แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 759 ผมขอร้องคุณช่วยปล่อยเธอไปเถอะ



บทที่ 759 ผมขอร้องคุณช่วยปล่อยเธอไปเถอะ

คุณนายรัตติกรวรกุลตื่นตระหนกมาก

และไม่แปลกที่เธอจะตื่นตระหนก อยู่กับพรรษามายี่สิบกว่าปี แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เป็นตัวจริง

พรรษามองดูคุณนายรัตติกรวรกุลที่ท่าทางโกรธเกรี้ยว ก็เริ่ม โมโหขึ้นมาด้วย

“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง ? ต๊ะ ? ฉันยอมเสียลูกชายคนหนึ่ง ไปเพื่อเธอแล้ว ตอนนี้ลูกชายคนนี้ก็ไม่ยอมกลับมา เธอจะให้ฉัน ทำยังไง ? หลังจากฉันตายไป ทุกอย่างของตระกูลรัตติกรวรกุลก็ ต้องตกไปอยู่ที่มือของพวกเขา อีกอย่างทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมีกิน มีใช้พวกนี้ใครเป็นคนหามา ? คือเจตต์! ถึงแม้เขาจะไม่ค่อย เคารพเธอ แต่เขาไล่เธอออกไปจริงๆหรือเปล่า ? มีไหม ? นอกจากกระดาษแผ่นนั้น เธอกับคุณนายรัตติกรวรกุลตัวจริงมี อะไรแตกต่างกัน ? เธอยังมีอะไรไม่พอใจอีก ?”

คุณนายรัตติกรวรกุลตกใจที่ถูกพรรษาตะคอกใส่ จากนั้นก็ ร้องไห้ออกมาทันที

“คุณกำลังโทษฉันอยู่เหรอ ? ตอนที่คุณขึ้นเตียงกับฉันทำไม คุณไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว ? ทำไมคุณถึงไม่คิด บ้างว่าเจตต์ยังเด็กอยู่ ?”

“พอได้แล้ว ! ถ้ายังโวยวายแบบไร้เหตุผลอีก เธอก็ใสหัวออกพรรษาพูดจารุนแรงเพราะความโกรธ จากนั้นกระแทกออกไปทำให้คุณนายรัตติกรวรกุล ห้องแขก พวกคนรับใช้เองไม่กล้าพูดอะไร ต่างแอบทํางานของตัว

เองตัวเอง

หลังจากพรรษาออกแล้ว อารมณ์ยังคง

หลายที่ผ่านมา ทุกครั้งเขาทะเลาะกับเจตต์นั้นจริงแล้ว เขาก็รู้สึกผิด ไม่ใช่เพราะเขาทำผิดในตอนนั้น ครอบครัว ของเขาคงไม่เป็นแบบนี้ แต่ว่าเป็นพอนะ ไหนยอมรับ ผิดกับลูกชายบ้าง ? ตอนพอได้ความหมายของพฤกษ์แล้ว อาจเกิดอะไรขึ้นกับเจตต์ เลยทำให้พรรษารู้สึกอึดอัดใจเป็น อย่างมาก

หลายผ่านมาเจตต์เคยชินกับการปัญหาด้วยตัวเองแล้ว เขาได้ความช่วยเหลือจากตัวเองนานแล้ว ที่ตระกูลรัตติกรวรเกือบจะล้มละลาย เป็นเจตต์แก้ ปัญหาและพยุงทุก

เขาอยากถามเจตต์ว่ายังไงถึงได้ลุกมาได้อีกครั้ง ว่าพอคําพูดอยู่ปากกลับกลับเข้าเขากลัวว่าเจตต์จะ เยาะเย้ยเขา

ไม่ว่าจะพูดยังไง พรรษาเคารพภรรยาคนเก่า ถ้าหากไม่เจตต์เป็น
ตัวพรรษาหลายปีที่ผ่านมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่คิดอยากจะไป เยี่ยมภรรยาคนเดิมของตัวเอง

ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ไม่กล้าไปแล้ว แต่เพื่อเจตต์ เขา

ก็เลยรวบรวมความกล้าแล้วไปที่บ้านพักคนชรา คนที่บ้านพักคนชรารู้เรื่องเกี่ยวกับพรรษา แต่ไม่ค่อยรู้จัก

ตอนที่ได้ยินว่าเป็นสามีของเหล่านั้น

พวกเขาก็คิดจะโทรไปถามเจตต์ แต่กลับถูกพรรษาหยุดไว้ ก่อน

“ผมแค่จะมาเยี่ยมเธอเท่านั้น อย่าบอกลูกชายผมเลยครับ

“แต่ว่าคุณเจตต์บอกเอาไว้ ว่านอกจากตัวเขาเอง ห้ามคนอื่น ไปพบคุณเทย่าค่ะ”

คําพูดของพยาบาลทำให้พรรษารู้สึกเสียใจเล็กน้อย

“ผมบอกว่าไม่ต้องก็คือไม่ต้อง

พูดจบเขาก็เดินไปที่ห้องของเทย่า

เทย่ายังคงเหมือนเดิมกับที่ผ่านมา นั่งอยู่บนรถเข็น เหม่อมอง ท้องฟ้าที่อยู่ข้างนอก

นี่เป็นครั้งแรกที่พรรษามาเจอเทย่าหลังจากผ่านไปยี่สิบกว่าปี

เธอแก่แล้ว

มีผมหงอกที่ขมับ
แต่ว่าบรรยากาศของเธอก็ยังไม่เปลี่ยนไป ยังคงเยือกเย็น และดูมั่นใจในตัวเอง

ถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ เขาก็คงไม่นอกใจ

พรรษาคิดอยู่แบบนั้น แล้วก็เดินไปข้างๆเทย่า

“กําลังดูอะไรอยู่ ?”

เขาเอ่ยถามเสียงต่ำ

เทย่าไม่ได้หันกลับมา ยังคงมองท้องฟ้าที่อยู่ข้างนอก

ในตอนพรรษาคิดว่าเธอพูดไม่ได้นั้น จู่ๆเทย่าก็เปิดปากพูดขึ้น “ฝนใกล้ตกแล้ว เจตต์ไม่ได้พกร่ม ไม่รู้ด้วยว่าคนรับใช้เตรียม ไว้ให้เขาหรือเปล่า”

พรรษารู้สึกคัดจมูกขึ้นมาทันที

“เจตต์โตแล้ว เขาดูแลตัวเองได้แล้ว”

“เจตต์กระเพาะไม่ดี ฉันอยากจะทำอาหาร แต่ว่าฉันไม่มีแรง เลย พยาบาลก็ไม่ยอมให้ฉันเข้าไปในห้องครัว ทำไมเจตต์ยังไม่ กลับมาอีก ?”

ดูเหมือนว่าเทย่าจะไม่ได้ยินสิ่งที่พรรษาพูด เธอยังคงพูดเอง เออเองต่อไป

พรรษามองดูอดีตภรรยาที่อยู่ตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดจนแทบ

ตาย
พยาบาลเข้ามาพูดกับพรรษาเบาๆว่า “คุณพรรษาคะ ช่วงนี้ สภาพจิตใจของคุณเทย่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณอย่าไปกระตุ้นเธอ ดีกว่านะคะ เธอพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งแล้ว”

ตอนนี้เองพรรษาถึงได้เห็นบาดแผลบนขอมือของเธอ รอยแล้ว รอยเล่า ราวกับมันทิ่มแทงเข้าไปในอกเขา

ขอบตาเขาเปียกชื้นขึ้นมาทันที

“เทย่า ขอโทษนะ หลายปีที่ผ่านมาฉันผิดไปแล้ว ฉันทำผิดต่อ เธอ ฉันเป็นคนทําลายครอบครัวของพวกเรา ฉันทำให้พวกเธอ สองแม่ลูกเจ็บปวด ฉันจะปล่อยให้เธอกับลูกชายอีกคนของฉัน ต้องเจ็บปวดแล้วใช่ไหม ? ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ

พรรษาพูดแสดงความเสียใจแผ่วเบาไม่หยุด

แต่สําหรับเทย่าแล้ว เขาไม่แตกต่างอะไรกับของที่ประดับอยู่

ในห้องนี้เลย

เทย่าใช้ชีวิตอยู่ในความคิดของตัวเองตลอดเวลา ไม่ถูก รบกวนอะไร

เดิมทีพรรษาอยากจะมาถามเรื่องของเจตต์จากเทย่า แต่พอ เห็นสภาพของเทย่าแบบนี้แล้ว ท้ายที่สุดเขาไม่สามารถเปิดปาก ถามได้

เขาอยู่ที่นี่พักหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดก็ทนความกดดันแบบนี้ไม่ไหว เลยลุกขึ้นแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

เขามองไม่เห็น ว่าวินาทีที่เขาออกจากห้องไปนั้น หางตาของเทย่ามีน้ำตาไหลออกมา

พยาบาลเห็นว่าพรรษาไปแล้ว ก็ไม่กล้ารีรอ โทรไปหาเจตต์ ทันที

“คุณเจตคะ เมื่อครูคุณพรรษามาเยี่ยมคุณเทย่าค่ะ อารมณ์ ของคุณเทย่ายังถือว่ามั่นคงอยู่ แต่ว่าฉันก็ยังอยากจะบอกคุณสัก

คํา”

พอได้ยินพยาบาลพูดแบบนั้นแล้ว เจตต์ก็หรี่ตาลงทันที

“ใครปล่อยให้เขาเข้าไป ? พวกคุณทำงานกันยังไง? ผมบอก แล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามเขาเข้าไป ? วันนี้คอยดูคุณแม่ของผมไว้ ให้ดี ถ้าคุณแม่ผมเป็นอะไรไป ผมจะให้พวกคุณชดใช้”

จิตใจของเจตต์ไม่มั่นคงเป็นอย่างมาก เขารู้ดีกว่าใครเกี่ยวกับความเกลียดชังที่เทย่ามีต่อพรรษา ชายชราคนนั้นกินยาผิดไปหรือไง ? ถึงได้ไปเยี่ยมแม่ของเขาที่บ้านพักคนชรา เจตต์โกรธจนกดกดโทรออกไปทันที

“พรรษา ถ้าคุณรู้สึกว่าใช้ชีวิตว่างเกินไปล่ะก็ ออกไปเที่ยวกับ ผู้หญิงคนนั้นของคุณก็ได้ไปเที่ยวรอบโลกก็ดี แต่อย่าไปยุ่งกับ แม่ของฉัน ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ คุณลืมเธอไปแล้ว แล้วทำไม ไม่ลืมให้ถึงที่สุดล่ะ ? คุณไปยุ่งกับเธอทำไม ? ผมจะบอกคุณนะ ถ้าคุณแม่ของผมฆ่าตัวตาย ผมไม่มีทางปล่อยคุณไว้แน่ คุณเชื่อไหมว่าผมจะกลับไปจัดการบ้านของคุณเอง

เจตต์ตะคอกเสียงดังไม่หยุด ทำเอาหูของพรรษาอื้ออึงไปหมด

“ไอ้เด็กเวร ฉันไปเยี่ยมเธอแล้วมันทำไม ? เธอเป็นภรรยาของ ฉัน !”

“ผมขอบคุณมากที่คุณยังจำได้ว่าเธอเป็นภรรยาของคุณ! แต่

ผมขอร้องคุณช่วยปล่อยเธอไปเถอะ รีบหย่ากับเธอได้แล้ว แม่

ของผมไม่มีบุญวาสนานั้น แบกรับชื่อคุณนายรัตติกรวรกุลไม่ไหว

หรอก คุณก็มีคุณนายรัตติกรวรกุลคนหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ ? แม่

ผมไม่ต้องการมันหรอก ! ขอร้องคุณอย่าไปทำตัวน่าคลื่นไส้กับ

แม่ผมได้ไหม ?”

คำพูดของเจตต์ทำให้ความรู้สึกผิดหายไปจากสมองของ พรรษาทันที

“ทำไมแกทำตัวแบบนี้ ? ฉันเป็นพ่อแกนะ! ถ้าฉันไม่เป็นห่วง ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแก ฉันจะไปถามแม่แกเหรอว่าแกไป ไหน ? ตอนนี้แกยังมาพูดจาแบบนี้กับฉันอีก แกมันไอ้เด็กเวร ฉัน ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีลูกคนไหนในโลกนี้ขอร้องให้พ่อแม่หย่า กัน!”

“สิ่งที่คุณไม่เคยได้ยินยังมีอีกเยอะ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับผม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ ? ตั้งแต่ผมกี่ขวบ คุณก็ไม่เคยสนใจผม แล้ว ผมจะเป็นจะตายคุณเคยสนใจด้วยเหรอ ? คุณเคยเป็นห่วง ด้วยเหรอ ? คุณสนใจแค่ว่าหุ้นของบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุล เป็นยังไงบ้าง ผมก็เป็นแค่เครื่องมือที่คุณใช้หาเงินเท่านั้นแหละถ้าไม่ใช่เพราะตัวเลือดแบบเดียวคุณคอยดูแลหรอก ผมขอเตือนคุณไว้ก่อน คุณไปยุ่งกับ ผม

พอวางสายไปทันที

พรรษาโกรธจนแทบจะกระโดดขึ้นมา

ชายคนคิดจะล้มล้างสวรรค์

เขาเกิดมาเพื่อทำให้เขาโมโหอย่างนั้นนะ

พรรษากลับบ้านไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวโกรธ

เจตต์เป็นห่วงรบกวนนรมนกับบริศร์ครั้งไม่ค่อยดีนัก

แต่นอก

อีก

เขาต้องติดอยู่ยูนนานเพราะเรื่องบางอย่าง เลยกลับไปไม่สักระยะ แต่ว่าเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเทย่า

ครุ่นคิดทบทวนอยู่สักพัก เจตต์ตัดสินใจโทรหานรมน

บริศ อยากให้นรมนพักผ่อนให้เต็มที่ ดังนั้นเลยเอาโทรศัพท์ ของเธอไปห้องหนังสือ

ตอนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอว่าเจตต์โทรมา บุริศร์ก็

ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ยังกดรับสาย

“เธอเพิ่งจากเครื่องนาน กำลังพักผ่อนอยู่ เรื่องอะไรคุยกับฉันได้

น้ำเสียงเย็นชาของบุรีศรีไหลผ่านเข้ามาหูของเจตต์

แต่ยังพูดช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่งได้

พูดสิ

“พรรษาไปหาแม่บ้านพักคนของแม่ฉันคือพรรษากับตอนนี้เขาไปว่าเขาพูดอะไรเ ฉันว่าช่วยออกประตูปรโลกทั้งนั้น ถ้าใช่เพราะมีฉันฉันฉันคงจากโลกไปตั้งนานแล้ว ตอนนั้นรบกวนนายกับนรมนช่วยดูฉันให้หน่อยได้ไหม ?

นรมนมาตั้งนานแล้ว บุริศร์เองอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เจตต์ก็ ยังรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง

แต่บุริศร์กลับเงียบไปครู่หนึ่ง อีกเดี๋ยวออกไปเอง”

ทางดีพานรมนไปด้วยกว่า คุณของฉันค่อนข้างกลัว ผู้ชายโสด รวมฉันต่อต้านเลย ต้องขออภัยจริงๆนะ ต้องรบกวนพวกนาย

“เห็นแก่วันนายพูดจาสุภาพนายเรื่องนี้เอง นายไปยูนนานโอเคไหม
“ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร อีกเดี๋ยวก็จัดการได้แล้ว ฉันจะรีบกลับไป ก่อนหน้านั้นต้องรบกวนพวกนายแล้ว”

“ได้เลย”

บริศร์กดวางสายไป แล้วบีบนวดขมับ เขาไม่ได้ทำงานหนักแบบนี้มานานแล้ว

เขาเก็บงานที่ยังทำไม่เสร็จเอาไว้ บุริศร์ลุกขึ้นมาโยกไหล่ จาก นั้นก็เดินไปทางห้องนอน

นรมนยังคงพักผ่อนอยู่ ดูท่าทางคงจะเหนื่อยมากจริงๆ

บุริศร์รู้สึกเป็นห่วงนรมนมาก ถ้าหากเป็นไปได้ เขาไม่อยากจะ ทรมานนรมนเลยจริงๆ แต่ว่าเขารับปากเจตต์ไว้แล้ว เลยจำเป็น ต้องไป

“นรมน ตื่นได้แล้ว”

บริศร์ตบแก้มของนรมนเบาๆ

นรมนตื่นมาอย่างงัวเงียเล็กน้อย พอมองเห็นบุริศร์อยู่ตรงหน้า ก็หาวออกมาแล้วพูดว่า “ฟ้ามืดแล้วเหรอ ? จะกินข้าวแล้วใช่ไหม ?”

“กินๆๆ รู้จักแต่กิน เธอเป็นหมูเหรอ ? ที่แท้กมลก็ได้รับนิสัย คนตะกละมาจากเธอนี่เอง”

พอได้ยินบริศ พูดแบบนี้ นรมนก็ปัดมือเขาทิ้งทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ