับกิจจาเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ยังไง ซะกานต์ก็แก่แดดมาก มีเพื่อนเล่นด้วยกันก็ดี ถึงแม้จะไม่รู้ว่า จะอยู่ด้วยกันได้นานเท่าไหร่”

นรมนไม่มีเรี่ยวแรง

จิตใจทั้งสองหดหู่มาก

นรมนรีบถ่ายหน้าตาท่าทางที่กล้าหาญของกานต์ จากนั้น ก็ส่งไปให้กับกมล

เวลานี้ ไม่รู้ว่ากมลตื่นหรือยัง

เร็วมาก กมลก็ตอบกลับมา

” แม่ พี่หล่อจัง เมื่อไหร่ฉันจะได้หล่อเหมือนพี่?”

กมลอิจฉามาก ส่วนในใจนรมนเหมือนถูกมีดกรีด

“ใกล้แล้ว ลูกแม่ต้องมีสักวันแน่นอน”
นรมรปลอบใจกมล สีหน้ามีความเสียใจ

กมลทำปาก จู่ สีหน้าผิดหวังมาก แต่กลับยิ้มแย้มและตอบ กลับไปให้กับนรมน . “อืม ฉันเชื่อว่าต้องมีสักสันแน่ๆ ถึงตอนนั้นฉันก็จะให้แม่ ถ่ายรูปให้ฉัน ฉันจะวิ่งไปวิ่งมาที่ใต้แสงแดดเหมือนพี่ แม่

หลายวันมานี้แม่ไม่ติดต่อกับฉันเลย ฉันคิดถึงแม่มาก แม่กับ

พี่จะกลับมาเมื่อไหร่?”

ความจริงกมลเหงามาก

เธอก็เป็นเหมือนนกยุงที่ถูกเลี้ยงไว้ในกรง

เธอรู้ดีเป็นเพราะร่างกายเธอ พ่อบุญธรรมและแม่ต่างหวังดี กับเธอ แต่ว่าเธอก็ยังอิจฉาเพื่อนรุ่นเดียวกันที่สามารถวิ่งไป วิ่งมาใต้แสงแดดอย่างสนุกสนาน

เสียดายเธอทำไม่ได้

เธอวิ่งไม่กี่ก้าวก็หอบเหนื่อยแล้ว จากนั้นก็ต้องสวมเครื่อง ช่วยหายใจ จากนั้นก็จะทำให้พี่ พ่อบุญธรรมและแม่ต้องเป็น

ห่วง

กมลไม่อยากให้พี่กับแม่เป็นห่วง แต่ว่าร่างกายของเธอไม่

เอื้ออำนวย

เธอมองนอกหน้าต่างอย่างอ้างว้าง ไม่ได้บอกกับนรมนว่า เมื่อวานเธอเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดบนเตียงผ่าตัด

บาดแผลที่ร่างกายนับไม่ถ้วนแล้ว

เหมือนว่าตั้งแต่มีความทรงจำ โรงบาลก็คือบ้านของเธอ เธอเคยวิ่งหนีออกไปอย่างเอาแต่ใจ สุดท้ายแม่ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน พี่ก็โทษตัวเอง สามวันไม่พูดไม่จา ทุกคนต่างเฝ้าเธอ

อยู่ข้างเตียง ไม่กล้าแม้กระพริบตา เพราะกลัวว่าเธอจะจาก

โลกนี้ไปอย่างกระทันหัน กมลรู้ดี ตัวเองต้องแบกรับร่างกายที่อ่อนแอของตัวเองใน ตอนนี้ ก็เพื่อพี่และแม่ตัวเอง เพื่อไม่ให้พวกเขาเสียใจ

แต่ว่าเธอเจ็บมาก

เจ็บจนนอนไม่หลับ เจ็บจนอยากหาอ้อมกอดของแม่ เจ็บ จนอยากตายไปให้พ้นๆ

แต่เธอทำแบบนี้ไม่ได้

พ่อบุญธรรมบอกกับเธอ แม่ต้องเสียแรงเสียเลือดถึงคลอด เธอออกมาได้ และเกือบจะเสียชีวิตตัวเองถึงให้เธอมีชีวิตอยู่ ในโลกใบนี้ ชีวิตเธอเป็นของแม่ เธอจะเอาแต่ใจไม่ได้

เพราฉะนั้นเธอจึงต้องทนไว้

ทนจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ทนจนไม่สามารถอยู่กับแม่ และพี่ได้

นัยน์ตากมลเต็มไปด้วยน้ำตา

ร่างกายเธอเจ็บอีกแล้ว แต่ว่าเธอร้องไห้ไม่ได้ เธอต้อง อดทน มิเช่นนั้นแม่จะเป็นห่วง

สีหน้าที่ขาวซีดน่ากลัวมาก มือเล็กๆจับผ้าปูที่นอนอย่าง แน่นๆ ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เธอกลับยิ้มแย้มและยิ้มแย้ม อย่างสดใส ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข

นรมนเห็นรอยยิ้มของลูกสาวในวีดีโอ รู้สึกว่าตัวเองต้อง ผ่านเรื่องราวอะไรมา ทุกอย่างก็คุ้มแล้ว
“กมล แม่ก็คิดถึงเธอ ช่วงนี้แม่มีธุระนิดหน่อยจึงไม่ได้ติดต่อ เธอ และไม่สามารถวีดีโอกับเธอ แม่ขอโทษ”

“ไม่เป็นไร แม่มีธุระต้องทำ พ่อบุญธรรมบอกว่าแม่ไปที่เมือง ชลธีก็เพื่ออาการป่วยของกมล ฉันรู้ว่าแม่ลำบาก จะไม่ รบกวนแม่ แต่ว่าแม่ถ้าแม่มีเวลาว่างแม่ก็วีดีโอหาฉันได้ไหม ฉันอยากรู้ว่าแม่กับพี่สบายดีรึเปล่า”

ได้เลย แม่จะพยายามหาเวลาวีดีโอกับกมล” 11 นรมนกลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกแล้ว

แต่ว่าเธอร้องไห้ไม่ได้

กมลเป็นเด็กดี

บางครั้งเธอขอบคุณสวรรค์มากๆ ที่ให้เด็กดีกับเธอทั้งสอง คน แต่ว่ายิ่งพวกเขาเป็นเด็กดีเท่าไหร่ ในใจนรมนก็ยิ่งเอ็นดู พวกเขามากเท่านั้น

ความจริงเป็นวัยกำลังซน ควรจะเล่นเต็มที่ แต่เด็กทั้งสอง กลับต้องกลายไปเป็นผู้ใหญ่ เด็กที่มีโรคร้ายแรงเช่นนี้ จะให้ เธอผู้เป็นแม่วางใจได้ไง?

ส่วนต้นตอความผิดทั้งหมดเกิดจากบุริศร์คนเดียวเท่านั้น เธอจะให้เขาอยู่อย่างมีสุขได้ไง?

วีดีโอกับกมลสักพัก นรมนก็วางสายไป เห็นว่ากานต์เลิก เรียนแล้ว

กานต์เป็นเหมือนนกที่บินตรงมาหานรมน

“แม่ ฉันหล่อไหม?”

หลังจากได้มาที่นี่ กานต์เหมือนเติมความเป็นวัยเด็กของเขากลับมาหมดสิ้นแล้ว ความเป็นผู้ใหญ่ลดน้อยลง ความเป็น เด็กเพิ่มมากขึ้น

นรมนหยิกหน้าเล็กๆของเขาพูดว่า”หล่อมาก เทห์ละเบิด เลย ลูกชายฉันเก่งที่สุด”

“ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว”

กานต์ชมตัวเองอย่างหยิ่งยโส

กิจจาเดินมาข้างกายของพวกเขาอย่างอ้างว้าง อยากพูดว่า อะไรแต่ก็ทำตัวไม่ถูก ทำให้นรมนเอ็นดูมาก

“กิจจาก็เก่ง ฉันดูออก เธอพยายามมาก สู้ต่อไป สักวันเธอ ต้องเก่งกว่ากานต์”

“จริงหรือ? ฉันทำได้จริงหรือ?”

นัยน์ตากิจจาสดใสขึ้นมาทันที สีหน้าท่าทางแบบนั้นเหมือน ดาวบนฟ้าเลย เปล่งประกายแสงสี ทำให้คนมองอารมณ์ดี

“แน่นอน”

นรมนจับหัวของเขา กิจจากลับตาแดงกล่ำ

” ขอบคุณคุณน้า คุณน้าเป็นคนดีจริงๆ หากคุณน้าเป็นแม่

ฉันก็ดีแล้ว”

กิจจาพูดจบก็หันหลังวิ่งไปทันที แต่ว่านรมนเห็นน้ำตาของ

เขาแล้ว

เด็กคนนี้ขาดความอบอุ่นอย่างมาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ