แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 652 ผู้ชายปกป้องผู้หญิงเป็นเรื่องสมควรทำ



บทที่ 652 ผู้ชายปกป้องผู้หญิงเป็นเรื่องสมควรทำ

เธอยังจะสามารถพูดได้อีกไหม?

นี่เป็นเรื่องที่นรมนอยากรู้มาตลอด

ในตอนแรกปัญญบอกว่ามีผู้เชี่ยวชาญที่เก่งมากๆ แต่ไม่เคยมี เวลามาตลอด ตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไร

จากความคาดหวังของเธอ ในตอนแรก จนเป็นการรอคอย และตอนนี้ก็รู้สึกหดหูอยู่บ้าง จากนั้นจึงค่อย ๆ ยอมรับความจริง ว่าตนเองเป็นใบ้ แต่วันนี้มองเห็นแววตาเฝ้ารอของกานต์ นรมน จึงพบว่า กานต่เอาใจใส่

เขาเอาใจใส่หม่ามี้ที่เป็นใบ้คนนี้ เขาอยากให้หม่ามีคนนี้พูด ได้ ส่วนตัวเธอเองจากก้นบึ้งของหัวใจตนเองก็อยากจะพูดได้อีก ครั้ง

เพียงแต่ยังจะสามารถพูดได้ไหม?

นรมนลูบลำคอของตนเองอย่างไม่รู้ตัว คล้ายกับว่ามีใบหน้าที่ ดุร้ายในตอนแรกของคุณนายตระกูลโตเล็กลอยขึ้นมาตรงหน้า อีกครั้ง

จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่สามารถให้อภัยเธอได้

ทำไมถึงตายอย่างง่ายได้แบบนั้น?

ความผิดของเธอยังไม่ได้ชำระ ตายไปแบบนี้ มันจะไม่ง่ายเกินไปสําหรับเธอเหรอ?

แตนรมนก็ไม่สามารถไปกับพญายมได้

กานต์เห็นท่าทางของนรมน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตนเองพูดผิดไป เขารีบพูดว่า “หม่ามี้ หม่าอย่าเศร้าไปนะครับ ผมจะอยู่เป็น เพื่อนหน้านี้เอง จากนี้ผมจะเป็นดวงตาให้หม่าม เป็นลำคอของ หม่าม หม่ามี้วางใจได้ ผมจะตั้งใจเรียนภาษามือ อีกหน่อยผมจะ ช่วยหม่ามี้แปลนะครับ

นรมนรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันที อดีตที่ทุกข์ทรมานเหล่านั้น เหมือนจะไม่ได้แบกรับอย่างยากเย็นแล้ว

เธอลูบศีรษะของกานต์อีกครั้งด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงใช้ภาษา มือพูดว่า “ให้กิจจาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนลูกดีไหม? หมาพักอยู่กับ บ้านตระกูลเจริญไชยนานมากแล้ว หม่าอยากหาบ้านย้ายออก มา จากนั้นหลังจากลูกออกจากโรงพยาบาลก็ไปอยู่กับหม่ามีดี ไหม? ”

กานต์ช่างฉลาดเหลือเกิน เขาเข้าใจความหมายของนรมน

ทันที

เขากระซิบถาม “หม่าม หม่ามี้จะหย่ากับคุณบุริศร์เหรอ

ครับ? ”

นรมนไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร

มองเห็นแววตาที่ไร้เดียงสาของลูกชาย นรมนรู้สึกว่าตนเอง ช่างโหดร้ายเกินไป
“ขอโทษนะ กานต์”

นรมนรู้สึกว่า ใครว่าเด็กสองคนปรารถนาที่จะมีครอบครัวที่ สมบูรณ์มากแค่ไหน คาดหวังที่จะมีแต๊ดดี้อยู่ข้างกายมากแค่ไหน แต่เธอทําไม่ได้จริงๆ

ถึงแม้เธอก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับบุริศร์โดยตรง ทั้งหมด เป็นความผิดของคุณนายตระกูลโตเล็ก แต่ทุกครั้งเมื่อเธอเผชิญ หน้ากับบุริศร์ ก็จะนึกถึงคุณนายตระกูลโตเล็ก

สถานการณ์แบบนี้จะทำให้เธอใช้ชีวิตต่อไปกับบริศร์

อย่างไร?

กานต์ยิ้มอย่างฝืนใจ เพียงแต่ยังพูดปลอบโยนนรมนว่า “ไม่ เป็นไรนะครับ ผมชินแล้ว หม่ามีอยู่ที่ไหน ผมก็อยู่ที่นั่น ผมคือคน รักตัวน้อยของหม่ามี้ ผมต้องปกป้องหม่าม ปกป้องหม่ามีทั้ง ชีวิต”

ดวงตาของนรมนมีน้ำตาซึม

เธอไม่มีทั้งคุณธรรมและความสามารถ คิดไม่ถึงว่าจะมีลูกชาย

ที่น่ารักและรู้จักคิดแบบนี้

กิจจาเอาแต่เงียบมาตลอด

เขาไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมนรมนต้องหย่ากับบริศร์ เพียงแต่เขาก็ ตัดสินใจจะปกป้องนรมน เพียงแต่ในใจรู้สึกเป็นทุกข์อย่างฉับ พลัน

เป็นไปได้ไหมว่าหลังจากพวกเขาหย่ากัน เขาจะไม่ได้เจอคุณลุงแล้ว?

เขาจะต้องคิดถึงคุณลุง

และคิดถึงแด๊ดดี้!

กิจจาลุกขึ้นอย่างเงียบๆ เดินตรงออกไปข้างนอก

“กิจจา หนูจะไปไหน? ”

กานต์กลับพูดว่า “หม่าม ให้เขาอยู่เงียบ ๆ คนเดียวสักพัก ผม อยู่กับหม่ามาห้าปี และเขาเองก็อยู่กับคุณบุริศร์มาห้าปี

ทันใดนั้นเองนรมนก็รู้สึกว่าตนเองแม้แต่เด็กก็ยังสู้ไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่ได้พิจารณาถึงความรู้สึกของกิจจากับลูก

ๆ เป็นอันดับแรก

แต่ให้เธอประคับประคองการแต่งงานนี้เพื่อลูก ๆ เธอก็รู้สึกว่า

ตนเองทําไม่ได้

“ขอโทษ ขอโทษจริงๆ ”

ตอนนั้นรมนนอกจากคำนี้ เธอไม่รู้ว่ายังจะสามารถพูดอะไรกับ ลูก ๆ ได้อีกจริง ๆ

กิจจากับกานต์ต่างพูดง่าย แต่กมลล่ะ?

ถ้ากมลรู้ว่าตนเองต้องการหย่ากับบริศร์ ต้องทำให้เธอต้อง แยกจากบริศร์ เธอจะเป็นอย่างไร?

นรมนไม่กล้าคิดเลยจริงๆ
หลังจากกิจจาออกไปจากห้องผู้ป่วย ก็เริ่มตามหาร่างของบุรี ศร์อย่างไม่รู้ตัว แต่เขาตามหารอบหนึ่งก็ไม่เจอบุริศร์

โดยไม่รู้ตัว กิจจามาถึงลานจอดรถ และพบกับรถของบุริศร์ใน ทันที

รถของบุริศ แวววาวมาก

กิจจาเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้รถ ก็ได้ยิน เสียงโอดโอยอย่างเจ็บปวดของบุริศร์ดังออกมา

“คุณลุง! ”

กิจจารีบทุบประตูรถอย่างรวดเร็ว แต่บุริศร์ปวดมากเกินไป ปวดจนไม่อาจสนใจเสียงรอบข้างได้

เห็นบริศร์ไม่เปิดประตูรถแน่ๆ กิจจารีบวิ่งสุดฝีเท้า

เขาวิ่งเหยาะๆ ไปที่แผนกรักษาความปลอดภัย และลาก

พนักงานรักษาความปลอดภัยมาที่หน้ารถของบุริศร์

พนักงานรักษาความปลอดภัยได้ยินเสียงร้องโอดโอยด้วย ความเจ็บปวดของบุริศร์จากด้านใน แต่รถของบุริศร์มีมูลค่าสูง มากเกินไป พวกเขาเปิดไม่ออก และไม่กล้างัดเปิดออก จึงยืนงง อยู่ตรงนั้นอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปชั่วขณะ

กิจจาร้อนรนอย่างยิ่ง เขาลากพนักงานรักษาความปลอดภัย ให้พวกเขาเปิดประตู แต่รถมูลค่าสูงเช่นนี้ พนักงานรักษาความ ปลอดภัยไม่สามารถงัดจนประตูรถเสียหายได้
กิจจาร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

ในขณะที่กิจจาตัดสินใจหันตัวเพื่อไปตามนรมน ความเจ็บ

ปวดนี้ของบุริศร์ก็ผ่านพ้นไป

เขามองเห็นด้านนอกประตูมีพนักงานรักษาความปลอดภัยยืน อยู่สองคน จึงเปิดประตูออกอย่างไร้เรี่ยวแรง

“เกิดอะไรขึ้น? ”

ทั้งตัวของเขาไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าขาวซีด เหงื่อไหลซุ่มเสื้อเชิ้ต ไปทั้งตัว

ทันใดนั้นเองร่างเล็ก ๆ ก็พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนของบุริศร์ ร้องไห้ฮือฮือทันที

บุริศร์ชะงักไปเล็กน้อย ถึงจะพบว่าเป็นกิจจา

เขาเข้าใจอะไรบางอย่างทันที ปากบาง ๆ ยิ้มโดยไม่รู้ตัว

“ผมไม่เป็นอะไร พวกคุณไปเถอะ”

บุริศร์พูดกับพนักงานรักษาความปลอดภัย เขาไม่อยาก รบกวนผู้ใด

พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นบริศร์มีท่าทางไม่สบาย อย่างมาก จึงกล่าวว่า “คุณผู้ชาย ถ้าคุณไม่สบาย เข้าไปตรวจใน โรงพยาบาลเถอะครับ

“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะเข้าไป พวกคุณไปก่อนได้เลย

บริศร์ไล่พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนนั้นไป
ส่วนกิจจายังคงร้องไห้ไม่หยุด

บริศ กอดเขาไว้ในอ้อมแขน ตบหลังของเขาเบา ๆ เหมือน ตอนที่เป็นเด็ก

เขาพูดเสียงเบาว่า “เอาล่ะ ลูกผู้ชาย ร้องไห้ทำไม? ลุงไม่ได้ เป็นอะไรสักหน่อย? ”

กิจจาเงยหน้ามองบุริศร์ ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยหยาด น้ำตา

บริศร์รู้สึกสงสารขึ้นมาฉับพลัน

เจ้าเด็กคนนี้ เขารักและทะนุถนอมมาห้าปี รักและเอ็นดูมาสี่ปี ตั้งแต่เขายังอยู่ในท้องแม่ เขาก็รักและทะนุถนอมเขา วันนี้เจ้า เด็กคนนี้ก็รู้จักรักคนเป็นแล้ว

เขาลูบศีรษะของกิจจาอย่างปลื้มใจ และพูดว่า “กิจจา ลุงรู้ว่า เรื่องของแต๊ดดี้กับหม่ามีของแกทำให้แกได้รับความกระทบ กระเทือนอย่างรุนแรง แต่สิ่งที่ลุงจะบอกแกก็คือ เรื่องเหล่านี้ สําหรับแกต่างเป็นประสบการณ์ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร แกคือ เด็กที่ลุงรักที่สุด พวกเขาจากไปแล้ว แต่ความรักของพวกเขายัง คงอยู่ ถ้าแกต้องการ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป แกยังคงเรียกลุงว่า แด๊ดดี้ได้เหมือนเดิม ก็เหมือนกับแต่ก่อน ลุงจะรักกิจจาเหมือนที่ พวกเขารักแก ตราบเท่าที่พวกเขามี ลุงจะไม่ติดค้างแกแน่นอน แกคือลูกชายคนโตของตระกูลโตเล็ก ถึงแม้เรื่องเหล่านี้จะเจ็บ ปวดทรมาน แต่แกคือลูกผู้ชาย ต้องก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ จริงไหม? แกยังมีน้องชายกับน้องสาว แกยังต้องดูแลพวกเขาวันนี้หม่ามีของแกกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว แกก็ต้องดูแลเธอด้วย จริงไหม?

กิจจารีบพยักหน้า

บุริศร์กล่าวอย่าวปลื้มใจ “ลุงได้ยินมาว่าแกมีภาวะออทิสซึม รู้ ไหมว่าลุงเป็นห่วงแกมากแค่ไหน? เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กล้าหาญ จะไม่ซ่อนตัวเหมือนนกกระจอกเทศ แกคือกิจจา ลูกชายของตร นท์ ความภูมิใจของตระกูลโตเล็ก แกต้องลุกขึ้นมาเพื่อน้องชาย และน้องสาวที่รักแก และหม่ามีที่รักแกจริงไหม?

กิจจาพยักหน้าอีกครั้ง

เขาจับคอเสื้อของบริศร์แน่น อิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของบุริศร์ เหมือนตอนเป็นเด็ก

หัวใจของบุริศร์ถูกเจ้าตัวเล็กคนนี้เติมเต็ม

เขาตบหลังของเขาเบาๆ รู้สึกว่าทั้งหมดนี้สามารถเติมเต็ม ความหวังได้ชั่วขณะ ในเมื่อเขายังมีลูก ๆ อย่างไรเสียเขากับนร มนก็ไม่ได้หมดหวังจริงๆ

เมื่อบริศร์กำลังคิดถึงเรื่องต่าง ๆ กิจจาก็อ้าปาก และถามว่า “แด๊ดดี้ป่วยเหรอครับ? ”

บุริศร์นิ่งไปชั่วขณะ ทั้งดีใจและแปลกใจที่กิจจาอ้าปากพูด และปลื้มอกปลื้มใจที่ในที่สุดเขาก็เดินออกมาได้

ภาวะออทิสซึม พูดตรงไปตรงมาก็คือการที่คนคนหนึ่งซึ่งตัว เองไว้ในป้อมปราการ ตนเองไม่ออกมา และไม่ให้คนอื่นเข้าไป
วันนี้เขายอมเปิดปากคุยกับคนอื่นแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่า ป้อม ปราการของเขาใกล้จะพังทลายลงแล้ว

เขาเต็มใจออกมา และเต็มใจให้คนอื่นเข้าไป นี่คือสัญญาณที่

ดีอย่างหนึ่ง

บุริศร์พูดอย่างดีใจ “ใช่ ลุงป่วย แต่ไม่เป็นไรนะ เพื่อพวกแก ลุงก็จะดีขึ้น”

“หม่ามรู้หรือเปล่าครับ?

กิจจามองบุริศร์ แววตามีความสงสัยเล็กน้อย

บริศ สายหน้าด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “นี่เป็นความลับ ระหว่างพวกเราดีไหม? ไม่ต้องบอกหม่า เธอทุกข์ใจพอแล้ว ลุงไม่อยากให้เธอต้องกังวลและทุกข์ใจอีกครั้งเพราะเรื่องของลุง ถึงอย่างไรเธอก็คือผู้หญิง พวกเราคือผู้ชาย ผู้ชายปกป้องผู้หญิง เป็นเรื่องสมควรทําถูกต้องไหม?

กิจจารีบพยักหน้า

“มา พวกเราเกี่ยวก้อยสัญญากัน

บุริศร์ยื่นนิ้วก้อยให้กิจจา

มองนิ้วก้อยของบุริศร์ กิจจากยื่นนิ้วก้อยของตนเองออกมา

“เกี่ยวก้อยกัน ร้อยปีไม่เปลี่ยนผัน ใครเปลี่ยนคนนั้นเป็นไอ้ลูก หมา”

เมื่อนิ้วโป้งของกิจจากับนิ้วโป้งของบุริศร์มาชนกัน ในที่สุดกิจจาก็ยิ้มออกมา

บริศร์ไม่ได้เห็นกิจจายิ้มมานานมาก ๆ แล้ว

ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกแสบจมูก

บุรีศร์ดึงกิจจาเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนทันที พูดเสียงเบาว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกคือลูกชายของลุง”

“แด๊ดดี้!!

“อือ” กิจจาร้องไห้ออกมา ร้องด้วยความเสียใจสุด ๆ ทุกข์ใจ

สุด ๆ

เขายังคงจําร่างของรามิลที่เปียกโชกไปด้วยเลือดตรงหน้า ของเขาได้ เขาไม่มีแด๊ดดี้อีกแล้ว!

แต่เขายังมีคุณลุง!

คุณลุงคือแด๊ดดี้ของเขา

พวกเขาหน้าตาเหมือนกัน พวกเขาคือพี่น้องกันแท้ ๆ ใช่

ไหม?

กิจจากอดบุริศร์แน่น ร้องไห้ให้กับความทุกข์ใจและความน้อย เนื้อต่ำใจ ในช่วงเวลานี้

เห็นกิจจาเป็นแบบนี้ ดวงตาของบุริศร์มีน้ำตาซึมอย่างไม่รู้ตัว

ในที่สุด เขายังสามารถออกมาได้

ในที่สุด เขาก็ไม่ได้ทำผิดต่อความคาดหวังของครินท์ ดึงลูกชายของเขาออกมา

บริศร์กอตกิจจาแน่น กอดเอาไว้แน่นมาก

กิจจาร้องไห้สักพักหนึ่ง ก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย

บริศ ดึงกระดาษออกมาเช็ดแก้ม ให้กิจจา และกล่าวด้วยรอย ยิ้ม “เด็กขี้แย

“ไม่ใช่นะครับ ต่อจากนี้ผมจะไม่ร้องไห้แล้ว ผมต้องเข้มแข็ง ผมจะปกป้องน้องชายและน้องสาว ว่าแต่แด๊ดดี้ครับ เสียงของ หม่ามี้จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ? ”

บริศ เจ็บปวดหัวใจทันที ตอบกลับไปเสียงเบาว่า “แด๊ดดี้จะ ท่าทุกวิถีทางเพื่อรักษาหม่ามี้ แด๊ดดี้รับรอง

“จริงนะครับ? ”

“จริงสิ!”

กิจจาหยุดร้องไห้และยิ้มออกมา เพียงแต่กลับขมวดคิ้ว เขามองบุริศร์ ลังเลอยู่สักพักจึงถามว่า “แด๊ดดี้ แด๊ดดี้จะหย่า กับหม่า จริงเหรอครับ? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ