แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 490 ฉันต้องการเพียงคุณเสมอมา



บทที่ 490 ฉันต้องการเพียงคุณเสมอมา

บุริศร์จากไปอย่างรวดเร็วเหมือนตอนมา

แน่นอนว่าป้องรู้ว่าเขารีบร้อน ถ้าเป็นเขาเอง เดาว่าก็คงบ้า คลั่ง เพียงแต่ตอนนี้บริศ สบายดี เขาจึงวางใจ ส่วนเรื่องอะไรต่อ จากนี้เขาจะพยายามช่วยเขาอย่างเต็มกำลัง

เมื่อบริศร์กลับมาถึงบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็ก นรมนยังคงหลับ

อยู่

มองเห็นเธอหลับสนิท หัวใจของบุริศร์เหมือนกับ โดนมีดกรีด คุณนายตระกูลโตเล็กเห็นเขารีบกลับมาเช่นนี้ จึงอดพูดไม่ ได้: “นรมนมักใช้เวลาพักผ่อนประมาณสองถึงสามชั่วโมง ลูก อย่าไปรบกวนเธอเลย ลงมา แม่มีเรื่องจะคุยด้วย

ได้ยินแม่พูดแบบนี้ บุริศร์จึงผละออกมาจากข้างกายนามน และมาที่ห้องทํางาน

“ลูกคิดอย่างไรกับเรื่องการหลบหนีของตังเม?

คำพูดของคุณนายตระกูลโตเล็กทำให้บริศร์ชะงักไปเล็กน้อย และตอบออกมาทันที “ในบ้านมีหนอนบ่อนไส้ จากระบบรักษา ความปลอดภัยของตระกูลโตเล็กของพวกเรา เป็นไปไม่ได้ที่ ตั้งเมจะหนีออกไปอย่างเงียบๆ

“ลูกคิดว่าใครคือหนอนบ่อนไส้? ”
คุณนายตระกูลโตเล็กมองบุรีศร์ ด้วยแววตาแหลมคมอย่างยิ่ง

บุรีศร์ส่ายหน้า: “ผมไม่รู้สึ

“แกไม่รู้? แกรู้ไหมว่า การไม่รู้ของแก จะมีคนเท่าไหร่ที่โดน ฆ่า? ยังไม่ต้องพูดถึงคนที่บริษัท พูดถึงเมียกับลูกของแก แก ปกป้องได้ไหม? บุริศร์ ตระกูลโตเล็กของพวกเราค่อนข้างไม่ สงบสุขมาตลอด แกกับแม่ต่างรู้ดี แต่ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ปกป้องเมียของตนเองไม่ได้ คำนี้ไม่ค่อยน่าฟังนะ

“ผมเข้าใจดี ผมจะพยายามตรวจสอบให้ชัดเจนเร็วที่สุดเท่าที่ จะทำได้”

บริศร์ก็รู้ว่าตนเองค่อนข้างไร้ความสามารถในเรื่องนี้ คุณนายตระกูลโตเล็กถอนหายใจและกล่าวว่า “มีเรื่องหนึ่ง ที่แม่อยากจะบอกแก แกจะได้มีแนวทาง

“แม่พูดมาเถอะครับ”

“ช่วงนี้ตรินท์ยุ่งมากมาตลอด นอกจากนี้ดูเหมือนจะทุ่มเท

เกี่ยวกับแผนการย้ายถิ่นฐานของเขตชานเมืองทางตอนใต้ สิ่งที่

แม่อยากถามคือ อสังหาริมทรัพย์บริษัทฮัวถูกรุ๊ปจำกัดของพวก เราเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือเปล่า? จำเป็นต้องใช้แผนการย้าย ถิ่นฐานของเขตชานเมืองทางตอนใต้ในเวลานี้ด้วยเหรอ? ” ได้ยินคุณนายตระกูลโตเล็กพูดแบบนี้ บุรีศรขมวดคิ้วเล็กน้อย

“แผนการย้ายถิ่นฐานของเขตชานเมืองทางตอนใต้คือการ วางแผนในช่วงท้าปีที่ผ่านมา ไม่รีบร้อนนะครับ ทำไมคนถึงได้รีบร้อนกับเรื่องนั้น? ”

“แม่เองก็อยากรู้ อีกอย่างช่วงนี้ตนท์พากิจจาออกไป บอกว่า จะพากิจจาไปหาประสบการณ์ ต้องการปลูกฝังเขาสักหน่อย แน่นอนว่าแม่ไม่มีความคิดเห็นใดๆ แต่ตอนนี้ใกล้จะสิบวันแล้ว สิบวันที่แม่ไม่ได้เจอกิจจาเลย และไม่รู้ว่าตนท์กำลังทำอะไรอยู่

คุณนายตระกูลโตเล็กพูดเช่นนี้ ด้วยเสียงเบา : “สถานที่คุม ขังตังเมลูกเป็นคนติดตั้งเองกับมือ คนที่รู้ระบบก็มีแค่พวกเราคน ตระกูลโตเล็ก ถ้าจะพูดว่ายามช่วยตังเมออกมา แม่ไม่อาจเชื่อได้ เลย”

“แม่ แม่หมายความว่าอะไร? แม่กำลังสงสัยครินท์เหรอ ครับ?”

บริศแทบไม่เชื่อหูของตนเอง คุณนายตระกูลโตเล็กหมายความแบบนี้เหรอ? ตรินท์คือพี่น้องฝาแฝดของเขา!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาจะมีเหตุผลอะไรที่ปล่อยคุณนายตังเม ไป?

ให้คุณนายตังเมวางแผนลอบทำร้ายนรมนหรือไง?

บริศ คิดตรงจุดนี้ไม่ออก แต่คุณนายตระกูลโตเล็กก็ไม่ใช่คน พูดสะเปะสะปะ อย่างที่เธอบอก สถานที่คุมขังของตังเมบุรีศร์เป็น คนติดตั้งเอง และจนถึงระบบก็มีคนของตระกูลโตเล็ก
“นาครล่ะ? นาครยังอยู่ไหม? ” บริศรถามคำถามนี้ขึ้นมาฉับพลัน

คุณนายตระกูลโตเล็กตอบเสียงเบา “นาครอยู่ในการ ควบคุมของครินทมาตลอด แม่ไม่ได้เจอกรินท์นานมากแล้ว ลูกคิดว่าแม่จะรู้ไหม? อีกอย่างก่อนหน้านี้ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับ นรมน ตรินท์กลับประจวบเหมาะย้ายกิมจิไปเขตชานเมืองทาง ตอนใต้ในเวลานั้นพอดี ทำให้นรมนไม่มีคนคุ้มกันข้างกาย แม่ ไม่รู้ว่ามันเป็นความบังเอิญหรือเปล่า แต่แค่รู้สึกไม่ค่อย สบายใจ

บริศ เงียบไม่พูดจา

เขาสามารถสงสัยใครก็ได้ แต่เพียงคนเดียวที่ไม่เคยสงสัย กลับเป็นครินท์

เป็นไปได้อย่างไร?

ห้าปีก่อนครินท์ทําคดีพ่อค้ายาเสพติด เขาเกือบต้องตายที่ยูน นานแล้ว วันนี้เขากลับมาตระกูลโตเล็ก กลับมาอยู่ภายใต้แสง สว่าง จะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้อย่างไร?

เขาจะกลับมาทำร้ายตระกูลโตเล็กได้อย่างไร? ทำร้ายเขา

กับภรรยาของเขา

ไม่!

ไม่มีทาง!
แต่นาครมีสินค้าอยู่ในมือ

และผังเมก็เป็นชู้กับนาครอีก

ตุลยานสินค้านั้นมาจากตั้งเมและใช้กับคุณนายทวีทรัพย์ ธาดา ส่วนเขาก็เพราะถูกคนวางแผนลอบทำร้าย เป็นเพราะ สิ่งของแบบเดียวกัน

คนที่รู้ว่าเขาเก็บเหล้าไว้ที่มงกุฎจักรพรรดิ เป็นน้องชายที่เขา ไม่เคยระแวดระวังมาตลอด

แน่นอนว่าป้องไม่มีทางทำ ดังนั้นคนที่เหลืออยู่ที่มีแค่ครินท์ หรือว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับตรินท์จริงๆ ? บริศร์รู้สึกกดดันเป็นพิเศษ

“แม่ ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีหลักฐานใด ๆ ผมไม่เชื่อว่าตนนท์จะเป็นคนแบบนั้น

“แม่ก็ไม่เชื่อ นั่นคือเด็กที่แม่เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต อีกอย่าง ห้าปีก่อนเขาทำเพื่อประเทศ เพื่อตระกูลโตเล็กของพวกเราจน เกือบต้องสละชีวิต ห้าปีที่ผ่านมายิ่งมีการเคลื่อนไหวอยู่ใน อาณาจักรรัตติกาล ไม่ว่าอย่างไรแม่ก็ไม่เชื่อ เขากับลูกเกี่ยวพัน กันด้วยสายเลือด จะลงมือได้จริงๆ เหรอ”

คุณนายตระกูลโตเล็กถอนหายใจ ดูเหมือนว่าจะแก่ลงไปมาก ในชั่วข้ามคืน

ถึงแม้เด็กสองคนนี้จะไม่ใช่ลูกในไส้ของตนเอง แต่เป็นลูกของผู้ชายที่เธอรักที่สุด เธอไม่ต้องการให้ลูกตระกูลโตเล็กฆ่าฟัน

กันเอง

เมื่อบริศ ออกมาจากห้องทำงาน เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องกังวล

มากมายในใจ

ทําไมถึงเป็นครินท

แต่เขายังกดโทรออกหาพฤกษ์อย่างห้ามไม่ได้ “ตรวจสอบให้ฉันหน่อย ตอนนี้นาครยังอยู่กับตนท์หรือ เปล่า”

บริศรตัดสินใจทําสิ่งนี้อย่างยากลำบากจริงๆ เขาไม่เคยเชื่อว่าพี่น้องของตนเองจะคิดทำลายเขา แต่หัวใจ ดวงนั้นถึงอย่างไรก็ยังเจ็บเหมือนโดนเข็มทิ่มแทง

ถ้าเป็นความจริงขึ้นมาล่ะ?

เขาจะต้องทําอย่างไร?

บริศร์ไม่รู้ว่าตนเองกลับมาที่ห้องนอนได้อย่างไร

มองเห็นใบหน้าหลับสนิทของนรมน หัวใจของเขาสงบลงเล็ก

น้อย

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาต้องการปกป้องนรมนกับลูกๆ ให้ดี เห็นใบหน้าขาวซีดของนรมน บุริศร์กลัวเหลือเกินว่าเธอจะจากไป พฤกษ์บอกว่าเธอเคยอยู่ในระหว่างความเป็นความตาย มาก่อน เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเธอรอดมาได้ อย่างไร และอาศัยการประคับประคองแบบไหนจึงรอดมาได้

อาจจะเหมือนเขาในตอนนั้น?

เป็นเพราะต่างมีกันและกันอยู่ในใจ ดังนั้นจึงสามารถยืนหยัด มาได้ตลอด?

เขาจำที่เคยพูดกับตนเองได้ว่า เขาจะไม่ยอมให้นมแทนทุกข์ ทรมานใดๆ อีก แต่ดูเหมือนหลังจากแต่งงานกับเขา ความไม่ เป็นธรรมและความทุกข์ทรมานที่เธอได้รับไม่น้อยลงกว่าเมื่อ ก่อนเลย

บุริศร์ถอดรองเท้าขึ้นไปบนเตียง และกอดนรมนเอาไว้แน่น ราวกับว่าเธอจะกลายเป็นความทรงจำที่เลือนรางไปในชั่วขณะ ความรู้สึกไม่สบายใจแบบนี้ทำให้เขาไม่สบายไปทั้งตัว

นรมนสามารถสัมผัสได้ว่าถูกคนกอดไว้แน่น เธอไม่ค่อย เคยชินสักเท่าไหร่ เพียงแต่กลิ่นอายที่คุ้นเคยยังทำให้เธอรู้สึก สบายใจอยู่บ้าง

ในเมื่อเป็นบริศร์ เธอจึงคล้อยตามเขาไป

ทั้งสองนอนหลับอยู่บนเตียงสักพักหนึ่ง บุริศร์ก็รู้สึกเหนื่อย จริงๆ ครั้งนี้นอนหลับฝันหวานเพราะได้กอดนรมนไว้ในอ้อมแขน

รอเขาลืมตาขึ้นมา เวลาก็ปาไปบ่ายสามโมงกว่าแล้ว
ท้องร้องจ๊อกๆ ส่วนนเมนก็ดูเหมือนจะตื่นแล้ว ดวงตากลมโตของเธอกะพริบมองดวงตาที่งุนงงจนได้สติของ บุริศร์ ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

“ทำไมคุณก็หลับไปด้วย? ” เสียงของนรมนนุ่มนวลมาก

หลังจากที่บุริศร์รู้ว่าเธอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตนเอง ตอนนี้มอง เห็นรอยยิ้มและแววตาที่อ่อนโยนของเธอเช่นนี้ จึงกอดเธอทันที และเอ่ยถามว่า : “คุณไม่อยากให้ผมกอดคุณหลับหรือไง? ”

“ไม่มีอะไรสักหน่อย”

นรมนพูดจบก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ค่อนข้างคลุมเครืออยู่บ้าง

“ไม่สิ ฉันจะบอกว่า.……”

“แปดวันที่ผ่านมาของผม อยากจะสามารถกอดคุณไว้แบบนี้ โดยไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง แต่กอดคุณไว้อย่างเงียบๆ แบบนี้ก็ พอ แต่ทุกวันที่ตื่นขึ้นมา ผมมีเพียงตัวคนเดียว ต้องเผชิญหน้ากับ ความเจ็บปวดทรมานและเหวลึกเพียงลำพัง ต้องเผชิญหน้ากับ ความทรมานและต่อสู้ดิ้นรนเพียงลำพัง ผมให้โตโน่นำรูปของ คุณติดไว้รอบตัวผม แต่ทุกวันผมยังคงรู้สึกเหน็บหนาวเลยเกิน เหน็บหนาวเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง ผมทำได้เพียง จินตนาการถึงความอบอุ่นตอนพวกเราอยู่ด้วยกัน แบบนั้นทำให้ ผมยืนหยัดมาได้

คําพูดของบริศ ทําให้นมันค่อนข้างตะลึง
“มองเห็นท่าทางจนตรอกแบบนั้นของผม รู้สึกเสียใจไหมที่ แต่งงานกับผม? ”

สายตาของบุริศร์มีความร้อนรนเล็กน้อย

เขากลัว!

แต่ไหนแต่ไรไม่เคยหวาดกลัวมาก่อน

เขารู้ว่านรมนรักตนเอง แต่ตระกูลโตเล็กมีเรื่องเยอะเกินไป และเรื่องรอบตัวเขาก็มากมายเกินไป จนแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก ตั้งแต่เริ่มต้นก็ไม่มีวันคืนที่มั่นคงปลอดภัยสักวัน

ถ้าไม่ใช่เพราะมีเจตต์ เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้นรมนจะสามารถหนี ความตายได้หรือเปล่า

แต่ครั้งนี้สามารถหนีรอดมาได้ แล้วครั้งหน้าล่ะ? เขาไม่รู้ว่าชีวิตแบบนี้สำหรับนรมนจะโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า

นรมนสามารถมองเห็นความไม่สบายใจและความหวาดกลัว จากในแววตาของบริศร์

ผู้ชายที่สูงส่งอย่างเขาเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าจะไม่สบายใจและ หวาดกลัวได้?

“คุณกำลังกลัวอะไร?

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่นรมนเห็นบุรีศร์มีท่าทางทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ เธออดรู้สึกสงสารไม่ได้บริศ เอ่ยถามเสียงเบา “คุณรู้ใช่ไหมว่าแปดวันที่ผ่านมาผม ทําอะไรบ้าง? ”

ครั้งนี้ บรมนไม่ได้ปิดบัง

ตอนแรกที่ไม่พูด เพราะบริศ เพิ่งจะกลับมา ร่างกายยังไม่ปรับ ตัวได้ดี ตอนนี้ในเมื่อเขานอนเต็มอิ่มแล้ว และดูเหมือนจะรู้แล้ว นรมนจึงไม่คิดว่าตนเองยังมีความจําเป็นต้องปกปิดอีก

บริศรสบตาเธอ เอ่ยเสียงเบาว่า “ถ้าผมจะบอกคุณว่า คนที่ ลงมือกับผมในครั้งนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนที่ใกล้ชิด ที่สุดของผม คุณจะกลัวไหม?

“คุณพูดอะไร?”

นรมนลุกขึ้นมานั่งทันที

“ใครคะ? –

“ยังไม่รู้ แต่สามารถรู้ความเคยชินของผม แถมยังเป็นคนที่ ลงมืออยู่ข้างผมอย่างเงียบๆ จำเป็นต้องเป็นคนที่ใกล้ชิดผมที่สุด ครั้งนี้ที่ผมต้องออกไปจากเมืองชลธี กลับทำให้คุณต้องแบกรับ มากเกินไป ผมคิดว่าการที่มีพฤกษ์ มีป้อง และมีตระกูลทวีทรัพย์ ธาดาอยู่ คุณกับลูกๆ จะไม่เป็นอะไร แต่ผมคิดง่ายเกินไปหน่อย จนเกือบสูญเสียคุณไป

ความละอายใจของบริศร์ทำให้นรมนรู้ได้ทันที ว่าเขารู้เรื่อง ของตนเองแล้ว
นโมนจับมือของเขาไว้ และกล่าวเสียงเบาว่า “ฉันไม่เป็นไร ค่ะ นี่ก็ยืนอยู่ตรงหน้าคุณอย่างปลอดภัยแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉัน เคยพูดไว้แล้ว ฉันจะไม่เป็นผู้หญิงที่หลบอยู่ข้างหลังคุณ ฉัน อยากเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับคุณ การได้รักคุณ ฉันไม่เคยรู้สึก เสียใจ เพราะคุณแบกรับภาระอย่างนี้ ฉันก็ไม่รู้สึกเสียใจเหมือน กัน ดังนั้น อย่าได้ถามฉันอีกเลยว่าฉันรู้สึกเสียใจหรือเปล่า ตั้งแต่ได้รักคุณ แต่งงานกับคุณในวันนั้น ฉันนรมนไม่เคยคิดจะ จากคุณ หรือจากตระกูลโตเล็กไป! ไม่ว่าคุณจะเป็นอย่างไร ไม่ ว่าข้างกายคุณจะมีคนชั่วร้ายอย่างไร มีแผนการร้ายกาจอย่างไร ฉันไม่สนใจ สิ่งที่ฉันต้องการ ก็คือคุณเสมอมา ถ้าคุณต้องตก นรก ฉันก็จะอยู่ในโลกแห่งความตายไปกับคุณจะเป็นไรไป? อย่างไรเสียสถานที่ที่มีคุณอยู่ก็คือฤดูใบไม้ผลิสำหรับฉัน

ในหัวใจของบุรีศรไหลเชี่ยวไปด้วยความร้อนแผดเผาและ ฟองคลื่น อดใจไม่ไหวถึงนรมนเข้ามาสู่อ้อมกอดอีกครั้ง และ กอดเธอไว้แน่นๆ ราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ