แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 467 ผมปิดเครื่องตลอดเลยครับ



บทที่ 467 ผมปิดเครื่องตลอดเลยครับ

เมื่อได้ยินบรมนเอ่ยถึงบุริศร์ คมทิพย์ก็หัวเสีย

“ปริศร์อะไร? หายหัวไปไหนก็ไม่รู้ นรมน ฉันไม่ได้อยากพูด บั่นทอนอารมณ์แกหรอกนะ แต่บุริศร์ไม่ได้เรื่องจริงๆ พฤกษ์ โทรไปหาเขาไม่รู้ตั้งสาย แต่กลับโทรไม่ติดเลย ตอนนี้แกเป็น ถึงขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่โผล่มาเลยแม้แต่เงา พฤกษ์ทั้งโทรทั้งส่ง ข้อความไปหาเขา แต่ก็หายเงียบเหมือนเดิม จนฉันเริ่มสงสัย แล้วว่าเขาเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปแล้วหรือเปล่า”

เมื่อได้ยินที่คมทิพย์พูดมาแบบนี้ นรมนก็นิ่งไปทันที พูดไม่ถูก เลยว่าทำไมหัวใจถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้

“ไม่ใช่ว่าบุริศร์ช่วยฉันเอาไว้เหรอ?”

“ไม่ใช่สิ!”

คมทิพย์มองมาที่นรมน แล้วถอนหายใจออกมา “เจตต์ต่าง หากที่ช่วยแกเอาไว้ แกไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นเขาอุ้มแกมาโรง พยาบาลเหมือนคนเสียสติขนาดไหน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่เลือด ของแก จนพวกฉันตกใจกันหมด อีกอย่างเจตต์ยังเฝ้าแกอยู่ที่นี่ ตั้งหนึ่งวันหนึ่งคืน เพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี้เอง เมื่อคืนตอนแกอยู่ใน ห้องไอซียู ตังเม ปลอมตัวเป็นพยาบาลเข้ามาจะฆ่าแก แล้วก็ เป็นเจตต์อีกนั่นแหละที่เข้ามาห้ามเอาไว้ได้ทัน แถมยังรับมีด แทนแกจนได้แผลที่ไหล่ คราวหน้าแกก็ขอบคุณเขาด้วยล่ะ
คมทิพย์พูดพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้นรมน

ได้ยินแบบนั้นบรมนก็นิ่งไป เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเจตต์จะเป็น

คนช่วยเธอเอาไว้

ตอนนี้พอลองมาคิดดู คงเป็นเพราะตอนนั้นตัวเธอเองคิดถึงบุ ริศมากเกินไป เลยคิดไปเองว่าคนที่มาช่วยเธอคือบริศร์

ว่าแต่ทําไมถึงติดต่อบริศร์ไม่ได้ล่ะ?

นรมนแอบไม่สบายใจ

“บุริศร์ไม่ตอบข้อความเลยเหรอ?”

“ไม่เลย ถ้ามาสักข้อความ ฉันคงไม่โมโหขนาดนี้หรอก แกลองคิดดูเขาเป็นสามีแก แต่ในช่วงเวลาที่แกต้องการเขามาก ที่สุดเขากลับหายตัวไปมันใช่เรื่องเหรอ”

ยิ่งพูดคุมทิพย์ก็ยิ่งโมโห ยิ่งรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนรมน

ด้านนรมนกลับดิ้นรนเพื่อที่จะลุกขึ้นมานั่ง

“แกจะทำอะไรเนี่ย? นรมน แกรู้ไหม ว่าครั้งนี้แกเกือบไม่รอด แล้ว! คุณหมอโพนี่บอกว่า ถ้าไม่ดูแลรักษาดีๆ มดลูกของแกจะ ไม่ไหวเอาแกรู้ไหม? ถ้าไม่ได้เจตต์ช่วยเอาไว้ ฉันก็ไม่อยากจะ คิดเลยว่าตอนนี้แกจะเป็นยังไงบ้าง แค่ผ่าตัดก็ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง แล้วนี่คิดจะทําอะไร?

คนทิพย์ห้ามนรมนไว้ทันที

นรมนไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นอันตรายถึงขนาดนี้ แต่เธอก็ยังพูดเสียงต่ำออกไปว่า “ฉันต้องโทรหาบุริศร์”

“โทรไปก็ไม่ติดหรอก!

“ยังไงก็ต้องโทร บุริศร์ไม่ใช่คนไร้น้ำใจแบบนั้น แล้วยิ่งใน สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางทิ้งฉันและลูกๆไว้เฉยๆแน่ เขาไป วันแล้ว นอกจากที่โทรมาหาแกครั้งนั้น เขายังติดต่อมาอีก ไหม? ฉันกลัวว่าตอนนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับบริศร์”

นี่ต่างหากคือสิ่งที่นรมนกังวล เธอนึกไปถึงความฝันเลือนรางในครั้งนั้น

ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่เธอกลับเอาแต่รู้สึกไม่ สบายใจ

เมื่อคมทิพย์เห็นเธอยังเป็นห่วงบุริศร์ จึงอดพูดออกมาอย่าง โกรธๆไม่ได้ว่า “ในใจของแกมีแต่ผู้ชายคนนั้นหรือไง? จะเกิด เรื่องอะไรกับเขาได้? นรมน แกลองคิดดูนะ เขาเติบโตมาใน กองทัพ ฝีมือของเขามีใครสู้ได้ด้วยเหรอ? อีกอย่างถ้ามีอะไร เกิดขึ้นกับเขาจริงๆ คิดว่าจะโทรมาหาฉันไหม? ถ้าให้ฉันพูด ฉันว่าเขามีเรื่องปิดบังแกมากกว่า ป่านนี้ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

“ไม่ใช่ บุริศร์ไม่ใช่คนอย่างนั้น!

นรมนยังคงพยายามดิ้นรน คนทิพย์อดใจอ่อนไม่ได้ จึงทำได้ เพียงยอมแพ้

“ได้ๆๆ แกพูดถูกทุกอย่าง บุริศร์ของแกไม่ใช่คนไร้น้ำใจโอ เคไหม? แกต้องการแค่โทรหาเขาใช่ไหม? ฉันจะไปเอามาให้แต่ฉันขอบอกแกไว้ก่อนนะ ถ้าแกอยากโทรหาเขา แกต้องให้ คุณหมอโพนี่ตรวจร่างกายก่อน คุณหมออนุญาตแล้วค่อยโทร

“คมทิพย์!”

“ไม่มีตอรอง!”

คมทิพย์ปฏิเสธคําขอของนรมน

เมื่อเห็นเธอยืนกรานมาอย่างนี้ บรมนจึงไม่กล้าขออะไรมาก เกินไป ทว่าความไม่สบายใจกลับยิ่งมีมากกว่าเดิม

ไม่นานโพนี่ก็มาถึง เมื่อเห็นว่านรมนฟื้นแล้ว ก็ถอนหายใจ ออกมาอย่างโล่งอก

“ฟื้นสักทีนะ รู้ไหม ว่าฉันตกใจแทบแย่ ความกังวลของโพนี่แสดงออกมาอย่างชัดเจน นรมนยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่เป็นอะไรแล้วไม่ใช่หรือไง?

“ไม่เป็นอะไรงั้นเหรอ? เธอรู้อะไรไหม ว่าถ้าเธอมาช้าไปกว่า

นี้ เทวดาก็ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ไม่ได้หรอก ฉันเคยบอกเธอแล้วไง ว่าร่างกายของเธออ่อนแอเป็นพิเศษ ห้ามให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เด็ดขาด แล้วไหนบอกมา ว่าเธอวิ่งออกไปทำไม?

โพนี่ไม่ได้ตำหนินรมน มีแต่เป็นห่วงและกลัวว่าจะเป็นอะไรไป

เท่านั้น

นรมนรู้ว่าเธอเป็นห่วงตัวเอง จึงพูดยิ้มๆขึ้นมาว่า “ครั้งหน้าจะ

ไม่ทําอีกแล้ว”
“เธอยังคิดว่าจะมีครั้งหน้าอีกเหรอ? จะบอกอะไรให้นะ ที่นี่ ฉันใหญ่ ถ้าไม่มีคำสั่งจากฉัน ห้ามเธอไปไหนทั้งนั้น

โพนี่ออกค่าสั่งอย่างเด็ดขาด จนนรมนรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาใน

หัวใจ

ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าโพนี่มีจุดประสงค์แอบแฝงกับตัวเองมา ตลอด แต่ดูจากตอนนี้แล้วเธอคงมองอีกฝ่ายในแง่ร้ายมากเกิน ไป

“ได้ ฉันจะฟังที่เธอพูด” เมื่อโพนี่เห็นนรมน ให้ความร่วมมือ ถึงได้ถอนหายใจออกมา อย่างโล่งอก จากนั้นก็รีบทำการตรวจร่างกายให้เธอ ยังดีที่เลือดของนรมนหยุดไหลแล้ว แม้ว่าตอนนี้มดลูกจะยัง

อยู่ในภาวะอันตราย แต่อาการก็คงที่ขึ้นเยอะ

เธอพูดออกมาว่า “ช่วงนี้ก็อย่าลงจากเตียง ถ้าต้องการอะไรก็ บอกพยาบาลเอา ระมัดระวังสุขอนามัยของส่วนล่างด้วย ถ้ามี อะไรผิดปกติ อย่างเช่นเลือดไหลออกมาในปริมาณที่มาก แล้ว ก็อาการปวดท้องอะไรประมาณนี้ ให้รีบบอกฉันทันที เข้าใจ ไหม?”

“เข้าใจแล้ว”

นรมนขานรับทุกคำ เหมือนเด็กที่เชื่อฟังความ เมื่อเห็นแบบนี้ โพนี่จึงไม่ได้อะไรเธออีก
“เอาล่ะ เธอก็พักผ่อนดีๆ ถ้ามีอะไรก็เรียกฉัน ช่วงนี้ฉันอยู่ที่ โรงพยาบาลนี่แหละ เพราะต้องคอยดูแลเธอด้วย

“ขอบคุณนะ โพนี่”

นรมนขอบคุณอย่างจริงใจ แต่กลับทำให้โพนี่ละอายใจ

“พักผ่อนเถอะ”

เธอไม่สามารถทนมองสายตาเชื่อใจคู่นั้นของนรมนได้ จึงรีบ เดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว

เมื่อนรมนเห็นเธอเดินออกไป ก็รีบพูดกับคุมทิพย์ว่า “ได้ยิน หรือยัง โพนี่บอกว่าฉันไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะงั้นเอาโทรศัพท์ มาให้ฉัน

พอคมทิพย์เห็นเธอเอาแต่คิดถึงบุริศร์ จึงพูดออกมาอย่างมี น้ำโหอย่างอดไม่ได้ว่า “ยังไงเจตต์ก็เป็นคนช่วยแกนะ แม้แต่คำ ขอบคุณแกก็ยังไม่มีให้เขาเลย พอลืมตาขึ้นมาก็ถามหาบุริศร์ ทันที ฉันเคยเจอคนใจดีมาก็เยอะ แต่ยังไม่เคยเจอใครใจดี เท่าแกมาก่อนเลย บุริศร์ กับแกถึงขนาดนั้น แต่แกก็ยัง เอาแต่คิดถึงเขา ใจง่ายเกินไปหรือเปล่าแกน่ะ?”

แม้จะพูดออกมาแบบนี้ แต่คมทิพย์ก็ยังโยนโทรศัพท์ไปให้พร

นรมนจึงพูดยิ้มๆว่า “อืม ฉันใจง่าย ใจง่ายกับบุรีศรีตลอด

แหละ”
คมทิพย์เดือดจนพูดอะไรไม่ออก

“ฉันไม่สนแกแล้ว ยังไงแกก็โทรหาบุรีศร์ไม่ติดหรอก ถ้า อยากโทรนักก็โทรเลย ฉันจะออกไปซื้ออะไรกิน ไม่อยากอยู่ให้ แกยั่วโมโหแล้ว แล้วก็ คุณชายธรณีอยู่ข้างนอก ถ้ามีเรื่องอะไร ก็ให้พยาบาลไปเรียกเขาก็แล้วกัน”

จริงๆแล้วคนทิพย์ไม่อยากเห็นสีหน้าผิดหวังของนรมน

ผู้หญิงจะรักใครสักคนหนึ่งได้มากถึงขนาดไหนนะ? ทั้งๆที่ตัว เองจะเป็นจะตายอยู่แล้วแท้ๆแต่กลับเอาแต่ห่วงหาผู้ชายแล้ง น้ำใจแบบนั้น

คมทิพย์เดินออกไปจากห้องอย่างฟิดฟัด ทว่ากลับไม่ได้ไป

ไหนไกล

นรมนรู้ว่าคมทิพย์กำลังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอและหวังดี กับเธอ แต่ระหว่างนรมนและบุริศร์ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคนทั้งสอง หรอก เพราะงั้นเธอถึงได้มั่นใจในตัวเขา

บุริศร์มีเรื่องปิดบังเธอจริง และอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ด้วย แต่ ถ้าบอกว่าบริศร์ไม่รักเธอแล้ว นรมนไม่เชื่อหรอก

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาบุริศร์

จากนั้นก็มีเสียงเนิบๆของผู้หญิงดังขึ้นมาจากปลายสายโดย อัตโนมัติ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันเป็นอะไรที่น่าผิดหวังจริงๆ แต่มากไป กว่านั้นคือความไม่สบายใจ
การที่ไม่รู้ข่าวคราวของบุริศร์ และไม่รู้ว่าตัวเองถูกขังไว้นาน เท่าไหร่ ทำให้ในใจของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด

เรื่องพวกนี้จะแค่บังเอิญจริงเหรอ?

หรือว่าการที่บุริศร์หายไปจะเกี่ยวกับเรื่องนี้

นรมนคิดอะไรไม่ออกเลย

เธอมองหน้าจอโทรศัพท์ จากนั้นก็ส่งข้อความไปหาบุรีศร

“คิดถึง คุณทําอะไรอยู่เหรอ? ไม่ส่งข่าวคราวมาเลย ฉันเป็น ห่วงคุณนะ!”

หลังจากที่นรมนส่งข้อความออกไป ก็กำโทรศัพท์เอาไว้ พร้อมกับมองออกไปข้างนอกนิ่งๆ

เรื่องที่ร่างกายของเธอทรุดโทรมไม่ต้องให้คนอื่นบอก เธอก็ พอจะรู้ในตอนนี้เธอจึงโทษตัวเองและร่างกายที่อ่อนแอของเธอ อย่างอดไม่ได้ เธอรู้สึกราวกับตัวเองเป็นตัวถ่วง

ทางด้านบุรีศร์หลังจากพยายามมาห้าวัน ในที่สุดก็ได้ผล

เขาถูกปล่อยออกมาจากกรงขัง และต้องพักผ่อนสักพักเพื่อ ปรับตัวให้น

สารพิษในร่างกายลดลงเรื่อยๆ บวกกับการถ่ายเลือดของคุณ หมอในสองสามวันมานี้ เขาจึงรู้สึกดีขึ้นมาเยอะ

ป้องบอกว่า ต้องใช้เวลาอีกสามวัน เขาถึงจะหาย ร้อย

เปอร์เซ็นต์
ถึงตอนนั้น เขาก็จะสามารถกลับเมืองชลยี และกลับไปอยู่กับ นรมนและลูกๆได้

หลังจากบุริศร์เดินออกมา ก็จัดการล้างหน้าล้างตา แล้ว เปลี่ยนไปใส่ชุดลำลองสบายๆ จากนั้นจึงได้นึกขึ้นมาได้ว่า ตลอดห้าวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้จับโทรศัพท์เลย

“โตโน่ โทรศัพท์ฉันล่ะ?”

โตโน่คือคนที่คอยดูแลบุริศร์ตลอดห้าวันที่ผ่านมา เมื่อเขาได้ยินที่บุริศรพูด ก็รีบส่งโทรศัพท์ไปให้บริศร์ทันที

บุริศร์ทำการเปิดเครื่องอย่างอดรนทนรอไม่ไหว แต่กลับไม่ เห็นสักข้อความ เขาจึงเริ่มสงสัย

“ห้าวันมานี้ไม่มีใครโทรหาฉันเลยเหรอ? แม้แต่ข้อความ

ไม่มี?”

“คุณชายบุริศร ผมปิดเครื่องตลอดเลยครับ

ความหมายภายในคำพูดของโตโน่ก็คือไม่มีทั้งคนโทรมาและ ส่งข้อความมา

บริศ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ไม่ใช่มั้ง?

เขาหายไปตั้งห้าวัน ถึงคนอื่นจะไม่ตามหาเขา แต่นรมน

ต้องตามหาเขาสิ

ขณะที่กำลังคิด ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็สั่น จากนั้นก็พบว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามา

บุรีศรีบก้มมองท่าทางของโตโน่จึงเริ่มเครียดๆ

เมื่อเขาเห็นว่าเป็นข้อความจากนรมน

ก็รีบเปิดอ่านทันที

เมื่อบุรีศรีได้อ่านข้อความ จู่ๆ ความคิดถึงก็พุ่งทะลักออกมา ราวกับน้ำหลาก เขาไม่สามารถข่มมันเอาไว้ได้อีกต่อไป

เขาเดินไปในที่ที่มีแสงสว่าง เขาไม่ได้ตอบกลับนรมน แต่กด วิดีโอคอลไปหาเธอแทน

ในตอนที่นรมนกำลังเหม่อลอย จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา จนเธอสะดุ้ง

เมื่อก้มมอง ก็พบว่าเป็นวิดีโอคอลจากบริศร์ ทันใดนั้นหัวใจของนรมนก็พลันเต้นแรงขึ้นมา

เธอมองชุดผู้ป่วยที่อยู่บนตัวของตัวเอง

ไม่ได้!

จะให้บริศรู้ว่าเธอไม่สบายไม่ได้ ไม่อย่างนั้น เขาต้องกังวล

มากแน่ๆ

นรมนครุ่นคิด จากนั้นก็หันไปพูดกับพยาบาลว่า “ไปหาชุด ใหม่มาให้ฉัน เร็วเข้า ”

พยาบาลชะงักไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็หยิบชุดที่ธรณีเอามา ให้นรมนเมื่อเข้าจากตู้เสื้อผ้าออกมาให้
นรมนรีบเปลี่ยนชุด จากนั้นก็คิดว่าห้องในโรงพยาบาลมัน สะดุดตาเกินไป จึงตื่นเพื่อที่จะลงจากเตียง แต่สองขาของเธอ กลับอ่อนยวบ จนเธอหกล้มลงกับพื้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ